Group Blog
 
All blogs
 

นอนหลับ......ช่วงเวลาสำคัญของชีวิตที่มักถูกลืม




การนอนเป็นปรากฏการณ์ตามธรรมชาติ เป็นส่วนสำคัญของชีวิตที่มักจะถูกละเลย ไม่ได้รับความสนใจ ตั้งแต่อยู่ในครรภ์มารดา เด็กทารกจะใช้เวลาส่วนใหญ่ทั้งกลางวันและกลางคืนในการนอน ช่วงเวลาของการนอนจะค่อยๆ ลดลงเรื่อยๆ เมื่อเข้าสู่วัยผู้ใหญ่และวัยชรา การนอนหลับช่วยให้ร่างกายและสมองได้พักผ่อนหลังจากการทำงานมาอย่างต่อเนื่องในช่วงกลางวัน ไม่เคยมีมนุษย์คนไหนสามารถอดนอนได้เกินกว่า 7 วัน เนื่องจากสมองของคนๆ นั้นจะไม่สามารถทนสภาพเหนื่อยล้าเช่นนั้นได้ มนุษย์เราใช้เวลาในการนอนประมาณ 3,000 ชั่วโมงใน 1 ปี ซึ่งเท่ากับประมาณ 1/3 ของชีวิต ดังนั้นหากการนอนหลับไม่เพียงพอหรือมีปัญหา จะทำให้เกิดผลเสียต่างๆ ตามมาได้



คนเราส่วนมากต้องการนอนหลับประมาณวันละ 7-8 ชั่วโมง เราอาจสังเกตได้ด้วยตัวเองว่า นอนหลับได้ เพียงพอหรือไม่ โดยอาศัยความรู้สึกของตัวเองเมื่อตื่นนอนเช้า ถ้าตื่นนอนเช้าด้วยความรู้สึกสดชื่นแจ่มใส พร้อมที่จะทำงานต่างๆ อย่างเต็มที่ แสดงว่าได้รับการพักผ่อนนอนหลับมาอย่างเพียงพอ แต่ในทางตรงกันข้าม ถ้ามีความรู้สึกปวดหัวทุกวันหลังตื่นนอน หรือยังง่วงนอนอยู่ ถึงแม้ว่าได้นอนมาแล้วหลายชั่วโมง แสดงว่านอนไม่พอหรือการหลับนั้นขาดคุณภาพ

ลักษณะการนอนที่ปกติ แบ่งออกเป็น 2 ช่วง คือ ช่วงหลับธรรมดา (Non-Rapid Eye Movement sleep หรือ NREM sleep) และช่วงหลับฝัน (Rapid Eye Movement sleep หรือ REM sleep) แต่ละช่วงจะประกอบไปด้วยลักษณะการเปลี่ยนแปลงในคลื่นสมอง การเคลื่อนไหวของลูกตา และ muscle tone โดย NREM sleep แบ่งเป็นระยะที่ 1-4





ช่วงหลับธรรมดา (Non-Rapid Eye Movement sleep หรือ NREM sleep)

ระยะที่ 1 (stage 1) เป็นช่วงที่เปลี่ยนจากการตื่นไปสู่การนอน การตรวจคลื่นไฟฟ้าสมอง (electroencephalography, EEG) ระยะนี้จะพบ คลื่น alpha

ระยะที่ 2 (stage 2) เป็นระยะแรกที่มีการหลับอย่างแท้จริง แต่ยังไม่มีการฝัน ในระยะนี้ ผู้ที่หลับจะสามารถถูกปลุกให้ตื่นได้โดยง่าย การตรวจคลื่นไฟฟ้าสมองในระยะนี้จะพบ spindle และ K complex

ระยะที่ 3 และ4 (stage 3 and 4) บางครั้งอาจเรียกรวมกันว่าช่วงหลับลึก (Deep sleep) ก็ได้ เพราะว่ามีลักษณะคลื่นสมองคล้ายๆ กันเรียก Slow-wave sleep หรือ Delta stage ระยะนี้อุณหภูมิร่างกายและความดันโลหิตจะลดลง อัตราการเต้นของหัวใจลดลงเหลือประมาณ 60 ครั้งต่อนาที Growth hormone จะมีการหลั่งในระยะนี้





ช่วงหลับฝัน (REM sleep) ระยะนี้จะมีความฝันเกิดขึ้น เป็นระยะที่มีการเปลี่ยนแปลงต่างๆเกิดขึ้นมากมาย เช่น มีการเปลี่ยนแปลงของจังหวะและอัตราการหายใจ มีการลดลงของ muscle tone มีการเปลี่ยนแปลงของจังหวะการเต้นหัวใจ และมีการแข็งตัวของอวัยวะเพศชาย

ใน Cycle ของ REM และ NREM แต่ละรอบจะใช้เวลาประมาณ 80-120 นาที ตลอดการนอนทั้งคืนจะมีประมาณ 4-6 cycle ต่อการนอนหลับ 8 ชั่วโมง NREM จะปรากฏในช่วงต้นของการนอนเป็นส่วนใหญ่ ในขณะที่ REM ส่วนใหญ่จะปรากฏในส่วนท้ายของการนอน



//www.vcharkarn.com




 

Create Date : 30 มกราคม 2553    
Last Update : 30 มกราคม 2553 7:54:59 น.
Counter : 569 Pageviews.  

สปาเส้นผมด้วยมะนาว

สปาเส้นผมด้วยมะนาว



ใครที่อยากมีผมสวย วันนี้เกร็ดความรู้มีการทำสปาให้กับเส้นผมด้วยมะนาวมาบอกกัน...

มะนาวมีประโยชน์ต่อเส้นผม คือ

จะช่วยดูแลสุขภาพเส้นผมและหนังศีรษะให้นุ่ม สวย แถมไร้รังแคอีกด้วย โดยเฉพาะผู้ที่มีปัญหาเรื่องรังแค คนส่วนใหญ่จะคิดว่าหนังศีรษะแห้งเท่านั้นถึงจะก่อให้เกิดรังแคได้ ซึ่งคนผมมันก็สามารถเกิดรังแคได้ เช่นกันเพราะหนังศีรษะมัน รังแคจะเกาะติดและก่อให้เกิดอาการคันและระคายเคือง ยิ่งปล่อยทิ้งไว้อาจทำให้หนังศีรษะอุดตันเป็นสิวได้ด้วย




นอกจากนี้ มะนาวยังสามารถนำมาใช้ทำสปาให้กับเส้นผมได้อีกด้วย เพราะมะนาวมีกรดเป็นธรรมชาติช่วยชำระล้างเซลล์ที่ตายแล้วให้หลุดออกอย่างอ่อนโยน ซึ่งน้ำมันจากมะนาวยังมีคุณสมบัติต่อต้านแบคทีเรียสามารถทำความสะอาดและคืนสมดุลให้กับหนังศีรษะและเส้นผมช่วยลดความมันได้อีกด้วย







ขั้นตอนการบำรุง

เพียงนำน้ำมะนาว 8 ช้อนโต๊ะ ผสมกับน้ำบริสุทธิ์ครึ่งถ้วย แล้วคนน้ำมะนาวกับน้ำเข้าด้วยกัน แล้วนำมานวดลงบนหนังศีรษะและเส้นผมด้วยปลายนิ้วอย่างเบา ๆ เพื่อช่วยผ่อนคลายและช่วยระบบหมุนเวียนของโลหิตและระบบประสาท และหมักทิ้งไว้สัก 2 -3 ชั่วโมงจึงล้างออก จะช่วยล้างรังแคเหนียว ๆ ที่ติดอยู่บนหนังศีรษะและช่วยทำให้เส้นผมนุ่ม สลวยเป็นเงางาม

รู้อย่างนี้แล้ว ถ้าอยากมีผมสวย ก็ลองนำมะนาวมาทำสปาให้กับเส้นผมกันดูได้.





 

Create Date : 30 มกราคม 2553    
Last Update : 30 มกราคม 2553 7:54:28 น.
Counter : 466 Pageviews.  

ฮวงจุ้ยโต๊ะทำงานตามราศี

โต๊ะทำงานสำคัญมากกับความเจริญก้าวหน้าในอาชีพการงาน วันนี้เรามีเทคนิคการจัดฮวงจุ้ยโต๊ะทำงานตามปีเกิดมาฝาก เป็นเคลช็ดลับง่ายๆใครๆก็ทำได้ ทำแล้วมีแต่เฮงกับเฮง



เกิดปีชวด (พ.ศ. 2527, 2515 และ 2503)

โต๊ะทำงานด้านซ้ายควรวางตุ๊กตาเซรามิครูเปียโน กีตาร์ หรือ ตัวโน้ต จะช่วยให้อารมณ์สุนทรีย์ มีวาทศิลป์ในการพูดจา มีจิตวิทยาในการแสดงออก ไม่เผลอทำอะไรที่เป็นการหักหาญน้ำใจผู้อื่น สุขภาพจิตดี มีความสุขและสนุกกับการทำงาน ด้านขวา ควรตั้งธงชาติขนาดเล็ก ๆ จะเป็นของประเทศใดก็ได้ ที่ชอบหรือสวยถูกใจ จะช่วยให้ชื่อเสียงโด่งดัง เป็นที่ยอมรับนับถือของผู้คนรอบข้าง

เกิดปีชลู (พ.ศ. 2528, 2516 และ 2504)

บนโต๊ะทำงานด้านซ้ายควรวางตุ๊กตารูปวัวนมที่รูปร่างอ้วนท้วน แข็งแรง ซึ่งเป็นสัญลักษณ์แห่งโชคลาภ ความอุดมสมบูรณ์ และความร่ำรวยมั่งคั่ง ด้านขวาควรมีนาฬิกาตั้งโต๊ะ รูปทรง 8 เหลี่ยม หันหน้าเข้าหาตัวเอง จะช่วยให้การก้าวเดินไปข้างหน้า มั่นคง และประสบความสำเร็จ และอาจจะเพิ่มความสดชื่นระหว่างวันด้วยดอกไม้ประดับ กระถางเล็ก ๆ ที่สามารถเลี้ยงได้ในห้องแอร์ จะตั้งไว้มุมใดก็ได้ ไม่ว่ากัน

เกิดปีขาล (พ.ศ. 2529, 2517 และ 2505)

บนโต๊ะทำงานด้านซ้ายควรมีตุ๊กตารูปเสือ ไม่ว่าจะทำจากไม้ โลหะ เซรามิค คริสตัล หรือ ทองคำ จะช่วยเพิ่มความมุ่งมั่น ความเข้มแข็งทางอารมณ์ และสามารถควบคุมตัวเองได้ดียิ่งขึ้น ซึ่งจะช่วยลดความเป็นคนใจร้อน เจ้าอารมณ์ ไม่มีเหตุผล ได้ดีทีเดียว
ด้านขวาควรมีรูปภาพพระอาทิตย์ จะช่วยเพิ่มพลัง อำนาจ และบารมี ให้มีมากขึ้นกว่าเดิม

เกิดปีเถาะ (พ.ศ. 2530, 2518 และ 2506)

บนโต๊ะทำงานด้านซ้ายควรมีตุ๊กตาเซรามิครูปกระต่ายสีขาว จะช่วยให้การเจรจาต่อรองต่าง ๆ ราบรื่น สมหวังได้ดั่งใจ และยังช่วยให้คุณกล้าเผชิญหน้ากับความเป็นจริง และมีความคิดที่เป็นผู้ใหญ่เกินตัว ด้านขวาควรมีตุ๊กตาเครื่องปั้นดินเผารูปไก่ รูปเป็ด รูปหมู รูปเด็ก ฯลฯ จะช่วยให้ร่ำรวย เงินทองไม่รั่วไหล ได้ปรับเงินเดือน ได้เลื่อนตำแหน่ง และควรเพิ่มพื้นที่สีเขียวบริเวณโต๊ะทำงาน ด้วยต้นไม้กระถางเล็กๆ สักต้น สองต้น

เกิดปีมะโรง (พ.ศ. 2531, 2519 และ 2507)

บนโต๊ะทำงานด้านซ้ายควรมีตุ๊กตารูปสิงโต สัญลักษณ์ของ
ผู้นำ ช่วยเพิ่มความเข้มแข็ง ความกล้าหาญ และอำนาจ ขณะเดียวกัน ก็ช่วยให้คุณพอใจในสิ่งที่ตนมีอยู่และเป็นอ ยู่ จะได้หยุดไขว่คว้า หยุดปรารถนา และพบกับความสุขที่แท้จริงของการเป็นผู้นำเสียที ด้านขวาควรวางตำราวิชาการ หรือหนังสือที่มีคุณประโยชน์ต่างๆ เพื่อเพิ่มเชาว์ไหวพริบและความรอบรู้

เกิดปีมะเส็ง (พ.ศ. 2532, 2520 และ 2508)

บนโต๊ะทำงานด้านซ้ายควรมีแจกันหรือกระถางกระเบื้องเคลือบรูปข้าวโพด หรือองุ่น เพื่อช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือ ความน่าไว้วางใจ ความสมัครสมานสามัคคี และความพร้อมเพียง ด้านขวาควรวางไม้กางเขน เพื่อช่วยให้โชคดี ปลอดภัย รอดพ้นอันตราย ชนะใจศัตรู และคู่แข่ง แล้วอาจจะใช้แสงสว่างเข้ามาเพิ่มพลังธาตุไฟในตัวคุณ ด้วยการตั้งโคมไฟสีสันสดใสหลากหลายดีไซน์สไตล์คุณ

เกิดปีมะเมีย (พ.ศ. 2533, 2521 และ 2509)

บนโต๊ะทำงานด้านซ้ายควรวางเครื่องบินจำลองเล็ก ๆ เพียงลำเดียว (ห้ามวางหลายลำ) เพื่อเพิ่มความกระตือรื้อร้น ว่องไวในการทำงาน ด้านขวา ควรมีตุ๊กตารูปม้า ถือว่าเป็นตุ๊กตานำโชคของคุณ ที่จะช่วยแก้ไขข้อด้อยในเรื่องของความดื้อรั้น ถือความคิดของตนเองเป็นใหญ่และใจร้อน ให้ลดน้อยถอยลง ขณะเดียวกันช่วยให้โชคดี มีชัยชนะในทุกสนามการต่อสู้แข่งขัน แล้วอาจจะเปิดเผยหรือเฉลยความจริงของการเป็นคนเสียสละและผดุงความยุติธรรม ด้วยการวางตุ๊กตาซูเปอร์ฮีโร่ อย่าง Superman ไว้บนโต๊ะทำงานด้วย เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจให้ต่อสู้ต่อไป

เกิดปีมะแม (พ.ศ. 2534, 2522 และ 2510)

บนโต๊ะทำงานด้านซ้ายควรจะมีภาพวิวทิวทัศน์ เช่น ภาพสวนดอกไม้ ภาพทุ่งหญ้าเขียวขจี ภาพภูเขา ทะเล เพื่อให้คนปีมะแม มองโลกในแง่มุมที่สวยงาม ด้านขวาควรมีนาฬิการูปทรงกลมมน สีสันสดใส สไตล์ย้อนยุค เพื่อระลึกถึงช่วงเวลาดี ๆ และนาทีที่ยิ่งใหญ่ ทั้งในอดีต ปัจจุบัน และอนาคต และอาจจะเพิ่มเรื่องราวให้กับคุณเองด้วยภาพถ่ายครอบครัว หรือภาพแห่งความสำเร็จต่าง ๆ โดยนำมาแขวนหรือใส่กรอบไว้บนโต๊ะทำงานด้านใดก็ได้

เกิดปีวอก (พ.ศ. 2523, 2511 และ 2499)

บนโต๊ะทำงานด้านซ้ายควรมีรูปภาพของบุคคลผู้ประสบความสำเร็จในสาขาอาชีพที่ตั วเองใฝ่ฝัน หรือต้องการก้าวไปให้ถึง ซึ่งจะช่วยเพิ่มสมาธิ และความมุ่งมั่นให้กับคนปีวอก ด้านขวาควรวางตุ๊กตาเซรามิค รูปนกยูง หรือหงส์ หันหน้าเข้าหาตัวเอง เพื่อช่วยเพิ่มความเป็นตัวของตัวเอง เพิ่มเสน่ห์และสร้างความประทับใจให้กับเพื่อนร่วมงานทุกระดับชั้น

เกิดปีระกา (พ.ศ. 2524, 2512 และ 2500)

บนโต๊ะทำงานด้านซ้ายควรมีตุ๊กตาเซรามิครูปไก่ หรือไข่ทองคำ จะช่วยให้เจริญรุ่งเรือง ร่ำรวย เงินทองไหลมาเทมา ด้านขวา ควรมีลูกโลก แผนที่ หรือเข็มทิศ เพื่อช่วยให้การเดินทางไปสู่ความสำเร็จ รวดเร็ว ถูกต้อง ไม่หลงทาง และที่สำคัญไม่หลงตัวเองเพราะการย่อโลกทั้งใบมาอยู่ในแผนที่แผ่นเล็ก ๆ หรือ ลูกโลกจำลองจะช่วยให้คุณ รู้แจ้งเห็นจริงในชีวิต และสัจจธรรม

เกิดปีจอ (พ.ศ. 2525, 2513 และ 2501)

บนโต๊ะทำงานด้านซ้ายควรมี เรือใบ เรือสำเภา หรือ รถม้า จำลอง เพื่อช่วยเสริมให้คนปีจอ อารมณ์ดี มีสมาธิสูง ไร้เรื่องหงุดหงิด กวนใจ ขณะเดียวกันก็ช่วยส่งเสริม และสนับสนุนให้เกิขวัญและกำลังใจในการก้าวต่อไปสู่ความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ ด้านขวาควรมีตุ๊กตาคริสตัลรูปสัตว์ต่าง ๆ จะช่วยให้โชคดี มีความสุข มีผู้คนและมิตรสหายคอยสนับสนุน จุนเจือ

เกิดปีกุน (พ.ศ. 2526, 2514 และ 2502)

บนโต๊ะทำงานด้านซ้ายควรวางพัด ไม่ว่าจะเป็นพัดจริง หรือพัดเซรามิครูปพัด จะช่วยให้พานพบตนดี ๆ เรื่องดี ๆ และมีแต่ข่าวดีๆ ในชีวิต และยังช่วยให้การเลือกหรือการตัดสินใจอะไรสักอย่างชองคุณเป็นเรื่องที่ง่ายด ายมากยิ่งขึ้น เพราะจะมีแต่สิ่งดี ๆ เข้ามาให้เลือก ด้านขวาควรวางตุ๊กตารูปหมู สีขาวหรือสีชมพู สัญลักษณ์แห่งโชคลาภและความอุดมสมบูรณ์ ซึ่งจะช่วยให้คนปีกุนสามารถบริหารจัดการเรื่องเงินทองได้อย่างมีประสิทธิภาพ และประสิทธิผล






 

Create Date : 29 มกราคม 2553    
Last Update : 29 มกราคม 2553 19:56:11 น.
Counter : 528 Pageviews.  

สารพันคำถามความงามที่ผู้หญิงทุกคนอยากรู้


สารพันคำถามความงามที่ผู้หญิงทุกคนอยากรู้

เพราะ ผู้หญิงเราต้องดูแลความงามอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน ก็ต้องมีสักครั้ง (หรือหลายครั้ง) แหละ ที่คุณจะเกิดข้อข้องใจกับสารพันปัญหา ที่คุณต้องเจอในปฏิบัติการความงามของคุณ และถ้าคุณไม่รู้จะไปถามใคร เรามาถามคำถามพวกนี้แทนคุณแล้ว และได้คำตอบจากผู้เชี่ยวชาญ ที่จะเคลียร์ข้อข้องใจของคุณให้หมดสิ้นไป

ฉันจะเลือกสีรองพื้นที่ถูกต้องได้อย่างไร ถ้าไม่ได้ทดลองสีของมัน อย่างเช่น เวลาซื้อตามร้านขายยาหรือซูเปอร์มาร์เก็ต

ถึงแม้คุณจะไม่ได้ทดลองสีของรองพื้นก่อนซื้อ ก็ยังมีเคล็ดลับสองสามอย่างที่ช่วยให้คุณเลือกเฉดสีที่เหมาะสมได้ อย่างแรก เวลาไปซื้อรองพื้น อย่าแต่งหน้าไป คุณจะได้เห็นสีผิวที่แท้จริงของตัวเองมากที่สุด ซึ่งรองพื้นที่มีเฉดสีเหลืองเป็นสีที่มักจะใช้ได้ผลดีที่สุด เพราะสีผิวของคนเรามักมีอันเดอร์โทนสีเหลืองแฝงอยู่ เพื่อหารองพื้นที่เข้ากับสีผิวของคุณ ให้เทียบรองพื้นสามสี สีหนึ่งที่ดูเข้ากับผิวพอดี สีหนึ่งที่อ่อนกว่า และสีที่ดูเข้มกว่า โดยการยกขวดขึ้นมาเทียบกับใบหน้าลองเช็กในแสงธรรมชาติ เพราะแสงจากฟลูออเรสเซนต์มักจะทำให้สีผิวของเราเปลี่ยนไป นอกจากนี้ ควรเลือกซื้อมาสักสองสี เพราะช่างแต่งหน้ามักจะชอบเอารองพื้นมาผสมกันเพื่อให้ได้สีที่เหมาะที่สุด

เดี๋ยวนี้คิ้วของฉันดูบางลงไปมาก มีวิธีไหนที่จะแก้ไขมันได้บ้าง

การถอนคิ้วมากและบ่อยเกินไปสามารถทำให้ขนคิ้วหายไปโดยถาวรได้ เพราะฉะนั้นพยายามวางแหนบถอนขนเอาไว้ไกล ๆ มือนะคะ ส่วนการทำให้คิ้วบาง ๆ ของคุณดูดีขึ้น ให้ใช้ดินสอเขียนคิ้วผสมกับอายแชโดว์แบบฝุ่น ซึ่งจะทำให้ดูเป็นธรรมชาติมากกว่าการใช้ดินสอเขียนอย่างเดียว เลือกเฉดสีที่เข้ากับสีที่เข้มที่สุดของคิ้วคุณ เพื่อเพิ่มความคมชัดซึ่งจะเป็นกรอบให้ดวงตาดูสดใสขึ้น เริ่มด้วยการใช้ดินสอเขียนคิ้วเขียนเส้นสั้น ๆ ไปตามแนวคิ้ว แล้วทาทับด้วยอายแชโดว์หรือสีเขียนคิ้วแบบฝุ่นด้วยพู่กันปลายตัด จากนั้น ใช้แปรงสำหรับแปรงคิ้วปัดทับ เพื่อเกลี่ยสีให้นุ่มนวลและเข้ากันมากขึ้น จบด้วยการใช้เจลสำหรับคิ้วเพื่อเช็ตให้คิ้วอยู่ตัวและไม่ลบเลือน

มีอะไรมั้ยที่จะทำให้ฉันดูอ่อนเยาว์ขึ้นได้ในทันที

เคล็ดลับง่าย ๆ ต่อไปนี้จะช่วยย้อนเวลาให้คุณได้อย่างทันใจ

เป่าผมให้เรียบสลวย เส้นผมที่ชี้ฟูสามารถทำให้คุณดูแก่ขึ้นได้ถึงสี่ปี นี่เป็นผลจากากรศึกษาวิจัยชิ้นหนึ่ง

ทำเล็บ มือของคุณมักเผยให้เห็นวัยที่แท้จริงได้ในทันที และงานวิจัยก็ชี้ว่าการทาเล็บทำให้มันดูอ่อนเยาว์ขึ้น เลือกสีอ่อน ๆ และตัดเล็บให้สั้น เพราะเล็บยาว ๆ และยาทาเล็บสีสดใส จะยิ่งดึงความสนใจมายังริ้วรอยหรือจุดด่างดำบนหลังมือได้มากกว่า

แต่งคิ้ว คิ้วที่ตกแต่งอย่างดีจะช่วยเปิดรูปดวงตาให้ดูสดใสขึ้น แต่อย่ากันคิ้วบางจนเกินไป คิ้วที่หนาสักหน่อยจะดูอ่อนเยาว์กว่า

สิวขึ้นอีกแล้ว ทำยังไงถึงจะปกปิดสิวพวกนี้ได้ล่ะเนี่ย?

ตามปกติแล้ว เรามักได้รับคำแนะนำให้ใช้คอนซีลเลอร์ในการปกปิดข้อบกพร่องต่าง ๆ แต่สำหรับรอยสิว เรากลับพบว่าเครื่องมือที่ดีที่สุดในการปกปิดสิวก็คือ การใช้รองพื้นแบบแห่งที่มีเนื้อทึบแสง เนื่องจากคอนซีลเลอร์มักออกแบบมาให้มีสีอ่อนกว่าสีผิว และจะกลายเป็นเน้นให้เห็นสิวชัดเจนขึ้น ฉะนั้น หันมาเลือกรองพื้นที่มีสีเดียวกับสีผิว และรองพื้นแบบแท่ง ก็มักมีเนื้อสัมผัสที่เข้มข้นซึ่งปกปิดได้ดีกว่า ใช้พู่กันปลายเรียวเล็กแต้มให้ตรงจุดที่ต้องการปกปิด แล้วใช้ปลายนิ้วตบเบา ๆ เพื่อให้ขอบของมันกลืนไปกับผิว และปัดทับด้วยแป้งฝุ่นแบบโปร่งแสง

ทำยังไงให้ริมฝีปากของฉันดูอวบอิ่มขึ้นได้บ้าง โดยไม่ต้องไปฉีดฟิลเลอร์

อย่างแรก เลือกเฉดสีที่อ่อน ๆ อย่างเช่น สีกุหลาบหรือสีพีช เลือกแบบสูตรครีมที่จะสะท้อนแสงได้ดีกว่า และสร้างภาพลวงตาให้เรียวปากดูอวบอิ่มขึ้น จากนั้น ใช้ดินสอเขียนขอบปากที่สีเข้มกว่าสีปากคุณหนึ่งเฉด เขียนเส้นที่ขอบนอกของริมฝีปาก โดยเน้นเป็นพิเศษบริเวณรอยหยักรูปตัว V ตรงกลางเรียวปาก แล้วใช้ดินสอแท่งเดียวกันระบายให้ทั่วริมฝีปาก ก่อนที่จะทาทับอีกทีด้วยลิปสติก

แปรงและพู่กันแต่งหน้ามีมากมายเหลือเกิน อันไหน ที่เราจำเป็นต้องมีจริง ๆ คะ

คุณไม่จำเป็นต้องมีพู่กันและแปรงแต่งหน้าทุกชนิด แบบเดียวกับช่างแต่งหน้ามืออาชีพมี แต่อุปกรณ์เหล่านี้เป็นผู้ช่วยคนสำคัญที่จะช่วยให้คุณแต่งหน้าได้สวยขึ้น ซึ่งพู่กันและแปรงที่คุณควรจะมีเอาไว้จริง ๆ ก็คือ

พู่กันสำหรับทาคอนซีลเลอร์ เป็นแปรงปลายเรียวแหลมที่จะช่วยคุณในการแต่งแต้มจุดที่เข้าถึงได้ยาก เช่น หัวมุมตาและช่วยให้คุณแต้มคอนซีลเลอร์ได้อย่างตรงจุดที่สุด

แปรงสำหรับปัดแก้ม เป็นแปรงกลมขนาดใหญ่ที่จะปัดแก้มได้ทั่วถึงในครั้งเดียว ทำให้แก้มของคุณไม่เป็นริ้ว

พู่กันปลายตัดขนค่อนข้างแข็งเล็กน้อยสำหรับทาอายไลเนอร์ ซึ่งจะให้เส้นที่ไม่หนาหรือบางเกินไป และยังสามารถใช้แต่งคิ้วได้ด้วย และ

พู่กันสำหรับทาอายแชโดว์ ที่จะช่วยในการเกลี่ยสีได้อย่างเรียบเนียน

เลือกแปรงและพู่กันที่มีคุณภาพดี และขนาดเหมาะมือ ถึงแม้พู่กันและแปรงดี ๆ จะมีราคาค่อนข้างแพง แต่ถ้าดูแลรักษาดี ๆ คุณจะสามารถใช้มันได้อย่างยาวนานทีเดียว

เราต้องการครีมสำหรับดวงตาโดยเฉพาะหรือเปล่า

ถ้าสิ่งที่คุณเป็นกังวลหลัก ๆ ก็คือเรื่องริ้วรอยหรือตีนกา คำตอบก็คือไม่จำเป็น ครีมทาหน้าของคุณ มักมีส่วนผสมที่ทำให้ผิวเรียบเนียนและลดริ้วรอยอย่างเช่น เรตินอลหรือเปปไทด์ ซึ่งปลอดภัยและได้ผลเช่นกันสำหรับผิวบอบบางรอบดวงตา แต่ถ้าคุณอยากที่จะลดรอยคล้ำหรือลดอาการบวมบริเวณรอบดวงตา คุณอาจต้องการส่วนผสมพิเศษอื่น ๆ เช่น วิตามินเค ที่จะช่วยลดรอยคล้ำ หรือกาเฟอีนที่ช่วยลดอาการบวม ซึ่งมักจะมีผสมอยู่ในอายครีมในปริมาณที่เข้มข้นกว่าที่พบได้ในมอ ยสเจอไรเซอร์ทั่วไป



เวลาแต่งตา เราควรใช้อายแชโดว์สีไหนตรงไหนกันแน่ ฉันงงไปหมดแล้ว

อายแชโดว์สีอ่อน ๆ ทั้งหลายใช้ทาจากแนวขนตาขึ้นไปจนถึงแนวคิ้ว โดยใช้พู่กันกลม ๆ เพื่อให้มันทำหน้าที่เป็นสีรองพื้น ที่จะทำให้สีเปลือกตาของคุณดูเรียบเนียนและสม่ำเสมอขึ้น รวมทั้งยังทำให้อายแชโดว์สีอื่นที่ทาลงไปติดทนนานขึ้นด้วย จากนั้น ก็เน้นความคมเข้มของดวงตาด้วยการทาสีเข้มขึ้นอีกเล็กน้อยที่บริเวณรอยพับ เปลือกตา โดยใช้พู่กันแบบเดียวกัน (อย่าลืมเช็ดสีที่ติดอยู่ก่อนหน้านี้ออกก่อนด้วย) แล้วใช้สีเข้มที่สุด เขียนทับตามแนวขอบตาโดยใช้พู่กันขนาดเล็ก ถ้าอยากให้ดวงตาดูโดดเด่นยิ่งขึ้น ให้ใช้อายแชโดว์สีขาวหรือสีทองแบบชิมเมอร์ทาใต้แนวคิ้วเล็กน้อย

ทำไมเวลาเพื่อนฉันใช้น้ำหอมกลิ่นนี้แล้วหอมมาก แต่กลิ่นกลับแย่มากเวลาที่ฉันใช้

มันเกี่ยวกับผิวของคุณค่ะ ลักษณะของผิวที่แห้งหรือมันจะส่งผลต่อน้ำหอมให้มีกลิ่นที่แรงขึ้นหรือ จางกว่า เพราะฉะนั้นน้ำหอมแต่ละกลิ่นจึงอาจส่งกลิ่นต่างกันไปได้สำหรับแต่ละคน

ฉันลองแต่งตาแบบสโม้กกี้อายทีไร ก็จะลงเอยแล้วดูเหมือนไปชกกับใครมาทุกทีเลย มีเคล็ดลับอะไรช่วยได้บ้างมั้ยคะ

ปัญหาส่วนใหญ่จะอยู่ที่อายแชโดว์ที่มีสีเข้มเกินไป คุณควรเลือกสีที่อ่อนสักหน่อย อย่างเช่น สีเทาหรือสีน้ำตาลมากกว่า และเวลาทาอายแชโดว์สีเข้ม ก็ให้ทาเฉพาะตามแนวขนตา และจบโดยให้เลยหางตาไปเพียงเล็กน้อยจากนั้น จึงทาสีกลาง ๆ ที่อ่อนกว่าทับให้ทั่วเปลือกตา เกลี่ยทั้งสองสีให้กลมกลืนกัน และอย่าให้สีเข้มเลยแนวรอยพับเปลือกตาขึ้นไป แล้วใช้สีอ่อนนี้เขียนที่ขอบตาล่างด้วย และอย่าใช้สีเข้ม เพราะมันยิ่งจะทำให้ตาคุณดูเหมือนถูกชกมามากกว่าจะเซ็กซี่

ฉันไม่เคยทาอายไลเนอร์ได้เนี๊ยบเลย มีเคล็ดลับอะไรสำหรับคนที่ชอบมือสั่นบ้างมั้ยค่ะ

ลองวางข้อศอกเท้าลงบนโต๊ะ เพื่อช่วยพยุงมือที่จะเขียนเส้นให้มั่นคงขึ้น แล้วใช้อีกมือหนึ่งดึงเปลือกตาเอาไว้ วางพู่กันในแนวเฉียงเล็กน้อยขณะลากเส้น จะช่วยให้คุณควบคุมการเขียนเส้นได้ง่ายยิ่งขึ้น นอกจากนี้ก็ลองหัดเขียนเส้นขอบตาด้วยอายแชโดว์ก่อน เพราะมันควบคุมได้ง่ายกว่า และเมื่อคุณมั่นใจดีแล้ว ก็ค่อยเปลี่ยนมาเป็นอายไลเนอร์แบบเจลหรือแบบลิควิด และจำไว้ว่าการฝึกฝนเท่านั้นที่จะทำให้คุณเก่งขึ้น

เวลาที่ใช้ชิมเมอร์ ฉันมักรู้สึกว่ามันแวววาวเกินไปเสมอ มีเคล็ดลับอะไรดี ๆ ในการใช้ชิมเมอร์บ้างหรือเปล่าคะ

เคล็ดลับอย่างเดียวก็คือ อย่าใช้มากเกินไป ควรใช้เพื่อเน้นจุดเด่นอย่างใดอย่างหนึ่งก็พอ ลองใช้อายแชโดว์แบบแวววาวกับลิปสติกแบบเนื้อแมตต์หรือกลับกันก็ได้ หรืออาจแค่เติมความผุดผ่องให้ผิว ด้วยการทาไฮไลต์ตามแนวโหนกแก้มและสันจมูก ถ้าหากรู้สึกว่าทามากเกินไป ก็ใช้แป้งแบบทรานสลูเช่นทาทับ เพื่อทำให้มันดูเบาลง

เวลาที่เราปัดมาสคาร่า ทำไมเราถึงต้องอ้าปากและทำหน้าแปลก ๆ กันด้วยคะ

มันเป็นสัญชาตญาณของมนุษย์ค่ะ ผู้เชี่ยวชาญบอกไว้อย่างนั้น นั่นคือเวลาที่คุณอ้าปากกว้าง ดวงตาของคุณก็มักจะเบิกตามไปด้วย จึงมีแนวโน้มน้อยกว่าที่จะกะพริบตา ซึ่งทำให้คุณปัดมาสคาร่าได้ง่ายขึ้น และไม่เลอะเทอะ




ข้อมูลจาก ลิซ่า




 

Create Date : 29 มกราคม 2553    
Last Update : 29 มกราคม 2553 19:54:31 น.
Counter : 315 Pageviews.  

แสงแดด” ของดีจากธรรมชาติช่วยป้องกัน "โรคกระดูกพรุน"

กระดูก" คือโครงสร้างหลักของร่างกาย นอกจาก "แคลเซียม" แล้ว "วิตามินดี" ก็มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อความแข็งแรงของกระดูก หากได้รับวิตามินดีไม่เพียงพอ ร่างกายก็จะไม่สามารถดูดซึมแคลเซียม ซึ่งเป็นธาตุที่สำคัญต่อกระดูกได้ นี่เองคือที่มาของการเกิด "โรคกระดูกพรุน"

รศ.น.พ.สมพงษ์ สุวรรณวลัยกร หัวหน้าหน่วยต่อมไร้ท่อ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ ซึ่งเป็นทีมแพทย์ไทยที่ได้นำผลการวิจัยเรื่องความชุกของการพร่องวิตามินดีในผู้หญิงไทย ไปนำเสนอในการประชุมสัมมนา European Symposium on Calcified Tissues (ECTS) ครั้งที่ 33 ที่กรุงปราก สาธารณรัฐเช็ก ได้ชี้ให้เห็นว่าภาวะกระดูกพรุนมักเกิดกับผู้หญิงสองในสาม หรือร้อยละ 64 ของผู้หญิงวัยหมดระดูทั่วโลก เนื่องจากได้รับวิตามินดีไม่เพียงพอ อีกทั้งประเทศที่ไม่ได้ตั้งอยู่ในบริเวณเส้นศูนย์สูตร จะพบการขาดวิตามินดีมากกว่าประเทศที่อยู่ในแถบเส้นศูนย์สูตร

"ปัญหากระดูกพรุนเป็นปัญหาใหญ่ที่เกิดมากขึ้นทุกปี เมื่อมีโรคกระดูกพรุน ปัญหาต่อไปที่จะตามมาคือกระดูกหัก ซึ่งอาการเหล่านี้จะค่อยๆ เป็น สังเกตจากคนแก่อายุ 60-70 ปีขึ้นไป หลังจะค่อมซึ่งเราเคยเชื่อว่าคนแก่หลังจะค่อมตามธรรมชาติ จริงๆ แล้วไม่ใช่เลย! นั่นเพราะเขาเป็นโรคกระดูกพรุน!! เราพยายามส่งเสริมให้ทุกคนหันมากินแคลเซียม ส่วนหนึ่งเพื่อป้องกันการเกิดโรคกระดูพรุน แต่แคลเซียมอย่างเดียวคงจะไม่เพียงพอ ต้องได้รับวิตามินดีด้วย" รศ.น.พ.สมพงษ์ แจกแจงโรคดังกล่าว

หากเด็กขาดวิตามินดี จะทำให้กระดูกโค้งงอ กร่อน และบาง จนทำให้เป็นโรคกระดูกอ่อนไม่โต โดยเฉพาะเด็กที่เกิดในประเทศเขตเมืองหนาว เพราะเด็กเหล่านี้จะไม่เจอกับแสงแดด เนื่องจากหน้าหนาวฟ้าจะหม่นถูกปกคลุมไปด้วยหมอก โอกาสที่จะเกิดโรคนี้จึงมีมาก แต่ปัจจุบันโรคนี้เกิดได้จากกรรมพันธุ์ ผู้ใหญ่ที่อยู่ในภาวะนี้ จะมีอาการปวดกระดูก กล้ามเนื้อไม่มีแรง กระดูกหักง่าย หากได้รับการรักษาโดยการให้วิตามินดีเสริมเพียง 3 เดือน ก็สามารถกลับคืนสู่สภาวะปกติได้

เป็นที่รู้กันดีว่าคนส่วนใหญ่มักจะได้รับ "วิตามินดี" จากแสงแดด มากกว่าการรับประทานอาหาร แม้ประเทศไทยจะอยู่ในเขตเมืองร้อนมีแสงแดดเกือบทั้งปี แต่คนไทยยังขาดวิตามินดี เนื่องจากแสงแดดที่ร้อนแรง ทำให้ทุกคนพยายามหลบแดด และค่านิยมที่ชอบผิวขาว จึงหันมาใช้ครีมกันแดดหรือไวท์เทนนิ่งกันมากขึ้น

"ผมไม่ปฏิเสธว่าแสงแดดทำให้ผิวของเราเหยี่ยวย่น ทำให้ผิวหนังเราเสื่อมเร็วกว่าปกติ แต่การออกแดดเพียง 10-15 นาทีต่อวัน ก็เพียงพอต่อการได้รับวิตามินดีแล้ว และขึ้นอยู่กับพื้นที่ผิวหนังที่โดนแสงแดดด้วย หากเราตากแดดเกิน 15 นาที ร่างกายจะมีกลไกป้องกันตัวเอง โดยเมลานินใต้ผิวหนังจะทำหน้าที่บล็อกแสงโดยธรรมชาติ ฉะนั้น อัตราการเกิดโรคมะเร็งผิวหนังจะเจอน้อยกว่าอัตราการเกิดโรคกระดูกพรุน" แพทย์ผู้เชี่ยวชาญต่อมไร้ท่อ กล่าว

วิตามินดีนอกจากจะได้จากแสงแดดแล้ว ยังอยู่ในรูปแบบของอาหาร ปัจจุบันมักพบวิตามินดีในน้ำมันตับปลา สัตว์ทะเลที่มีไขมันมาก ไข่ปลา ไข่ปู แต่ข้อเสีย คือ อาหารเหล่านี้จะมีไขมันมาก วิตามินดีจะละลายในไขมัน หากได้รับไขมันเกินความต้องการจะส่งผลเสียต่อร่างกาย ส่วนวิตามินเสริมหากได้เกินความต้องการของร่างกาย จะทำให้แคลเซียมในเลือดสูงมีอาการซึม ปัสสาวะบ่อย ไม่มีสติ และอ่อนเพลีย แม้ว่าแคลเซียมจะมีส่วนช่วยให้กระดูกแข็งแรง แต่ยังคงต้องอาศัยวิตามินดีเป็นตัวดูดซึมแคลเซียมเข้าไปด้วย

"โรคกระดูกพรุนเราจะพบในผู้ป่วยผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย เพราะผู้ชายจะโชคดีที่มีต้นทุนกระดูกมากกว่าผู้หญิง เมื่อเทียบอายุของการขาดวิตามินดี ผู้หญิงจะพบโรคนี้ในคนอายุ 70 ปีขึ้นไป แต่ผู้ชายจะพบในอายุ 75 ปี เพราะมวลกระดูกของผู้ชายจะสูงกว่าในวัยหนุ่มสาว แล้วผู้หญิงมีภาวะของการขาดประจำเดือน ทำให้การขาดวิตามินดีเริ่มเร็วขึ้น สำหรับหญิงที่ตั้งครรภ์ยิ่งต้องการวิตามินดีมากกว่าปกติ จากเดิมที่ต้องการวิตามินดี 100-400 ยูนิตต่อวัน ต้องเพิ่มเป็น 600 ยูนิตต่อวัน"

ปัจจุบันเราพบโรคนี้ในคนวัย 60 ปีขึ้นไป แต่เนื่องจากพฤติกรรมการใช้ชีวิตของคนเมืองเปลี่ยนไปจากเมื่อก่อน เช่น การออกกำลังกายในร่ม การจำกัดอาหาร และค่านิยมที่ว่าผิวขาวดีกว่าผิวคล้ำ อัตราเสี่ยงเหล่านี้จะส่งผลให้อนาคตโรคกระดูกพรุนอาจเกิดขึ้นกับมนุษย์ตั้งแต่อายุ 40 ปีขึ้นไป

รศ.น.พ.สมพงษ์ ยังกล่าวถึงผู้ที่อยู่ในภาวะเสี่ยงของการเกิดโรคนี้ นอกจากจะเกิดจากพันธุกรรมแล้ว ผู้ที่ไม่ชอบดื่มนม และผู้ป่วยที่ต้องกินยาประเภทสเตียรอยด์เป็นประจำ อาจจะทำให้เกิดโรคนี้ได้ง่าย หากใครที่รู้ว่าอยู่ในภาวะเสี่ยงเหล่านี้ อายุประมาณ 40-50 ปี ควรจะไปขอตรวจมวลกระดูก เพื่อป้องกันโรคนี้เอาไว้เสียแต่เนิ่นๆ

"แสงแดด" มีข้อดีแบบนี้ จะรอช้าทำไม?!! สลัดผ้าโชว์ผิวรับลมร้อนกันเลยดีกว่า สาวผิวสีอาจจะถูกสเปคหนุ่มหน้ามนเข้าก็ได้นะคะ




 

Create Date : 29 มกราคม 2553    
Last Update : 29 มกราคม 2553 10:55:02 น.
Counter : 349 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  26  27  28  29  30  31  32  33  34  35  36  37  38  39  40  41  42  43  44  45  46  47  48  49  50  51  52  53  54  55  56  57  58  59  60  61  62  63  64  65  66  67  

Kanphicha
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 3 คน [?]




ที่มาของคำว่า Kefir By รัญรักษ์
ไม่ใช่ชื่อยี่ห้อ ไม่ใช่เครื่องหมายการค้า
แต่เป็นชื่อพ่อและแม่ของกานต์เองค่ะ
เมื่อกานต์ทำบุญครั้งใด ก็จะยกกุศลทั้งหมดให้พ่อและแม่
การแจกจ่ายบัวหิมะให้คนอื่นๆ
ถือเป็นการทำบุญอีกคร้งหนึ่ง
กานต์ขอยกกุศลผลบุญทั้งหมดให้บุพการีที่เป็นที่รักของกานต์ทั้งสองท่าน โดยการตั้งชื่อท่านทั้งสองในการแจกจ่าย Kefir นะคะ
free counters
Friends' blogs
[Add Kanphicha's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.