Group Blog
 
All blogs
 

ดูแลผิวใต้วงแขนให้สวยอย่างมั่นใจ

ผิวใต้วงแขน เป็นส่วนที่บอบบาง ง่ายต่อการหมองคล้ำ เวลาใส่เสื้อเปิดไหล่หรือเปิดหลัง อาจทำให้สาว ๆ ขาดความมั่นใจ วันนี้ มีวิธีดูแลผิวใต้วงแขนให้ขาว เรียบเนียน เรียกความมั่นใจกลับมาอีกครั้ง

วิธีแรก นำมะขามเปียกมาผสมกับน้ำผึ้งเล็กน้อย แล้วทาบริเวณรักแร้ ทิ้งไว้ประมาณ 5-10 นาที จากนั้นล้างออกด้วยน้ำสะอาด

วิธีที่สอง หั่นมะนาวครึ่งซีก แล้วนำมาถูรักแร้เบา ๆ เสร็จแล้วอาจนำมาถูกที่ข้อศอก เข่า และตาตุ่ม เพื่อลดความหยาบกร้านของผิวก็ได้

วิธีที่สาม นำครีมบำรุงผิวที่ทาทุกวันมาทาที่รักแร้ ก่อนอาบน้ำประมาณ 10-15 นาที แล้วล้างออกด้วยน้ำสะอาด

เพียงเท่านี้ วงแขนก็จะขาว พร้อมโชว์แล้ว





ข้อมูล เดลินิวส์




 

Create Date : 10 ตุลาคม 2553    
Last Update : 10 ตุลาคม 2553 10:59:28 น.
Counter : 468 Pageviews.  

"พริก" อุดมด้วยประโยชน์

คนไทยกับรสแซบนะคู่กันคู่กัน โดยเฉพาะรสเผ็ดของพริกถ้าไม่จัดจ้านถึงใจไม่มีที่จะอร่อยเด็ด(ยกเว้นคนไม่กินเผ็ด) แต่รู้หรือไม่ว่านอกจากความเผ็ดแล้ว เจ้าพริกเม็ดเล็กๆ ยังอุดมด้วยประโยชน์มากมายที่หลายคนอาจคาดไม่ถึง!!! วันนี้เรามีผู้เชี่ยวชาญมาให้ความรู้เรื่องพริก

นาวาอากาศโทแพทย์หญิง อรวรรณ กิจเชวงกุล ผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพแบบองค์รวมและความงาม เผยว่า คนไทยคุ้นเคยกับรสชาติเผ็ดร้อนของพริกมานานแล้ว ซึ่งพริกถือเป็นองค์ประกอบสำคัญที่ช่วยเพิ่มรสชาติอาหารไทยให้จัดจ้าน และทำให้เจริญอาหาร นอกจากนี้ในพริกยังมีส่วนประกอบของสารแคปไซซินในปริมาณสูง สารตัวนี้มีฤทธิ์ในการลดความเจ็บปวด ช่วยระบบย่อยอาหารและพริกยังสามารถสร้างสารเคลือบกระเพาะทำให้กรดกัดกระเพาะได้น้อยกว่าคนที่ไม่กินพริก รสเผ็ดร้อนในพริกยังช่วยบำรุงธาตุไฟ เพิ่มการเผาผลาญ ให้ความอบอุ่นแก่ร่างกาย จะสังเกตได้ว่าเมื่อทานเข้าไปร่างกายจะอบอุ่นขึ้น และยังช่วยขับเหงื่อ บรรเทาอาการหวัด ลดน้ำมูก ช่วยให้หลอดลมขยายตัวและช่วยในระบบการไหลเวียนของเลือด

"ปัจจุบันพริกไม่เพียงมีประโยชน์ทางด้านโภชนาการเท่านั้น แต่ในด้านการแพทย์ผิวหนังและด้านความสวยความงามยังสกัดสารแคปไซซินออกมาในรูปแบบของครีม เจลเพื่อใช้บรรเทาอาการเจ็บปวดที่ผิวหนัง อาทิ ไฟไหม้ น้ำร้อนลวก งูสวัด ฯลฯ และใช้ในการนวดสลายไขมัน ลดเซลลูไลท์ ทั้งนี้เชื่อว่าจะช่วยขยายเส้นเลือดบริเวณนั้น เมื่อใช้ร่วมกับตัวยาสลายไขมันอื่นๆ ด้วย

นอกจากนี้ในแพทย์แผนจีนยังใช้ประโยชน์จากพริกเพื่อบำรุงพลังหยาง ในช่วงที่ผู้ป่วยเป็นหวัดหรือโดนความเย็นมากระทบ โดยให้ทานอาหารรสเผ็ดร้อน อาทิ พริก พริกไทย จะช่วยบรรเทาอาการหวัด ซึ่งนอกจากจะส่งผลต่อร่างกายแล้ว ยังส่งผลต่อจิตใจทำให้คึกคัก สดชื่น กระฉับกระเฉง เลือดลมสูบฉีด ร่างกายและจิตใจตื่นตัวมากขึ้น แต่สำหรับคนที่ธาตุไฟแกร่งควรทานพริกแต่น้อย เพราะอาจเกิดพลังหยางมากเกินไป ทำให้อุณหภูมิในร่างกายสูงขึ้นและเป็นแผลร้อนในปากได้”





ที่มา คมชัดลึก




 

Create Date : 10 ตุลาคม 2553    
Last Update : 10 ตุลาคม 2553 10:58:23 น.
Counter : 369 Pageviews.  

พี่โดม ทานวิตามิน domepakornlamonline's Channel




 

Create Date : 05 ตุลาคม 2553    
Last Update : 5 ตุลาคม 2553 21:46:29 น.
Counter : 603 Pageviews.  

กระเทียม สมุนไพรมหัศจรรย์

ในตำรายาไทยให้ใช้กระเทียมและขิงสดย่างละเท่ากัน ตำละเอียด ละลายกับน้ำอ้อยสด คั้นน้ำจิบแก้ไอกัดเสมหะ และทำให้เสมหะแห้ง โดยสารที่ออกฤทธิ์ เป็นยาแก้ไอ คือ allicin ซึ่งละลายน้ำได้ และถูกทำลายด้วยความร้อน

กระเทียมรักษากลากเกลื้อน ซึ่งเป็นผลจาก allicin มีฤทธิ์ในการฆ่าเชื้อราได้หลายชนิด ทำได้โดยการฝานกลีบกระเทียม แล้วนำมาถูบ่อยๆ หรือตำคั้นเอาน้ำบริเวณที่เป็น โดยใช้ไม้เล็กๆ หรือไม้ไผ่ที่สะอาดขูดบริเวณที่เป็น พอให้ผิวแดงอ่อนๆ ก่อน แล้วจึงเอาน้ำกระทียมขยี้ทา ทาบ่อยๆ วันละ 3-4 ครั้ง เมื่อหายแล้ว ทาต่ออีก 7 วัน

สรรพคุณต่างๆ ของกระเทียม มีดังนี้ :

1. ฆ่าเชื้อรา คือ กลาก เกลื้อน และเชื้อราที่เกิดตามเล็บ หนังศีรษะและผม

2. ฆ่าเชื้อยีสต์ชนิดที่ทำให้เกิดลิ้นขาวเป็นฝ้าในเด็กทารก และทำให้เกิดโรคมุตกิดระดูขาวที่มักจะเกิดในหญิงที่ตั้งครรภ์ หรือกินยาคุมกำเนิด ยาปฏิชีวนะหรือยาสเตียรอยด์เป็นเวลานานๆ

3. ลดความดันโลหิตสูง

4. ลดไขมันและคอเลสเตอรอล

5. ป้องกันผนังหลอดเลือดหนาและแข็งตัว

6. ลดน้ำตาลในเลือด

7. ฆ่าหรือยับยั้งเชื้อแบคทีเรียแทบทุกชนิด กล่าวคือ มีสารอัลลิซิน ที่มีฤทธิ์ยับยั้งเชื้อแบคทีเรียที่มักทำให้เกิดโรคได้ถึง 15 ชนิด โดยเฉพาะยับยั้งเชื้อพวกที่ดื้อยาเพนนิซิลินได้ดีกว่าเชื้อพวกที่ไม่ดื้อยาอีกด้วย นอกจากนี้ ยังฆ่าเชื้อบิดมีตัวที่มีพิษต่อลำไส้ได้ดี โดยมีสารที่สำคัญคือกาลิซิน รวมทั้งสามารถยับยั้งเชื้อบิดเทียม ซึ่งไม่รบกวนแบคทีเรียตัวอื่นที่มีประโยชน์ต่อลำไส้

8. ยับยั้งเชื้อต่างๆ เช่น เชื้อที่ทำให้เกิดฝีหนอง และใช้รักษาแผลสด แผลที่เป็นหนอง คออักเสบ ทอนซิลอักเสบ ทางเดินปัสสาวะอักเสบ เชื้อวัณโรค และเชื้อปอดบวม

9. รักษาไข้หวัดและไข้หวัดใหญ่

10. เป็นยาขับเสมหะและมีฤทธิ์ขับเหงื่อและขับปัสสาวะ

11. รักษาโรคไอกรน

12. แก้หืดและโรคหลอดลม

13. แก้ธาตุพิการอาหารไม่ย่อย

14. ควบคุมโรคกระเพาะ คือมีสารเอเอส 1 ช่วยยับยั้งไม่ให้น้ำย่อยอาหารมาย่อยแผลในกระเพาะ และยังช่วยรักษาโรคตับอ่อนอักเสบชนิดรุนแรงได้ด้วย

15. ขับพยาธิต่างๆ ได้หลายชนิด ได้แก่ พยาธิเข็มหมุด พยาธิแส้ม้า พยาธิเส้นด้าย และมีรายงานทดสอบจากอินเดียว่า กระเทียมมีสารไดอัลลิลไดซัลไฟด์ มีฤทธิ์ใช้ฆ่าพยาธิไส้เดือนได้ดี

16. แก้เคล็ดขัดยอกและเท้าแพลง เพราะมีสารอัลลิซินเป็นตัวช่วยทำให้เลือดไหลเวียนมายังบริเวณที่ทาถูนวดยาได้ดีมากขึ้น

17. แก้ปวดข้อและปวดเมื่อย

18. ต่อต้านเนื้องอก

19. กำจัดพิษตะกั่ว

20. บำรุงร่างกาย ประเทศญี่ปุ่นได้ค้นพบสารในกระเทียมชื่อสคอร์ดินิน ไม่มีกลิ่น แต่มีประโยชน์ต่อร่างกายหลายอย่าง รวมทั้งช่วยให้เนื้อเยื่อเจริญเติบโตและช่วยลดไขมันในร่างกาย

ยังมีผู้พบว่าในกระเทียมมีธาตุเจอร์เมเนียมค่อนข้างสูง ซึ่งมีคุณสมบัติป้องกันการเกิดมะเร็ง โรคหืด โรคไต โรคตับอ่อนและอาการท้องผูก รวมถึงมีสารชักนำวิตามินบี 1 เข้าสู่ร่างกายได้ดีขึ้นเท่าตัว โดยรวมเป็นสารอัลลิลไทอะมิน ทำให้วิตามินบี 1 ออกฤทธิ์ได้ดีขึ้นถึง 20 เท่า





ข้อมูล the-than






 

Create Date : 05 ตุลาคม 2553    
Last Update : 5 ตุลาคม 2553 16:53:28 น.
Counter : 409 Pageviews.  

ทำไมต้องโทนเนอร์...

เคยสงสัยหรือเปล่าว่า ทำไมขั้นตอนท้ายสุดของการทำความสะอาดผิวหน้า จึงต้องใช้โทนเนอร์ หลังจากได้หาข้อมูลนั้นเราจึงได้คำตอบของความสำคัญของเจ้าโทนเนอร์ดังนี้ค่ะ



หน้าที่ของน้ำสุดท้าย

โลชั่นเช็ดผิวหรือโทนเนอร์จะใช้เป็นขั้นตอนสุดท้ายของการทำความสะอาดผิวหน้า หน้าที่หลักของโทนเนอร์คือ ชำระทำความสะอาดสิ่งสกปรกในครั้งสุดท้าย เพื่อให้แน่ใจว่าผิวหน้าสะอาดปราศจากสิ่งสกปรกตกค้างจริงๆ
ในขณะเดียวกันก็จะช่วยกระชับรูขุมขน และคำถามคือ ทำไมเราถึงไว้วางใจโลชั่นเช็ดผิว หรือโทนเนอร์ได้มากกกว่าน้ำประปาที่เราใช้ล้างหน้า เพราะโทนเนอร์ ไม่ใช่แค่น้ำธรรมดา แต่เป็นน้ำที่ผ่านกรรมวิธีฆ่าเชื้อให้สะอาดที่สุดเพื่อเหมาะใช้กับผิวหน้า เป็นน้ำสุดท้ายที่สะอาดที่สุด จึงเป็นที่มาว่า ทำไมโลชั่นเช็ดผิวหรือโทนเนอร์จึงสามารถช่วยทำความสะอาดผิวได้ และเมื่อผิวหน้าสะอาดหมดจดแล้ว ไม่มีสิ่งอุดตันตรงรูขุมขน ผิวก็สามารถดูดซึมสารสำคัญในขั้นตอนบำรุงได้ดีขึ้น


เมื่อขั้นตอนการล้างหน้าครบทุกเสต็ป โทนเนอร์ก็ขาดไม่ได้เช่นกัน


สิ่งสกปรกแบ่งเป็น 2 ประเภท ชนิดที่ละลายได้ในน้ำและละลายได้ในน้ำมัน ถ้าเป็นฝุ่นละอองทั่วไปสามารถใช้น้ำทำความสะอาดได้เลย แต่ถ้าเป็นครีมกันแดดและเขมาควันจำเป็นต้องทำความสะอาดด้วยคลีนซิ่ง ออยล์ เพราะสิ่งสกปรกชนิดนี้จะละลายได้ในน้ำมันเท่านั้น เมื่อขั้นตอนชำระล้างสิ่งสกปรกบนใบหน้าเริ่มด้วยน้ำมันทำความสะอาด จึงเป็นเรื่องที่เลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องใช้โฟมล้างหน้าหลังจากขั้นตอนคลีนซิ่ง ออยล์ และเมื่อคุณมีเสต็ปการทำความสะอาดผิวที่เยอะ โอกาสที่จะมีสิ่งตกค้างหลงเหลืออยู่ยิ่งเปอร์เซนต์เพิ่มสูงขึ้น หรือถ้าล้างได้สะอาดหมดจดจริงๆ และคุณมั่นใจได้หรือเปล่าว่า น้ำประปาจะไม่มีสิ่งแปลกปลอมปนเปลื้อนมาด้วย

แอลกอฮอล์ในโทนเนอร์

โทนเนอร์จะมีส่วนผสมของแอลกอฮอล์เพียงเล็กน้อย ช่วยฆ่าเชื้อได้อย่างอ่อนๆ ถ้าใครมีประวัติแพ้แอลกอฮอล์มาก่อน อาจจะเลือกใช้เป็นโทนเนอร์สูตรไร้แอลกอฮอล์ แต่ถ้าคุณไม่เคยมีอาการแพ้แอลกอฮอล์ ก็ไม่ต้องกลัว เพราะแอลกอฮอล์ที่ผสมในโทนเนอร์จะแตกต่างกับตัวที่ใช้เจือจางในน้ำหอมแน่นอน


การเลือกใช้โทนเนอร์

ทดลองตรงท้องแขน ถ้าแพ้ก็จะเห็นผลทันทีหรือถ้ายังไม่มั่นใจ ก็อาจเดินไปเดินมาสักครู่ และลองสังเกตว่า ผิวตรงท้องแขนของคุณมีรอยแดงแสบหรือเปล่า

วิธีใช้โลชั่นเช็ดผิว


1. เลือกใช้สำลีชนิดแผ่นแทนสำลีแบบก้อน เพราะสำลีแบบแผ่นสามารถเช็ดทำความสะอาดเข้าถึงทุกซอกทุกมุมของใบหน้าได้ดีกว่า ไม่จำเป็นต้องเช็ดหลายๆ ครั้ง ในทางตรงข้ามสำลีแบบก้อนจะเช็ดได้ไม่ทั่วถึง ทำให้จำนวนครั้งที่ผิวหน้าจะถูกรบกวนมีมากขึ้น

2. เช็ดที่ละครึ่งหน้า เพื่อเป็นการเตือนความจำว่าคุณเช็ดโลชั่นได้อย่างทั่วถึงจริงๆ

3. วางแผ่นสำลีตรงนิ้วกลางและใช้นิ้วนางกับนิ้วชี้หนีบแผ่นสำลีไว้ไม่ให้หลุด จากนั้นชุบโลชั่นบนสำลีและลูบไล้จากด้านล่างขึ้นสู่ด้านบน เมื่อเช็ดครึ่งหน้าฝั่งแรกเสร็จแล้ว ให้กลับแผ่นสำลีอีกด้านที่ยังไม่ได้ใช้และลูบไล้บนผิวหน้าด้วยวิธีเดียวกัน



***เพราะฉะนั้นหลังจากล้างหน้าทุกครั้งเราควรใช้โทนเนอร์ในการทำความสะอาดผิวหน้าเป็นขั้นตอนสุดท้ายนะคะเพื่อความสะอาดที่ล้ำลึกและการปราศจากปัญหาสิวอุดตันค่ะ



ขอบคุณข้อมูลดีดีจาก FIRST MAGAZINE




 

Create Date : 28 กันยายน 2553    
Last Update : 28 กันยายน 2553 16:54:59 น.
Counter : 555 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  26  27  28  29  30  31  32  33  34  35  36  37  38  39  40  41  42  43  44  45  46  47  48  49  50  51  52  53  54  55  56  57  58  59  60  61  62  63  64  65  66  67  

Kanphicha
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 3 คน [?]




ที่มาของคำว่า Kefir By รัญรักษ์
ไม่ใช่ชื่อยี่ห้อ ไม่ใช่เครื่องหมายการค้า
แต่เป็นชื่อพ่อและแม่ของกานต์เองค่ะ
เมื่อกานต์ทำบุญครั้งใด ก็จะยกกุศลทั้งหมดให้พ่อและแม่
การแจกจ่ายบัวหิมะให้คนอื่นๆ
ถือเป็นการทำบุญอีกคร้งหนึ่ง
กานต์ขอยกกุศลผลบุญทั้งหมดให้บุพการีที่เป็นที่รักของกานต์ทั้งสองท่าน โดยการตั้งชื่อท่านทั้งสองในการแจกจ่าย Kefir นะคะ
free counters
Friends' blogs
[Add Kanphicha's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.