สิ่งที่คิด...กับสิ่งที่เป็น...ก้าวแรกบนแผ่นดินที่เรียกว่าอเมริกา


กำลังจะเข้าปีที่ 10 สำหรับชีวิตในประเทศอเมริกาของเรา ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าตัวเองจะมายืนอยู่ตรงนี้ บางครั้งชีวิตก็เหมือนกับได้ถูกออกแบบเอาไว้แล้วโดยใครซักคน บางครั้งทุกอย่างก็เหมือนกับถูกทิ้งไว้อยู่ในสองมือของเรา ให้คิด ให้เลือกทำของเราเอง

สำหรับครอบครัวชนชั้นกลางที่ไม่เคยได้มีโอกาสไปเที่ยวเมืองนอกเมืองนากับเขา บวกกับที่เราก็ไม่ได้เรียนเก่งโดดเด่นอะไร การไปเรียนต่อที่ต่างประเทศเป็นเรื่องที่ไกลตัวมาก ไม่เคยคิด แต่มีสิ่งหนึ่งที่ได้ก่อตัวขึ้นอยู่ภายในใจ เหมือนเสียงเรียกหาเราจากที่ไหนซักแห่ง ทุกครั้งที่มองขึ้นฟ้า เรามีความรู้สึกอยู่ลึกๆ ในใจว่า "ฉันต้องไป...ที่ไหนซักแห่ง ที่ๆ แสนไกล"

"แกคิดจะเรียนต่อโทภาคอินเตอร์เหรอ เราว่าไปเรียนเมืองนอกไปเลยดีกว่า ราคาพอๆ กัน"

เดี๋ยวๆๆๆ ไปเอาข้อมูลมาจากไหนค่ะแม่คู๊ณ ประโยคที่ว่านี้ผิดมหันต์ ก็มารู้ทีหลังว่าค่าใช้จ่ายมันต่างกันลิบ แต่ตอนที่ประโยคนี้ออกมาจากปากเพื่อนสนิทวิ่งเข้าโสตประสาทของเรา มันกลับเข้ามากระตุ้นอะไรบางอย่างในใจเรา..."ไปเรียนต่อเมืองนอก?"


ตัดภาพมาอีกที ล้อเครื่องบินกำลังจะแตะพื้นรันเวย์ ขอต้อนรับสู่รัฐ Missouri สนามบินปลายทางนี้มีชื่อว่า Kansas City International Airport (MIC) เป็นสนามบินเล็กเงียบๆ วันนั้นเป็นวันที่ 11 สิงหาคม 2550 ก่อนวันแม่ 1 วัน ไม่ได้เจตนาจะออกบินวันนี้แต่เป็นเพราะเราได้รับการตอบรับเข้าเรียนกระทันหันจึงไม่มีเวลาวางแผนอะไรมาก 

เราเดินออกมาจากเครื่องเพื่อไปนั่งรอรถตู้จากมหาวิทยาลัยมารับ ในใจตื่นเต้นเพราะนี่เป็นครั้งแรกที่เราจะได้ใช้ชีวิตในแผ่นดินที่ไม่ใช่แผ่นดินแม่ ไม่มีใครพูดถาษาที่เราพูดมาตั้งแต่เกิด ไกลจากพ่อจากแม่

"Are you going to Missouri?" (จะไปรัฐ Missouri เหรอ?) พนักงานสายการบินที่รัฐ San Francisco ถามเราขณะที่เรากำลังจะต่อเครื่องเพื่อมาลงที่ Missouri

"Yes" ใช่ค่ะ เราตอบไปตามเป็นจริง

พวกเขาหัวเราะ "why you go there? Missouri is a misery." (ไปรัฐนั้นทำไม? Missouri คือความ misery" ออกเสียงใกล้ๆ กัน แต่คำว่า misery แปลว่าความยากแค้นลำเค็ญ

คำถามของพวกเขายังติดอยู่ในหัว แต่ก็ไม่ได้รบกวนจิตใจอะไรมากเพราะเรากำลังตื่นเต้นกับชีวิตใหม่ของเรา

นั่งรออยู่ 5 ชั่วโมงก็ถึงเวลานัดที่รถตู้ของมหาวิทยาลัยจะมารับ เราก็เดินไปที่จุดนัดพบ มีนักเรียนที่ไปด้วยกันกับรถคันนี้อีก 2-3 คน

อเมริกาจะเป็นอย่างไรนะ?

จะมีตึกรามสวยงามอย่างที่เห็นในทีวีหรือเปล่า? จะมีร้านอาหารไทยเยอะมั้ยนะ? แสงสีเสียงคงจะตระการตาน่าดู?

เราไม่มีข้อมูลอะไรมากนั้นเกี่ยวกับเมืองนี้ เราเลือกสมัครเรียนที่นี่เพราะมีสาขาที่เราอยากเรียน คนไทยน้อย และค่าครองชีพไม่สูงมากนัก

รถตู้ค่อยๆ วิ่งออกจากเขตสนามบิน ภาพแรกที่เห็นคือ ทุ่งหญ้าแห้งผากเป็นสีเหลืองน้ำตาลไกลสุดลูกหูลูกตา มีม้วนฝากกลมๆ ขนาดใหญ่ตั้งอยู่เป็นระยะๆ วัว... ม้า... ท้องฟ้า...

ที่นี่คืออเมริกา...

ประสบการณ์แรกของเราในประเทศที่เราคิดว่าเป็นประเทศที่ศิวิไลซ์ ต้องน่าหวือหวาตื่นเต้นกว่าบางกอกเมืองหลวงของประเทศกำลังพัฒนาอย่างแน่แท้

1 ชั่วโมงผ่านไป รถวิ่งเขาเมืองที่มหาวิทยาลัยตั้งอยู่ เราก็แอบลุ้นในใจว่ามันคงต้องมีอะไรให้เห็นบ้าง แต่บ้านเมืองที่เห็นก็ไม่ได้ให้หัวใจรื่นเริงได้มากขึ้นนัก ถนนหนทางไร้ผู้คน ร้านอาหารฟาสฟู้ด ตั้งอยู่ประปราย นานๆทีจะมีรถวิ่งสวนซักคัน

แอร์บนรถก็เย็นดี แต่ทำไมเหงื่อตก

หมดกัน ภาพที่สร้างไว้ก่อนที่จะมาอเมริกา ชีวิตที่หวือหวาน่าตื่นเต้น และที่หวั่นใจที่สุดคือ เรามีเงินมาไม่พอค่าใช้จ่ายทั้งหมดหรอก เพราะกะว่าจะมาทำงานเสริฟอาหารไทยหารายได้พิเศษตามภาพนักเรียนนอกชิคๆ ที่เราเคยเห็นในหนังในละคร แต่สิ่งที่อยู่ตรงหน้าคือแผ่นดินที่เงียบเหงาว่างเปล่า...

Missouri is a misery.


เข้าใจแล้ว... ว่าพนักงานสายการบินกำลังพยายามที่จะบอกอะไรกับเรา...



Create Date : 22 ธันวาคม 2559
Last Update : 23 ธันวาคม 2559 22:21:13 น.
Counter : 390 Pageviews.

0 comments
ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
 *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

ชาเขียวไกลบ้าน
Location :
Washington D.C.  United States

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]



กำลังจะครบรอบ 10 ปีที่เดินออกจากบ้านมายังดินแดนแสนไกลที่เรียกว่าอเมริกา มีเรื่องราวเกิดขึ้นมากมายในชีวิตที่อยากจะเล่าสู่กันฟัง