In the last analysis, our only freedom is the freedom to discipline ourselves. - Bernard Baruch
Group Blog
 
All Blogs
 
“แล ดิลกวิทยรัตน์” ปฏิรูปโลกทัศน์ พัฒนาความเป็นมนุษย์ให้ครบทุกมิติ

สถาบันข่าวอิศรา สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพืแห่งประเทศไทย

นับจาก “ศ.นิคม จันทรวิทูร” นักวิชาการที่ต่อสู้เคียงข้างผู้ใช้แรงงาน ล่วงลับไปแล้ว ในแวดวงแรงงาน มีเพียง "รศ.แล ดิลกวิทยรัตน์" ผู้อำนวยการศูนย์พัฒนาแรงงานและการจัดการ คณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ที่มีความโดดเด่นที่สุด ในจุดยืนที่มั่นคง ตลอด 3 ทศวรรษ

เมื่อเร็วๆ นี้ “รศ.แล ดิลกวิทยรัตน์” ได้ให้สัมภาษณ์ โต๊ะข่าวประชาธิปไตย สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย ถึงยุทธศาสตร์การปฏิรูปประเทศไทยในทศวรรษนี้ไว้อย่างน่าสนใจว่า

“หลายคนมองว่าการจะปฏิรูปอะไรก็แล้วแต่ต้องไปแก้ที่กฎหมาย แต่โดยส่วนตัวแล้วคิดว่า กฎหมายเป็นอะไรที่ไม่ใช่ปัญหา เพราะกฎหมายนั้นรับใช้เจตจำนงของคน คนอยากจะทำอะไรก็เขียนให้เป็นกฎหมายมีเนติบริการคอยร่างกฎหมายเป็นอย่างนี้มาทุกยุคทุกสมัย”

ชำแหละสังคมบริโภคแบบไทยๆ

อาจารย์แล มองว่า ประเด็นสำคัญของการปฏิรูปนั้น อยู่ที่ความคิด การมองสังคม ในสังคมที่มีความเจริญก้าวหน้า มีการพัฒนาแล้ว ไม่มีสังคมไหนที่นิยมอะไรแบบกลวงๆ เหมือนกับสังคมที่โตเร็วๆ อย่างสังคมไทยที่เป็นอยู่ในขณะนี้

ถ้าหันไปดูสังคมตะวันตกจะเห็นว่าเมื่อมาถึงจุดหนึ่ง คนตะวันตกจะไม่มาอวดร่ำ อวดรวยกัน หมายความว่าจะไม่ได้อวดกันในรูปแบบภายนอกที่เห็นกัน แต่คนตะวันตกจะสนใจที่เนื้อในของความเป็นมนุษย์เป็นเรื่องสำคัญ เพราะฉะนั้นในสังคมตะวันตกจึงให้ความสำคัญกับเรื่องของความรู้ การพักผ่อนที่มีสาระ


วันนี้ถ้าจะปฏิรูปสังคมไทยกันจริงๆ จึงต้องหันมาดูว่าจะทำอย่างไรที่จะทำให้คนในสังคมไทยรู้เท่าทันกับระบบที่เรียกว่าบริโภคนิยม ซึ่งเป็นน้ำมันหล่อลื่นระบบทุนนิยมมาตลอด

จะเห็นได้จากการแข่งกันผุดศูนย์การค้าในพื้นที่ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นสยามพารากอน เวิร์ลเทรดเซ็นเตอร์ ห้างสรรพสินค้าเหล่านี้เปิดขึ้นมาเพื่อให้คนไทยไปเดินจับจ่ายซื้อของ ไปอวดความร่ำความรวยกัน

ถ้ามีโอกาสไปเดินในต่างประเทศจะเห็นว่าบรรยากาศอีกแบบหนึ่ง ประชาชนของเขาจะแต่งตัวกันแบบธรรมดามากๆ พูดคุยกันเฉพาะเรื่องที่มีสาระ ใช้ชีวิตอย่างสมดุล เพราะอะไร เพราะว่าโดยธรรมชาติแล้วมนุษย์มีหลายมิติ เพราะฉะนั้นจึงต้องใช้ความเป็นมนุษย์ให้ครบทุกมิติ ไม่ใช่เน้นแต่การบริโภคเพียงอย่างเดียวเหมือนที่เป็นอยู่ในบ้านเราทุกวันนี้

หากสังเกตให้ดีสถานประกอบการในประเทศไทยใช้งบประมาณในการโฆษณาแต่ละปีมหาศาลเมื่อเปรียบเทียบกับงบประมาณที่ใช้ในกระบวนการผลิตต่างๆ งบการตลาดจะสูงกว่างบการผลิตอยู่มากพอสมควร ฉะนั้นถ้าจะปฏิรูป จะต้องไปปฏิรูปที่ การมองชีวิต มองคน มองเพื่อน มองสิ่งแวดล้อมไปพร้อมๆ กัน

ยกย่องเงินตราเป็นพระเจ้า

ยกตัวอย่าง ถ้าเราชื่นชมความรอบรู้ของเพื่อนฝูง ชื่นชมความเป็นคนดี คนใจดีของเพื่อนฝูง ก็ต้องแสดงความชื่นชมอย่างจริงใจ แต่คนไทยทุกวันนี้เจอหน้ามักจะถามว่า ทำอะไร ทำงานอะไร แทนที่จะถามว่า เขาเป็นคนดีหรือเปล่า ถ้าพูดกัน ถามกันอย่างนี้มากขึ้น แล้วชื่นชมคนที่หาเงิน สะสมเงินทองน้อยลง คนทุกอาชีพก็มีโอกาสที่จะเป็นคนดีมากขึ้น เพราะทุกคนก็ต้องการที่จะให้คนพูดถึงตัวเขาในทางที่ดี ต้องการให้พูดว่า เขาเป็นคนดีด้วยกันทั้งนั้น

“คนทุกคนฐานะต่างกัน ตำแหน่งต่างกัน คนที่ตำแหน่งหน้าที่การงานต่ำกว่าอาจจะถูกดูถูก ดูแคลน คนบางคนอาจจะเงินเดือนน้อยแต่ถ้าสังคมชูเรื่องการทำความดี ลูกกรรมกรก็จะไม่คิดว่านายของพ่อยิ่งใหญ่กว่าพ่อของตัวเองที่เป็นกรรมกรขุดดิน”

คุณค่าของมนุษย์สูญหาย

ผู้อำนวยการศูนย์พัฒนาแรงงานและการจัดการ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวต่อไปว่า ถ้าคนทุกคนมองคนที่ความเป็นมนุษย์ ความดีของมนุษย์ สิ่งอื่นๆ ก็จะลดความสำคัญลงไป คนทุกคนก็จะไม่ทุ่มเทเวลาไปกับการสะสมความมั่งคั่งเพียงอย่างเดียว ทุกคนจะมีเวลานั่งดูหนัง ดูละคร อ่านหนังสือ ท่องเที่ยว เข้าวัด ฟังเทศน์ วิสาสะกับเพื่อนบ้าน ฉะนั้นสิ่งที่สำคัญที่สุด คือ การใช้มิติของความเป็นมนุษย์ให้ถูกต้องและสมดุลที่สุด

คนไทยทุกวันนี้กลายเป็นคนมิติเดียว คือ หาเงินเพื่อบริโภค โดยไม่ได้บอกว่าแค่ไหนจึงจะเรียกว่าพอ ดังนั้นจึงมีการเรียกร้องให้พูดถึงเรื่องเศรษฐกิจพอเพียง ชีวิตที่พอเพียง เพราะฉะนั้นถ้าหากจะปฏิรูปสังคมไทยกันจริงๆ จะต้อง “ปฏิรูปโลกทัศน์”ของคนไทยก่อน

เมื่อปฏิรูปตรงนั้นได้แล้ว จะเขียนกฎหมายอย่างไรก็ได้ไม่ต้องไปปลดล็อกอะไรเลย เพราะกฎหมาย คือ เครื่องมือของมนุษย์ มนุษย์คิดอย่างไร กฎหมายก็ออกมาอย่างนั้น

หรืออีกนัยหนึ่ง กฎหมายคือการประจานว่าในสังคมนั้นมีปรากฏการณ์เหล่านั้นเกิดขึ้น เช่น กฎหมายห้ามคนเมาแล้วขับรถ แสดงว่าสังคมนั้นมีคนเมาแล้วขับอยู่เยอะ กฎหมายห้ามคนลักขโมย ก็ประจานว่าสังคมนั้นมีการลักขโมยอยู่มาก

คนทุกคนวิ่งเข้าหาเงิน วิ่งหาอำนาจการเมือง อำนาจการบังคับบัญชา แต่ไม่มีใครคิดว่าถ้าขึ้นเป็นอธิบดี หรือปลัดกระทรวง ทำอย่างไรตายไปแล้วจะมีคนพูดถึงเหมือนกับอาจารย์นิคม จันทรวิทูร ไม่มีใครคิดว่าจะวิ่งเข้าหาอำนาจเพื่อทำอะไรให้สังคม ทำอะไรให้คนอื่น พอไม่คิดหยิบยื่นอะไรให้กับสังคม อำนาจที่ได้มาวันหนึ่งก็หมดไป เงินทองที่ได้มาวันหนึ่งหายไป สุดท้ายก็ไม่มีอะไรเหลืออยู่ในสังคม แม้กระทั่ง “ชื่อ” คนในสังคมก็จำไม่ได้

ถึงเวลาปฎิรูปโลกทัศน์ใหม่

อาจารย์แล กล่าวต่อไปว่า การจะปฏิรูปโลกทัศน์ทั้งหมดจึงขึ้นอยู่กับการสร้างเงื่อนไขให้คนทำตาม ยกตัวอย่าง เมื่อพูดถึงเรื่องการศึกษาวันนี้ “เก่ง” อย่างเดียวไม่พอแล้วจะต้องมีคุณธรรม ถามต่อไปว่า เรื่องคุณธรรมสอนกันได้หรือไม่ คำตอบคือสอนกันไม่ได้ นอกเสียจากว่าจะบอกกับคนเหล่านั้นว่า ถ้าทำอย่างนี้แล้วจะสบความยากลำบากในชีวิต ต้องวางเงื่อนไขให้ทุกคนตระหนักรู้ด้วยตัวเอง ถ้าพูดอย่างเดียวเข้าหูซ้ายก็ทะลุหูขวา เรื่องคุณธรรมก็ไม่เกิด

คำว่าคุณธรรม หมายถึง คุณ-นะ-ทำ การสอนเรื่องคุณธรรมจึงต้องให้ทุกคนได้ทำ ถ้าไม่ทำแล้วจะรู้สึกว่าประหลาดกว่าคนอื่น

“รศ.แล” กล่าวต่อไปอีกว่า หน่วยงานที่ถูกขึ้นบัญชีดำเป็นหางว่าวเรื่องทุจริตคอร์รัปชั่นเวลานี้ต้องรีบฉวยโอกาสพิสูจน์ตัวเอง สร้างความโปร่งใสให้กับตัวเองเพื่อลบข้อครหาที่เกิดขึ้น นอกจากจะออกมาแจกแจงรายละเอียดของการทำงานแล้ว อาจจะต้องมีการปรับบอร์ดใหม่ ดึงมือคนที่เกี่ยวข้องโดยตรง หรือคนที่มีส่วนได้ส่วนเสียโดยตรงเข้ามาเป็นบอร์ดให้มีความหลากหลายมากที่สุด อย่างเช่น บอร์ดประกันสังคมต้องพยายามเอาคนตัวเล็กๆ มานั่งให้มากขึ้น ไม่ใช่ให้ข้าราชการมานั่งเป็นประธาน เป็นเลขานุการ เป็นผู้ชี้เป็นชี้ตายชีวิตของในสังคม ชีวิตของผู้ใช้แรงงาน

การมีตัวแทนที่หลากหลายเข้าไปนั่งอยู่ในบอร์ดจะเป็นการสร้างภูมิคุ้มกันข้อครหาในเรื่องของการทุจริตคอร์รัปชั่นได้เป็นอย่างดี เพราะเรื่องอะไรก็แล้วแต่ถ้าคนจำนวนมากได้รับรู้ คนในสังคมได้รับรู้ เรื่องนั้นก็จะไม่เป็นความลับ แล้วก็จะไม่ถูกนินทา

เรื่องสำคัญๆ ก็จะไม่ถูกครอบงำหรือถูกชี้นำโดยคนกลุ่มน้อยแต่ตัวโตในสังคม


Create Date : 11 พฤศจิกายน 2554
Last Update : 11 พฤศจิกายน 2554 2:25:11 น. 0 comments
Counter : 970 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ขอบฟ้าบูรพา
Location :
สมุทรปราการ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 19 คน [?]




ผู้ประกาศกรุงเทพธุรกิจทีวี พิธีกรรายการแกะรอยหยักสมองและ World Class Smart Thai
สนใจประวัติศาสตร์ ศาสนา ปรัชญา ต่างประเทศ เทคโนโลยี สังคม และชนชั้น

ติดตามทวิตเตอร์ได้ที่ @atis_kttv นะครับ
New Comments
Friends' blogs
[Add ขอบฟ้าบูรพา's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.