|
ตั้งสติรับมือ ความเครียด สู้ภัยน้ำท่วม
ขอเป็นกำลังใจ ให้คนไทยที่ประสบภัยน้ำท่วมทุกคน อ่านเจอ เลยเอามาแบ่งปัน อาจเป็นประโยชน์บ้างคะ
ตั้งสติรับมือ ความเครียด สู้ภัยน้ำท่วม โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 13 ตุลาคม 2554 10:36 น.
ทั่วทุกภูมิภาคของประเทศไทยกำลังประสบปัญหาอุทกภัยอย่างหนัก หลายแห่งน้ำท่วมสูงเกินกว่า 2 เมตร ทำให้ไม่มีที่อยู่อาศัย บางครอบครัวก็จำเป็นต้องอพยพไปอยู่สถานที่อื่นชั่วคราว บางครอบครัวที่เป็นห่วงทรัพย์สินไม่ยอมหนีน้ำก็ขนของขึ้นไปอยู่บนชั้น 2 แทน นาข้าวไร่สวนของเกษตรกรกว่าล้านไร่พังเสียหายยับเยินบางครอบครัวสูญเสียญาติพี่น้องอันเป็นที่รักไป ทำให้เกิดภาวะเครียด วิตกกังวล นอนไม่หลับ บางรายถึงขั้นซึมเศร้า ท้อแท้ และมีความคิดอยากฆ่าตัวตาย เพราะไม่รู้จะแก้ปัญหาอย่างไรกับสิ่งที่เกิดขึ้น
นพ.ไกรสิทธิ์ นฤขัตพิชัย กรรมการผู้จัดการ โรงพยาบาลมนารมย์ แนะนำวิธีการรับมือกับความเครียด ว่า คนเราแต่ละคนจะมีความสามารถในการรับมือกับความเครียดได้ไม่เท่ากัน ทั้งนี้ขึ้นกับต้นทุนพื้นฐานด้านจิตใจของแต่ละคนว่าแข็งแรงแค่ไหน ถ้ามีพื้นฐานดี จิตใจแข็งแรง ก็สามารถจะรับมือกับความเครียดได้มากกว่าคนที่จิตใจไม่แข็งแรง
สำหรับความเครียดสามารถแสดงอาการออกมาได้หลายรูปแบบ เบื้องต้นมักแสดงออกมาในรูปแบบของความไม่สบายทางกาย เช่น นอนไม่หลับ เบื่ออาหาร หายใจไม่อิ่ม ใจสั่น หายใจไม่ออก ปวดหัว คลื่นไส้อาเจียน ท้องเดิน บางรายถ้าอาการรุนแรงจนไม่สามารถควบคุมตัวเองได้ เกิดอาการกลัว วิตกกังวัลอย่างรุนแรง มีอาการตื่นตระหนก หรือที่เราเรียกว่าอาการแพนิค คือ ตื่นตระหนกต่อเหตุการณ์ มีอาการหายใจเร็วกว่าปกติ ใจสั่น หัวใจเต้นเร็ว เกร็งตามมือและเท้า กลัวว่าตัวเองกำลังจะตาย สำหรับวิธีตั้งสติเพื่อรับมือกับวิกฤติหรือปัญหาที่เกิดขึ้น มีหลักการปฏิบัติง่ายๆ ดังนี้
1. ยอมรับสิ่งที่เกิดขึ้น ให้ทำความเข้าใจและยอมรับว่าตอนนี้เรื่องของภัยพิบัติไม่ได้เกิดกับเราคนเดียวซึ่งเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นทั่วโลก ไม่ใช่ว่าเราเป็นผู้เคราะห์ร้ายอยู่คนเดียว มีเพื่อนร่วมชะตากรรมอีกเยอะมาก แล้วก็คิดว่าปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้นนี้ ถึงที่สุดก็จะต้องผ่านไปได้ ต้องเชื่อมั่นว่า มีทางออกแต่อาจจะต้องใช้เวลาบ้าง คือ ท้อแท้ได้แต่อย่านานและต้องลุกขึ้นเดินต่อ อาจจะต้องลำบากอยู่ช่วงหนึ่งแต่ก็จะผ่านไปได้ มันจะมีวันที่ฟ้าสว่าง หลังจากสงบจิตสงบใจ ตั้งสติได้แล้ว ก็คงเป็นเรื่องของการปฏิบัติในขั้นต่อไป
2. จัดลำดับความสำคัญของปัญหา พยายามนั่งพักให้จิตใจนิ่งแล้วรวบรวมสติมองปัญหาว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง แล้วจัดลำดับความสำคัญของปัญหา เรื่องไหนเป็นเรื่องด่วนเรื่องไหนไม่ด่วน มันมีทั้งเรื่องที่ว่าสำคัญน้อยแต่ด่วน เช่น การแก้ปัญหาเฉพาะหน้า เรื่องการอยู่ การกิน การนอน เรื่องห้องน้ำ การขับถ่าย วันนี้จะเอาข้าวที่ไหนกิน เอาเสื้อผ้าที่ไหนสวมใส่ ระดับน้ำจะเพิ่มสูงขึ้นอีกไหม จะเตรียมตัวขนย้าย หรืออพยพคนในครอบครัวอย่างไร แต่ปัญหาที่สำคัญต้องแก้ไขในระยะยาว เช่น จะป้องกันปัญหาน้ำท่วมอย่างไร ซึ่งก็เป็นเรื่องใหญ่แต่ไม่ด่วน การช่วยเหลือจากรัฐบาลหลังน้ำลด การเตือนภัย แล้วก็อาจจะเป็นเรื่องของการวางผังเมือง หรือเรื่องมาตรการการรักษาป่า รักษาธรรมชาติต่างๆ ซึ่งถือเป็นปัญหาที่ต้องแก้ไข แต่ยังไม่ด่วนเท่าชีวิตความเป็นอยู่ในช่วงที่ประสบกับปัญหา การจัดลำดับความสำคัญจะช่วยลดความวิตกกังวลไปได้ เรื่องไม่ด่วนวางไว้ก่อน มุ่งสนใจแต่เฉพาะเรื่องด่วนก่อน อะไรด่วนมากที่สุด ก็ค่อยๆ แก้ไปทีละข้อ เพราะการที่เราแก้ปัญหาได้สำเร็จไปทีละอย่างทีละข้อจะช่วยทำให้เกิดความมั่นใจ กำลังใจก็จะค่อยๆ เกิดขึ้นจนกลายเป็นความเชื่อมั่นว่าจะสามารถผ่านวิกฤตนี้ไปได้
3. พยายามใช้ชีวิตเรียบง่าย คนที่ประสบกับปัญหาจะต้องปรับวิธีคิด และปล่อยวางเรื่องทรัพย์สินสิ่งของนอกกาย อนาคตยังมีโอกาสหาใหม่ได้ พยายามใช้ชีวิตเรียบง่าย เพื่อลดการที่จะทำให้รู้สึกเครียดลง บางคนเครียด เพราะเป็นห่วงเรื่องทรัพย์สิน จนไม่ยอมอพยพขึ้นไปอยู่พื้นที่สูงเหนือน้ำ ตรงนี้ควรจะมีการชั่งน้ำหนักว่าเรื่องของทรัพย์สินของมีค่าก็มีความจำเป็นในระดับหนึ่ง แต่เรื่องของชีวิตสุขภาพเป็นสิ่งที่สำคัญกว่า ทางออกของปัญหาอีกอย่างหนึ่ง หากไม่ยอมย้ายก็อาจทำได้โดยจะมีการรวมกลุ่มกันกับเพื่อนบ้าน มีการช่วยแบ่งเบาภาระกัน เช่น เพื่อนบ้านแบ่งเวลาสลับเวรยามกัน แทนที่ทุกคนจะต้องเฝ้าบ้านของตัวเอง ไม่มีเวลาพัก ก็อาจจะช่วยดูแลกันไปเป็นกลุ่มๆ อย่างน้อยเรื่องของทรัพย์สิน และความปลอดภัยในชีวิตของคนก็ได้รับการดูแล แต่ละคนก็จะไม่เหนื่อยจนเกินไป สุขภาพไม่ทรุดโทรมจนเกินไป
4. เอาใจใส่ ดูแลกันและกัน โดยคนที่แข็งแรงต้องช่วยคนที่อ่อนแอ ถ้าในบ้านนั้นยังมีคนที่เป็นหลักได้ ยังยืนอยู่ได้ ก็คงต้องคอยให้กำลังใจกับคนที่รู้สึกหมดแรง ท้อแท้ ให้คนที่รู้สึกเครียดมากได้ระบายความรู้สึก แล้วก็ให้กำลังใจเขา รับฟัง เพราะเพียงแค่การที่มีคนมารับฟัง มาเข้าใจว่าฉันรู้สึกอย่างไร อึดอัดใจอย่างไร ทุกข์ใจอย่างไร ก็สามารถช่วยทำให้ผู้ที่ประสบปัญหาหรือมีความเครียดรู้สึกดีขึ้นได้แล้วในระดับหนึ่ง
วิกฤติที่เกิดขึ้นครั้งนี้ ถือว่าเป็นสิ่งที่รุนแรงมากในประวัติศาสตร์ของประเทศ ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะผ่านไปได้สำเร็จ ต้องใช้เวลายอมรับในสิ่งที่เกิดขึ้น แล้วก็ตั้งหลัก ตั้งสติให้ได้ มีกำลังใจเดินต่อ สิ่งสำคัญที่ทุกคนต้องรักษาไว้จะสูญเสียไม่ได้เลย คือ ความเชื่อมั่นและความหวัง ขอเป็นเป็นกำลังใจ เอาใจช่วยให้คนไทย เพื่อนร่วมชาติทั้งหลาย ผ่านวิกฤตครั้งนี้ไปได้สำเร็จ
Create Date : 13 ตุลาคม 2554 | | |
Last Update : 18 มกราคม 2556 17:51:09 น. |
Counter : 326 Pageviews. |
| |
|
|
|
|
พฤติกรรมที่นำไปสู่ความสุข (2)
ขอต่อจากตอนที่แล้ว
อีกทัศนคติและพฤติกรรมหนึ่งที่นำสู่ความสุขได้นั้นคือ การมีทัศนคติในเชิงบวก เนื่องจากคนที่มีความสุข จะมองสิ่งต่างๆ ในด้านบวก มองโอกาส มองถึงความเป็นไปได้ และมองถึงความสำเร็จ นอกจากการมองถึงโอกาสและความสำเร็จในอนาคตแล้ว ผู้ที่มีความสุข เมื่อมองย้อนกลับไปในอดีตก็จะมองแต่สิ่งดีๆ ดังนั้นถ้าเรามองกลับกัน การที่จะมีความสุขได้ก็ควรจะเริ่มต้นจากการมีพฤติกรรมและทัศนคติในการมองสิ่งต่างๆ ในเชิงบวก อย่างไรก็ดีอาจจะมีข้อโต้แย้งจากบรรดาผู้ที่ชอบมองสิ่งต่างๆ ในเชิงลบนะครับว่าการมองในเชิงบวกมากเกินไป อาจจะทำให้เราเห็นสิ่งต่างๆ เป็นสีชมพู จนลืมมองสิ่งต่างๆ ในแง่ของความเป็นจริง การมองโลกในแง่ลบบางครั้งอาจจะมีข้อดีในแง่ของการทำให้เราระมัดระวัง คอยป้องกันและบริหารความเสี่ยงที่อาจจะเกิดขึ้น และมีการเตรียมพร้อมอยู่ตลอดเวลา เหมือนกับเรื่องของน้ำครึ่งแก้วนั้น ถ้าพวกที่มองโลกในแง่บวก ก็จะคิดอย่างมีความสุขว่า ยังเหลือน้ำอีกตั้งครึ่งแก้ว ส่วนพวกที่มองในเชิงลบก็จะมองว่าเหลือน้ำเพียงแค่ครึ่งแก้ว จะต้องคอยหาน้ำมาเติมให้เต็มตลอดเวลา สรุปก็คือท่านผู้อ่านอาจจะต้องสร้างความสมดุลระหว่างการมองทั้งในเชิงบวกและเชิงลบนะครับ ถ้าบวกมากเกินไปก็อยู่แต่โลกแห่งความฝัน แต่ถ้ามองแต่เชิงลบอย่างเดียวก็จะคอยระมัดระวังและคิดมากเกินไปจนไม่มีความสุข
อีกพฤติกรรมที่นำสู่ความสุขนั้น คือการแสดงถึงความขอบคุณอย่างจริงใจตลอดเวลา ปัญหาประการหนึ่งของคนไทยคือเราอาจจะสำนึกขอบคุณหรือพระคุณที่ผู้อื่นทำให้กับเรา แต่การพูดหรือแสดงออกถึงความขอบคุณนั้นมักจะไม่เกิดขึ้นอย่างชัดเจน เรามักจะเก็บความรู้สึกขอบคุณนั้นอยู่ในใจเรา แต่ผลจากการทดลองพบว่าผู้ที่แสดงออกถึงความรู้สึกขอบคุณบุคคลต่างๆ หรือ ผู้ที่อยู่รอบข้างเรา จะทำให้เรามีความสุขเพิ่มมากขึ้น มองโลกในแง่ดีเพิ่มขึ้น รวมทั้งเกิดความก้าวหน้าในการบรรลุเป้าหมายต่างๆ ในการทำงาน มีงานวิจัยที่พบว่าผู้ที่ชอบเขียนจดหมายขอบพระคุณไปยังผู้อื่นที่มีผลกระทบต่อชีวิตของเรา จะมีคะแนนในด้านความสุขสูง และความสุขดังกล่าวก็จะยาวนานถึงอาทิตย์ ดังนั้น เพียงแค่การอีเมลหรือเขียนโน้ต แสดงความขอบคุณนั้นจะทำให้เรามีความสุขขึ้นแล้ว
การออกกำลังกายเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ทำให้เรามีความสุขขึ้น จากงานวิจัยของมหาวิทยาลัย Duke พบว่าการออกกำลังกายมีผลพอๆ กับการรับทานยาเพื่อแก้ไขอาการหดหู่ เบื่อโลก นอกจากนี้การออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอยังทำให้เราเกิดความรู้สึกของการบรรลุความสำเร็จ เนื่องจากการบังคับตัวเองให้ออกกำลังกายได้อย่างสม่ำเสมอ ทำให้เรามีความรู้สึกเหมือนกับเราสามารถบรรลุเป้าหมายที่สำคัญได้ อีกทั้งการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอยังทำให้ร่างกายเราหลั่งสารเอนโดรฟินที่ช่วยทำให้เรารู้สึกมีความสุขด้วย
ข้อสุดท้ายสำหรับการสร้างสุขก็คือการให้ครับ เมื่อ การให้ เป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวันของเราแล้วเราจะมีความสุขมากขึ้น โดยการให้นั้น ไม่จำเป็นต้องอยู่ในรูปของตัวเงินเสมอไป การช่วยเพื่อนบ้าน ช่วยเพื่อนร่วมงาน การอาสาสมัครเพื่อทำความดี หรือการบริจาคสิ่งของหรือกำลังกาย ก็ถือว่าเป็นการให้ และสิ่งที่น่าสนใจก็คือจากงานวิจัยเราพบว่า การให้ นั้นนำไปสู่สุขภาพกายและสุขภาพใจที่ดีมากกว่าการออกกำลังกายและการหยุดสูบบุหรี่ด้วยซ้ำไป นอกจากการให้ในลักษณะที่เราคุ้นเคยแล้ว การรับฟังผู้อื่น การถ่ายทอด ให้ความรู้ของตนเองต่อผู้อื่น หรือ การให้อภัย ก็ล้วนแล้วแต่เพิ่มความสุขให้กับเราได้ สุดท้ายที่น่าสนใจที่สุดก็คือเราจะมีความสุขมากขึ้นถ้าใช้เงินเพื่อผู้อื่น มากกว่าการใช้เงินเพื่อตนเอง ดังนั้นถ้าท่านอยากจะมีความสุขจากการใช้เงิน ก็ขอให้ใช้เงินนั้นเพื่อผู้อื่น ไม่ใช่เพื่อตนเองครับ
....................................
ที่มาจาก //www.bangkokbiznews.com/2010/08/24/news_31449564.php?news
Create Date : 17 มกราคม 2554 | | |
Last Update : 17 มกราคม 2554 0:54:39 น. |
Counter : 317 Pageviews. |
| |
|
|
|
|
พฤติกรรมที่นำไปสู่ความสุข (1)
พอดี ได้เจอบทความหนึ่ง อ่านแล้วก็ได้แง่คิด จึงคิดว่าน่าจะเอามาแชร์กัน เพราะเราทุกคนก็คงอยากจะหาทางที่ทำให้ตัวเองมีความสุข
บทความของ รศ.ดร.พสุ เดชะรินทร์ คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย //www.bangkokbiznews.com/2010/08/24/news_31449564.php?news
การจะสร้างความสุขได้นั้น ควรจะเริ่มจากการหยุดพัก หยุดคิด และหยุดวิ่งวุ่นวายในชีวิตประจำวัน และหันมาชื่นชมต่อสิ่งดีๆ ที่เกิดขึ้นทั้งในปัจจุบันและในอดีตให้มากขึ้น เนื่องจากวิถีการดำรงชีวิตของเราในปัจจุบันจะไม่หยุดนิ่ง และวุ่นวายอยู่ตลอดเวลา ดังนั้น การได้หยุดพักนิ่งๆ แล้วค่อยๆ ชื่นชม และให้ความสำคัญกับสิ่งต่างๆ ที่เกิดขึ้นทั้งกับตัวเราและรอบๆ ตัว ก็จะนำพาความสุขสู่ตัวเราได้ ทั้งนี้ เนื่องจากสภาพการดำรงชีวิตปัจจุบันที่เป็นไปอย่างรวดเร็ว เราจะปล่อยให้สิ่งต่างๆ ผ่านไปอย่างรวดเร็วและไม่ได้มีเวลาในการเพ่งพิจารณาและชื่นชมกับสิ่งเหล่านั้น ดังนั้น การชื่นชม และให้ความสำคัญกับสิ่งเล็กๆ น้อยเหล่านี้ ก็ทำให้เรามีความสุขเพิ่มขึ้นได้
ประการที่สอง คือ ให้หยุดเปรียบเทียบ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเปรียบเทียบระหว่างตนเองกับผู้อื่น ถึงแม้ทฤษฎีการจัดการของต่างประเทศนั้นให้ความสำคัญกับการเปรียบเทียบ เพื่อกระตุ้นให้เกิดแรงจูงใจ และมีแนวทางในการพัฒนาตนเองมากขึ้น แต่ถ้าอยากมีความสุขนั้น เราควรจะหยุดมองและเปรียบเทียบตนเองกับผู้อื่นครับ เนื่องจากเมื่อเราเปรียบเทียบตนเองกับผู้อื่นนั้น ก็อดไม่ได้ที่จะเกิดความรู้สึกอยากจะมี อยากจะได้ เหมือนที่ผู้อื่นมี และเมื่อเราไม่สามารถ มี หรือได้ เหมือนผู้อื่นแล้ว เราก็จะไม่มีความสุข เราจะรู้สึกว่าตนเองด้อยกว่า ทำให้เกิดสูญเสียความมั่นใจ ดังนั้น ไม่ว่าจะเป็นการเปรียบเทียบในเรื่องใดก็ตาม ถ้าอยากจะมีความสุขก็ควรจะหยุดการเปรียบเทียบนั้นซะ และหันมามองในความสำเร็จของตนเอง หรือสิ่งที่ตนเองทำได้จะนำให้เรามีความสุขกับสิ่งที่มีอยู่ และเป็นอยู่มากขึ้น
พฤติกรรมประการที่สาม ที่จะทำให้เรามีความสุขเพิ่มขึ้นได้นั้น ก็คือ อย่าให้ความสำคัญกับเรื่องของเงินมากเป็นอันดับต้นๆ ในชีวิต มีงานวิจัยที่ชี้ให้เห็นครับว่าคนที่ให้ความสำคัญกับเรื่องของเงินเป็นอันดับต้นๆ ในชีวิตนั้น จะมีความเสี่ยงที่จะมีความทุกข์ ความหดหู่ ความไม่มั่นใจในตนเอง จริงอยู่นะครับที่เงินเป็นเรื่องที่สำคัญต่อการดำรงชีวิต แต่เมื่อใดก็ตาม ที่เรานำเงินเป็นตัวตั้ง ความสุขของเราก็จะเริ่มหดหายไป แต่ถ้าเรามองอีกมุมหนึ่ง ก็คือ ถ้าเราขยัน ซื่อสัตย์ ตั้งใจทำงาน มีความฉลาดเฉลียวในการทำงาน สุดท้ายเงินก็จะมาหาเราเอง ผมเคยคุยกับคนรุ่นใหม่คนหนึ่งที่มีเป้าหมายในชีวิตที่อยากจะช่วยเหลือผู้อื่น แต่เขากลับมองว่าการที่เขาจะช่วยผู้อื่นได้นั้น เขาจะต้องมีเงินก่อน ซึ่งทำให้ชีวิตเขาไม่มีความสุขเท่าที่ควร เนื่องจากเขามีแต่ความมุ่งมั่นที่จะหาเงิน แต่จริงๆ แล้วถ้าเขามองกลับกัน โดยมองว่าถ้าเขาอยากช่วยผู้อื่น เขาก็สามารถช่วยได้ด้วยวิธีการต่างๆ ที่ไม่ต้องใช้เงิน และสุดท้าย เงินก็จะมาหาเขาเอง
ยังมีต่อ อ่านตอนต่อไปคะ
Create Date : 17 มกราคม 2554 | | |
Last Update : 17 มกราคม 2554 0:13:33 น. |
Counter : 359 Pageviews. |
| |
|
|
|
|
| |
|
|
Location :
Crawley United Kingdom
[Profile ทั้งหมด]
|
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember ผู้ติดตามบล็อก : 6 คน [?]
|
การเรียนรู้ชีวิต และประสบการณ์ต่างๆที่แปลกใหม่ ทำให้คนเรามีมุมมองชีวิตที่กว้างขึ้น ฉันจึงไม่ปฏิเสธการเปลี่ยนแปลง อยู่ที่ไหนก็ได้ ใช้ชีวิตให้เป็นและคุ้มค่า แต่ก็ไม่เบียดเบียนใคร
|
|
......................................
สงวนลิขสิทธิ์ ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ.๒๕๓๙ ห้ามผู้ใดละเมิด ไม่ว่าการลอกเลียนหรือนำส่วนหนึ่งส่วนใดของรูปภาพ หรือข้อความใน Blog นี้ไปใช้ โดยเผยแพร่หรือเพื่อการอ้างอิง โดยไม่ได้รับการอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษร
ผู้ใดละเมิดจะถูกดำเนินคดีตามกฎหมายบัญญัติไว้สูงสุด
|
|
|
|
|
|
|