ร้อยพันปัญหาเส้นผมบาง ศีรษะล้าน
ร้อยพันปัญหาเส้นผมบาง ศีรษะล้าน
นพ.บุญชัย ทวีรัตนศิลป์ แพทย์ที่ปรึกษาสาขาศัลยกรรมตกแต่ง โรงพยาบาลสมิติเวช ให้ความกระจ่างเรื่องความแตกต่างของการรักษาด้วยยาและการผ่าตัดปลูกถ่ายเส้นผมว่า “การรักษาด้วยยา ทั้งยากินและยาใช้ภายนอก จะเป็นตัวยาที่มีชื่อทางการแพทย์ว่า minoxidil และ finasteride แต่การรักษาแบบนี้ให้ผลไม่ถาวร ช่วงที่รับยาอาจสังเกตว่ามีผมใหม่งอกขึ้นมาบ้าง แต่เมื่อไรที่หยุดยา ทุกอย่างก็จะกลับเป็นเหมือนเดิม ทั้งยังอาจเจอผลข้างเคียง ไม่ว่าจะเป็นปวดศีรษะ ความดันต่ำ กระตุ้นการเกิดขนบริเวณที่ไม่ต้องการ รวมทั้งเสื่อมสมรรถภาพทางเพศ”
“ส่วนการผ่าตัดปลูกถ่ายเส้นผม เป็นวิธีที่ให้ผลดีและได้รับการยอมรับมากที่สุดในปัจจุบัน หลักการคือ แบ่งเส้นผมจากบริเวณที่ปกติไปปลูกถ่ายในตำแหน่งศีรษะล้าน ส่วนใหญ่หมอจะเลือกใช้รากผมจากบริเวณท้ายทอย เพราะมีเส้นผมที่แข็งแรงที่สุด ไปปลูกถ่ายลงในบริเวณที่ล้านทีละเส้น การผ่าตัดแบบนี้อาจกินเวลาตั้งแต่ 3-10 ชั่วโมง ค่าใช้จ่ายอยู่ราวๆ หลักหมื่นจนถึงหลักแสนบาท ขึ้นอยู่กับความกว้างของพื้นที่ปลูกถ่าย”
“วิธีนี้จะทำให้เส้นผมงอกขึ้นใหม่อย่างเป็นธรรมชาติ ไม่กระจุกตัวหรือฟูเป็นก้อนอย่างผมตุ๊กตา และอยู่ถาวร ไม่หลุดร่วงง่ายๆ ส่วนวิธีการสังเกตว่าศีรษะเราเริ่มมีผมน้อยหรือยัง ควรพบแพทย์หรือไม่ ดูได้จากไรผมบนหน้าผาก ว่าหนาแน่นดีอยู่ไหม เมื่อแหวกผมตรงกลางกระหม่อมแล้วเห็นหนังศีรษะชัดเจนไหม หรือดูที่พื้น แม้กระทั่งบนหมอน ถ้าหากว่ามีเส้นผมร่วงหล่นเกินวันละ 100 เส้น แสดงว่ามีโอกาสหัวล้านได้ในอนาคต”
“การรักษาทั้งการใช้ยาและการผ่าตัดนั้น จะได้ผลลัพธ์ที่ดีกว่ามากในระยะที่เพิ่งเริ่มต้นเข้าสู่ภาวะผมบางหรือศีรษะล้าน ดังนั้น ควรรีบปรึกษาแพทย์ เพราะหากปล่อยไว้นานเกินไป จะแก้ไขได้ยาก”
ตาเอก ตาเข ตาเหล่ ตาส่อน
ทั้งหมดคืออาการเดียวกัน เป็นภาวะผิดปกติของกล้ามเนื้อตาที่ทำงานไม่สมดุล ทำให้ตาดำไม่ขนานตรงกันทั้งสองข้าง อาจเกิดได้ทั้งเขเข้าและเขออก พบได้ในเด็กและผู้ใหญ่ แต่ในเด็กจะต่างจากผู้ใหญ่ตรงที่หากปล่อยทิ้งไว้จะเป็น “ตาขี้เกียจ” ซึ่งเกิดจากภาวะที่สมองสั่งกดไม่ให้ตาข้างที่เขทำงาน เด็กจะใช้ตาข้างปกติในการมองเพียงข้างเดียว หากปล่อยไว้นานจะมองเห็นได้ไม่ดีจนอาจถึงขั้นตาบอดได้ การรักษาทำได้ด้วยการฝึกใช้ตาข้างที่ผิดปกติร่วมกับการรักษาที่ต้นเหตุ การรักษาจะได้ผลดีหากอายุยังน้อยและภาวะตาขี้เกียจยังไม่รุนแรง แต่หากทิ้งไว้จนเด็กมีการพัฒนาการการมองเห็นเติบโตเต็มที่แล้ว การรักษามักจะได้ผลไม่ดีนัก
สังเกตได้อย่างไรว่าตาเข? นอกจากการมองด้วยตาเปล่าแล้ว ในรายที่เขน้อยจะต้องให้แพทย์ทำการทดสอบ นอกจากนี้ตาเข ยังอาจเป็นผลกระทบจากอุบัติเหตุที่ทำให้กล้ามเนื้อตาผิดปกติ ผู้ป่วยอาจจะมีอาการ มองเห็นเป็นภาพซ้อน ในการรักษาอาจจะต้องใช้วิธีผ่าตัดดึงกล้ามเนื้อตาให้ตรง
การผ่าตัดดึงกล้ามเนื้อตาเพื่อรักษาตาเข เป็นการผ่าตัดนอกลูกตา ใช้เวลาเพียงประมาณ 1 ชั่วโมงก็เสร็จเรียบร้อย แค่เปิดแผลเล็กๆ ตรงร่องตาก่อนใช้อุปกรณ์เกี่ยวกล้ามเนื้อตาให้อยู่ในระดับปกติ ระดับความเจ็บปวดพอทนได้ ค่าใช้จ่ายอยู่ที่ราวๆ 15,000-30,000 บาท แต่ในบางรายที่เป็นน้อย อาจใช้เพียงแค่แว่นตาหรือฝึกการใช้สายตา โดยที่ไม่ต้องผ่าตัดเลยก็ได้
ฟันไม่เข้า = ฟันเหยิน
ทพ.พรศักดิ์ ตันตาปกุล และทพญ.วิไลวรรณ ปัญญา-วรชาติ จากศูนย์ทันตกรรม BIDC แทคทีมกันมาไขข้อข้องใจทุกเรื่องเกี่ยวกับฟันเหยินค่ะ “... การเหยิน แบ่งได้ 3 ระดับ คือ ถ้าฟันบนที่คร่อมอยู่นูนออกมา 2-4 มิลลิเมตร จัดว่าเหยินเล็กน้อย ไม่จำเป็นต้องแก้ไข หากความนูนเขยิบขึ้นมาเป็น 8 มิลลิเมตร เรียกว่าเหยินกลางๆ แต่เมื่อใดที่ฟันยื่นนูนเกิน 8 มิลลิเมตร จัดว่าเหยินมาก ต้องจัดฟันหรือผ่าขากรรไกร แล้วแต่กรณี”
“ส่วนรูปแบบฟันเหยินนั้น แบ่งได้เป็น 3 ลักษณะ แบบแรกยิ้มแล้วเห็นฟันและเหงือกเยอะเหมือนแก้วหน้าม้า เกิดจากความผิดปกติของโครงสร้างใบหน้า ที่ขากรรไกรบนเติบโตมากเกินไปจนยื่นล้ำออกมา แก้ไขได้ด้วยการผ่าตัดขากรรไกรร่วมกับการจัดฟัน แบบที่สองมีฟันหน้าบนยื่น แต่ขากรรไกรปกติ ไม่ยื่นล้ำออกมาทั้งบนและล่าง แบบนี้รักษาง่ายที่สุดด้วยการจัดฟันธรรมดา และแบบสุดท้าย คือ ฟันล่างเหยิน ที่คนเอเชียรวมถึงคนไทยเป็นกันมาก เนื่องจากขากรรไกรล่างเติบโตมากเกินไป”
“การสังเกตว่าคนๆ หนึ่งโตมาจะฟันเหยินหรือไม่ ต้องดูแนวโน้มฟันตั้งแต่เด็ก การพบทันตแพทย์เป็นประจำแต่เนิ่นๆ จะช่วยได้ในระดับหนึ่ง ช้าสุดที่เด็กควรไปพบหมอฟัน คือ เมื่ออายุ 8-10 ปี แต่อาการเหยินหรือไม่เหยินจะเห็นชัดเจนในช่วงเข้าสู่วัยรุ่น ถ้ารีบแก้ไขตั้งแต่ช่วงวัยนี้จะง่ายและได้ผลที่ดีกว่า ในกรณีที่เด็กมีฟันเหยินแบบที่ 1 และ 3 โครงสร้างใบหน้ามีโอกาสเข้ารูปมากกว่า แต่หากมาจัดฟันเอาตอนที่ร่างกายเติบโตเต็มที่แล้ว จะจัดได้ผลดีแค่แบบที่สอง คือจัดเฉพาะฟัน ส่วนถ้าจะจัดจากกรรไกรคงต้องใช้การผ่าตัดร่วมด้วย “คำถามที่คนไข้มักถามหมอบ่อยๆ คือ จัดฟันแล้วหน้าจะเปลี่ยนไหม แก้มตอบไหม หมอขอตอบเลยว่าเปลี่ยนเล็กน้อยเฉพาะช่วงที่ใส่เครื่องมือ ซึ่งอาจจะเจ็บปวด รำคาญ จนพานไม่อยากอาหาร ทำให้หน้าตอบลง ดูผอมกว่าปกติได้ แต่ไม่ใช่อย่างที่เชื่อกันว่าการจัดฟันทำให้โครงหน้าเปลี่ยน เมื่อถอดเครื่องมือออกแล้วกินสะดวกขึ้น ก็จะกลับมาแก้มป่องได้เหมือนเดิม”
สำหรับคนที่ต้องการความรวดเร็ว และมีรูปฟันเหยินไม่มาก แนะนำให้ใช้ทันตกรรมตกแต่งหรือการครอบฟัน ซึ่งจะใช้เวลาราวๆ 2 สัปดาห์ ค่าใช้จ่ายแล้วแต่วัสดุที่เลือก ทั้งโลหะผสมทอง หรือเซรามิก เฉลี่ยอยู่ที่ซี่ละ 7,500-15,000 บาท โดยปกติจะครอบเฉพาะฟันหน้าบน 6 ซี่
เรื่องสิว ที่ไม่สิว
หลักการรักษาสิว จะรักษาตามประเภทของสิวเป็นสำคัญ เช่น สิวอักเสบ แพทย์จะให้ยาปฏิชีวนะ พวกเตตระไซคลินหรืออะม็อกซิซิลิน แบบกินหรือทาบนผิวหนัง แต่ชนิดทาจะให้ผลช้ากว่า หากเป็นสิวอักเสบจำนวนมากและไม่ตอบสนองต่อการรักษาด้วยยาปฏิชีวนะ อาจพิจารณาให้ใช้โรแอคคิวเทน ที่เป็นอนุพันธ์ของวิตามินเอเข้าไปยับยั้งการทำงานของต่อมไขมัน ลดการเกิดสิวใหม่ การใช้ยาตัวนี้อาจเกิดผลข้างเคียงได้แต่ถ้าใช้ภายใต้การควบคุมของแพทย์ก็มั่นใจได้ว่าปลอดภัย
อีกวิธีที่สะดวกและเป็นที่นิยมคือการใช้เลเซอร์ เหมาะสำหรับผู้ที่มีข้อจำกัดในการใช้ยา เลเซอร์รักษาสิวมีหลายแบบ ทั้ง Smooth Beam ซึ่งไปออกฤทธิ์ที่ต่อมไขมันโดยตรง ช่วยลดความมันที่ผิวหนัง เลเซอร์ฆ่าเชื้อสิว ที่ไปทำลายเชื้อแบคทีเรียทำให้เกิดสิวอักเสบโดยตรงเหมือนยาปฏิชีวนะ แต่ให้ผลช้ากว่า และเลเซอร์ที่ไปทำให้สิวอุดตันหลุดล่อนออก วิธีนี้ไวกว่าการใช้ยาทาละลายหัวสิวหรือกดสิว ค่าใช้จ่ายในการรักษาสิวไม่สูงมากนั้น ขึ้นอยู่กับว่าเป็นมากหรือน้อยและวิธีการรักษา โดยเฉลี่ยอยู่ที่หลักร้อยถึงหลักพันบาท
อ่านเพิ่มเติมในคอลัมน์ Health นิตยสาร Health & Cuisine ปีที่ : 9 ฉบับที่ : 99 เดือน : เมษายน 2552
From: //healthandcuisine.com/health.aspx?cId=7&aId=1311
Create Date : 13 มกราคม 2553 |
Last Update : 13 มกราคม 2553 9:40:38 น. |
|
0 comments
|
Counter : 482 Pageviews. |
|
|