ซาตานน้อยตะลอนทัวร์
Group Blog
 
All blogs
 
วิถีเนปาล ตอนที่ 5 POKARA-Garden of Dream

หลังแฮ่กจากการเดินเขา กลับมาพักเหนื่อยที่hotel fewa

สาวๆ 4 คน ขอตัวพักผ่อนที่โรงแรมก่อนจะไปcity tourต่อ
ส่วนจขบ.ออกมาหากินข้างนอก ที่ร้านอาหารจีนแห่งนี้

อร่อยมากกก
อีกแล้ว...

ระหว่างทานอยู่ พี่คนไทยสามคนเดิมก็เดินเข้าร้านมา เจอกันอีกแล้ว เลยได้คุยกันและถ่ายรูปเป็นที่ระทึก ขออีเมลพี่เค้ามาด้วยค่ะ
ดีใจได้รู้จักคนดีๆ



ไปcity tourกันค่ะ

แม่น้ำสีนม ทำไมถึงมีสีนมน้า



พิพิธภัณฑ์กุรขา

เล่าเรื่องประวัติศาสตร์ทางทหาร ตอนเราไปหมดเวลาชมแล้วแต่ทหารเค้าก็ใจดีให้เราเข้าไป...ทำมิดีมิร้าย

ทำอะไร? นี่พิพิธภัณฑ์ทหารนะ คนเฝ้าก็ทหาร


เอาหมวกเขามาใส่
เอาธงเขามาถือ

ก็ไม่มีคนเฝ้าอะ

ว่าจะแง้ดเอาเสื้อทหารในตู้มาใส่แล้ว

กองทัพไทยในเนปาล


ชิมไข่ทอดเนปาล

วัดไทย



น้ำตกเดวี่


เทือกเขาหิมาลัยจำลอง
ศิวลึงค์บนฐานโยนี
น้ำตกเดวี่


ถ้ำgupteshwor mahadev


พระศิวะ ที่เหนือประตูทางเข้า

นี่คือด้านในสุดค่ะ


เที่ยวถ้ำเสร็จ เดินขึ้นมา อุเหม่ ฝนตกค่ะ
ตกหนักมากๆ คนรอเต็มหน้าถ้ำเลย เอาไงดี เพื่อนๆขึ้นไปกัน 4 คนแล้ว ฝนไม่มีทีท่าหยุดเลย ยืนคิดสักพัก แล้วจกถุงพลาสติก 2 ใบจากกระเป๋ากล้องมาครอบหัวแล้ววิ่งฝ่าฝนค่ะ ฝ่าฝนขึ้นมาเจอเพื่อนกำลังต่อราคาของอยู่ค่ะ
เราก็ไปนั่งดื่มน้ำอัดลมรอ

เสร็จกิจจากร้านแรก เดินไปที่ทางออก เห็นอีกร้านหนึ่งร้านใหญ่มากอยู่ซ้ายมือ ร้านเตี้ยๆ พื้นต่ำๆ มองเห็นไม่เด่น ลองเข้าไปปรากฎว่าร้านนี้เป็นร้านขายราคาส่งค่ะ แต่ก็ขายปลีกด้วยเหมือนกัน

ของที่ระลึกราคาถูกมากกกก

เจ้าของเป็นคนอินเดียค่ะ ผูกมิตรไป "ขอถ่ายรูปด้วยสิ ยูสวยจังเลย ลูกชายยูน่ารักจังเลย บลาๆๆๆ" ลดแหลกเลยค่ะ คนไทยร้ายจริงๆ




ไปวัดฮินดูต่อค่ะ






โปรแกรมcity tourจบแล้วค่ะ แต่เรารู้มาจากพี่คนไทยว่ามีตลาดนัดขายสินค้าราคาถูก เราเลยขอให้คนขับรถพาไปค่ะ

momo มื้อแรกและมื้อเดียวที่ได้ชิม เป็นmomoผักค่ะ 10 อัน 40 รูปี ถ้ากินในร้านอาหารราคาเป็นร้อยรูปีเลยค่ะ เราไม่กินในร้านอาหารเพราะโมโม่มันมีอยู่ทั่วไปแหละค่ะ ในทาเมลก็มีเยอะแต่ไม่ได้ชิมเลยเพราะถามเจ้าไหนเจ้าไหนก็เป็นเนื้อควาย



กินชาเนปาลอีกครั้ง 15 รูปี
คนขายน่ารักใจดีค่ะ



เดินตลาดเสร็จเกินเวลาที่ตกลงกับคนขับค่ะ แต่คนขับใจดีไม่ว่าอะไรเลยค่ะ เราขอให้เค้าส่งเราที่ร้านอาหารค่ะ


โฉมหน้าอาหารเนปาลของเพื่อน


รสชาติบอกไม่ถูก หลังออกจากร้าน จขบ.ไปช้อปปิ้ง ส่วนเพื่อนกลับโรงแรมเพราะมีอาหารคลื่นไส้

แอบชิมก้อนดำๆที่อยู่ทิศ 17 นาฬิกา มันเหมือนแป้งที่ไม่สุก

แต่อันนี้อร่อยค่ะ แกงกะหรี่ไก่ใส่โยเกิร์ต





ร้านอาหารไม่มีไฟฟ้านะคะเลยกินข้าวใต้แสงเทียน โรแมนติกมั้ยหล่ะ อ้วกแตกไปคนนึงละ


ปิดท้ายอาหารมื้อนี้ด้วย king curd อาหารเลื่องชื่อของเมืองบักตะปู แต่เรากินที่โพคารา เพื่อนบอกอุแหวะมากแต่จขบ.ชอบนะ มันคือโยเกิร์ตที่เปรี้ยวปะแล่มๆเหมือนของบูด แต่รู้สึกทานแล้วสดชื่น


วันที่ 6 เดินทางกลับกาฏมาณฑุ

วันนี้เราจะเดินทางกลับกาฏมาณฑุค่ะ ขามาเรานั่งtourist busใช้เวลาเดินทาง 6 ชั่วโมง(คุณนายบอก "ไม่ไหวแล้ว") ขากลับเลยต้องขอทดลองเครื่องบินเล็กเนปาลซะหน่อย

ปล.ก่อนมา ลองsearchอากู๋ คำว่า"เนปาล เครื่องบินตก" หน้าแรกอากู๋เลยนะพบว่า ปี53 ตกไป 2 ลำ ตายสิบกว่าศพ อีกลำยี่สิบกว่าศพ รูปถ่ายน่ากลัวมาก

ตอนแรกไม่ค่อยอยากนั่งเครื่องบินเล็กไม่อยากตายเป็นผีเฝ้าเนปาล แต่เพื่อนว่าไงก็ว่าตามกันค่ะ

ได้ตั๋วมาราคา 60$ บอกว่าจะเดินทาง10โมงแต่ตอนได้ตั๋วมากลายเป็นตั๋ว11โมงซะงั้น แต่ก็โอเคนะ เขาบอกว่าเราต้องไปถึงสนามบินก่อนเครื่องออกหนึ่งชั่วโมง

เช้านั้นสั่งข้าวเปล่าโรงแรมหนึ่งจาน 80 รูปี กินกับปลากระป๋องที่แบกมาจากเมืองไทย นี่แหละเทคนิกประหยัดค่าใช้จ่าย

ที่สนามบินก่อนเข้าเกท มีการแบ่งชายหญิงให้เข้าไปในห้องตรวจร่างกาย เราก็คิดว่าจะทำอะไร ไม่มีอะไรหรอกค่ะ ก็ลูบๆคลำๆเหมือนเดิม

เพื่อนเราบังอาจยื่นกล้องเข้าไปในห้องตรวจร่างกาย(บังอาจกว่านั้นคือตอนถ่ายรูปนี้เปิดแฟลชด้วย)


ตรวจกันเหมือนละเอียดเลย แต่พอเข้าเกทไปแล้วก็สามารถเดินเข้าออกได้อย่างอิสระค่ะไม่ต้องตรวจใหม่แต่อย่างใด(แล้วจะตรวจทำไมฟะ)
ไปกันตรงเวลาทีเดียว แต่ถึงเวลาแล้วก็ยังไม่มีชื่อroyal nepal airlineบนจอ ภาพของเครื่องบินสายการบินอื่นบินออกไป
ลำแล้ว... ลำเล่า......
เลยเวลาที่ควรบินไปครึ่งชั่วโมง ทุกอย่างยังเงียบฉี่ ผู้โดยสารคนอื่นมาแล้วก็ไปกับสายการบินอื่น ไม่มีการสื่อสารใดๆจากroyal nepal airline.....

เพื่อนเราจึงออกไปนอกเกทเพื่อสอบถาม ได้ความว่าอากาศที่กาฏมาณฑุไม่ดีบินออกมาไม่ได้ น่าจะออกมาได้ตอนบ่ายครึ่ง

เราจะทำอะไรได้นอกจากรอ รอ รอ
ในสภาพนี้...






เครื่องบินมาตอนบ่ายโมงครึ่ง

เป็นการขึ้นเครื่องบินเล็กครั้งแรกในชีวิต ลืมความกลัวหมดสิ้น ตื่นเต้นว่าเวลาขึ้นจะเป็นยังไง

ใกล้ชิดนักบินขนาดลุกขึ้นไปจี้เครื่องบินได้ไม่ยาก



เห็นเล็กๆอย่างงี้เราก็มีแอร์โอสเตสนะคะ
(มีมาทำมั้ย....เดี๋ยวน้ำหนักเกิ๊น บินแค่ครึ่งชั่วโมงเองนะค๊า)

แอร์แจกสำลีเป็นแพๆ(ฉีกเอาเองตามความพึงพอใจและขนาดรูหู)และลูกอมคนละ 1 เม็ด

ในรูปเห็นประตูทางออกฉุกเฉินมั้ยคะ อันนั้นหล่ะ มันปิดไม่สนิท ลมพัดเข้ามาตลอด เพื่อน(ในรูป)ได้สูดอากาศจากข้างนอกตลอดเวลา เพื่อนเรามีอาการคลื่นไส้อาเจียนแถมกลัวอีกต่างหาก



ที่ตอนแรกกังวลกับเครื่องบินเล็กที่สุด ลืมความกลัวไปหมดสิ้น เพลินตากับวิวภูเขาที่เห็นจะๆผ่านกระจก(โคด)มัวของเครื่องบิน ไม่เคยใกล้ชิดยอดเขาขนาดนี้ ลืมไปเลยว่าถ้าเครื่องตกจะตายสภาพไหน

ไม่เคยใกล้ใบพัดขนาดนี้


เครื่องบินนุ่มมาก ไม่มีปัญหาอะไรให้ตกกะใจเลย ตอนเครื่องขึ้นและลงก็นุ่มนวลมาก ไม่มีหูอื้อเลยค่ะ แต่เพื่อนเราที่นั่งรับลมภูเขาอาการหนักค่ะ ไม่รู้เกี่ยวกับสภาพร่างกาย สภาพจิต หรือฮวงจุ้ยบริเวณที่นั่ง
รถโรงแรมมารอเราตั้งแต่เที่ยง โดนคุณbodi(ผู้จัดการโรงแรมค่ะ เขามารอรับเราด้วยตัวเองเลย)งอน ตัดพ้อต่อว่า ว่าทำไมไม่โทรมาบอก เราก็รู้สึกผิดเหมือนกันแต่เราไม่รู้นี่นาว่ามันจะdelayกันขนาดนี้ ลืมคิดด้วย มัวแต่หลับ ก็ขอโทษคุณbodiหลายรอบแต่คุณก็ยังดูงอนๆ
หลังเก็บของที่โรงแรมเรียบร้อยก็เป็นเวลาบ่ายสามแล้ว นึกๆดูถ้านั่งรถทัวร์กลับมานั่งรถ9.00-15.00 เสีย 12$ เทียบกับบินมาเสีย60$ ระยะเวลาถึงก็พอๆกันเลย แต่ก็ถือว่าเป็นโอกาสในการนั่งเครื่องบินเล็กชมยอดเขาแล้วกันค่ะ

เพื่อนบอกว่าpalace museumน่าสนใจ เป็นพิพิธภัณฑ์ที่แสดงข้าวของเครื่องใช้ของกษัตริย์เนปาล แผนการคือไปเที่ยวที่นี่ต่อค่ะ ดูจากแผนที่ ที่นี่ใกล้โรงแรมมากขนาดเดินถึง แต่ตอนนั้นบ่ายสามแล้วกลัวเดินหลงทางแล้วพิพิธภัณฑ์ปิดซะก่อนเลยตัดสินใจนั่งแท็กซี่ไปค่ะ

โรงแรมเรียกแท็กซี่ให้เหมือนเดิม ราคา 100 รูปีค่ะ

แต่พอไปถึง ...พิพิธภัณฑ์ปิดค่ะ เพราะเป็นช่วงปีใหม่เนปาล(นี่เป็นกระทู้ดองนะคะ ไปมาตั้งกะสงกรานต์) อุตส่าห์ไปถึงแล้วเลยถ่ายรูปกับทหารเป็นที่ระทึก




ยืนงงๆอยู่หน้าพิพิธภัณฑ์ค่ะ ไม่รู้จะทำไรต่อ ไม่มีแผนสำรองค่ะ มีนักท่องเที่ยวที่มาแล้วแห้วเหมือนเราด้วยค่ะ เราเลยหันไปคุยกับเค้าค่ะ เป็นคู่ชายหญิง ผู้ชายมาจากไหนลืมแล้ว แต่ผู้หญิงเป็นคนเนปาล ตอนแรกคิดว่าผู้หญิงเป็นไกด์ค่ะ เราลองถามผู้หญิงว่าเค้าเป็นอะไรกันผู้หญิงตอบว่าเป็นภรรยา แต่เพื่อนเราถามผู้ชายผู้ชายตอบว่าเป็นเพื่อน เราเลยเหมาเอาว่าเขาคงเป็นกิ๊ก...


หญิงเนปาลบอกว่าพิพิธภัณฑ์ปิดก็ไม่เป็นไรเค้าจะพาเราไปเที่ยวอีกที่นึงใกล้ๆนี่ เราเลยร่วมทางไปกับเค้าซะเลย เดินจากพิพิธภัณฑ์เลียบกำแพงไปด้านขวาไม่เกิน 5 นาที

ระหว่างทาง ด้านซ้ายมือจะเห็นภาพฝาผนังนี่



แล้วก็เจอ Garden of Dream
ค่าเข้าคนละ 160 รูปี
ที่นี่เป็นสวนสไตล์ฝรั่งและเป็นร้านอาหารด้วยค่ะ ดูไฮโซใช้ได้เชียว

รู้สึกว่าเป็นที่ที่เหมาะแก่การถ่ายpotraitและถ่ายภาพwedding







สวนกว้างขวาง เดินไม่ทั่วเพราะอีกเดี๋ยว...ฝนตก




...มาถึงตรงนี้(ยังไม่ทั่วสวนเลย) ฝนตกค่ะ จะรอฝนหยุดก็ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ ชมgarden of dream พอได้ไอเดีย ก็เลยคิดว่าไปหาอะไรกินดีกว่าเพราะมื้อเที่ยงก็ไม่ได้กิน มัวแต่ตะแหง่วรอเครื่อง

อาหารวันนี้ต้องเป็น Everest Steak Houseเท่านั้น

จากที่ค่าแท็กซี่ขามาแค่ 100 รูปี เราเลยสรุปว่าที่นี่ต้องไม่ไกลทาเมล เราควรเดินถึง แน่นอนเราเดินค่ะ
ไม่รู้ทางเลย ถามทางไปเรื่อยๆค่ะ ถามหาทาเมล ไปถึงทาเมลแล้วค่อยคิดอีกที

นี่ไงคะเคล็ดลับเที่ยวอย่างประหยัด อดมื้อกินมื้อ ไปไหนก็เดิน


โต๊ะข้างๆ eat alone
ดูอาหารกันค่ะ
เสต็คไก่ ไก่แข็งไปหน่อยแต่รสชาติโอเคเล้ย



สลัดทูนา นี่ก็อร่อย...

เบ็ดเสร็จ เสียหายไป 1,140 รูปี/2คน
สรุปว่าร้านนี้โอเคนะคะ ใครมาเที่ยวเนปาลอย่าลืมแวะชิมนะคะ

คืนนั้น..ปวดขามาก ยังไม่หายจากsarangot


วันที่ 7 ถึงเวลากลับซะที
ตื่นมา...สายมากกกก

จะไปทานข้าวเช้าที่ Helena แน่นอน เดินไป...

ระหว่างทาง...เจอวัวศักดิ์สิทธิ์กำลังกินขยะ



ขนม เชียนโรตี อันละ 10 รูปี อร่อยค่ะ ไม่หวานมาก กรอบๆ แม่ค้าก็ใจดี



ร้านในทาเมลเปิดสายปิดเร็ว หาอาหารเช้าไม่ง่าย
Helena
เราลากขาอันแสนเมื่อยไปกินที่ชั้นบนสุด คือ ชั้น 8

ขอจบทริปนี้ด้วยภาพอาหารเช้าแสนอร่อยที่เนปาลค่ะ






Create Date : 18 สิงหาคม 2554
Last Update : 4 ตุลาคม 2554 12:17:53 น. 0 comments
Counter : 2729 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Sun-Dong
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




มีความฝันอยากเก็บประสบการณ์ทั่วโลก ค่อยๆเก็บกันไปเท่าที่โอกาสอำนวย แค่อ่านหนังสือท่องเที่ยวบางทีก็รู้สึกเหมือนมีส่วนร่วมไปแล้ว
Friends' blogs
[Add Sun-Dong's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.