ช่วงวันหยุดที่ผ่านมา ได้ไป ลาวใต้ แขวงจำปาสักชีวิตเหมือนย้อนกลับไปสู่วันเวลาเก่าๆในชนบททุกอย่างเรียบง่ายครั้งแรกที่บอกว่าจะไปลาวใต้และสารพัดน้ำตกน้องที่ที่ทำงานเอ่ยปากให้ยืมไม้เท้าแบบพับเก็บได้ไม่เอ๊า...ขืนถือก็สูงอายุสิจ๊ะแล้วทางก็ไม่ได้ลื่นขนาดต้องใช้ไม้เท้าเพราะน้ำหนักตัวเราไม่ได้เยอะอย่างพี่ชายเขาเราผ่านออกไปลาวตรงด่านช่องเม็กแน่นอน ทัวร์เป็นคนจัดการทุกอย่างระหว่างที่เราเดินดูของ แดดร้อน ฝุ่นฟุ้งแวะกินข้าวที่ร้านแดลตาหน้าโรงแรมจำปาสักพาเลซแล้วก็ไปน้ำตกตาดเยือนตาดแปลว่าน้ำตกเยือนก็คือเลียงผาละอองน้ำปลิวมากระทบผิว ให้ความรู้สึกฉ่ำเย็นสุดๆอยากจะนอนอยู่ตรงจุดชมวิวเลยละดอกไม้ป่าสีชมพูที่ขึ้นอยู่บนผาหน้าน้ำตก ดูสวยบอบบางท่ามกลางเสียงน้ำตกโครมครืน และละอองน้ำที่ปลิวมาต้องชีวิต บ้านเรือนที่นี่ เหมือนชนบทของไทยเมื่อ 40-50 ปีก่อนให้ความรู้สึกสงบ พ้นจากความวุ่นวายในเมืองดี เราไปพักที่สายเซรีสอร์ท ตรงน้ำตกตาดเลาะบรรยากาศดี เพราะอยู่ติดน้ำตกกินอาหารค่ำโดยมีน้ำตกเป็นฉากหลังเช้าตื่นมาใสบาตรพระ เณร ที่เดินจากวัดตรงหมู่บ้านใกล้ๆมาบิณฑบาตรแล้วก็มีอาหารเช้าที่เดิม ข้างน้ำตก ขนมปังโฮมเมด ข้าวต้มปลา ชา กาแฟ แต่บรรยากาศอบอุ่นต่างไปจากตอนค่ำกินข้าวเสร็จ มีไกด์ตัวน้อยสามคน เป็นเด็กผู้ชายแถวๆนั้นรับอาสาพาเดินไปน้ำตกอีกที่เรากับพี่ๆน้องๆก็เดินตามไปตลอดเวลา ไกด์ตัวน้อยที่ชื่อน้องโจ้ก็คอยหันมาดูเป็นระยะแถมเวลาขาลงยังช่วยส่งมือให้จับ สุภาพบุรุษซะไม่มี น่ารักมากอายุน่าจะไม่เกิน 7 ขวบตอนแรกยังคิดว่าจะไหวเร้อ... จะพากันร่วงทั้งขบวนละมั้งแต่พอส่งมือให้จับ รู้ทันที ข้อแข็งมาก ตามแบบฉบับเด็กชนบทที่ช่วยงานบ้าน ตักน้ำ หาบน้ำเป็นกิจวัตรไปน้ำตกตาดผาส้วม ที่มีร่องหินเป็นเหมือนห้องเพราะส้วมที่นี่ หมายถึงห้องกินข้าวกลางวันเอร็ดอร่อยที่เรือนไม้ นั่งพื้น แต่ห้อยขาได้สบายกินไปฟังเสียงน้ำตกไปแล้วก็ไปน้ำตกคอนพะเพ็งหรือที่เรียกว่า Niagara Asiaน้ำตกที่ตกลงมาแบบรุนแรงผ่านเกาะแก่งที่ขวางกลางแม่น้ำโขงบ่งบอกให้เรารู้ถึงความยิ่งใหญ่และพลังของธรรมชาติอย่างไม่มีข้อแม้ใดเรากลับมาพักที่โรงแรมจำปาสักพาเลซ ในเมืองจำปาสักสภาพบ้านเรือนเหมือนอยู่ในตัวอำเภอบ้านเรามีตึกให้เห็นบ้างประปรายแต่ถ้าพ้นตัวเมืองไปก็มีแต่บ้านไม้โรงแรมนี่เป็นตึกที่สูง 5 ชั้น หรูสุดแล้วถ้าขึ้นไปบนดาดฟ้า ก็มองเห็นวิวได้รอบเมืองห้องพัก เพดานสูง ประตูไม้แบบยาวสไตล์ฝรั่งเศส สวยขรึม ขลังเลยโรงแรมไปไม่ไกล มีร้านมินิมาร์ท ขายสารพัดอย่างที่มาจากเมืองไทยเราก็เลยซื้ออาหารแห้งไว้ตั้งแต่ตอนกลางคืนเพื่อใส่บาตรตอนเช้าเพราะพนักงานโรงแรมบอกว่าพระจะเดินบิณฑบาตรผ่านหน้าโรงแรมตอนหกโมงสิบห้าพระท่านเดินเร็วมาก ทั้งพระและเณร เปิดบาตร ใส่ของ ไหว้ อย่างรวดเร็วแป๊บเดียวก็ผ่านหน้าไปพี่คนหนึ่งถ่ายรูปอยู่บนดาดฟ้า ลงมาข้างล่าง พระท่านเดินผ่านไปแล้วต้องวิ่งตาม โดยมีเราลุ้นให้วิ่งทันอยู่ข้างหลังช่วยได้แค่ถือขาตั้งกล้องไว้ให้เท่านั้นโชคดีที่ทัน แล้วก็นั่งรถตู้ลงแพขนานยนตร์ข้ามแม่น้ำโขงไปปราสาทวัดพูช่างน่าทึ่งที่คนขับรถต้องขับไปบนขอนไม้ขนาดพอดีล้อโดยมีคนที่แพคอยส่งสัญญาณมือบอกทิศทางอยู่หน้ารถแถวนั้นเต็มไปด้วยของขายมันแกว มะพร้าว ข้าวหลาม ขนมจีนน้ำยาตามไปขายกันบนแพด้วยใครจะไปปราสาทวัดพู โปรดจงทากันแดดให้หนักๆอารมณ์ประมาณไปนครวัดบันไดทางขึ้น 7 ชั้น 77 ขั้นนั้นเป็นเรื่องเล็กน้อยสำหรับคนผ่านเขมรและบันไดปรางค์ประธานนครวัดมาแล้วหน้านี้ ดอกลั่นทม หรือลีลาวดี หรือจำปาลาว ออกดอกสวยให้บรรยากาศต่างจากหน้าฝนที่มีแต่ใบเขียวพอสมควรทับหลังที่นี่ยังคงความงดงามสมบูรณ์อยู่มากคุณไกด์เห็นพวกเราสนใจไถ่ถาม ฟังบรรยายดี ก็เลยมีของแถมพาเดินขึ้นไปดูรอยพระพุทธบาทบนเขา ต่อไปอีกพอได้กลับมาอยู่ในรถตู้พร้อมแอร์เย็นๆนี่ชีวิตช่างมีความสุขเสียนี่กระไร ฝุ่นท่วมข้อเท้าเลยแล้วก็กลับมาสู่แสงสีในเมืองอุบล ก่อนจะบินกลับกรุงเทพฯ คืนนั้นกับความทรงจำที่ดี
แวะมาทักทายค่ะ มีความสุขมาก ๆน่ะค่ะ