People like us know how to survive ….There's no point in living if you can't feel alive
Group Blog
 
All blogs
 
อ่านจิตใจมนุษย์ผ่านวิกฤตน้ำท่วม โดย ศ.ระพี สาคริก


อ่านจิตใจมนุษย์ผ่านวิกฤตน้ำท่วม โดย ศ.ระพี สาคริก

....คนไทยส่วนใหญ่ใจแคบจึงปิดทางน้ำให้มันเดิน นี่แหล่ะ คือ บาปกรรมที่ทำเอาไว้ เสมือนเราจับน้ำมาขังคุก ฉันเชื่อว่าไม่เคยมีมนุษย์หน้าไหนเอาชนะอิทธิพลธรรมชาติได้....
ธรรมชาติสอนมนุษย์ให้ละความเห็นแก่ตัวลงไปเสียบ้าง

เธอที่รักของฉัน ฉันนั่งพิจารณาดูเหตุการณ์น้ำท่วมครั้งนี้แล้วรู้สึกว่ามันเกิดเรื่องราวขึ้นเพราะมนุษย์มีความเห็นแก่ตัวสูง เหตุผลก็คือ ในอดีตที่ผ่านมา คนไทยส่วนใหญ่ขาดความรักความสามัคคีซึ่งกันและกัน แม้น้ำท่วมครั้งนี้ จะรวมตัวกันก็ตามแต่ก็คงประเดี๋ยวประด๋าวเท่านั้น

หวนกลับไปนึกถึง การพัฒนาชนบทของไทยเท่าที่ผ่านมาแล้ว ฉันกล้าพูดว่ามันล้มเหลวอย่างสิ้นเชิง ถ้าจะเปรียบเทียบน้ำท่วมครั้งนี้กับเมื่อปี พ.ศ.๒๔๘๕ แล้ว ครั้งก่อนมันมากกว่านี้ ที่ฉันกล้าพูดก็เพราะว่า ตนเองอยู่ในเหตุการณ์มาตลอดหนึ่งเดือนเต็มๆ แต่สังคมในครั้งนั้น บรรยากาศในกรุงเทพก็ยังไม่มีคนแออัดเหมือนเดี๋ยวนี้ ฉันเฝ้าสังเกตดูกรุงเทพฯ มาตลอด และพูดมานานแล้วว่า การพัฒนาชนบทมันล้มเหลวอย่างสิ้นเชิง ตัวบ่งชี้ก็คือ แผงลอยข้างถนนมันแน่นขนัดยิ่งขึ้นทุกวัน แม้แต่นั่งรถแท็กซี่ ฉันก็ชอบที่จะถามว่ามาจากจังหวัดไหน ส่วนใหญ่ก็มักจะอพยพมาจากภาคอีสาน เรื่องมีขโมยขโจรในกรุงเทพฯ แต่ก่อนมันก็ไม่มี ทุกคนกล้าเดินกลางคืนบนถนนหนทางได้อย่างมีความสุข และยังมีอีกหลายเรื่องที่สังเกตให้เห็นได้ว่ามีคนอพยพมาจากต่างจังหวัด

แม้แต่ปัญหาชุมชนแออัด ซึ่งครั้งหนึ่งในช่วง พล.ต.จำลอง ศรีเมือง เป็นผู้ว่าราชการกรุงเทพ ได้เคยเชิญให้ฉันและคุณหมอ ประเวศ วะสี ไปปรึกษาเพื่อคิดวิธีแก้ไขปัญหา ครั้นคุยกันไปได้พักหนึ่ง เราก็บอกว่า การแก้ไขปัญหาชุมชนแออัดในกรุงเทพฯนั้นจะต้องคิดแก้ไขในต่างจังหวัด ความจริงเรื่องนั้น ก็คือหลักธรรม ที่ว่า ถ้าเกิดปัญหาขึ้นที่ไหน ก็ควรหวนกลับไปแก้ไขอีกด้านหนึ่ง สรุปแล้ว การแก้ไขปัญหาในชนบท คนกรุงเทพฯจะต้องมีใจกว้าง และมีความเมตตา กรุณา ต่อคนที่อยู่ต่ำกว่าเรา

นอกจากนั้น คนไทยส่วนใหญ่ เห่อความมีหน้ามีตา มีรถยนต์หรูๆ ราคาแพง และยังนิยมเล่นพรรคเล่นพวก แทนที่จะมีจิตใจซื่อสัตย์ สุจริต จึงทำให้แม้แต่การแก้ไขปัญหาจราจรติดขัด เราก็ยังแก้ไม่ตก เมื่อด้านหนึ่งมันเพิ่มขึ้น อีกด้านหนึ่งมันก็ย่อมเพิ่มขึ้นด้วย ดังนั้นเมื่อมีวัตถุเพิ่มขึ้น จิตใจคนมันก็ยิ่งโลภมาก ได้เท่านี้ยังจะเอาเท่านั้นแล้วเราจะมาพูดเรื่องความพอเพียง ก็คงจะพูดได้แต่ปาก ประชากรในกรุงเทพฯ ซึ่งขาดการศึกษาที่ดี ย่อมมีจำนวนเพิ่มมากยิ่งขึ้น ยิ่งไปกว่านั้น มีอะไรนิดหน่อยก็จะทะเลาะเบาะแว้งกัน จนกระทั่งบางครั้งถึงกับฆ่ากันเอง แม้แต่อยู่ในซอยเดียวกัน ก็ไม่พูดกัน บ้านไหนมาก่อนก็ย่อมเคราะห์ร้าย เพราะถมดินแข่งกัน ต่างคนต่างสูงยิ่งขึ้นไปทุกที

ส่วนน้ำที่ไหลมามันตรงไปตรงมา ดังนั้น จึงหาทางออกได้ยาก ถ้าฉันจะพูดว่า คนไทยส่วนใหญ่ใจแคบจึงปิดทางน้ำให้มันเดิน นี่แหล่ะ คือบาปกรรมที่ทำเอาไว้ เสมือนเราจับน้ำมาขังคุก ฉันเชื่อว่าไม่เคยมีมนุษย์หน้าไหนเอาชนะอิทธิพลธรรมชาติได้ เพราะฉะนั้นเมื่อมนุษย์กำแหงก็คงต้องรับกรรมแบบนี้ ยิ่งคนไทยส่วนใหญ่มีนิสัยลืมง่ายด้วยแล้ว แม้น้ำท่วมหนักขนาดนี้ ก็คงไม่รู้ว่าสาเหตุมันมาจากไหน บางคนพูดว่าตัวเองไม่ได้ทำกรรมไว้ แต่เหตุไฉนจึงต้องมารับกรรม ความจริงชีวิตของทุกคนย่อมมีกรรมด้วยกันทั้งนั้น เว้นไว้แต่ว่ามีมากมีน้อย และโดยธรรมชาติของมนุษย์ เมื่อทำอะไรผิดเอาไว้ก็มักไม่รู้ตัว เพราะฉะนั้นเราจึงควรอยู่อย่างยอมรับความจริงน่าจะดีกว่า

สรุปแล้ว น้ำท่วมครั้งนี้ย่อมมีขยะใหม่ขึ้นมาให้เราได้เห็น แต่ขยะตัวจริงนั้นไม่ใช่สิ่งสกปรกในน้ำ หากแต่เป็นจิตใจของมนุษย์นี่แหล่ะ ความจริงแล้วขยะที่อยู่ในน้ำนั้น ไม่มีตัวตนให้ต้องไปยึดติด ที่ฉันพูดว่าไม่มีตัวตน ก็เพราะเหตุว่าทุกสิ่งทุกอย่าง ถ้ามนุษย์มีปัญญาที่จะใช้ให้หมด มันก็คงไม่มีขยะหลงเหลืออยู่อีก แม้แต่พ่อฉันก็เคยสอนว่า เวลากินข้าวอย่าเหลือข้าวสุกติดก้นจาน นี่ก็เป็นสัจธรรม ซึ่งฉันคิดว่ามันคือสมบัติอันล้ำค่า ที่ฉันได้รับมาจากพ่อ เพราะฉะนั้นน้ำท่วมครั้งนี้โปรดอย่าโทษน้ำเลย ขอให้หวนกลับมาพิจารณาที่มนุษย์น่าจะดีกว่า โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่ตัวเราเอง


อ่านจิตใจมนุษย์ผ่านวิกฤตน้ำท่วม โดย ศ.ระพี สาคริก
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 1 พฤศจิกายน 2554 13:07 น.





Create Date : 02 พฤศจิกายน 2554
Last Update : 2 พฤศจิกายน 2554 18:16:24 น. 3 comments
Counter : 914 Pageviews.

 
จริงครับ เห็นด้วย


โดย: ablaze357 วันที่: 2 พฤศจิกายน 2554 เวลา:18:36:35 น.  

 
อ่านแล้วเศร้านะครับ กับความเป็นไปของสังคม


โดย: มิสเตอร์ฮอง วันที่: 2 พฤศจิกายน 2554 เวลา:19:01:46 น.  

 
อ่านจบ ดีจัง เห็นด้วยครับ
ว่าแต่ เมื่อไหร่จะอัพบล๊อคใหม่เอ๋ยยยย


โดย: MM (ongchai_maewmong ) วันที่: 15 มิถุนายน 2555 เวลา:15:29:00 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

riverstone
Location :
Crawley United Kingdom

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 6 คน [?]




การเรียนรู้ชีวิต และประสบการณ์ต่างๆที่แปลกใหม่ ทำให้คนเรามีมุมมองชีวิตที่กว้างขึ้น ฉันจึงไม่ปฏิเสธการเปลี่ยนแปลง อยู่ที่ไหนก็ได้ ใช้ชีวิตให้เป็นและคุ้มค่า แต่ก็ไม่เบียดเบียนใคร
......................................
สงวนลิขสิทธิ์ ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ.๒๕๓๙ ห้ามผู้ใดละเมิด ไม่ว่าการลอกเลียนหรือนำส่วนหนึ่งส่วนใดของรูปภาพ หรือข้อความใน Blog นี้ไปใช้ โดยเผยแพร่หรือเพื่อการอ้างอิง โดยไม่ได้รับการอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษร ผู้ใดละเมิดจะถูกดำเนินคดีตามกฎหมายบัญญัติไว้สูงสุด
Friends' blogs
[Add riverstone's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.