Group Blog
  •  images by free.in.th
  •  images by free.in.th
  •  images by free.in.th 
  •  images by free.in.th
  •  images by free.in.th
  •  images by free.in.th
  •  images by free.in.th
  •  images by free.in.th
  •  images by free.in.th
All Blog
[1] ซื้ออะไร ใน NEW YORK ,ประสบการณ์ชมปิ้งท้าลมหนาวใน USA
สวัสดีค้า
วันนี้จอยจะมาแชร์ประสบการณ์ ช้อปปิ้ง(โดยเฉพาะเครื่องสำอาง)ในนิวยอร์คกันค้า
เมื่อเดือนที่แล้วจอยได้มีโอกาสไปเที่ยวที่ New York เป็นระยะเวลา 1 เดือนเต็มๆ
เที่ยวแบบ จุใจกันไปเลยทีเดียว ไหนๆก็ต้องบินไปถึงครึ่งซีกโลก

ตัวแตกและล้มละลายมากๆๆ เพราะเป็นครั้งแรกที่ได้ไปด้วย
เป้าหมายหลักๆของจอยก็แน่นอนว่าเป็นการซื้อเครื่องสำอาง (ผู้หญิงบ้า)

ก่อนไปก็พยายามหาข้อมูลต่างๆเกี่ยวกับอเมกา เช่น การเดินทาง ร้านค้า ห้างต่างๆ ลิตส์ของที่จะซื้อ
สุดท้าย ไปตายเอาดาบหน้าแล้วกัน เจออะไรอยากซื้อก็ซื้อ

พอกลับมาเท่านั้นแหละ...

รู้สึกตัวแตกขั้นสุด...

เดี๋ยวจะค่อยๆมาอธิบายทีละส่วน
จอยไปใปช่วง กลางธันวา- กลางมกรา คะ
อากาศหนาวแบบสุดๆ แบบว่าลงไปวันแรกก็มีหิมะบางๆโปรยมาทักทายกันถึงในเมืองทีเดียว
ด้วยอากาศที่หนาวเหน็บแบบนี้ ทำให้ไม่สามารถเดินชิวลั้นๆลาๆข้างนอกอาคารได้เป็นเวลานาน
เดี๋ยวแว๊บๆๆ ก็ต้องเดินหลบหนาวเข้าไปในห้างไม่ก็ร้านค้าร้านกาแฟริมทาง

แน่นอนว่าต้องมีคำถามก่อนไปที่จอยก็เคยนึกถามเหมือนกันว่า
"เสื้อหนาว เตรียมเสื้อไปจากไทย หรือไปหาซื้อที่โน้นดีกว่าคะ??"
สำหรับจอยตอบเลย ว่าไปซื้อเอาที่โน้นนน ถูกกกกกและมีให้เลือกเยอะมากกก
ช่วงนั้นเสื้อแบรนด์ก็จะพอมีลดราคาบ้าง แต่ถ้าให้แนะนำ
จอยแนะนำให้ไปซื้อที่ Century21 คะ หรือ C21 เป็นร้านที่ขายเสื้อผ้ารองเท้า สารพัด
แถมยังถูกมากกก เสื้อหนาวมีให้เลือกทั้งชั้น ทั้งงมีแบรนด์ทั้งไม่มีแบรนด์ เอามาลดราคากระหน่ำ
อย่าในรูปจอยก็ซื้อมาคะ ราคาประมาณ 100$ นิดๆ ตกแล้ว ไม่ถึง 3,500บาทไทย อุ่นมากกก
พอได้เสื้ออุ่นชีวิตเปลี่ยน แฮ้ปปี้ขึ้นเยอะไม่ต้องเดินสั่นแง้กๆ เป็นลูกเจี้ยบ
แน่นอนว่าคุณผู้ชายก็ไปช้อปเสื้อได้นะคะ ที่นี่มีทั้งชายหญิง พี่ชายจอยก็ไปซัดมาสองตัว ฟินนน
พอตัวอุ่นกันแล้ว ก็พร้อมลุยหนาวไปช้อปปิ้งแล้วค่ะ
ที่จอยเล็งเอาไว้มีสองประเภทหลักๆคือ เครื่องสำอาง DrugStore และ เครื่องสำอางแบรนด์
จอยจะพูดถึง Drugstore ของที่นี่ก่อน

ร้านขายยาหาได้ทั่วไป ประมาณว่าเดินมั่วๆไปทางไหน เดี๋ยวก็ต้องเจอซักร้านหนึ่งแน่นอน
สาขาที่จอยพบบ่อยสุดๆในเกาะแมนฮัตตั้น คือร้าน DUANEreade by Walgreen
นอกจากนั้นยังมี CVS , Ulta แล้วก็ช้อปอื่นๆทั่วไป แต่ส่วนใหญ่จอยจะเข้า DUANEreade

ภายในร้าน DUANEreade
Ulta Beauty จะเป็นร้านที่มีแบรนด์ชั้นนำมากกว่าร้านขายยาทั่วไป
คือจะมีบางแบรนด์ที่ขายใน Sephora ผสมกับ แบรนด์ใน Drugstore เรียกได้ว่าครบครัน

แปรง Real Technique ก็เพิ่งเข้ามาใหม่ เห็นรุ่นล่าสุด Bold Metal Brushes วางขายอยู่
กรี้สทั้งน้ำตา เพราะมันหมดเกลี้ยงงงงง
โถ่ ดวงจะไม่เสียตังค์นะ แต่กิเลสยังอยู่ พอรู้ว่าของลงใน Ulta เลยไปตามหาอีกสาขาอื่น
ปรากฏว่าของหมดโดยทั่วกัน ชวดไป ฮือ
ของอีกอย่างที่น่าซื้อคือพวกวิตามิน ที่นี่มีร้านขายวิตามินแบบ ละลานตามากกก
ทุกวิตามินในโลกนี้มาอยู่รวมกัน แบบว่าจะเอาอะไรพี่แกมีหมด
ตัวนี้คุณอาแนะนำ ถ้าอยากดูแลเรื่องผิว คือเป็นตัว Collagen+C ผิวจะดีขึ้น
กระจ่างใส เรียบเนียน แต่สำหรับจอยแล้ว คิดว่ายังไม่ต้องกินก็ได้มั้ง 555
อีกทั้งวิธีการกินคือ 3 เม็ด เช้าเย็น (รวมเป็น6เม็ดต่อวัน) จึงจะมีประสิทธิภาพ เอิ่มม… เยอะจัง
เขยิบมาอีกนิดดดนึง เป็น Sephora ซึ่งก็มีสาขาเยอะมากๆๆ ตามถนนใหญ่ๆ
หรือย่านชุมชนเยอะๆ ก็จะมีร้าน Sephora ให้เห็นได้ตลอดๆ คือไม่ต้องกลัวหาไม่เจอแน่ๆ
เวลาซื้อของ ถ้ายังไม่มีบัตรสมาชิก เขาก็จะถามให้ลงทะเบียนได้เลย ไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆ
แต่เอามาใช้กับโซนเอเชียไม่ได้คะ
ใครที่โดนเพื่อนฝากซื้อมาหนักๆ ทำบัตรสมาชิกแล้วซื้อรัวๆเลยคะ
เอาคะแนนไปแลกของแถมกันเถิด

พวกของรุ่นใหม่ๆก็วางขายให้เห็นก่อนตลอดๆ
อย่าง Chocolate Bar รุ่นใหม่ Semi Sweet ก็กำลังจะเข้าไทยในเร็วๆนี้

ความจริงแอบเล็งพาเลตของ Too Faced Natural ไว้ แพกเกจเค้าน่ารักมากกก
ของดีมีคุณภาพ เสียดายไม่ได้ฟาดมา เพราะคิดว่าตัวเองแต่งตาน้อย คงใช้ไม่คุ้ม
ใครไปแนะนำให้ซื้อนะคะ ไม่ผิดหวังง


ต่อไปเป็นพวกห้าง ที่มีเค้าเตอร์เครื่องสำอาง ที่นี่มีหลายที่ให้ได้เลือกช้อปกันคะ ไม่ว่าจะเป็น
Macy's - ที่ของจะชอบลดราคาช่วงวัน พุธ กับ เสาร์
Bloomingdale - เครื่องสำอางแพงกว่าปกตินิดนึง ฟิวคล้ายๆพารากอน
Sake Fifth avenue - ห้างที่สวยมาก มีจัด window display รอบๆอาคาร แถมคนเยอะสุดๆ
Neimau Marcus - ห้างแบรนเนม ดูแพงอีกละ

จอยไปซื้อ TomFord ที่ห้าง Neimau Marcus พนักงานอัธยาศัยดี แถมของแถมให้เยอะมาก
รักตรงนั้นแหละ แต่ก็เพราะซื้อเยอะด้วย หมดไปเกือบหมื่น ฮืออ...
ลิปสี Pink Dust สุดฮิตของสาวไทย หาซื้อได้สบายๆ (พารากอนของหมดตลอด)
เทียบราคาแล้วถูกกว่าไทยพอสมควร
พาแวะไปเที่ยวที่ตึก M&M ใจกลาง Time Square
มองหาของฝากน่ารักๆ ก็ซื้อจากที่นี่ได้ ราคาไม่ได้ถูก แต่ร้านเค้าเว่อวังอลังการ
หลอดใส่เม็ด M&M เรียงกันเป็นกำแพง สูงลิ่วติดเพดาน ตื่นตาตื่นใจดีค่ะ
แต่ถามว่าได้ซื้ออะไรไหม ไม่อะค่ะ เดินเลยไปซื้อช้อคโกแลต Hershey ตึกข้างหลังแทน 5555



Create Date : 31 มกราคม 2558
Last Update : 18 พฤศจิกายน 2558 11:54:13 น.
Counter : 1812 Pageviews.

0 comment
( รีวิว Skin Care ) ฟินสุด Kiehl's Powerful-Strength Line-Reducing Concentrate

สวัสดีค้า เจอกันบ่อยช่วงนี้ แฮ่
หลังจากกลับมาจากอเมริกา ตัวแตกทรัพย์ทลาย มีของมารีวิวเป็นขบวน

วันนี้จอยจะมารีวิว Skin Care ที่ฟินสุดพลัง
ปกติแล้วจอยเป็นคนที่ไม่ค่อยชอบเปลี่ยน Skin Care
ชอบตัวไหนก็วนใช้ซ้ำแต่ตัวเดิม เพราะเวลาเปลี่ยน Skin Care แล้วเจอตัวที่ไม่ใช่
ชีวิตจะพังทันที ดังนั้น อะไรที่มันดีๆอยู่ก็ใช้ๆไปเถอะ (เหมือนจะเป็นคติประจำตัว)

แต่หลังจากที่ไป new york มา ก็ได้ไปจัด skin care จาก Kiehl's มาตัวหนึ่ง
แน่นอนว่าไปถึงแหล่งแล้ว ก็จัดมาอย่าให้ได้เสียเที่ยว
ได้ข่าวแว่บๆคุ้นหูคุ้นตาว่า Kiehl's มี serum อันโด่งดัง นั่นก็คือ วิตซี ที่ใครๆก็รู้จัก
Kiehl's Powerful-Strength Line-Reducing Concentrate

ตอนแรกก็กล้าๆกลัวๆ โอย ถ้าแพ้เสียดายตังค์ไปหลายอยู่ เพราะเซรั่มตัวนี้ ราคาก็ไม่ใช่น้อยๆ
สนนราคาอยู่ที่ 58$ / 50ml ไปซื้อในห้าง Bloomingdale's ราคาพุ่งไปที่ 62$ ยังไม่รวมภาษี
ตีรวมๆ ราคาอยู่ที่ประมาณ 2,000+ นิดๆ

แต่แบรนด์นี้ดีอยู่อย่างหนึ่ง คือเขาแถม sample มาให้ได้ลองเยอะมากๆแบบไม่มีกั้ก
จอยซื้อแค่เซรั่มขวดเดียว เค้าแถมเซรั่มมา 3 ซอง, ครีมบำรุงอีก 4 แม่เจ้า ประทับใจ

พอได้ลอง sample เซรั่ม ที่เค้าแถมมาเท่านั้นแหละ เดินไปซื้อมาอีกขวดแบบไม่ต้องลังเล
เพราะใช้แล้วชอบมากกกก
อีกขวดจอยซื้อที่สนามบิน JFK ตอนจะบินกลับคะ
สนนราคาอยู่ที่ขวดละ 55$ เท่านั้น แถมไม่เสียภาษี ฟินกันไป

บรรยายมาซะยาวเหยียด ไปดูรีวิวกันดีกว่า

Kiehl's Powerful-Strength Line-Reducing Concentrate
(50ml / 58$)
ตัวเซรั่มเป็นเนื้อเหลวๆ สีขาว เมื่อทาลงสู่ผิวจะรู้สึกอุ่นเล็กน้อย เหมือนมันทำปฎิกิริยากันผิว
ที่จอยชอบก็คือ texture ของเนื้อผลิตภัณฑ์นุ่มลื่นมาก และซึมซาบเข้าสู่ผิวได้อย่างรวดเร็ว
ทิ้งไว้แค่ความรู้สึกนุ่มลื่นบนใบหน้า
สำหรับตัวนี้ จอยได้ลองใช้ติดต่อกันเช้าเย็น ประมาณ 4 วันก็เริ่มเห็นความแตกต่าง
ผิวนุ่มลื่นขึ้น แถมสิวผดที่เคยมีค่อยๆหายไป ทำให้ผิวรู้สึกเรียบเนียนขึ้นอย่างสัมผัสได้
ปกติแล้วจอยจะเป็นคนผิวแห้ง เป็นริ้วรอยง่าย โดยเฉพาะบริเวณหน้าผาก
เวลาย่นหน้าผากทีไรเป็นรอยทุกที
พอได้ใช้เซรั่มตัวนี้ ผิวจอยดูชุ่มชื่นขึ้น (เหมือนจะหน้ามันขึ้น) พวกรอยย่นที่หน้าผากก็ดูจางลง
ดูหน้าตัวเองในกระจก สังเกตได้ว่าหน้าดูวาวๆ เรียบเนียน สุขภาพดี

เพิ่งเคยเจอสกินแคร์ที่เห็นผลได้ชัดเจนขนาดนี้ เคยลองสกินแคร์ราคาสูงๆมาบ้าง
แต่ยังไม่เคยเจอตัวที่ประทับใจเท่านี้
ถือว่าฟินสุดๆ กับเจ้า Powerful-Strength Line-Reducing Concentrate ขวดนี้
เลิฟเลย เอาไปสิบล้านคะแนน !!!


Kiehl's Micro-Blur Skin Perfector
(30ml / 1,600 baht)

Kiehl's Micro-Blur Skin Perfector เป็นอีกตัวที่ติดสอยห้อยตามมาทีหลัง
เพราะหลังจากที่กลับมาที่ไทย ด้วยความที่ฟินกับเซรั่มสุดๆ ก็ไปเม้ามอยกับสาวๆตามประสา
กลายเป็นคุณเพื่อนที่แนะนำตัว Primer อำพรางรูขุมขนและช่วยทำให้รูขุมขนเล็กลง
นางบอก จอย มันดี-------ย์ มาก เทอต้องมี !
อ่าว แล้วยังไงล่ะคะ ก็เสียทรัพย์กันไปตามระเบียบ

สำหรับตัวนี้ ไม่รู้จอยไม่ค่อยเห็นคนรีวิวซักเท่าไหร่นะคะ
เลยต้องจัดมาลองใช้เอง จะได้รู้ว่าดีหรือไม่ดี อุอิ (ข้ออ้างของการเสียเงิน)
เนื้อผลิตภัณฑ์เป็นสีส้มอ่อนๆ ความรู้สึกคล้ายๆกับ the porefessional ของ benefit
เมื่อจอยลองเทียบกันดูแล้ว ของ benefit จะข้นกว่านิดหน่อย และซึมไปกับผิวไม่ทิ้งความมัน
ส่วนของ Kiehl's จะดูนุ่มกว่า เนื้อผลิตภัณฑ์ดูวาวกว่าเล็กน้อย เกลี่ยง่ายกว่า
และหลงเหลือความลื่นบนผิวมากกว่า benefit นิดนึง
(เอาจริงๆก็แทบไม่ต่างกันเลย เพราะทั้งคู่เกลี่ยง่าย กลิ่นไม่ฉุน และซึมเข้าผิวเร็ว ไม่เหนอะหน่ะ)

แต่สำหรับจุดที่ทำให้จอยเบนความสนใจมาตัว Kiehl's มากกว่า
คือทางแบรนด์กล่าวว่า primer ตัวนี้นอกจากจะทำหน้าที่เป็น primer เตรียมผิวให้เรียบเนียนแล้ว
*หากใช้เป็นประจำต่อเนื่องจะเป็นการดูแลปัญหารูขุมขนได้ในระยะยาว* - ลอกคำเคลมเขามา
ห้ะ อะไรนะ ช่วยกระชับรูขุมขนด้วยหรอ ทำให้รู้สึกว่าน่าจะดีกว่า primer ทั่วๆไปที่ปกปิดอย่างเดียว
ที่ข้างกล่องเขียนว่า สามารถใช้ได้ทั้งกลางวัน และกลางคืน (มันบำรุงด้วยสินะ)
เห็นว่าดีงาม แถมยังชอบนางมาตั้งแต่ตัว serum เลยยอมจัดมาเพิ่มอีก 1 อย่าง

จอยยังไม่รู้ว่ามันช่วยเรื่องรูขุมขนไหม แต่ชอบกลิ่นและ texture ของเนื้อผลิตภัณฑ์ของเขามาก
อีกตัวที่เล็งๆว่าอยากจะไปจัดตามมา คือ Ultra Facial Cream กระปุกครีมบำรุงเพิ่มความชุ่มชื่น
เพราะได้ลองจาก sample แล้วก็รู้สึกฟินไม่แพ้กัน


หวังว่าจะเป็นประโยชน์แก่เพื่อนๆที่มองหาสกินแคร์ดีๆ น่าเล่นน่าลองนะคะ
อย่าลืมไปลองขอ sample มาใช้ดูก่อนก็ได้ แบรนด์นี้เขาใจดีจริงๆ
ลองแล้วจะติดใจ <3

ขอบคุณสำหรับการติดตามคะ
loveberry joyjee 'blog





Create Date : 23 มกราคม 2558
Last Update : 18 พฤศจิกายน 2558 11:54:25 น.
Counter : 1531 Pageviews.

0 comment
(รีวิว) Tarte Amazonian clay full coverage airbrush foundation
สวัสดีค้า
วันนี้จอยจะมารีวิวรองพื้นแบบแป้งอีกตัวหนึ่ง
ซึ่งนั่นก็คือ Tarte Amazonian clay full coverage airbrush foundation

ก่อนหน้านี้จอยเคยได้รีวิวรองพื้นแบบแป้งไปตัวหนึ่งแล้ว

ระหว่างการรีวิวรองพื้นของ tart จอยก็จะเปรียบเทียบไปกับรองพื้นของ bareMinerals ไปด้วยเลย
เพื่อเป็นการตัดสินใจสำหรับคนที่อยากลอง แต่ยังลังเลว่าจะซื้อตัวไหนดี
(ถ้าไม่เป็นผู้หญิงบ้า ลองซื้อไปซะทุกอย่างแบบจอย)
Tarte Amazonian clay full coverage airbrush foundation สี fair-light neutral 7g/ 36$
Airbuki bamboo powder foundation brush 26$

ชอบตรงที่เวลาเลือกสี นอกจากจะมีชื่อความสว่างของสีแล้ว 
ยังมีคำอธิบายละเอียดๆต่ออีก เผื่อเป็นตัวช่วยในการตัดสินใจ 
สำหรับสี Fair-light neutral นี้ จอยว่าพอดีกับสีผิว NC20 มากๆ / 20BEIGE

กระปุกใหญ่พอดีจับถนัดมือ ดีไซน์สวยงาม แลดูธรรมชาติงดงาม
ส่วนกระปุกของ bareMinerals จะเล็กกว่านี้หน่อยแต่ปริมาณกลับเยอะกว่าtart 1g 
หมายความว่า ในด้านราคา Tart จะมีราคาสูงกว่า bareMinerals 

แปรงคาบูกิน้อยที่ราคาไม่น้อยเท่าไหร่ (ราวๆ700บาท) ชอบดีไซน์ไม้ๆแบบนี้อีกแล้ว
ทางแบรนด์ดีไซน์ให้ใช้คู่กับรองพื้นนี้โดยเฉพาะ พูดงี้แล้วจะไม่ซื้อมาได้เยี่ยงไร
ซัดมาหนึ่งอัน เจ็บแต่จบ นางมีขนแปรงที่ สั้น แน่น และนุ่มมากก
ไม่บาดหน้าเลยแม้แต่น้อย ด้วยความที่ขนแน่นทำให้ลงรองพื้นได้แน่นสุดๆ
ไม่ต้องกลัวรองพื้นจะฟุ้งหายไปในอากาศ เพราะมันลงสู่ผิวเต็มๆ
ตอนล้างแปรงครั้งแรกยังหวั่นๆ กลัวจะไม่แห้ง เดี๋ยวอับชื้นแล้วจะยุ่ง
เลยต้องวางตำแหน่งตากให้ดีเป็นพิเศษ
เปิดฝามา ด้านในจะโค้งเว้าเหมือนกับเป็นถ้วยเล็กๆ 
บริเวณฝาจะมีส่วนที่ยื่นขึ้นมา เพื่อเวลาที่ปิด จะช่วยกันไม่ให้รองพื้นเลอะเทอะออกมา 
ต่างจาก bareMinerals ที่มีตัวล็อครองพื้นอยู่ที่กระปุก แล้วใช้ฝาเป็นตัววนรองพื้น
พอแงะฝาปิดออกปั้ป รองพื้นก็พุ่งออกมาทักทายทันที
ตัวรองพื้นที่อยู่ในกระปุก ถูกกั้นด้วยตาข่าย เพื่อไม่ให้มันออกมาปริมาณมากจนเกินไป
พอจอยแตะนิ้วลงไปบนตาข่ายนุ่มๆ รองพื้นก็จะติดนิ้วขึ้นมาทันที
สำหรับแปรง เมื่อแตะลงไปก็จะดึงเอารองพื้นขึ้นมา จากนั้นวิธีใช้
ให้เราวนๆ แปรงเป็นวงกลมที่ตัวกระปุกได้เลย
แล้วก็เอามาวนที่ผิวหน้าได้ตามปกติ
ถือว่ามีความสะดวกสบายในการใช้งานมากกว่า bareMinerals 
เพราะไม่ต้องเคาะลงฝา ให้ยุ่งยากหลายขั้นตอน
แต่มีข้อเสียคือเราจะกะปริมาณไม่ได้ และไม่สามารถเอาแป้งส่วนเกิน กลับลงไปในกระปุกได้ง่ายๆ
ซึ่งกับสีรองพื้น เพราะเลือกสีผิดตอนซื้อ bareMinerals แจ่สำหรับ Tarts พอดีกับสีผิวเด้ะ
เด้งสุดๆ ไม่หมอง ไม่คล้ำ สุขใจ <3 
เนื้อแป้งละเอียด เนียน ไม่วาวฉ่ำ ซึ่งเทียบกับ bareMinerals จะให้เนื้อแป้งที่ฉ่ำและวาวกว่า
หลังจากที่ได้ลองแล้ว ก็ฟินไม่แพ้กับ bareMinerals
สามารถปกปิดรอยแดง รอยสิวได้ดี โดนไม่หนา หรือดูโบ๊ะ
ดูเป็นผิวและธรรมชาติมากๆ ใช้ง่าย แค่วนแปรงไปเรื่อยๆ ไม่ต้องกลัวเป็นคราบ
จอยชอบรองพื้นแบบฝุ่นมากกว่าแบบ liquid แล้วคะ <3

ถ้าถามว่าชอบตัวไหนมากกว่า กัน จอยตอบเลยคะ ว่าขึ้นอยู่กับว่าเราอยากได้ลุคแบบไหน

สำหรับคนที่ผิวเรียบเนียน แต่มีรอยแดง รอยสิวบ้าง และชอบผิวฉ่ำๆโกลวๆ สุขภาพดี
จอยแนะนำสุดใจขาดดิ้น เป็นตัว bareMinerals Original เพราะผิวจะฉ่ำสวยมากก
ไม่ดูหน้ามัน แต่แบบ ฉ่ำสุขภาพดี จนคนทักว่าหน้าดีจัง แต่ก่อนดูหน้าแห้งกว่านี้นะ
มันแบบ ดูอิ่มน้ำ เด้งเว่อ >___< หลงรักผิวตัวเอง
*แต่* ถ้าหน้าไม่เรียบ เจ้าความวาวมันจะไปเน้นรอยพวกนี้มากขึ้นนะ

สำหรับคนที่หน้ามัน ไม่อยากได้ลุคที่ฉ่ำวาวเกินไป อยากให้หน้าดูเนียนๆ ใสๆ
อันนี้จอยแนะนำ Tarts มากกว่า เพราะเนื้อแป้งจะมีความแมตกว่า 
มันจะไม่เป็นเน้นพวกรอยสิว หรือความไม่เรียบเนียนบนใบหน้า

แต่เดี๋ยวก่อน หากคุณยังสนใจ bareMinerals มากกว่า
ซึ่งเขามีความเชี่ยวชาญด้านรองพื้นชนิดแป้งมาอย่างยาวนาน (Tarte น่าจะเพิ่งออกไม่นานมานี้)
เขายังมีรุ่น bareMinerals Matte อีกตัวที่น่าสนใจ
เพราะเป็นรุ่นที่ออกมาและฮิตพอๆกับรุ่น original น่าจะตอบโจทย์สาวไทยได้เป็นอย่างดี
สำหรับตัวนี้ จอยว่ามีความใกล้เคียงกับ tarte ไม่ทำให้หน้าฉ่ำวาวเกินไป 
ดูเนียนสนิท แต่ยังดูเป็นผิว ลุคธรรมชาติๆ

คือเอาจริง รองพื้นแบบแป้งพวกนี้มันปกปิดได้จนถึง full coverage 
แต่จอยก็ยังไม่เคยปัดย้ำ ทำซ้ำหลายเลเยอร์จนได้การปกปิดขั้นสูงสุด
เพราะคิดว่าแค่รอบสองรอบก็ดูเนียนใส ธรรมชาติเรียกลูกแล้ว
สำหรับคนที่หน้าไม่มีปัญหาอะไรมาก อยากได้การปกปิดเบาๆ 
ไม่ต้องถึงกับลงรองพื้น แปรงเกลี่ยให้วุ่นวาย เสียเวลา
จอยว่าสองตัวนี้ก็เป็นอะไรที่น่าลองไปเล่นดู 
Tarte มีขายในไทยแล้ว ที่เคาเตอร์ใน sephora ราคาอาจจะสูงหน่อย
ส่วน bareMinerals ยังไม่เข้าไทย หาซื้อยาก แต่ถูกกว่า tarte และมีมายาวนานกว่า

หวังว่าจะเป็นประโยชน์ในการตัดสินใจของเพื่อนๆนะคะ
ขอบคุณสำหรับการติดตามชมคะ 
loveberry joyjee 'blog




Create Date : 23 มกราคม 2558
Last Update : 18 พฤศจิกายน 2558 11:55:36 น.
Counter : 3835 Pageviews.

0 comment
[รีวิว] bareMinerals ผิวแบบ My skin but better!
สวัสดีค้า
วันนี้จอยจะมารีวิวของที่เพิ่งไปตำมาสดๆร้อนๆจากอเมริกากันนะคะ 
นั่นก็คือ bareMinerals GET STARTED COMPLEXION KIT นั่นเอง 
ก่อนจะสนใจเจ้าตัวนี้ จอยเห็นบิ้วตี้ยูทูปคนนึงรีวิวไว้แล้วกิเลสมากกก 
พอเริ่มหารีวิวก็ไม่ค่อยพบคนไทยรีวิวซักเท่าไหร่ ดังนั้นเลยต้องไปลองจัดมาเล่นดูเองซะแล้ว

จอยเป็นคนไม่ชอบรองพื้นเนื้อลิขวิด เพราะรู้สึกว่าเป็นคราบตลอดๆ 
ทั้งๆที่ตัวเองก็ไม่ใช่คนหน้ามันหรืออะไร แต่รู้สึกไม่ค่อยถูกชะตา ชอบพวกแป้งมากกว่า 
เซตที่ซื้อมานั้น มีหน้าตาเป็นแบบนี้ค้า 
(ขออนุญาตเอารูปจากเน็ต เพราะตอนแพคของกลับไทย โล๊ะกล่องทิ้งไปแล้ว ฮือ)

กระปุกเล็กๆน่ารัก 4 กระปุก แถมยังมีแปรงมาให้อีก 1 อันและก็ไพรเมอร์
และกระเป๋าเครื่องสำอางที่ดูดีมากๆ 1 ใบสนนราคาอยู่ที่ 49$ หรือประมาณ 1,600บาท 
รวมภาษีรวมอะไรไปเสร็จสรรพคงอยู่ที่ประมาณ 1,800 บาท 
ราคาถือว่าโอเค ไม่ถูกแต่ก็ไม่แพงจนเกินไป 
จอยซื้อมาจาก Sephora คะ เลือกสี Light มา
แต่ด้วยความที่กลัวว่าสี light จะสว่างไป และออกโทนเหลืองมาก 
จอยเลยจัดมาอีกสีหนึ่ง ไว้ผสมกัน นั่นก็คือสี Medium Beige 
เป็นกระปุกขนาดปกติคะ ราคาอยู่ที่ 27$ หรือประมาณ 900 บาท 
แต่หลังจากที่ได้ลองมาแล้วจริงๆ จอยว่าสีที่น่าจะเหมาะกับ 
ผิวสี NC20 แบบจอย คือ Fairly Medium คะ

ในชุด Get started นี้ เหมาะมากสำหรับมือใหม่ที่เพิ่งอยากจะลองใช้
เพราะปริมาณกำลังดี แถมมีหลากหลายให้ได้ลอง ซึ่งได้แก่ 
1. Prime Time original foundation primer / 15ml (ไม่ได้ถ่ายรูปไว้ ขออภัยคะ) 
2. bareMinerals ORIGINAL FOUNDATION BROAD SPECTRUM SPF15 / 2g 
3. bareMinerals MATTE FOUNDATION BROAD SPECTRUM SPF15 / 2g 
4. Warmth All-over face color / 0.57g 
5. Original mineral veil finishing powder / 0.75g 

แป้งรองพื้นมีมาให้ได้ลองทั้งรุ่น original กับรุ่น matte จอยว่าสาวไทยคงชอบ matte มากกว่าแต่สำหรับจอยใช้ได้ทั้งสองรุ่นเลยคะ อยากวาวฉ่ำๆหน่อยก็ใช้รุ่น original 
หรือวันไหนอยากได้ลุคเนียนๆ แมตๆ ก็ใช้รุ่น matte คะ
กระปุกแป้งไซต์ปกติที่ขายเดี่ยวๆ จะอยู่ที่ 8g / 27$ คะ 
จอยจัดสี Medium beige มา ลองแล้วสีเข้มกว่าผิว T^T เศร้าจุง 
เลยใช้ผสมๆกับสี light พอได้อยู่คะ 

กระปุกมีตัวล็อคผลิตภัณฑ์ไม่ให้หกเลอะเทอะออกมา
วิธีใช้ก็คือการเคาะออกมาที่ฝา ย้ำนะคะ ว่าใช้นิดดดเดียวเท่านั้น 
ปริมาณที่จอยเคาะออกมาในรูปก็ใช้ได้ทั้งหน้าแล้วคะ 
ถ้าใช้เยอะหน้าจะดูหนาโตะเป็นแป้งๆ ไม่งามๆ
Original mineral veil finishing powder / 0.75g
อันนี้เป็นแป้งฝุ่นสำหรับปัดทับรอบสุดท้าย เพื่อเซตทุกสิ่งทุกอย่าง 
ใช้ปริมาณนิดเดียวเช่นกันคะ ใช้แปรงใหญ่ๆ ปัดให้ทั่วหน้าเบาๆ 
เนื้อแป้งละเอียดมากๆๆๆ ไม่มีสีคะ กระปุกเล็ดอันนี้ไม่มีตัวฝาล็อค ต้องห้ามคว่ำนางบ่อยๆ T^T
Warmth All-over face color / 0.57g 
อันนี้เป็นเหมือนบรอนเซอร์ ปัดกรอบหน้า ต้องใช้แบบเบามากๆ และปริมาณนิดเดียวเท่านั้น
เพราะสีชัดเจน ละเอียด เกลี่ยง่าย เบลนสีได้ไม่เป็นปื้น 
สีออกน้ำตาลเข้มชัดเจน ไม่ออกส้มออกเหลือง ดังนั้นต้องใช้ระวังหน่อย ไม่งั้นงิ้วแน่ๆ

เห็นว่าสี light จะออกเหลืองเด่นชัดมากๆ ส่วน medium beige แอบเข้มไปซักเล็กน้อย
แปรงที่จอยใช้สำหรับลงแป้ง ก็จะมีอยู่ 4 แท่งหลักๆ นั่นก็คือ
Real technique buffing brush สำหรับลงผลิตภัณฑ์ทั้งหมด
Zoeva 142 concealer buffer สำหรับลงผลิตภัณฑ์ตามซอกมุมเล็กๆ เช่นข้างจมูก 
Zoeva 231 luxe petit crease แต้มบริเวณจุดด่างดำหรือรอยสิว ที่ต้องการการปกปิดสูงสุด
Zoeva 106 powder สำหรับเกลี่ยแป้ง mineral veil เซตรองพื้นทั้งหมด  

วิธีการลงรองพื้น คือการเคาะเอาแป้งออกมาไว้ที่ฝาเล็กน้อย
จากนั้นวนแปรงกับฝา ให้ผลิตภัณฑ์เข้าไปเกาะกับแปรง 
เคาะแปรงกับฝาเล็กน้อย เพื่อเอาแป้งส่วนเกินออก ไม่ให้ฟุ้งกระจายเสียดายของ
ต่อมาเอาแปรงมาแตะผิวหน้าและวนเป็นวงกลมจนทั่วหน้า ให้เกลี่ยๆหมุนๆไปเรื่อยๆจะยิ่งเนียนคะ
ตรงไหนที่ต้องการปกปิดมาก ก็วนอยู่บริเวณนั้นนานหน่อย
เสร็จแล้ว ให้ทำซ้ำอีกหนึ่งถึงสองรอบ แล้วว่าอยากปกปิดมากน้อยแค่ไหน
ให้ลงเป็น layer บางๆ หลายๆชั้น จะดูเป็นธรรมชาติกว่าการฟาดแป้งไปรอบเดียวเยอะๆหนักๆคะ
ส่วนบริเวณรอยสิว ให้ใช้แปรงที่หัวเล็กลง แตะแป้งและนำขึ้นมาแปะๆบริเวณที่ต้องการปกปิดคะ
อันนี้จอยลง 2 รอบ หน้าดูมีสีขึ้น รอยจุดด่างดำดูจางลงและเป็นธรรมชาติกว่า เพราะยังดูเป็นผิว
ช่วยปิดพวกรอยแดงได้ ยังไม่เคยลงหลายๆชั้นแบบ full-coverage 
แต่เห็นมีคนบอกว่ามันสามารถทำได้ สำหรับจอยแค่นี้ก็พอแล้วคะ 

สำหรับคนที่รูขุมขนกว้าง หรือหน้าไม่เรียบเนียน จอยแนะนำเป็นรุ่น matte น่าจะดีกว่า 
เพราะรุ่น original จะมีความวาวค่อนข้างมาก อาจจะไปเน้นรูขุมขนหรือรอยสิวได้ 

ค่อนข้างติดทนและไม่ดูโบ๊ะ ใช้ง่าย สะดวก รวดเร็ว 
ไม่ต้องคอยเกลี่ยหรือระวังรอยคราบแบบรองพื้นเนื้อ liquid 
สามารถเซตด้วยสเปรย์น้ำแร่ ซึ่งจอยใช้ของ Mac Fix+ ซึ่งก็ทำให้แป้งเซตตัวและติดทนได้ดีมากคะ

สรุปคือ ชอบมาก และเห่อสุดๆ ใช้ทุกวัน ไม่แพ้หรือไม่ทำให้สิวผุดขึ้นมา
ดูแบบหน้าฉ่ำสุขภาพดี แบบรู้สึกได้ เลิฟสุด >__<

ตัวที่กำลังจะทดลองตัวต่อมาซึ่งมีคุณสมบัติเช่นเดียวกับ bareMinerals 
คือ Tarte Amazonian clay full coverage airbrush foundation สี fair-light neutral
ซึ่งจอยคิดว่าจอยเลือกสีมาขาวมากๆ สงสัยเดี๋ยวต้องลองเอามาใช้ผสมกับ 
bearMinerals ดู เผื่อจะสว่างขึ้น >__<

ขอบคุณสำหรับการติดตามนะค้า เจอกัยกระทู้น้า <3
loveberry joyjee 'blog





Create Date : 21 มกราคม 2558
Last Update : 18 พฤศจิกายน 2558 11:55:22 น.
Counter : 2783 Pageviews.

0 comment
[รีวิว] Beauty Buffet : The Bakery Sweet & Delicious
สวัสดีค้า
วันนี้จอยจะมารีวิวเครื่องสำอางแบรนด์สีชมพูมุ้งมิ้งน่าหม่ำที่ใครหลายๆคนรู้จัก
นั่นก็คือ Beauty Buffet นั่นเอง

สำหรับCollection ที่ผ่านมา นั่นก็คือ The Bakery แสนหวาน
ซึ่งมีตัวผลิตภัณฑ์ชิ้นหนึ่งที่ออกมาล่อตาล่อใจสาวๆให้ต้องเจ็บตัวซื้อกันไปหลายคน
นั่นคือเจ้า Macaron สีพาสเทลสุดน่ารัก 
จอยจะเอาผลิตภัณฑ์บางชิ้นที่ใช้แล้วรู้สึกชอบมาแชร์ให้ทุกคนกันนะคะ



แพกเกจของ collection นี้ทำออกมาได้ดีและน่ารักมากๆ 
เอาใจวัยรุ่นและสาวน้อยหัวใจสีชมพูสุดๆ



มากันที่ตัวแรก 
The Bakery - Macaron Eye Shadow 
(165 THB / 2g)





No.01 Coconut - No.02 Vanilla - No.03 Chestnut - No.05 Strawberry - No.04 Peach
เป็นอายแชโดว์ที่มีแพกเก็จจิ้งน่ารักที่สุดเท่าที่เคยเห็นมา
เคยเดินผ่านร้านแล้วมีความรู้สึกที่ว่า อยากจะได้ทั้งหมดแผงนี้เลย เพียงเพราะแพกเกจ

เนื้อผลิตภัณฑ์นุ่ม เนียน เกลี่ยง่าย เม็ดสีชัดเจน
No.01 Coconut เป็นสีขาว เนื้อแป้ง ไม่มีชิมเมอร์
No.02 Vaniila สีขาวมุข เหลือบๆ ทองนิดๆ (โทนเหลือง)
No.03 Chestnut สีขาวมุข เหลือบไปทางเบจ (โทนเนื้อ)
 No.05 Strawberry ชมพูสด ช้อกกี้พิ้งค์ เม็ดสีชัดสะใจมาก
 No.04 Peach สีชมพูcoral ที่สวยมากๆๆๆ


ชอบตรงที่เนื้อผลิตภัณฑ์นุ่มและเกลี่ยง่าย
แต่สำหรับจอยคิดว่า ถ้าตลับเป็นแบบฝาเปิดปิด จะใช้สะดวกกว่านี้
เพราะฝาแบบหมุนเกลียว กว่าจะได้ใช้จะต้องหมุนๆๆ ทำฝากระเด็นหล่นอีก 
จึงมีความยุ่งยากในการใช้เล็กน้อย


ต่อมาเป็นแป้งฝุ่นอัดแข็ง มี SPF 15 Pa++
The Bakery - Financier Pressed Powder No.01 Icing Pink
(220 THB / 11g)





ซูมดูใกล้ๆจะเห็นว่ามีเม็ดกลิตเตอร์เล็กๆละเอียดๆ กระจายตัวอยู่เต็มไปหมด
แว้บแรกที่เห็นและได้ลองปาดเล่นดู รู้สึกว่า เอ้ย มันน่ารักอะ


สังเกตุจะเห็นประกายวิ้งเล็กๆ ซึ่งจะสามารถมองเห็นได้ หากอยู่ในระยะที่ใกล้พอสมควร
เม็ดวิ้งๆนี้ทำให้นึกถึงแป้งฝุ่นกระปุกของ Lunasol รุ่นที่มีวิ้ง
ให้อารมณ์ประมาณนี้เลย แต่แป้งนี้ทำได้ในราคาที่ถูกกว่าไม่รู้กี่เท่า
หลงรักเลยยยยย

เนื้อแป้งนุ่มมากๆอีกเช่นกัน กลิ่นหอมอ่อนๆ ต้องดมใกล้ๆจึงจะได้กลิ่น
จอยว่าเหมาะสำหรับปัดบางๆทั่วๆหน้าเป็น Finishing Powder เพื่อเอา Texture ประกายวิ้งๆ
แบบบางเบา ไม่อยากให้ลงหนัก เพราะอาจกลายเป็น
เอ็ดเวิร์ดตอนโดนแสงอาทิตย์ได้ (กลัวจะวิ้งเกิน)


สองตัวถัดมา คือ Blusher 
The Bakery - Bavarois Duo Blusher No.01 Tea rose
(299 THB / 8g)
The Bakery - Lollipop Blusher No.01 
(190 THB / 4.3g)


ตัว Lollipop เม็ดสีแน่นมาก ตอนแรกดูที่ตลับสีจะค่อนข้างคล่ำ และเข้มพอสมควร
แต่พอปัดออกมาบางๆเบาๆ สีจะกำลังดี สวยชมพูระเรื่อ
แนะนำให้ปัดแค่บางๆก็พอแล้วคะ ไม่งั้นตูดลิง
เนื้อผลิตภัณฑ์นุ่ม และเป็นผงง่ายมากๆ

ส่วน Duo บลัชนั้นสีอ่อนไปเลยเมื่อเทียบกับ Lollipop
เนื้อไม่นุ่มเท่าไหร่ จิกสีขึ้นมาได้ไม่ค่อยเยอะ แต่shimmer สว่างกว่า
ให้สีชมพูอ่อนๆ บางเบา สำหรับวันสบายๆคะ


ตัวสุดท้าย
The Bakery - Meringue Light Base
( 200 THB / 30ml)
ตัวนี้แอบงงๆกับปริมาณเล็กน้อย เพราะในเว็บบอกไว้ว่า 30ml แต่ข้างขวดพิมพ์ไว้ว่า 20ml
แต่จากที่ดูขนาดขวดแล้ว น่าจะซัก 30ml มากกว่าคะ 





ขวดหัวปั้มทำให้สะดวกต่อการใช้งานมากๆ
ตัวนี้ก็เป็นเบสหน้าฉ่ำ ที่ฮิตกันอยู่ช่วงที่ผ่านมา 
เหมาะสำหรับคนที่ต้องการให้หน้าดูสว่างขึ้น กระจ่างใสขึ้น
เนื้อไม่เหลว หรือไหลไปตามมือ แต่ก็ไม่เหนียวหนืด เกลี่ยค่อนข้างง่ายคะ
ซึมซาบแล้วไม่ทิ้งความมันบนผิวให้เหนอะหน่ะด้วย

ทาเดี่ยวๆได้ แต่ถ้ากลัวหน้าจะวาวเกินไป หรือกลัวมันจะไปเน้นรูขุมขน
แนะนำให้ใช้ผสมกับผลิตภัณฑ์อื่น เช่นรองพื้น หรือBB 
 หรือแต้มบางส่วนบนใบหน้าเพื่อเป็นการไฮไลท์แทน
มีกลิ่นหอมที่ทำให้จอยนึกถึงเครื่องสำอางค์เกาหลี (อาจจะรู้สึกไปเอง)

แต่เทคนิกที่จอยชอบใช้บ่อยๆ คือการปั้มไปผสมกับครีมทาผิวตอนเช้า
เพราะจะทำให้ผิวดูฉ่ำสุขภาพดีสุดๆ (แต่แอบเปลือง)
ตัวหอมอ่อนๆแล้วยังวิ้งสวยกำลังดีด้วย ชอบมากๆเลยคะ


ขอบคุณจีบันและทาง Beauty Buffet ที่มีกิจกรรมส่งผลิตภัณฑ์มาให้ได้ทดลองกันนะคะ
ขอบคุณสำหรับการติดตามชมนะค้า เจอกันใหม่กระทู้หน้านะคะ
Loveberry JoyJee Blog





Create Date : 01 ธันวาคม 2557
Last Update : 18 พฤศจิกายน 2558 11:55:46 น.
Counter : 9560 Pageviews.

0 comment
1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  

LoveBerryJoyJee
Location :
กรุงเทพฯ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 18 คน [?]



loveberry joyjee
See my Art work, Graphic Design