Group Blog
 
All blogs
 

มะขามเปียก




มะขามเปียก คุณทราบไหมว่ามะขามเปียกเป็นสินค้าส่งออกของบ้านเราไปยังประเทศที่ผลิตน้ำมันเพื่อไปล้างท่อน้ำมัน เป็นข้อยืนยันว่ามะขามเปียกมีสรรพคุณในการทำความสะอาดความมันบนใบหน้าอย่างล้ำลึก ทำให้ผิวเปล่งปลั่ง โดยเฉพาะจะเหมาะมากกับผู้ใหญ่ที่เริ่มมีริ้วรอยเหี่ยวย่น หรือคนที่เป็นฝ้า ในมะขามเปียกจะมีสาร AHA ที่ช่วยผลัดเซลล์ผิวเก่าที่ตายแล้วให้หลุดลอกออกไป และมีสารเคลือบผิวเป็นฟิล์มบางๆ ช่วยเคลือบเซลล์ที่เริ่มแห้งเพราะสูญเสียความชุ่มชื้น เมื่อใช้เป็นประจำจะค่อยๆ ลบเลือนริ้วรอยได้ และช่วยทำให้ผิวเต่งตึงขึ้น

วิธีใช้ เวลาเราไปซื้อมะขามเปียกจากตลาดจะขายเป็นปั้นๆ ขนาดกำมือ แบ่งมาสักส่วนหนึ่ง ดึงใยและผิวแข็งๆ ออกให้เหลือแต่เนื้อและกากเล็กน้อย ใช้ถูนวดบนผิวหนังเป็น scrub ได้อย่างดี หรือเติมน้ำแล้วคั้นกรองเอาแต่น้ำมะขามให้ได้น้ำประมาณ 1 ถ้วยเล็กๆ นำมาชโลมผิวตัว ถ้าผิวหน้าก็ใช้เพียง 1-2 ช้อนโต๊ะ ทิ้งไว้ 3-5 นาที ค่อยล้างออก










 

Create Date : 14 กุมภาพันธ์ 2553    
Last Update : 14 กุมภาพันธ์ 2553 4:54:16 น.
Counter : 857 Pageviews.  

ครีมนวดผม... โยเกิรต์



ผมแห้งเสีย ไม่มีน้ำหนัก ขาดชีวิตชีวาลองบำรุงผมด้วยสูตรธรรมชาติด้วย



โยเกิรต์ 5 ช้อนโต๊ะ


ไข่ไก่ 1 ฟอง


น้ำผึ้ง 1 ช้อนโต๊ะ

1. นำส่วนผสมทั้งหมดมาตีให้เข้ากัน

2. นำมานวดหมักผมทิ้งไว้ประมาณ 20 นาที

3. แล้วล้างออกด้วยน้ำเปล่า


ทำเป็นประจำประมาณอาทิตย์ละ 1 ครั้ง เพื่อปรับสภาพผมเสียให้กลับมีสุขภาพดี ไม่แห้งเสียอีกต่อไปค่ะ






 

Create Date : 14 กุมภาพันธ์ 2553    
Last Update : 14 กุมภาพันธ์ 2553 4:54:10 น.
Counter : 536 Pageviews.  

10 ข้อผิดพลาด ที่ทำลายภาพลักษณ์การแต่งตัว

แม้ว่าในยุคปัจจุบัน แฟชั่น ในเมืองไทยของเราค่อนข้างที่จะเปิดกว้างมากขึ้น ได้ก้าวเข้าสู่ยุคลำลอง เมื่อก่อนเราไม่สามารถใส่กางเกงไปงานกลางคืนได้ ต้องใส่แต่กระโปรงเท่านั้นถึงจะดูดี ดูถูกกาลเทศะ แต่สมัยนี้เราสามารถใส่ได้โดยไม่ผิดกฎแต่อย่างใด ซึ่ง แฟชั่น บ้านเรานับวันก็ยิ่งก้าวเข้าสู่สากลเข้าไปทุกที แต่ถ้าจะให้ดี ไม่ว่าเราจะแต่งกายอย่างไร ไปในโอกาสไหน เราก็ควรจะดูสถานที่และวาระโอกาสด้วย เพื่อที่ตัวเราเองจะได้ไม่เสียภาพลักษณ์อันดีนะคะ งั้นเราลองมาดูไหมคะว่ามีมาตรฐานอะไรบ้างที่จะเป็นกุญแจเพื่อนำไปสู่ การแต่งกาย ที่ดูดีตามยุคสมัย ไม่ล้าหลังและยังคงภาพลักษณ์ที่ดีได้


1. การเลือกสี

จะว่าไปแล้วสีผิวแต่ละสีไม่ได้ถูกสร้างขึ้นมาให้ใส่เสื้อผ้าได้ทุกเฉดสี เสื้อผ้าสีสดๆ ที่เราเห็นนางแบบใส่แล้วดูดี อาจจะดูตรงกันข้ามเมื่อมาอยู่บนตัวคุณก็ได้ ควรกล้าที่จะลองสีที่แตกต่าง ขณะเดียวกันก็ ยึดเฉดสที่ดูดีสำหรับคุณไว้เป็นเกณฑ์ เพื่อจะได้ไม่เสียเงินไปเปล่าๆ แล้วดันได้เสื้อผ้าในเฉดสีที่ข่มให้ดับมากกว่าขับให้เด่น

2. การดูขนาด

จำไว้ว่าถ้าเสื้อผ้าไม่พอดีกับตัวคุณ ก็อย่าใส่เสียเลยจะดีกว่าค่ะ เพราะการย่อตัวจนหดเล็กอยู่ในเสื้อผ้าที่เล็กกว่าไซส์ที่คุณควรใส่ นอกจากทำให้กินไม่ได้เต็มที่แล้ว อาจดูเหมือนคุณกินมากเกินไปจนใส่เสื้อแล้วปลิ้นล้นหรือเปล่า ดังนั้นควร เลือกเสื้อผ้าโดยลองให้พอดีมากกว่ายึดไซส์เป็นเกณฑ์ เพราะเสื้อผ้าแต่ละแบรนด์ก็ไม่ได้ยึดมาตรฐานเดียวกันเท่าไหร่ ดังนั้น เสื้อผ้าไซส์ S ของยี่ห้อหนึ่งอาจใหญ่กว่าอีกยี่ห้อก็ได้ และ ถ้าเป็นกางเกง อย่างน้อยควรลองนั่งดูว่าไม่เกิดการตึงรั้งแต่อย่างใด อย่าทรมานตัวเองเลยนะคะ



3. การแต่งหน้า

ต้องดูด้วยค่ะว่าตอนกลางวันหรือตอนกลางคืน ถ้าเป็นกลางวันควรจะแต่งแบบบางเบา เพราะจะเห็นได้ชัดอยู่แล้ว ส่วนกลางคืนก็แต่งเข้มหน่อย ปกติเราก็จะเปลี่ยนเสื้อผ้าตามกิจกรรมที่ทำอยู่แล้ว เมคอัพก็ควรเปลี่ยนตามนั้นเช่นกัน อย่างถ้าจะแต่งปากดำ ก็เหลือบดูคนรอบข้างนิดหนึ่งว่ายุคนี้สมัยนี้ เขาแต่งกันอย่างไรแล้ว





4. ถุงน่อง

บางคนชอบใส่ถุงน่องเพื่อปกปิดจุดด้อยที่เรียวขา แต่เราก็ต้องมีเทคนิคในการเลือกถุงน่องที่ใส่ด้วยนะคะ การเลือกถุงน่องที่สีเดียวกับรองเท้าและชายกระโปรง จะทำให้คุณดูสูงชะลูดและผอมเพรียวขึ้นทันตา ถ้าสวมกระโปรงและรองเท้าสีดำ เราก็ควรจะเลือกใส่ถุงน่องเนื้อดำวาวก็จะดูเก๋ขึ้นมาทันที ถ้าสวมเดรสสีฟ้าสดกับรองเท้าที่ออกเขียวควรเลือกถุงน่องเขียว ไม่ใช่ใส่ถุงน่องดำเสียตลอด เพราะต้องการซ่อนน่องโตๆ ของคุณ แต่คุณรู้หรือเปล่าว่าถ้าคุณไม่ได้ใส่กระโปรงและรองเท้าดำ แต่ดันสวมถุงน่องดำนั้น จะเป็นการดึงสายตาทุกคู่มาสนใจขาของคุณอย่างเลี่ยงไม่ได้




5. รองเท้า

ถ้าจากข้อเท้าขึ้นไปดูดีหมด แต่ดันกลับมาตายตรงปลายเท้า แต่งตัวดูดีแต่รองเท้ากลับเยิน ถลอก ก็ควรจะส่งเข้าร้านซ่อมเสียเถอะ หรือ ใช้ปากกามาร์คเกอร์แต่งตรงรอยถลอก ส่วนเวลาขับรถให้วางพรมนิ่มๆ ไว้ใต้รองเท้าสักแผ่นนะคะ เพื่อถนอมรองเท้าของคุณให้ใช้ไปได้นานๆ ไงคะ



6. เล็บ

ควรที่จะ ดูแลเล็บให้สะอาด ตัดแต่งเสมอ พกกรรไกรตัดเล็บหรืออุปกรณ์ติดตัวไว้บ้างเผื่อต้องการใช้ฉุกเฉิน ตกแต่งทับส่วนที่หักและเช็ดคราบสีเดิมออก ถ้าทำงานในส่วนธุรกิจควรเลือกสีเล็บที่ไม่ต้องฉูดฉาดมากนัก เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือ และเก็บสไตล์มันส์ๆ ไว้แต่งตอนสุดสัปดาห์ จะดีกว่านะคะ

7. ซับใน

สำหรับคนที่ต้องใส่ซับใน โชคอาจไม่เข้าข้างเพราะซับในที่ผลิตออกมาวางจำหน่ายคงไม่พอดีกับทุกระดับความยาวของกระโปรงที่คุณมี ดังนั้น ควร ซื้อไว้หลายระดับความยาว และเปลี่ยนทันทีเมื่อยางยืดเริ่มหย่อนยาน ควรซื้อซับในสีที่คุณมักใช้ประจำ อย่าง สีดำ สีกรมท่า สีเบจ และสีขาว ทีนี้คุณก็จะหมดกังวลว่าซับในของคุณจะมาบดบังความสวยงามของชุดแล้วนะคะ

8. กลิ่นตัว

โดยเฉพาะรักแร้ บางคนอาจจะไม่รู้ตัวเลยก็ได้ว่ามีกลิ่นตัว ซึ่งเราก็มีวิธีแก้ค่ะ ประการแรก เลือกที่ดับกลิ่นที่เหมาะกับตัวคุณ อาจลองใช้สัก 2-3 แบบ ทั้งแบบลูกกลิ้ง แบบสเปรย์ และแบบครีม เพื่อได้ชนิดที่ช่วยคุณได้ดีที่สุด อาจต้องเปลี่ยนบ้างเป็นครั้งคราวถ้าเคมีในกายคุณเปลี่ยน เช่น หลังคลอดบุตร หรือเริ่มใช้ยาตัวใหม่ หรือช่วงที่หมดระดูของผู้หญิง ขณะเดียวกัน ระวังคราบเครื่องกำจัดกลิ่นเหล่านี้จะเกาะเป็นคราบบนรักแร้ หรือติดเป็นคราบขาวตามเสื้อผ้าด้วยนะคะ

9. ชุดชั้นใน

ควรดูให้แน่ใจว่าบราคุณกระชับตัวพอดีหรือไม่ ถ้าด้านหลังรั้งขึ้นหรือมีสายห้อยหลุดไหล่ นั่นมันจะทำให้อกคุณคล้อยมากกว่าช่วยพยุง อาจเป็นสัญญาณที่ชี้ให้เห็นว่าคุณต้องพึ่งมืออาชีพแล้วล่ะค่ะ หรือไม่คุณก็ต้องลองมุ่งหน้าไปยังร้านชุดชั้นในชื่อดังที่มีผู้ช่วยมือดีรอคุณอยู่สิคะ





10. ผม

สีผมเป็นสิ่งที่สร้างความเปลี่ยนแปลงให้กับคุณอย่างมาก อาจทำให้คุณรุ่งหรือดับไปเลยก็ได้ ถ้าเลือกสีผมที่เข้ากับใบหน้าก็จะทำให้หน้าคุณดูสว่าง มีลุคที่ทันสมัยมากขึ้น แต่อาจจะเปลืองงบประมาณสักหน่อย ไม่ว่าจะเป็นสีอะไรที่คุณเลือก ก็ ควรเข้ากับสีผิวคุณด้วย และที่สำคัญก็หมั่นดูแลสุขภาพเส้นผมไม่ให้แห้งเสีย หยาบกระด้าง เพื่อเพิ่มเสน่ห์ให้คุณยิ่งดูดีขึ้นอีกด้วยค่ะ




เห็นไหมคะว่าการที่เราจะแต่งตัวให้ดูดีมีเสน่ห์นั้น ทำได้ไม่ยากเลย เพียงแค่คุณใส่ใจกับตัวคุณเองสักนิด เลือกสิ่งที่เหมาะกับตัวคุณและมั่นใจในความเป็นคุณ เพียงแค่นี้ คุณก็จะมีภาพลักษณ์ที่งดงามแล้วล่ะค่ะ





 

Create Date : 13 กุมภาพันธ์ 2553    
Last Update : 13 กุมภาพันธ์ 2553 4:56:28 น.
Counter : 461 Pageviews.  

เสริมอาหารให้กระดูก



แม้ในทางการแพทย์จะไม่ระบุว่ามีอาหารชนิดใดช่วยชะลอความเสื่อมของหมอนรองกระดูกสันหลังได้ จึงต้องปล่อยให้เป็นไปตามกาลเวลา มีเพียงการปรับเปลี่ยนอิริยาบถที่ถูกต้องเท่านั้น ที่จะลดความเสี่ยงของหมอนรองกระดูกเคลื่อนทับเส้นประสาทได้

แม้ไม่มีสูตรอาหารเสริมสร้างหมอนรองกระดูก แต่ก็มีสูตรเครื่องดื่มบำรุงกระดูกมาฝากกัน โดยมีบร็อกโคลี ผักชีฝรั่ง คะน้า แอปเปิ้ลเขียว และขึ้นฉ่าย เป็นส่วนผสม

สำหรับแอปเปิ้ล ส่วนผสมที่เป็นผลไม้เพียงหนึ่งเดียวนั้น อุดมไปด้วยโพแทสเซียม กำมะถัน เหล็ก แมกนีเซียม วิตามินบี1 บี2 และบี6 กรดมาลิก กรดแทนนิก มีสารต้านอนุมูลอิสระตัวเด่น อาทิ เบต้าแคโรทีน วิตามินซี และไฟโตเคมิคอล เควอเซติน ซึ่งโดยรวมแล้วแอปเปิ้ลมีสรรพคุณช่วยแก้อาการอักเสบของเนื้อเยื่อ

ในขณะที่ส่วนผสมหมวดผักที่โดดเด่นอย่าง ขึ้นฉ่าย เป็นแหล่งรวมของคลอรีน แคลเซียม ฟอสฟอรัส โพแทสเซียม แมกนีเซียม โซเดียม ช่วยปรับระบบต่าง ๆ ในร่างกายให้เย็นตัวลง

สแกนสรรพคุณของส่วนผสมแบบหอมปากหอมคอแล้ว ก็ถึงเวลาเตรียมผักและผลไม้ที่จะนำทำเครื่องดื่มบำรุงกระดูก ดังต่อไปนี้...

บร็อกโคลี 1 ถ้วย
ผักชีฝรั่ง 1/2 ถ้วย
คะน้า 1/2 ถ้วย
แอปเปิ้ลเขียว 2 ถ้วย
ขึ้นฉ่าย 1/2 ถ้วย
น้ำแข็งป่น 1 ถ้วย

ขั้นตอนการผสม เริ่มจากนำผักและผลไม้ทั้งหมดไปล้างให้สะอาด หั่นบร็อกโคลีเป็นชิ้นสี่เหลี่ยมลูกเต๋า ผักชีกับขึ้นฉ่ายหั่นซอยจนละเอียด คะน้าทุบพอแตก หั่นเป็นชิ้นเล็ก ๆ จากนั้นนำส่วนผสมข้างต้นไปสกัดพร้อมกันด้วยเครื่องสกัดน้ำผักและผลไม้แล้วพักไว้ ถัดมาให้นำแอปเปิ้ลเขียวมาหั่นเป็นชิ้นสี่เหลี่ยมลูกเต๋าก่อนนำไปปั่นรวมกับส่วนผสมที่นำไปสกัดไว้แล้ว กรณีที่น้ำข้นเกินไปสามารถเติมน้ำแร่เพื่อเจือจางได้ แถมยังเติมน้ำแข็งเพิ่มความเย็นสดชื่น ดื่มได้ทันที.




ข้อมูลจาก เดลินิวส์




 

Create Date : 13 กุมภาพันธ์ 2553    
Last Update : 13 กุมภาพันธ์ 2553 4:54:52 น.
Counter : 401 Pageviews.  

"โยเกิร์ต" อาหารยืดอายุ


โยเกิร์ตทำมาจากนมที่หมักโดยการเติมเชื้อจุลินทรีย์ชนิดดี ที่จัดอยู่ในจำพวก “โพรไบโอติก” ซึ่งจะเปลี่ยนน้ำตาลนม(แลคโตส) เป็นกรดแลคติก นมจึงเปลี่ยนสภาพเป็นกึ่งเหลวกึ่งข้น มีรสเปรี้ยวคล้ายนมบูด การกินโยเกิร์ตมีส่วนช่วยเพิ่มจำนวนจุลินทรีย์ชนิดดีให้ระบบลำไส้ได้

ระบบลำไส้ของคนเรามีเชื้อจุลินทรีย์อยู่ 2 ชนิด คือ ชนิดดี และชนิดไม่ดี หากในลำไส้มีจุลินทรีย์ชนิดไม่ดีเยอะ ระบบย่อยอาหารและระบบขับถ่ายจะมีปัญหา เช่น ท้องเสีย ท้องผูก อาหารไม่ย่อย แต่ถ้าเรามีจุลินทรีย์ชนิดดีอยู่ มันจะยับยั้งการเจริญของจุลินทรีย์ชนิดไม่ดีและเพิ่มภูมิต้านทานให้ระบบย่อย จุลินทรีย์ชนิดดีสามารถย่อยน้ำตาลในนมได้ คนที่แพ้นมเพราะขาดเอนไซม์แลคโตสจึงหมดปัญหาท้องเสียหรือปวดท้องเมื่อกินโยเกิร์ต เพราะน้ำตาลแลคโตสในนมถูกเชื้อแลคโตบาซิลัสเปลี่ยนเป็นกรดแลคติกที่ย่อยง่าย นอกจากนี้ยังมีงานวิจัยระบุว่า จุลินทรีย์ชนิดดีป้องกันการติดเชื้อ คนที่ถ่ายท้องจึงกินโยเกิร์ตเพื่อช่วยลดอาการท้องเดินได้




11 สารอาหารในโยเกิร์ต

การกินโยเกิร์ตให้โปรตีนและแคลเซียมปริมาณสูงกว่านม เพราะกรดแลคติกในโยเกิร์ตจะย่อยแคลเซียมในนม ช่วยให้ร่างกายดูดซึมแคลเซียมได้ดีขึ้น นอกจากนี้ยังเป็นแหล่งรวมของวิตามินและแร่ธาตุอื่นๆ ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นสารอาหารที่ร่างกายต้องการเพื่อเสริมสร้างสุขภาพให้แข็งแรง

ในโยเกิร์ตชนิดไขมันต่ำ 1 ถ้วย มีสารอาหารมากถึง 11 ชนิด ได้แก่ ไอโอดีน แคลเซียม ฟอสฟอรัส วิตามินบี 2 โปรตีน วิตามิน บี 12 ทริปโทฟาน โปตัสเซียม โมลิปเดนัม สังกะสี วิตามิน บี 5 จึงไม่น่าแปลกใจที่โยเกิร์ตจะเป็นหนึ่งในปัจจัยที่ทำให้ชาวบัลแกเรียอายุยืน และจากผลวิจัยยังพบอีกว่าโยเกิร์ตมีประโยชน์ดังต่อไปนี้






โยเกิร์ตมีแคลเซียมสูง และแคลเซียมมีบทบาทในการป้องกันโรคกระดูกพรุน ความดันโลหิตสูง มะเร็งในลำไส้ใหญ่ ช่วยในการลดน้ำหนัก เพิ่มการเผาผลาญไขมัน

เชื้อแลคโตแบซิลลัสในโยเกิร์ตช่วยลดการอักเสบของลำไส้และไขข้อ นอกจากนี้ยังมีรายงานว่าเชื้อจุลินทรีย์ที่ดีในโยเกิร์ตช่วยยับยั้งการเจริญของเชื้อ “เฮลิโคแบคเตอร์ เอชไพโลไร” ที่ทำให้เกิดโรคกระเพาะ

กรดไขมันคอนจูเกตเต็ดไลโนเลอิคในโยเกิร์ต ป้องกันโรคหัวใจได้

งานวิจัยยังพบว่าโยเกิร์ตวันละ 2- 5 ถ้วย ช่วยลดระดับ “แกซไฮโดรเจนซัลไฟด์” ที่ทำให้ลมหายใจมีกลิ่น และลดความเสี่ยงโรคเหงือก

โยเกิร์ตมีแบคทีเรียที่มีชีวิต ช่วยให้ร่างกายสังเคราะห์วิตามินบี และวิตามินเคในลำไส้ จากงานวิจัยพบว่า การบริโภคโยเกิร์ตที่มีแบคทีเรียที่ยังมีชีวิตอยู่ช่วยเพิ่มภูมิต้านทานให้ร่างกาย โดยเฉพาะผู้สูงอายุ

ผู้หญิงที่ติดเชื้อยีสต์ในช่องคลอดบ่อยๆ เมื่อกินโยเกิร์ตวันละ 8 ออนซ์ เป็นเวลา 6 เดือน การติดเชื้อจะลดลงถึง 3 เท่า


กินอย่างไรให้อายุยืน

โยเกิร์ตรสชาติดั้งเดิมของชาวบัลแกเรียไม่ใส่น้ำตาล และมีรสชาติเปรี้ยว แต่ผลิตภัณฑ์ที่วางจำหน่ายตามท้องตลาดจะมีรสหวาน เนื่องจากผสมน้ำตาลหรือน้ำเชื่อมลงไปด้วย ผู้ป่วยโรคเบาหวานแนะนำให้กินรสธรรมชาติ (ไม่มีน้ำตาล ผลไม้เชื่อมหรือน้ำเชื่อมผสม) กับผลไม้สด หรือนำโยเกิร์ตมาปั่นรวมกับผลไม้และนม จะได้อาหารที่มีพลังงานเพียงพอถึงเที่ยง และถ้านำมาดัดแปลงใช้แทนมายองเนสในการทำน้ำสลัดหรือผสมทำไส้แซนด์วิชจะได้อาหารที่ชูสุภาพทีเดียว




ทำโยเกิร์ตด้วยตัวเอง

นำนมสดรสจืด 1 ลิตร ต้มด้วยไฟปานกลาง (ในภาชนะที่ล้างสะอาดและเช็ดให้แห้ง) พอเดือดอ่อนๆ ทิ้งไว้จนนมลดอุณหภูมิลงเหลือประมาณ 40 องศาเซลเซียส เติมโยเกิร์ตรสธรรมชาติลงไป ประมาณ 1 ถ้วย คนให้เข้ากัน แล้วเทแบ่งใส่ภาชนะที่มีฝาปิด วางทิ้งไว้นอกตู้เย็น 1 คืน ลองชิมดู ถ้ายังไม่เปรี้ยว อาจทิ้งไว้อีกประมาณ 2-3 ชั่วโมง หรือจนได้รสที่ต้องการ จึงนำเข้าแช่ตู้เย็น เวลาจะกินใส่ผลไม้ หรือธัญพืชที่ชอบลงไป คนให้เป็นเนื้อเดียวกัน โยเกิร์ตนี้เก็บไว้ในตู้เย็นได้ 2-3 วัน และเก็บไว้เป็นหัวเชื้อในครั้งต่อไปได้














อ่านเพิ่มเติมในคอลัมน์ Health นิตยสาร Health & Cuisine ปีที่ : 7 ฉบับที่ : 82 เดือน
: พฤศจิกายน 2550






From: //healthandcuisine.com/health.aspx?cId=9&aId=985





 

Create Date : 12 กุมภาพันธ์ 2553    
Last Update : 12 กุมภาพันธ์ 2553 1:54:15 น.
Counter : 371 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  26  27  28  29  30  31  32  33  34  35  36  37  38  39  40  41  42  43  44  45  46  47  48  49  50  51  52  53  54  55  56  57  58  59  60  61  62  63  64  65  66  67  

Kanphicha
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 3 คน [?]




ที่มาของคำว่า Kefir By รัญรักษ์
ไม่ใช่ชื่อยี่ห้อ ไม่ใช่เครื่องหมายการค้า
แต่เป็นชื่อพ่อและแม่ของกานต์เองค่ะ
เมื่อกานต์ทำบุญครั้งใด ก็จะยกกุศลทั้งหมดให้พ่อและแม่
การแจกจ่ายบัวหิมะให้คนอื่นๆ
ถือเป็นการทำบุญอีกคร้งหนึ่ง
กานต์ขอยกกุศลผลบุญทั้งหมดให้บุพการีที่เป็นที่รักของกานต์ทั้งสองท่าน โดยการตั้งชื่อท่านทั้งสองในการแจกจ่าย Kefir นะคะ
free counters
Friends' blogs
[Add Kanphicha's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.