Group Blog
 
All blogs
 

อาหารคลายเครียด




เป็นเรื่องจริงที่คนเรากินอะไรเข้าไป ก็จะได้ผลลัพธ์เช่นนั้นกลับมา และของกินมหัศจรรย์ทั้ง 5 ชนิดนี้
นอกจากจะทำให้คุณผู้หญิงอิ่มท้องแล้ว ยังช่วยลดความเครียดได้อีกด้วย

1. อัลมอนด์ ถั่วเปลือกแข็งที่อุดมไปด้วยกรดไขมันที่จำเป็นต่อร่างกาย มีทั้งไฟเบอร์ โปรตีนจากพืช วิตามินบี วิตามินอี และโอเมก้า-3 หากรับประทานเป็นประจำวันละ 1 กำมือ ร่างกายจะได้รับวิตามินอีในปริมาณที่เพียงพอ แล้วคุณผู้หญิงรู้หรือไม่ว่า 'วิตามินอี' มีส่วนสำคัญที่ช่วยรับมือกับความเครียด ความตื่นเต้น และความกังวลได้อย่างดีทีเดียว

2. ข้าวกล้องงอก มีสารอาหารที่เรียกว่า ?กาบา? ซึ่งมีผลต่อระบบประสาทในสมองส่วนกลาง และบริเวณประสาทตา ช่วยให้อารมณ์ผ่อนคลาย ลดความเครียด ลดความกังวล และทำให้จิตใจสงบ ที่สำคัญยังมีส่วนช่วยเผาผลาญไขมันในร่างกายให้กับสาวๆ อีกด้วย

3. กล้วย มีสารชนิดหนึ่งที่ชื่อว่า ?ทริปโตแฟน? เป็นกรดอะมิโนที่ช่วยกระตุ้นการผลิตเซโรโทนิน ซึ่งจะส่งผ่านระบบประสาทช่วยให้ร่างกายรู้สึกสงบผ่อนคลายมากขึ้น แถมยังช่วยขจัดอาการซึมเศร้า ความวิตกกังวล และโรคนอนไม่หลับได้ด้วย นอกจากนี้ กล้วยยังเป็นแหล่งสะสมของ 'วิตามินบี 6' ที่มีส่วนช่วยควบคุมอารมณ์ และป้องกันอารมณ์หงุดหงิดในช่วงมีประจำเดือนของผู้หญิง

4. ส้ม ผลไม้ที่ช่วยคลายความเครียด และปรับระดับความดันเลือดที่พุ่งสูงขึ้นเนื่องจากความโกรธให้เป็นปกติ เพราะเวลาที่ร่างกายเกิดภาวะเครียดจะผลิตสารชนิดหนึ่งที่ชื่อว่า 'สารอนุมูลอิสระ' ออกมามากเป็นพิเศษ ซึ่งมีผลโดยตรงกับคุณสาวๆ คือ ทำให้หน้าตาเหี่ยวย่น และแก่เร็ว ฉะนั้นเมื่อรู้ตัวว่าเริ่มโกรธ โมโห เครียด ให้รีบหยิบส้มมากินโดยด่วน เพื่อปรับภาวะทางอารมณ์ให้เป็นปกติ

5. ชาเขียว เครื่องดื่มสารพัดประโยชน์ ทั้งช่วยลดระดับคอเลสเตอรอล มีสารต้านอนุมูลอิสระช่วยชะลอความแก่ มีฤทธิ์ทำลายสารที่ก่อให้เกิดมะเร็ง รวมถึงช่วยทำให้จิตใจสงบ รู้สึกผ่อนคลายได้ในเวลาอันรวดเร็ว เนื่องจากในชาเขียวมีสารอาหารสำคัญที่ชื่อว่า ?แอล-ธีแอนิน? ทำให้ร่างกายมีสมาธิ และนอนหลับสบายมากขึ้น



+ กินแป้งเสี่ยงโรคหัวใจ
งานวิจัยจากสถาบันมะเร็งแห่งชาติ ประเทศอิตาลี ระบุว่า ผู้หญิงที่บริโภคอาหารจำพวกแป้ง มีโอกาสเสี่ยงต่อการเป็นโรคหัวใจได้มากกว่าผู้ชาย เนื่องจากร่างกายของผู้หญิงสามารถดูดซึมแป้งได้ทั้งหมดตามที่ร่างกายได้รับจากนั้นจะผ่านกระบวน การย่อย จนกลายเป็นน้ำตาล และถูกดูดซึมเข้าสู่เส้นเลือด ในขณะที่ร่างกายผู้ชายจะดูดซึมแป้งได้ช้ากว่า โดยเฉพาะผู้หญิงที่กินอาหารประเภทแป้งเป็นประจำ จะยิ่งมีความเสี่ยงต่อการเป็นโรคหัวใจได้มากกว่าปกติถึง 2 เท่า

+ ขิงลดอาการปวดเมื่อย
อย่างที่เราทราบกันดีว่า ?ขิง? เป็นสมุนไพรที่มีคุณประโยชน์หลายอย่าง ทั้งแก้คลื่นไส้ ลดอาการไอ แก้เจ็บคอ ขับลม เป็นต้น แต่ล่าสุด ศ.แพทริค โอคอนเนอร์ และคณะจากมหาวิทยาลัยจอร์เจีย สหรัฐอเมริกา ได้ค้นพบว่า การรับประทานขิงเป็นประจำ จะช่วยลดอาการปวดเมื่อยของกล้ามเนื้อที่เกิดจากการทำงาน หรือการออกกำลังกายได้อย่างดี และไม่ว่าจะกินขิงดิบๆ หรือขิงที่สุกแล้ว ก็ให้ผลไม่ต่างกัน... เพราะนอกจากจะลดอาการปวดแล้ว ยังได้สุขภาพดีอีกด้วย



ที่มา : เว็บไซต์womanplus




 

Create Date : 06 สิงหาคม 2553    
Last Update : 6 สิงหาคม 2553 7:53:43 น.
Counter : 498 Pageviews.  

ความรัก 4 เกรด

เกรด 1 – รักใคร่ใฝ่กามา (กะฟันแล้วทิ้ง)
ลักษณะ : เห็นปุ๊บรักปั๊บ เกิดง่ายจบง่าย ไม่ยั่งยืน ไม่ผูกพัน ประเภทกะฟันแล้วทิ้ง
กามารมณ์ VS. ความรัก : กามารมณ์อยู่เหนือความรัก เป็นความรักชนิดต่ำสุด ความทุกข์มากกว่าความสุข และมักเป็นทุกข์อันทนทานนานนับเดือนถึงแรมปี…ถูกทิ้งเนื้องอกในมดลูก (รูปร่างเหมือนคน) โดนเชื้อ HIV เข้าสิง ฯลฯ…
บทสรุป : ไม่คุ้มกันเลย…กับสุขแค่ประเดี๋ยว ประด๋าว…

เกรด 2 – รักหวังวิวาห์มาคู่กัน (รักจริงหวังแต่ง)
ลักษณะ : พัฒนาความสัมพันธ์มาเป็นความผูกพัน อาจขยายผลจนเป็นการสืบเผ่าพันธุ์ของมวลมนุษย์ เป็นความรู้สึกที่นำไปสู่การใช้ชีวิตร่วมกันระหว่างคนสองคน รู้สึกรับผิดชอบ มีความจริงใจ ต้องการใช้ชีวิตคู่ร่วมกัน ภาษาชาวบ้านเรียก "รักจริงหวังแต่ง"
กามารมณ์ VS. ความรัก : มีเซ็กส์เข้ามาเกี่ยวข้องสูงมาก อยากครอบครอง อยากเป็นเจ้าของ
ผลข้างเคียง : ความหึงหวง ถ้ารักมากๆ แต่ติดอยู่แค่เพดานเกรดนี้จะเกิดเป็นภาวะกดดัน ความรู้สึกถูกตีกรอบ สิ้นไร้ซึ่งอิสรภาพทางจิตใจ ถ้าพบว่าคนรักตนปันใจให้คนอื่น อุณหภูมิหึงหวงจะพุ่งทะลวงพ้นจุดเดือด…พาดหัวข่าวประเภท "รักต้องฆ่า" ก็เพราะสาเหตุนี้

เกรด 3 – รักปันแบ่งความสุข (รักแบบปรารถนาดี)
ลักษณะ : เป็นความรักแบบปรารถนาดี อะไรก็ตามที่ทำแล้วอีกฝ่ายมีความสุข เราจะทำสิ่งนั้นสม่ำเสมอ อะไรก็ตามที่ทำแล้วอีกฝ่ายมีความทุกข์ เราจะหลีกเลี่ยง หากอีกฝ่ายทำให้เราเป็นทุกข์ เสียใจ เจ็บปวด เราจะให้อภัย
กามารมณ์ VS. ความรัก : ไม่มีเรื่องเซ็กส์เข้ามาเกี่ยวข้อง หรือมีก็น้อยมาก
ผลข้างเคียง : เกิดการให้อภัยและมุทิตาจิตเสมอหากเห็นคนรักมีความสุข ไร้ความอิจฉาริษยา จิตเปี่ยมไปด้วยความปิติ อิ่มเอิบเมื่อได้ทำให้เขามีความสุข จิตล่วงพ้นพรมแดนแห่งความลุ่มหลง โบยบินด้วยปีกแห่งรัก ด้วยความรู้สึกอันเป็นอิสรภาพ…ลึกซึ้งๆ


เกรด 4 – รักยอมทุกข์เพื่อสุขเธอ (รักบริสุทธิ์)
ลักษณะ : เป็นรักอย่างอุทิศ รักด้วยความเสียสละ เพื่อให้คนที่รักได้สมหวังและมีความสุข โดยไม่หวังสิ่งใดตอบแทน แม้บางครั้งเราอาจต้องยอมทุกข์ใจหรือเจ็บปวด เดือดร้อนบ้าง ก็เพื่อคนที่เรารักใครบ้างมีรักบริสุทธิ์ : ความรักของพ่อแม่ที่มีต่อลูก ถือเป็น " รักบริสุทธิ์ " พันธุ์แท้




 

Create Date : 06 สิงหาคม 2553    
Last Update : 6 สิงหาคม 2553 7:53:35 น.
Counter : 558 Pageviews.  

น้ำมันรำข้าวทางเลือกใหม่ของสุขภาพ



น้ำมันรำข้าวเป็นน้ำมันทางเลือกให้กินสลับกับน้ำมันพืชชนิดอื่น นักโภชนาการแนะว่า ไม่ควรกินหรือปรุงอาหารด้วยน้ำมันชนิดเดียว เช่น ในครัวที่บ้านควรมีน้ำมันมะกอก น้ำมันถั่วเหลือง น้ำมันรำข้าว น้ำมันเมล็ดดอกทานตะวัน หมุนเปลี่ยนกันไปตามวิธีการปรุงอาหาร

น้ำมันรำข้าว ได้รับความนิยมและน่าส่งเสริม เพราะบ้านเราปลูกข้าวเป็นหลักอยู่แล้ว เมื่อนำข้าวเปลือกไปสีจะมีรำข้าว ที่ให้คุณค่าโภชนาการสูงสุดโดยเฉพาะจากข้าวกล้อง มีไขมันอิ่มตัวน้อยเมื่อเทียบกับน้ำมันชนิดอื่น มีสารอาหารและวิตามินหลายชนิด เช่น แกมม่า-โอรีซานอล และกรดโอเลอิค หรือโอเมก้า-9 เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ลดคอเลสเตอรอลชนิดไม่ดี ลดไตรกลีเซอไรด์ ช่วยให้ผิวชุ่มชื้น ต้านการอักเสบ ป้องกันแสงแดด

น้ำมันรำข้าวยังมีวิตามินอีสูง ช่วยเสริมระบบภูมิคุ้มกัน บำรุงระบบประสาท สมอง และบำรุงผิว คุณสมบัติเด่นอีกอย่างคือ มีปริมาณไขมันอิ่มตัวน้อยกว่าน้ำมันชนิดอื่น และมีกรดไขมันดีต่อร่างกาย ช่วยคงระดับคอเลสเตอรอลชนิดดีให้สมดุล ป้องกันโรคหัวใจและหลอดเลือด ปรับสมดุลฮอร์โมน ป้องกันโรคเบาหวาน ข้อมูลใหม่เพิ่มเติมว่าน้ำมันรำข้าวสกัดมีโอเมก้า-3 ป้องกันโรคสมองเสื่อม โอเมก้า-3 วิตามินอี และสารแกมม่า-โอริซานอล จัดอยู่ในกลุ่มสารต้านอนุมูลอิสระ มีคุณสมบัติรักษาสมดุลของระบบประสาท บำรุงสมอง ป้องกันโรคอัลไซเมอร์ และมีโปรวิตามินเอ ป้องกันโรคที่เกิดจากสายตา

ปัจจุบันมีน้ำมันรำข้าวสกัดผสมกับจมูกข้าวหรือวีทเจิร์ม บรรจุเป็นอาหารเสริม มีหลายยี่ห้อ ควรอ่านฉลากผลิตภัณฑ์ให้ดีก่อนซื้อ มีงานวิจัยระบุว่า สารแกมม่า-โอริซานอล ในรำข้าวและจมูกข้าวนั้นจะสลายตัวไป หากขัดสีข้าวเกิน 24 ชม. ดังนั้นแหล่งที่มาหรือแหล่งผลิต ถ้าแน่ใจว่าผลิตจากกรรมวิธีปลอดภัย รักษาสารอาหารไว้ได้ การกินหรือใช้น้ำมันรำข้าวปรุงอาหารน่าจะเป็นทางเลือกใหม่ บ้านเราผลิตได้ เป็นน้ำมันสุขภาพราคาย่อมเยา

น้ำมันดี แต่ของทอดนานๆ กินบ่อยๆ ไม่ดีนัก ของอร่อยบางทีก็ไม่ควรกินบ่อย กินน้อยๆ พออร่อยเพื่อสุขภาพ ท่องเอาไว้...





ข้อมูลจาก กรุงเทพธุรกิจ




 

Create Date : 03 สิงหาคม 2553    
Last Update : 3 สิงหาคม 2553 4:53:48 น.
Counter : 408 Pageviews.  

สระผมกระตุ้นโลหิตไหลเวียน





แค่การสระผมเพื่อขจัดสิ่งสกปรกพร้อมการนวดคลึงหนังศีรษะก็สามารถกระตุ้นการไหลเวียนของโลหิตบริเวณศีรษะได้ ซึ่งสามารถสัมผัสผลลัพธ์เหล่านั้นได้จากความรู้สึกโล่งสบายศีรษะ บ้างก็ช่วยคลายอาการปวดศีรษะได้




สำหรับวิธีกระตุ้นการไหลเวียนโลหิตดังกล่าว มีเทคนิคเพียงเล็กน้อย โดยหลังจากการชโลมให้เส้นผมและหนังศีรษะเปียกชุ่ม ใส่แชมพูหรือครีมนวดบำรุงแล้ว ให้ใช้นิ้วนวดวนเป็นวงกลม ๆ ตั้งแต่บริเวณหน้าผาก นวดวนเลื่อนไปให้เลยเข้าแนวเส้นผม

ต่อด้วยการวางอุ้งมือทั้งสองข้างที่หนังศีรษะในตำแหน่งเหนือใบหู แล้วใช้อุ้งมือยกหนังศีรษะขึ้น จากนั้นนวดเป็นวงกลมให้ทั่วศีรษะสักครู่ แล้วล้างแชมพูหรือครีมนวดออกด้วยน้ำเย็น

อยากรู้ว่าการกระตุ้นการไหลเวียนโลหิตบริเวณหนังศีรษะด้วยการนวดอย่างมีเทคนิคให้ความรู้สึกผ่อนคลายได้เพียงใด ลองนำวิธีที่นำมาบอกกล่าวไปทดลองปฏิบัติด้วยตนเองดู.





ที่มา : เดลินิวส์




 

Create Date : 03 สิงหาคม 2553    
Last Update : 3 สิงหาคม 2553 4:53:35 น.
Counter : 464 Pageviews.  

เครื่องดื่มแก้ปวดไมเกรน




‘ไมเกรน’ ด้วยสูตรเครื่องดื่มที่สกัดจากแอปเปิ้ลเขียว ผักโขม แตงกวา เติมกลิ่นอบเชย ช่วยบรรเทาอาการปวดศีรษะ ปวดไมเกรน ซึ่งเป็นสูตรที่แนะนำไว้ใน 80 สูตรน้ำผัก-ผลไม้ เพื่อล้างพิษและฟื้นฟูสุขภาพ โดยภาณุพงศ์ คำวชิรพิทักษ์

ส่วนผสมในสูตรเครื่องดื่มแก้วนี้มีสามารถแก้ไขอาการปวดศีรษะเพราะ แอปเปิ้ล ที่อุดมไปด้วยโพแทสเซียม กำมะถัน เหล็ก แมกนีเซียม วิตามินบี1 บี2 และบี6 มีฤทธิ์ลดความเครียด

ส่วน ผักโขม มีเบตาแคโรทีน กรดโฟลิก แคลเซียม เหล็ก ฟอสฟอรัส โพแทสเซียม โซเดียม วิตามินบี 6 และซี ทั้งยังมีแร่ธาตุกับคลอโรฟิวส์ ได้สรรพคุณบำรุงตับ โลหิต และถุงน้ำดี แต่ก็ไม่ควรดื่มเครื่องดื่มที่มีสกัดจากผักโขมเกิน 1 แก้วต่อสัปดาห์ เนื่องจากในผักชนิดนี้มีกรดอ็อกซาลิกเป็นตัวขวางการดูดซึมแคลเซียมของร่างกาย

ขณะที่ แตงกวา เปี่ยมด้วยโพแทสเซียม กรดโฟลิก คลอรีน แคลเซียม และกำมะถัน ช่วยขับปัสสาวะ ลดอาการบวมน้ำ ที่สำคัญสามารถดับกลิ่นฉุนของผักโขมได้

อบเชย มีเทนนิน ตามตำรับยาแผนโบราณจึงนิยมนำอบเชยไว้ใช้สูดดม สกัดเป็นผงผสมอาหาร โดยกลิ่นหอมของอบเชยช่วยบรรเทาอาการอ่อนเพลีย เพิ่มความสดชื่น

ก่อนลงมือทำเครื่องดื่มแก้อาการปวดศีรษะ ควรเตรียมส่วนผสมดังต่อไปนี้...

•แอปเปิ้ลเขียว 1 ถ้วย
•ผักโขม 1 ถ้วย
•แตงกวา 1 ถ้วย
•ผงอบเชย เล็กน้อย

ขั้นตอนในการปรุง เริ่มด้วยการหั่นผักโขมพอหยาบ ส่วนแอปเปิ้ลเขียวให้หั่นเป็นชิ้นสี่เหลี่ยมลูกเต๋าเล็ก ๆ สำหรับแตงกวาเพียงฝานออกเป็นแว่นบาง ๆ จากนั้นนำส่วนผสมทั้งสามไปสกัดด้วยเครื่องสกัดน้ำผักและผลไม้ เทใส่แก้วแล้วโรยหน้าด้วยผงอบเชยเล็กน้อย ดื่มได้ทันที.





ที่มา : เดลินิวส์




 

Create Date : 02 สิงหาคม 2553    
Last Update : 2 สิงหาคม 2553 4:53:58 น.
Counter : 568 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  26  27  28  29  30  31  32  33  34  35  36  37  38  39  40  41  42  43  44  45  46  47  48  49  50  51  52  53  54  55  56  57  58  59  60  61  62  63  64  65  66  67  

Kanphicha
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 3 คน [?]




ที่มาของคำว่า Kefir By รัญรักษ์
ไม่ใช่ชื่อยี่ห้อ ไม่ใช่เครื่องหมายการค้า
แต่เป็นชื่อพ่อและแม่ของกานต์เองค่ะ
เมื่อกานต์ทำบุญครั้งใด ก็จะยกกุศลทั้งหมดให้พ่อและแม่
การแจกจ่ายบัวหิมะให้คนอื่นๆ
ถือเป็นการทำบุญอีกคร้งหนึ่ง
กานต์ขอยกกุศลผลบุญทั้งหมดให้บุพการีที่เป็นที่รักของกานต์ทั้งสองท่าน โดยการตั้งชื่อท่านทั้งสองในการแจกจ่าย Kefir นะคะ
free counters
Friends' blogs
[Add Kanphicha's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.