★ ★ เ กิ ด ขึ้ น ไ ด้ กั บ ค น...ชีวิตนักเรียนทุนรัฐบาลไทยในอเมริกา ตอนที่ 3 ★ ★
ต่อจาก ตอนที่ 2 (ใครเพิ่งหลงเข้ามา ช่วยไปอ่าน ตอนที่ 2 ก่อนนะครับ อ่านแค่ล่างๆก็ได้ นิดเดียวเอง) ************************* ผมก็หันไป ใจเต้นตึกๆ แล้วเราก็สบตากัน วิ้ง วิ้ง วิ้ง ปรากฏว่า....จริงๆมิกเป็นผู้ชาย แล้วก็มาหลอกเราว่าเป็นผู้หญิง แต่ก็เอาเหอะ มิได้เกี่ยง แต่ที่เกี่ยงคือ... มิกกำลังนั่งอยู่ท่ามกลางแก๊งซ์ถึก แล้วหน้าตามันก็หน้าตาออกเถื่อนๆ (ในความคิดตอนนั้น) ดำด้วย (คนเขียน ไม่ดูตัวเองเลย ว่าทั้ง ดำ ทั้งเถื่อน มากกว่าเค้าหลายเท่า) แล้วก็พูดกันภาษาสมันพ่อขุนราม ไอ้เหี้- ไอ้สั- ไอ้ค-ย คือตอนนั้นขอเซไปตั้งหลักก่อน พอสติสตังส์กลับมาแล้ว ถึงเข้าไปทักมิกมัน แล้วมันเหมือนเป็นคนละคนกับในเอ็มเลย ดูเถื่อนๆมาก ไม่ขำเลย ฝืดดดดดด น่ากลัวด้วย น้ำตาตกใน คิดในใจว่า อย่าได้พบได้เจอกันอีกเลย ข้าน้อยกลัวแล้ววว ส่งตัวเข้าหอ คิดแล้วยังอดขำไม่หายตอนหอบชะลอมเข้าบ้านทรายทอง (ย้ายกระเป๋าเข้าห้อง) หอที่ได้ตอนนั้นชื่อว่า Sargent เป็นหอที่ใหญ่ที่สุดของ Brewster เดินเข้าประตูไป เห็นห้องนึง ชั้นหนึ่งตรงกับประตูเลย มีป้ายชื่อว่า ...Mick & Jame ก็เลยถามพี่จอย พี่เลี้ยงคนไทยที่นั่นว่า “พี่จอยครับ มีคนชื่อมิกกี่คนเหรอครับ รุ่นนี้” “เดี๋ยวนะคะน้องเจม ขอดูรายชื่อก่อน... ก็คนเดียวนี่คะ ไม่เห็นจะมี MickL MickT อะไรทำนองนั้นเลยนี่ค่ะ” (ที่นั่น พี่เลี้ยงเค้าจะเรียกชื่อเล่นกัน ถ้ามีชื่อเล่นซ้ำกัน เค้าก็จะมีอักษรแรกของชื่อจริง มาแยกแฝดออกจากฝา เช่น TopK (ท็อป เค) เพราะเจ้าตัวชื่อเล่นชื่อ Top ชื่อจริง Kanoot และ TopW (ท็อป ดับเบิ้ลยู)มาจาก Top Worachai)
จะไม่ยอมเป็นฝ่ายเดินหนี
เป็นคนที่ไม่ยอมแพ้ชะตาชีวิตครับ เลยถามต่อ “แล้วเจมอะครับ มีชื่อเจมกี่คน” “ก็คนเดียวนั่นแหละค่ะ ก็ไม่เห็นมี JameK JameD อะไรนี่คะ” คราวนี้ก็ต้องยอมแพ้ชะตาชีวิตแล้วล่ะครับ เข้าห้องก่อน ก็รีบจองที่ติดหน้าต่างเลย จะได้ไม่อึดอัด มีโต๊ะทำงานไกล้ๆ ตู้เสื้อผ้า ไกล้เตียง สร้างอาณาจักรได้เลย (จริงๆคือ รังหนูในปลายภาคหน้า) พอมิกเข้ามา ก็พูดกันไม่กี่คำ ตามมารยาท จัดของเสร็จ ก็ออกไปทักทายเพื่อนๆคนอื่นกัน ผมกับมิก ไม่คุยกันเลยซักคำ กลับมาในห้อง ก็ดูเหมือนเกร็งๆ กันทั้งสองคน ไม่มีใครพูดอะไรกันเลย แค่ถามคำตอบคำ เป็นอย่างนี้อยู่เรื่อยๆ
วันเรียนวันแรก วันเรียนวันแรกก็มาถึง ทางโปรแกรม จะจัดห้องให้เด็กๆตามความสามารถทางภาษาอังกฤษ ชื่อห้องคล้ายๆกับบ้านในเรื่องแฮรรี่ยังไงยังงั้น มีสี่ห้องครับจากชื่อว่า Very , Good, Nice, ไปจนถึงชื่อว่า Really จากเก่งสุดไปหัวกลวงสุด ไอ้เราก็ด้อยพัฒนา ภาษาอังกฤษไม่กระดิกเลย (ตอนนั้น...และอาจจะยังคง ตอนนี้) ก็เลยถูกจับส่งไป Really อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ มิกนี่ไม่ต้องพูดถึง สแตนฟอร์ดเอาเกวียนมารับแล้ว เลยไปอยู่ Very โดยปริยาย อันนี้จากการสังเกตเอาเองนะครับ คือว่า เค้าจะจัดให้เพื่อนช่วยเพื่อน ครับ คือพวก Very กับ Good เค้าจะให้เป็นรูมเมต กับ Nice หรือ Really เพื่อจะได้สอนการบ้านให้ สอนภาษาอังกฤษให้รูมเมตที่ภาษาอ่อนกว่า จริงแท้แน่นอนขนาดไหน ยังไม่เคยถามคนจัดเลยครับ แต่มิกมันคงคิดว่า ถ้ามาจุ้นจ้านผมมากเกินเดี๋ยวจะไปหาว่าดูถูก เลยไม่เอ่ยปากถามซักคำ ขัดวัตถุประสงค์ (defeat the purpos) จริงๆ เค้าจะฝึกเราให้ใช้ชีวิตให้ได้เหมือนตอนไปอยู่ prep school คือ และเค้าจะมีเวลาให้เด็กๆทำการบ้าน ตั้งแต่สองทุ่มถึงสี่ทุ่ม เรียกเวลานั้นว่า Study Hall หลังจากนั้นก็ไล่กลับหอ เช็คชื่อ แล้วห้าทุ่มก็ให้อยู่ในห้องนอน ห้ามออกไปไหน เรียกว่า in room เที่ยงคืนจึงให้ปิดไฟ เค้าเรียกว่า light out ครับ แต่ห้องผม light มักจะ out ไปประมาณตอนห้าทุ่มทุกทีเลยครับ เกิดอะไรขึ้นมาดูกัน
คนกลางคืน คือมิกจะทำการบ้านเร็วมาก แบบทุกทีจะเสร็จใน Study Hall หรือไม่ก็มาทำต่อสิบนาทีในห้อง จากนั้นก็อ่านหนังสือปรัชญา การเมือง เป็นภาคภาษาอังกฤษหมด แล้วพี่แกพิมพ์เร็วมาก แบบแก็กๆๆๆๆๆๆๆๆๆ เร็วมากจริงๆครับพ่อแม่พี่น้อง ได้ยินเสียงแล้วกลัวจนหางจุกตรูดเลย คือไอ้เราก็ล้าหลังมาก คือ ตอนนั้นยังพิมพ์สัมผัสภาษาอังกฤษไม่เป็นเลย แล้วก็ต้องเปิดดิกทีละตัวๆ รู้เรื่อง หาที่แป้น แล้วพิมพ์ไป นอนๆคลานๆ อยู่หยั่งงี้ แล้วก็ยังแอบเล่นเอ็มไม่ขาดสาย มิกเค้าก็ไม่น้อยหน้าครับ เค้าก็นักเอ็มเหมือนกัน แต่คนนี้ไม่ได้เล่นเป็นงานหลักเหมือนผม เค้าเล่นตอนพักสมอง อ่านหนังสือไปเหนื่อยๆ แต่คนนี้เฉียบขาดมาก หยุดเป็นหยุด พับปิดแล็บท็อปกลับมาอ่านหนังสือทีนึงนี่ คิดว่าพายุเข้า ประตูพัง เพราะพี่แกปิดแบบส่งสัญญาณให้โลกรู้เลยว่า หยุดเป็นหยุด อย่าได้มีเสียง ตึ๊ง ตึ่ง ลอดออกมา (เทคนิคนี้เคยแอบก็อปไปใช้ ได้ผลจริงๆด้วย.. ค่อยเล่าวันหลังละกันนะ)
เกิดขึ้นได้กับคน ผมเป็นคนที่ปอบลงกลางคืนบ่อยครับ แบบยิ่งดึกยิ่งหิว เลยต้มมาม่ากิน ชวนมันด้วย แล้วมันก็บอกว่าในชีวิตนี้ไม่เคยกินมาม่าเลย (หา... เกิดขึ้นได้เหรอ) แล้วก็นอนสี่ห้าทุ่มทุกคืน ประมาณห้าทุ่มมันก็ออกไปแปรงฟัน แล้วก็เปิดประตูเข้ามา ปิดไฟ ...ตึ้ง เลย แล้วก็ไหลลงเตียงไป ไม่บอกไม่กล่าวกันซักคำ เราก็ต้องเอามือ คลำๆงมๆ หาสวิตช์โคมไฟ เจอบ้างไม่เจอบ้าง บางทีก็คลำเลยขอบโต๊ะ ตกลงไปนอนแอ้งแม้งในถังขยะเลยก็มี (อันนี้จริง ไม่ได้เว่อร์) แล้วนอนไปได้ซักพัก ...
วีรกรรมของมิกยังไม่จบแค่นี้ครับ ยังลามไปถึงนอกห้องด้วย แต่วันนี้คงยาวแล้ว มาฟังเรื่องของวันรุ่งขึ้น ในวันพรุ่งนี้นะครับ อย่าเพิ่งทิ้งกันเด้อ Wall In Your Heart - Shelby Lynee Free TextEditor
Create Date : 14 สิงหาคม 2551
Last Update : 16 สิงหาคม 2551 2:58:14 น.
10 comments
Counter : 602 Pageviews.