หลังจากที่เรากลายเป็นคนไข้อนาถาไปแล้วมีเพียงพยาบาลเดินเข้าออก วัดความดันแทบจะทุก 15 นาทีจนเกือบสี่ทุ่ม ห้องพักเริ่มสงบ เราก็อยากเข้าห้องน้ำ แต่ติดสายน้ำเกลือ ยังไงก็ต้องเรียกพยาบาลมาช่วยหลังจากกดออด แจ้งความประสงค์เบาหวิว เราก็พยายามกระดืบลุกขึ้นก็บอกแล้ว คนไข้อนาถาไม่มีใครช่วยไขเตียงให้ ปุ่มกดก็ไม่รู้อยู่ไหน สงสัยเตียงรุ่นเก่าพี่เตียงนู้น คงเฝ้าลูกสาวเป็นไข้เลือดออก เห็นเราเข้าก็ส่งเสียงถามอย่างห่วงใยว่า จะเอาอะไรหรือเปล่าคะ เรียกพยาบาลไหมคะเรายิ้ม ขอบคุณกับน้ำใจของเธอ บอกว่า เรียกแล้วละค่ะสักครู่พยาบาลก็มาช่วยพาไปห้องน้ำ เปลี่ยนเสื้อผ้าให้ใหม่ เสื้อผ้าโรงพยาบาลก็น่ารักดี เป็นเสื้อคลุมยาวกรอมเท้า สีชมพู มีลายดอกไม้เล็กๆ สดใสไม่หดหู่เราสบายตัวขึ้นแล้วก็กลับมานอนนิ่งๆพยาบาลถามว่าเจ็บไหมคะ เราพยักหน้าถ้าให้คะแนนความเจ็บเป็นสิบ เจ็บแค่ไหนคะสองค่ะ ...เรารีบตอบ ความจริงน่ะ 4 หรือ 5แต่ไม่อยากโดนฉีด pethidine เดี๋ยวอาเจียนอีก พรุ่งนี้กลับบ้านไม่ได้หลังจากนั้น พยาบาลก็มาฉีดยาแก้อาเจียนให้เข้าไปในสายน้ำเกลือที่ข้อมือ เจ็บน่ะไม่เจ็บ เพระไม่ได้แทงเข็มเพิ่ม แต่ปวดไปตามเส้นเลือดจนต้องยุดมือพยาบาลไว้ "ช้าๆหน่อยค่ะ"เตียงขวามือของเราที่มีม่านกั้น มีเสียงคนเฝ้าดังเป็นระยะคุณแม่ ไม่ไหวแล้วนะคะ ไม่ลุกแล้ว ฉี่ใส่แพมเพอร์สเลยค่ะมีเสียงคุณแม่ต่อรอง... ก็มันฉี่ไม่ออกไม่ได้ค่ะ คุณแม่ลุกตลอดคืน หนูไม่ไหวแล้ว ไม่ได้นอนพอดี อย่างนี้แผลก็อักเสบ ไม่หายนะคะเราเข้าใจความรู้สึกคนไข้ที่ไม่อยากปัสสาวะบนเตียงหรือขับถ่ายบนเตียงเพราะถ้าลุกได้ก็อยากไปห้องน้ำมากกว่าตลอดคืนก็จะมีเสียงเรียก "เกด แม่จะไปห้องน้ำ"และเสียงต่อรองตลอดน่าแปลกที่เราไม่ได้หงุดหงิด หรือรำคาญที่ไม่ได้นอนแต่เป็นความรู้สึกนิ่ง สงบจนเช้า ได้ยินเสียงลูกสาวฟ้องพยาบาลพยาบาลก็พยายามบอกว่าอย่าลุกเดินบ่อย แผลที่เท้าระบมอีกแล้ว เดี๋ยวคุณยายไม่ได้กลับบ้านเร็วนะคะคุณยายอายุเท่าไหร่แล้วคะ... 94 หรือคะ ยังแข็งแรงอยู่เลยเราเลยรู้ว่าที่ได้ยินเสียงนี่คุณยายอายุมากแล้วเราลุกไปเข้าห้องน้ำด้วยความช่วยเหลือของพยาบาลอีกครั้งหมอมาดูเราตั้งแต่แปดโมงเช้า พอรู้ว่าเข้าห้องน้ำ ก็รอและให้กลับบ้านได้หลังน้ำเกลือหมดแถมใจดี ไม่ต้องให้กินยา "เพราะไม่งั้นหนูก็อาเจียนอีก"ได้แต่บอกให้มาฟังผลอาทิตย์หน้า (ซึ่งรู้ผลแล้ว ปลอดภัย ปกติดีค่ะ)เราเริ่มยิ้มแฉ่ง เพราะเคยหลายครั้งที่ดูเหมือนวันรุ่งขึ้นจะได้กลับบ้าน ก็อาเจียนจนหมอไม่ให้กลับซะงั้นเตียงคุณยาย มีคุณลุงกับภรรยามาเปลี่ยนเวรคุณยายก็จะถามตลอดว่า เกด ไปไหนแสดงว่าคุณยายติดลูกสาวคนนี้มากคุณลุง ลูกชายที่มาเฝ้าแทนก็จะอ่านหนังสือพิมพ์ไป ตอบเสียงดังฟังชัดไปว่า"เกดกลับบ้าน ไปฉีดยากันบาดทะยัก ไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าใหม่ เดี๋ยวเที่ยงๆจะกลับมาเฝ้าคุณแม่"ทั้งหมดนี้เราไม่เห็นหรอก ได้ยินแต่เสียงคุณยายถามซ้ำทุก 3 นาที คุณลุงเสียงดุก็ยังตอบอย่างอดทนทุกครั้งอย่างน่าทึ่งมาก ในที่สุดคุณลุงก็พูดว่าคุณแม่ทำให้ผมคิดถึงหนัง ที่พระเอกเป็นทหารผ่านศึกทุกวันพอเขาเข็นไปรับอากาศบริสุทธิ์ที่สนาม ก็จะต้องถามถึงเพื่อนชื่อจอห์นทุกครั้งว่า"Where's John?" คนดูแลก็จะตอบทุกครั้งว่า "He's still alive" ยังมีชีวิตอยู่สำเนียงภาษาอังกฤษคุณลุงเพราะมากเดาว่าเป็นนักเรียนเก่าอังกฤษ"คุณแม่ถามจนผมคิดถึง He's still alive นั่นน่ะ"เราแอบอมยิ้ม เพราะคุณยายก็ยังถามต่อว่า เกดไปไหน จะกลับมาเมื่อไหร่ อยู่ดีจนเราขอพยาบาลให้หยุดให้น้ำเกลือสำเร็จเข้าห้องน้ำไปเปลี่ยนเสื้อผ้าชุดเดิมเมื่อวานเย็น พร้อมรองเท้าส้นสูงทาแป้งทาปาก สลัดคราบคนไข้ พร้อมออกจากโรงพยาบาลเตียงคุณยายเปิดม่านไว้ทางด้านที่ไม่ได้ติดกับเตียงเราเราหันกลับไปสวัสดี "ขอให้คุณยายหายเร็วๆนะคะ"คุณลุงเสียงดุ หน้าดุ และภรรยาที่ท่าทางใจดี ยิ้มพร้อมกันขอบคุณครับ/ ขอบคุณค่ะไม่น่าเชื่อว่าพยาบาลที่เคาท์เตอร์ปล่อยเราลงลิฟท์มาจนถึงการเงินแล้วก็ต้องวิ่งเอายามาให้ เพราะไม่คิดว่าเราเป็นคนไข้เดินออกมาจากห้องพักหลังจากที่เราเปลี่ยนชุดแล้วที่ได้ฤกษ์อัพเดตเรื่องนี้ หลังจากโอ้เอ้มานานก็เพราะเมื่อวานซืนเราดูวิดีโอคลิปพ่อที่ถามลูกว่า นกอะไร และลูกชายตอบอย่างรำคาญว่านกกระจอกครับพ่อจนบ่อยครั้งเข้าลูกชายก็โมโห ตวาดกลับในขณะที่พ่อเอาบันทึกให้ดูว่าตอนลูกเด็กๆ ลูกถามซ้ำว่านกอะไร 20 กว่าครั้ง พ่อก็ตอบทุกครั้ง และกอดลูกทุกครั้งก็เลยนึกถึงคุณลุงกับคุณยาย แม่ลูกคู่นั้น John และ He's still alive ขึ้นมาได้ใครช่วยบอกที ว่าหนังเรื่องนี้ชื่ออะไร
ไม่รู้เลยครับว่าหนังเรื่องนี้ชื่อเรื่องอะไร
แต่เรื่องเล่าเคยอ่านในหนังสือมาก่อน
เปลี่ยนจากนกกระจอกเทศเป็นวัวครับ
ชอบเรื่องเล่าของพี่มากครับ
ขอโหวตในสาขาไดอารี่นะครับ