FW : (-_ -.) สิ่งที่เหลืออยู่กับเวลาที่สายไป .. เศร้าเจงๆนะ(.-_ -)
อ่านไป น้ำตาหยดไป



"แกน่ะ เคยทำอะไรให้พ่อแม่ได้ภูมิใจบ้างไหม
เรียนก็ไม่ได้เรื่องสู้น้องไม่ได้สักอย่างทำอะไรก็ไม่เป็น"
เสียงแม่ด่าไม่เว้นแต่ละวัน โดยเฉพาะทุกครั้งวันประกาศผลสอบด้วยแล้ว
แพรวไม่อยากจะคิดเลย แม่มักจะว่าเธอทุกครั้งที่เห็นผลสอบของเธอ

แพรวมีน้องสาวอีกหนึ่งคน ชื่อว่า "แพร" แพรเป็นคนเรียนเก่ง
เล่นกีฬาเก่ง และที่สำคัญแพรเป็นคนสวยและน่ารัก ใครๆก็อยากเข้าใกล้
นั่นล่ะคือข้อแตกต่างระหว่างเธอและน้อง ส่วนเธอไม่มีอะไรดีสักอย่าง
แพรวเคยคิดอยู่เสมอว่า หากวันใดที่ไม่มีเธอ
แม่คงจะดีใจเพราะเธอไม่เคยทำอะไรได้ถูกใจแม่เลยแม้แต่ครั้งเดียว
แม่ไม่เคยยิ้มกับเธอ ไม่เคย.....เลย......แม้สักครั้ง
พ่อมักจะคอยอยู่ข้างแพรวเสมอในยามที่แม่ว่าเธอ
แต่เดี๋ยวนี้พ่อไม่ค่อยอยู่บ้าน นานๆครั้งพ่อถึงจะกลับบ้าน
เมื่อพ่อกลับมา แพรวจะดีใจมากจนวิ่งเข้าไปหาพ่อเป็นคนแรก


แพรวกำลังนั่งอ่านหนังสือนิยายอยู่ในห้องเพลินๆ
ขณะนั้นเป็นเวลาเกือบสี่ทุ่มแล้วเธอได้ยินเสียงรถเข้ามาในบ้าน ใช่แน่ๆ
ต้องเป็นพ่อ เธอปิดหนังสือวางไว้บนเตียง ใบหน้ายิ้มแย้ม
พ่อกลับมาแล้วดีใจจัง ฉับพลันแพรวก็รีบวิ่งลงไปข้างล่าง

"เก่งจังลูกพ่อสอบเข้ามหาวิทยาลัยได้ด้วย อย่างนี้พ่อคงต้องให้รางวัลซะแล้ว"
พ่อยิ้มแย้มเมื่อได้ทราบข่าวว่าลูกสาวคนเล็กสอบได้มหาวิทยาลัยของรัฐบาล

"น่าจะให้รางวัลแกสักหน่อยนะคะคุณ" แม่เองก็พลอยยิ้มแย้มไปด้วย
รอยยิ้มของแม่ซึ่งแพรวเองไม่มีทางได้

"เอาอย่างนี้เราไปเที่ยวกันทั้งครอบครัวเลยดีไหม แล้วยัยแพรวล่ะคุณ ผมไม่เห็นเลย"
พ่อเริ่มสังเกตว่าลูกสาวคนโตไม่ได้อยู่ที่นั่น

"โอ๊ย รายนั้นอย่าไปพูดถึงเลยค่ะคุณ วันๆเอาแต่หมกตัวอยู่ในห้อง
อย่าไปสนใจเลยค่ะ เรื่องไปเที่ยวก็ไม่รู้จะไปหรือเปล่า
แม่ว่าเราไปดูกันดีกว่าไหมลูกว่าจะไปเที่ยวไหนกันดีไหมจ๊ะ"
แม่หันไปสนใจลูกสาวคนเล็กแทน

แล้วทั้งสามพ่อแม่ลูกก็พากันไปดูหนังสือท่องเที่ยว แพรวมองภาพนั้น
น้ำตาร่วงเผาะๆ นี่เธอเป็นส่วนเกินของบ้านหรือเปล่า
แพรวเดินออกไปทางด้านหลังบ้านเงียบๆ
โดยที่ไม่มีใครใส่ใจว่าเธอจะอยู่ที่นั่นหรือเปล่า
แพรวนั่งลงที่โต๊ะที่สนามหลังบ้านคนเดียว ท่ามกลางแสงจันทร์

"กำลังคุยกับพระจันทร์อยู่หรือไง" มีเสียงดังมาจากบ้านข้างๆ
ชายหนุ่มยิ้มหน้าทะเล้นอยู่ที่กำแพงบ้าน แพรวหันไปยิ้มให้

"วันนี้กลับมาบ้านช้าจังนะ" แพรวหันไปคุยกับต้น
ซึ่งเป็นเพื่อนบ้านของเธอเอง ต้นเป็นทั้งเพื่อนบ้านและเพื่อนของเธอ
เขาอยู่ข้างเธอเสมอในยามที่เธอมีเรื่องทุกข์ใจ

"ขอไปคุยด้วยนะ" ว่าแล้วต้นก็กระโดดข้ามรั้วมายังบ้านของแพรว
เขานั่งลงที่เก้าอี้ข้างๆเธอ

"เป็นอะไรน่ะ ทำหน้าไม่สบายใจอย่างนั้น" เขาจ้องมาที่หน้าของเธอ

"เปล่าหรอก ก็คิดอะไรเรื่อยๆ" แพรวปฏิเสธ

"เอาอีกแล้วชอบคิดมากอยู่เรื่อยๆเลยนะแพรว ต้นบอกแล้วอย่าคิดมาก"
ต้นตำหนิเหมือนเธอเป็นเด็กๆ

"เรา.....เรา......"
น้ำตาที่พยายามสะกดกลั้นไว้ตอนนี้มันกลั้นไว้ไม่ไหวเสียแล้ว

"อยากร้องก็ร้องออกมาเลย ร้องออกมาให้หมด ต้นจะอยู่ข้างๆแพรวเองนะ"
เขากุมมือของเธอเอาไว้เป็นการปลอบใจ สักพักแพรวก็หยุดร้องไห้

"ขอบใจมากนะ ถ้าไม่มีต้น เราก็คงไม่รู้จะไปร้องไห้กับใคร"
แพรวเริ่มยิ้มออก

"พี่ต้นคะ" เสียงแพรดังมาจากทางด้านหลังของทั้งสอง
ต้นและแพรวหันไปทางต้นเสียงนั้น

"แพรมีอะไรเหรอ"

"แพรสอบเข้ามหาวิทยาลัยได้ค่ะ
แล้วพ่อก็กำลังจะพาพวกเราไปเที่ยวต่างจังหวัดค่ะ"
แพรยิ้มแย้มพูดคุยกับต้นโดยที่ไม่หันมาแพรว
หรือสนใจเลยสักนิดว่าพี่สาวของเธอก็อยู่ที่นั่นด้วย

"อย่างนั้นแพรวก็ไปกับเขาด้วยสิ" ต้นหันมามองหน้าแพรว
เธออ้ำอึ้งไม่รู้จะตอบอย่างไร "พวกเรา"
ที่แพรหมายถึงนั้นคงหมายถึงแค่พ่อ แม่และแพรมากกว่า

"ต้น แพรวขอตัวก่อนนะ จะขึ้นนอนแล้วล่ะ ฝันดีนะ"
แพรวลุกขึ้นร่ำลาเพื่อนแล้วก็เดินเข้าบ้านไป
ส่วนแพรอยู่คุยต่ออีกสักพัก ต้นก็ขอตัวเข้าบ้าน


แพรวกลับมานั่งอ่านหนังสือนิยายของเธอต่อ เสียงเคาะประตูห้องดังขึ้น
แพรวดีใจรีบไปเปิดประตู พ่อคงมาหาเธอสินะ
แพรวเปิดประตูพร้อมกับรอยยิ้ม
แต่ทันใดนั้นรอยยิ้มนั้นก็จางไปเมื่อคนที่เคาะประตูนั้นไม่ใช่พ่อ
แต่เป็นแพรนั่นเอง

"ขอฉันเข้าไปในห้องหน่อย ฉันมีเรื่องจะคุยกับพี่"
แพรพูดด้วยน้ำเสียงห้วน

"เข้ามาก่อนสิ"
แพรเดินเข้ามาทำท่าทางสำรวจห้องแล้วก็นั่งลงกับเตียงอย่างถือวิสาสะ

"ฉันมีเรื่องจะคุยกับพี่"
แพรวปิดประตูแล้วหันมามองหน้าน้องว่ากำลังจะบอกอะไรกับเธอ

"พี่ต้นน่ะ เขาไม่เหมาะสมกับพี่หรอกนะ เขาทั้งหล่อ เรียนเก่งแล้วก็รวย
แล้วดูตัวพี่สิมีอะไรเทียบเขาได้บ้าง
ทางที่ดีพี่อย่าไปยุ่งกับเขาดีกว่า พี่ก็น่าจะรู้ตัวเองดีนะ
ฉันพูดแค่นี้หวังว่าพี่คงจะเข้าใจ ถ้าไม่โง่จนเกินไป"
ว่าแล้วแพรก็เปิดประตูห้องแล้วก็เดินกลับที่ไปที่ห้องของตัวเอง
ทิ้งให้แพรวงุนงงกับคำพูดทั้งหลายของน้องสาว


หลังจากวันนั้น แพรวพยายามหลบหน้าต้นอยู่ตลอดเวลา
ทำให้เขารู้สึกหงุดหงิดและไม่เข้าใจว่าหญิงสาวกำลังพยายามคิดจะทำอะไรกันแน่

"แพรว" ต้นเรียกเอาไว้ในขณะที่แพรวกำลังเดินจะเข้าบ้าน
เมื่อได้ยินเสียงเรียกเธอก็รีบจ้ำอ้าวเพื่อหนีเข้าบ้าน
แต่ไม่ทันต้นที่วิ่งมาดักหน้าเอาไว้

"นี่แพรวกำลังหลบหน้าต้นใช่ไหม" ต้นจ้องหน้าเธอพยายามจะขอคำตอบ

"มันไม่ใช่อย่างนั้น" แพรวปฏิเสธ

"แพรว แพรวเป็นอะไรไป บอกต้นสิ เกิดอะไรขึ้น" ต้นเริ่มเสียงดังขึ้น
เขาเริ่มควบคุมตัวเองไม่อยู่แล้วในตอนนี้

"แพรวเปล่า" เธอไม่รู้จะพูดอย่างไรได้แต่ปฏิเสธลูกเดียว
ทั้งต้นและแพรวเริ่มทะเลาะเสียงดังมากขึ้น

"ต้นรักแพรวนะ ได้ยินไหมต้นรักแพรว"
เขาพูดเสียงดังและก็ดังมากพอที่แพรที่ยืนอยู่หน้าบ้านจะได้ยินด้วย
แพรวดีใจเหลือเกินที่เธอได้ยินคำนั้นจากปากเขา
แต่เธอไม่อยู่ในฐานะที่จะรับความรู้สึกนั้นได้ แพรวไม่รู้จะทำอย่างไร
เธอได้แต่ร้องไห้ รู้สึกสับสนไปหมด
อ้อมแขนที่แข็งแรงของเขาทำให้เธอรู้สึกอบอุ่น
ความรู้สึกนี้ที่เธอไม่เคยได้จากผู้เป็นพ่อหรือแม่เลยสักครั้งเดียว
แพรวรู้สึกอบอุ่นและมั่นคง
แต่นั่นไม่ได้ช่วยให้เธอแก้ปัญหาทุกๆอย่างได้

"พี่แพรว พี่ต้น" แพรตะโกนด้วยเสียงเกรี้ยวกราด ทำให้ทั้งสองผละจากกัน
แพรวรีบปาดน้ำตาทิ้งให้หมด

"พี่ทำอย่างนี้ได้ยังไงกัน ไหนพี่ว่ายกพี่ต้นให้ฉันแล้ว
แต่วันนี้กลับจะกลืนน้ำลายตัวเองหรือไงกัน" แพรต่อว่า

"นี่มันอะไรกันแพรว ต้นไม่เข้าใจ" ต้นหันมามองหน้าแพรว
แววตาของเขาสับสนกับเรื่องที่ได้ยินมาก

"พี่ไม่ได้พูดอย่างนั้นแพร" แพรวส่ายหน้าปฏิเสธ

"พี่พูดสิ พี่พูด จำไม่ได้หรือไง" แพรขี้ตู่เอาอย่างนั้น
เธอจ้องหน้าแพรว ดวงตานั้นแสดงแววเกลียดชัง

"แพรว ต้นเข้าใจแล้ว แต่ต้นขอบอกอย่างนะ ต้นมีหัวใจ
และไม่ใช่สิ่งของที่แพรวจะยกให้ใครก็ได้
แพรวใจร้ายมากที่ทำกับต้นอย่างนี้
ในเมื่อแพรวไม่ต้องการต้นก็น่าจะบอกกันดีๆ ไม่น่าทำกันอย่างนี้เลย
ต้นเสียใจจริงๆ"
ต้นมองแพรวด้วยสายตาที่เย็นชา แล้วคำว่า "รัก" ล่ะหายไปไหนกัน
แพรวไม่อาจจะทนอยู่ตรงนั้นได้ ต้นเดินจากไปไม่ฟังแม้เสียงเรียกของเธอ
แพรวจึงวิ่งเข้าบ้านไป แต่แพรยังคงตามเข้ามาในห้องรับแขกอีก

"เธอทำอย่างนี้ทำไมกันแพร" แพรวร้องไห้
เธออยากจะรู้นักว่าน้องสาวของเธอทำไมถึงได้ใจร้ายอย่างนี้

"ฉันอยากจะให้พี่เจียมตัวเอาไว้ว่าพี่น่ะมันเป็นใครกัน
พี่ไม่เหมาะกับเขา ฉันเคยเตือนพี่แล้ว พี่เองก็น่าจะรู้ตัว
วันนั้นฉันคงพูดไม่ชัดเจน แต่วันนี้ฉันจะขอประกาศ ฉันรักพี่ต้น
และจะทำทุกวิถีทางไม่ว่าจะทางใดก็ตามให้เขารักฉัน"

"เธอมันปีศาจชัดๆ" มือของเธอฟาดลงไปบนใบหน้าของน้องสาวเสียงดังเพี๊ยะ

"เกินไปแล้วนะ นังแพรว แกกล้าตบลูกชั้นเหรอ" เสียงแม่ตะวาด

"แพรวทำร้ายแพรค่ะแม่ แม่ต้องช่วยแพรนะคะ"
แพรรีบวิ่งแจ้นไปหลบหลังแม่และฟ้องแม่ทันที

"แกกล้าดียังไงมาทำอย่างนี้กับลูกชั้น สู้น้องไม่ได้
อิจฉาน้องแล้วทำร้ายร่างกายน้องหรือไง มากไปแล้วนะ"
แม่ฟาดฝ่ามือลงไปบนใบหน้าสีขาวซีดของแพรว
เป็นการเอาคืนที่แพรวตบหน้าน้องสาว แพรวกุมใบหน้าของตัวเองไว้
น้ำตาไหลพรากอย่างกั้นไม่อยู่

"คำก็ลูกชั้น สองคำก็ลูกชั้น แพรวถามจริงๆเถอะ
แม่เก็บแพรวมาเลี้ยงหรือเปล่า ทำไมแม่ไม่เคยรักแพรวเลย
แม่ไม่เคยเห็นแพรวเป็นลูกเลยใช่ไหมคะ แพรวสู้น้องไม่ได้
แพรวไม่เคยทำให้แม่ภูมิใจ ไม่เคยทำให้แม่ดีใจเลยสักครั้งใช่ไหมคะ
แม่ถึงไม่รักแพรว ใช่ไหมคะแม่"
แพรวมองหน้าแม่ จ้องมองหน้าผู้เป็นแม่หาคำตอบ
ผู้เป็นแม่อึ้งไปเมื่อเห็นภาพนั้น แต่แล้วก็เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว

"แกอย่ามานอกเรื่องนะ" แม่ตะวาด
แพรวรู้สึกเสียใจมากที่แม่ไม่เคยเห็นความรู้สึกของเธอเลย
เธอจึงเดินออกจากบ้านไป แต่ยังคงได้ยินเสียงแม่ที่ตะโกนด่าไล่หลังมา
แพรวเดินมากดออดบ้านของต้น พี่เดือนคนทำงานบ้านเดินออกมาเปิดประตู
และให้เธอรออยู่สนามหน้าบ้าน ต้นเดินมาพบเธอแล้ว
แววตาของเขาที่มองเธอด้วยสายตาที่เย็นชาราวกับไม่รู้จักกันมาก่อน

"ต้น แพรวขอโทษ แต่แพรวยืนยันว่า แพรวไม่เคยยกต้นให้ใคร แพรวรักต้น
รักเสมอและจะรักตลอดไป" เธอพูดกับหลังของเขา
เพราะต้นไม่แม้แต่จะหันหน้ามามองเธอ

"เก็บคำว่ารักของแพรวไว้เถอะ ต้นซึ้งใจกับมันมาก กลับไปได้แล้ว
ต้นมีงานต้องทำ" เขาตัดบท
แพรวรู้สึกเสียใจที่แม้แต่คนที่เคยบอกจะอยู่ข้างเธอก็ยังเย็นชากับเธอ
วันนี้แพรวไม่เหลือใครอีกแล้ว แพรวมองภาพชายหนุ่มที่เธอรักมากที่สุด
ก่อนที่จะเดินจากไปพร้อมน้ำตาเงียบๆ ต้นเหลือบมองหญิงสาวเล็กน้อย
โดยไม่รู้เลยว่านี่จะเป็นครั้งสุดท้ายที่เขาจะได้มีโอกาสมองเห็นเธอในช่วงเวลาที่มีชีวิตอยู่


คืนนั้นขณะแพรวเขียนจดหมายไว้สองฉบับวางไว้บนโต๊ะ
แล้วเธอก็เดินลงไปข้างล่างพบแม่กำลังนั่งดูทีวีอยู่อย่างมีความสุขกับแพร
เธอนั่งพับเพียบกราบลงที่เท้า
แม่ไม่เข้าใจกับการกระทำของเธอจึงเอาเท้าหนี แพรวเงยหน้าขึ้นมองแม่
"ขอให้แพรวได้มีโอกาสกราบแม่เป็นครั้งสุดท้าย" เธอพูดทั้งน้ำตา
แล้วก็เดินจากไปขึ้นห้องนอน


เช้าวันรุ่งขึ้นพ่อกลับมาบ้านพร้อมกับตั๋วเครื่องบินไปเที่ยวภูเก็ต
พ่อเปิดประตูห้องนอนของแพรว เพื่อจะพาลูกสาวคนโตไปเที่ยวด้วย
แต่สิ่งที่เห็นคือ แพรวยังคงนอนอยู่บนเตียงเช่นเดิม
"แพรวไปเที่ยวกันเถอะลูกเอาแต่นอนอยู่เดี๋ยวก็ตกเครื่องหรอก
ปกติเราไม่นอนขี้เซาอย่างนี้นี่" พ่อเดินยิ้มมานั่งลงที่เตียงข้างๆเธอ
แต่แพรวยังคงนอนไม่ลุกขึ้นมาคุยมายิ้มกับพ่อเหมือนเดิม

"แพรว แพรว" พ่อเรียกย้ำอีก มือที่กำอยู่แบออก
ยานอนหลับจำนวนมากอยู่ในมือของเธอ พ่อมองแล้วหน้าซีด

"แพรว ไม่นะ แพรวลูกอย่าทำอะไรโง่ๆนะ แพรว"
พ่อตะโกนร้องสุดเสียงด้วยความตกใจ
พ่อกอดร่างที่ไร้วิญญาณของแพรวเอาไว้แน่น
บัดนี้เธอไม่ต้องแบกความทุกข์ไว้อีกแล้ว
ไม่ต้องเสียใจและไม่ต้องมีน้ำตาอีก
มีเพียงซองจดหมายสองซองที่พอจะบอกเล่าเรื่องราวต่างๆที่เกิดขึ้นได้ทั้งหมด
กราบเท้าคุณพ่อคุณแม่

ขณะที่กำลังอ่านจดหมายฉบับนี้แพรวคงไม่อยู่ที่นี่แล้ว
แพรวอยากจะขอโทษในทุกๆอย่าง แม้แพรวจะไม่ใช่ลูกที่ดี
ไม่เคยทำให้พ่อและแม่ภูมิใจ
แพรวอยากเห็นรอยยิ้มของแม่สักครั้งที่ยิ้มให้แพรว
แต่ตอนนี้แพรวคงไม่มีโอกาสนั้นแล้ว แม้แม่จะไม่เคยรักแพรว
แม้แม่จะว่าแพรวแต่แพรวไม่เคยโกรธแม่เลยสักครั้ง
แพรวรู้ตัวดีว่าแพรวไม่เคยทำให้แม่ชื่นใจ
จะแปลกอะไรถ้าแม่จะไม่รักแพรว แพรวรู้ฐานะของตัวเองดี วันนี้ไม่มีแพรว
แม่คงสบายใจ แพรวหวังว่าการตัดสินใจของแพรวครั้งนี้คงจะถูกใจแม่
อย่างน้อยก็มีสักครั้งที่แพรวได้มีโอกาสทำเพื่อแม่แพรวอยากบอกพ่อกับแม่ว่า
"แพรวภูมิใจค่ะที่ได้เกิดมาเป็นลูกของพ่อกับแม่
ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นหรืออะไรจะเปลี่ยนแปลงไป
ไม่ว่าแพรวจะไปอยู่ที่ไหน แต่มีสิ่งนึงที่ยังเหลืออยู่
และจะเป็นอย่างนี้ตลอดไปคือ แพรวรักพ่อกับแม่ค่ะ"
รักเสมอจากลูกสาวคนโต
แพรว.



"แพรว ไม่นะลูกไม่" พ่อยังคงร้องไห้เสียใจกับการจากไปกับลูกสาวคนโต

"แพรวววววววววววววววววว................." เสียงของผู้เป็นแม่ร้องไห้
เธอไม่น่าเลย ต้นเหตุที่ทำให้แพรวตัดสินใจอย่างนี้ก็คือเธอ เธอคนเดียว
แม่ร้องไห้เสียใจกับการกระทำของตัวเอง

"แพรวลูกรัก แม่ขอโทษที่ไม่เคยใส่ใจลูก ไม่เคยจะสนใจความรู้สึกของลูก
แม้ลูกจะไม่เคยทำอะไรให้แม่ภูมิใจ แต่แม่ก็รักลูก แม่ขอโทษลูก
แพรวลูกอยากเห็นแม่ยิ้มให้ลูกใช่ไหมจ๊ะ แม่จะยิ้มให้ลูกเห็นนะลูก
แม่จะเอาใจลูกให้ทุกอย่างที่ลูกต้องการเลย
ขออย่างเดียวอย่างทิ้งแม่ไปนะลูก กลับมาหาแม่สิลูก แพรววววว"
ผู้เป็นแม่ร้องไห้คร่ำครวญ ต่อร่างที่ไม่ไหวติงของลูกสาว
แพรวกอดแม่เอาไว้แน่น นี่แหละที่เธออยากทำมานาน


ต้นตื่นขึ้นมาตอนเช้า พี่เดือนยื่นซองสีชมพูให้เขา
ทำให้เขารู้สึกแปลกใจมากว่านั่นคืออะไร
"จดหมายจากคุณแพรวค่ะ" พี่เดือนบอกแค่นั้น ต้นรับมาอย่างงุนงง
เขาค่อยๆแกะจดหมายออก เห็นใจความจดหมายว่า
กราบเท้าคุณพ่อคุณแม่

ถึง ต้นคนที่แพรวรักมากที่สุด แม้ต้นจะไม่ยอมรับคำว่ารักจากแพรว
แต่แพรวก็ยังจะยืนยันว่าแพรวรู้สึกเช่นนั้น แพรวรักต้นและรักมานานแล้ว
ต้นเป็นคนแรกและคนเดียวที่อยู่ข้างแพรวในยามที่แพรวท้อแท้
และหมดกำลังใจ และเป็นคนเดียวที่แพรวรัก
แพรวดีใจมากที่ได้ยินว่าต้นเองก็รักแพรวเช่นกัน
แต่ต่อไปนี้จะไม่มีแพรวที่ขี้แย ต้องร้องไห้ให้ต้นคอยปลอบอีกแล้ว
แพรวรักต้นเสมอนะและจะรักตลอดไปไม่ว่าแพรวจะไปอยู่ที่ไหนก็ตาม
รักตลอดไป
แพรว.



"แพรว เอามาให้หรือครับพี่เดือน" ต้นหันมาถาม

"เปล่าหรอกค่ะ คุณวินิตคุณพ่อของเธอเอามาให้ค่ะ
คุณแพรวเธอเสียแล้วค่ะ"

"แพรวตายแล้ว" คำพูดนั้นยังคงก้องอยู่ในหูของเขา

"ไม่จริงแพรวไม่ตาย ไม่............" ต้นร้องอย่างบ้าคลั่ง

หลังจากได้รู้จากพี่เดือนว่าแพรวกินยานอนหลับเกินขนาดจนเสียชีวิตเมื่อคืน
เขาเองก็มีส่วนผลักดันให้เธอทำเช่นนั้น เขายืนค้างไร้ความรู้สึกใดๆ
แต่แล้วก็มีลมผ่านมาเย็นๆวูบหนึ่ง แล้วกลายเป็นความรู้สึกที่อบอุ่น

"ต้น แพรวรักต้นที่สุด แพรวอยากอยู่กับต้น อยากให้ต้นอยู่ข้างๆแพรว
แต่แพรวคงทำไม่ได้แล้ว แพรวต้องไปแล้ว ถึงเวลาของแพรวแล้ว"
แพรวกอดเขาเป็นครั้งสุดท้าย แล้วจากไป ต้นรู้สึก
รู้สึกได้ว่านั่นคือแพรว แต่เขาคงไม่มีทางรั้งเธอไว้ได้อีกแล้ว

เขาเป็นคนที่อยู่ข้างๆเธอคอยดูแลเธอ ให้ความรักกับเธอ
แพรวเองรักเขาแต่วันนั้นเขากลับปฏิเสธความรู้สึกของเธอ
ทำลายความรู้สึกของเธออย่างไม่ไยดี วันนี้สวรรค์คงลงโทษเขาแล้ว
แพรวจากไปแล้ว เขาไม่มีโอกาสได้ดูแลผู้หญิงที่เขารักมากที่สุดอีกแล้ว
สิ่งที่เหลืออยู่ตอนนี้ก็คือคำว่ารักกับเวลาที่สายไป
นั่นคือบทลงโทษที่สวรรค์มอบให้.



Create Date : 09 มีนาคม 2551
Last Update : 9 มีนาคม 2551 22:57:00 น.
Counter : 327 Pageviews.

0 comment
FW : ที่รัก ...เธออยู่ไหน (เศร้ามัก)
...คืนหนึ่ง ขณะที่ชายหนุ่มกับหญิงสาวรับประทานอาหารเย็นด้วยกัน

หญิงสาวเอ่ยปากบอกขอเลิกกับชายหนุ่ม
ชายหนุ่มได้ยินดังนั้นก็ตกใจ แต่ก็ยอมรับอย่างเงียบ ๆ ไม่ได้พูดอะไร

หญิงสาวบอกเราก็ยังเป็นเพื่อนกันอยู่นะ

ชายหนุ่มตอบ " ใช่ ถ้าเธอมีปัญหาอะไร ผมจะช่วยคุณได้เสมอนะ "
แล้วก็ยิ้มเรียบ ๆ เหมือนปกติ
ชายหนุ่มกับหญิงสาวก็รับประทานอาหารกันต่ออย่างเงียบ ๆ

หลังจากนั้น ชายหนุ่มก็ยังโทรศัพท์หาหญิงสาวทุกวัน เหมือนดังเดิม...
ถามหญิงสาววันนี้เป็นอย่างไรบ้าง?
กลับถึงบ้านรึยัง?
ทานอาหารรึยัง?
หญิงสาวก็รู้สึกแปลกใจแต่ก็ไม่ได้ถามอะไร

ก็ยังยอมรับความห่วงใยของชายหนุ่มที่มีให้เธอ

วันหนึ่ง หญิงสาวอารมณ์ไม่ดีและตอบชายหนุ่มไปว่า

" มันไม่เกี่ยวอะไรกับเธอแล้ว!! "
ชายหนุ่มก็ตอบเรียบ ๆ ว่า " ขอโทษนะ ผมไม่รบกวนคุณนะ "
แท้จริงแล้วหญิงสาวทะเลาะกับแฟนใหม่ของเธอ
ชายหนุ่มแลยกลายเป็นที่ระบายอารมณ์ของเธอไปซะ

วันต่อมา หญิงสาวก็ไม่ได้รับโทรศัพท์จากชายหนุ่ม

เธอรู้สึกแปลกใจแต่ก็ไม่ได้คิดอะไรมาก
เวลาผ่านไปหลายวันชายหนุ่มก็ยังไม่ได้ติดต่อเธอ

หญิงสาวก็คิดในใจว่าทำไมว่าแค่คำสองคำก็โกรธซะนาน

หญิงสาวก็รู้ว่าตัวเองผิด ก็คิดจะโทรหาชายหนุ่ม
และอยากขอให้ชายหนุ่มอย่าโกรธเธอ

หญิงสาวโทรศัพท์ทั้งวันก็ไม่มีคนรับสาย

จนสุดท้ายเบอร์โทรศัพท์นั้นก็โดนยกเลิกไป

หญิงสาวเริ่มรู้สึกแปลกใจมาก ๆ
เธอไปที่บริษัทที่ชายหนุ่มทำงานอยู่
แต่เพื่อนพนักงานเขาบอกว่าชายหนุ่มลาออกจากงานไปนานแล้ว

หญิงสาวถามเจ้าของบริษัทซึ่งเป็นเพื่อนสนิทของชายหนุ่มว่ารู้ไหมว่าเขาไปไหน

เขาก็บอกไม่รู้ เขาก็กำลังหาชายหนุ่มอยู่
หญิงสาวลองโทรไปที่บ้านของชายหนุ่ม

เขาก็บอกว่าชายหนุ่มไปต่างประเทศแล้ว หญิงสาวก็แปลกใจมาก

บ้านของชายหนุ่มฐานะก็ไม่ได้ดีมาก
แล้วทำไมถึงให้ชายหนุ่มไปต่างประเทศได้ ?
(โดยแท้จริงแล้วหญิงสาวบอกขอเลิกก็เพราะสาเหตุนี้)

อีกอย่างถ้าชายหนุ่มไปต่างประเทศจริง ๆ
ถึงจะไม่ได้บอกเธอ...เพื่อนของเขาก็น่าจะรู้นะ? แปลกจริง ๆ???

หญิงสาวเก็บความสงสัยไว้ในใจ พอกลับถึงบ้านก็ได้รับจดหมายฉบับหนึ่ง
เธอเปิดออกมาดู.. เป็นจดหมายของชายหนุ่มส่งมา..
ชายหนุ่มบอกเธอว่าเขาไปที่อื่นแล้ว แต่ไม่ได้บอกว่าไปไหน
ฮึ่ม !!! จะไปก็ไม่บอกสักคำ..

ตั้งแต่นั้นมา ถึงแม้หญิงสาวไม่เคยเห็นชายหนุ่มอีกเลย..
แต่เธอก็ได้รับจดหมายจากเขามาตลอด
โดยเฉพาะวันที่สำคัญ อย่างเช่นว่าวันเกิดของหญิงสาว

เขาจะอวยพรวันเกิดให้เธอพร้อมกับส่งของขวัญมาให้
วันวาเลนไทน์เขาก็ไม่ลืมที่จะส่งช่อดอกไม้ให้เธอ..
วันคริสต์มาสยิ่งไม่ต้องพูดเลย..
ขนาดหญิงสาวไปสอบเอ็นท์ เขาก็ยังส่งการ์ดมาเป็นกำลังใจให้เธอเลย
ถึงแม้ว่านานมากแล้วที่เธอไม่ได้เห็นชายหนุ่ม

แต่เธอก็ได้รับความห่วงใยจากเขามาตลอด..

แต่หญิงสาวพบว่าที่ชายหนุ่มส่งจดหมายมาก็ไม่ได้เขียนที่อยู่มาด้วย

บางทีก็ไม่ได้ติดแสตมป์ เหมือนกับว่ามีใครเอาจดหมายมา
ใส่ลงในตู้จดหมายของเธอโดยตรง
และเธอก็ไม่รู้ว่าทำไมเพื่อน ๆ ของชายหนุ่มดีต่อเธอมาก

วันเกิดเธอก็ได้รับของขวัญจากพวกเขา
หรือไม่ก็ชวนเธอออกไปเที่ยวบ่อย ๆ

โทรศัพท์ถามหาด้วยความเป็นห่วงอยู่เรื่อย

หญิงสาวรู้สึกแปลกใจกับความห่วงใยที่มีจากพวกเขา
แต่นาน ๆ เข้าเธอก็รู้สึกชินไปเอง
ในเวลานั้นเธอมีความสุขมาก ๆ
จนกระทั่งวันหนึ่ง

หญิงสาวพบว่านานแล้วที่เธอไม่ได้รับจดหมายจากชายหนุ่ม
ถึงเธอจะนึกแปลกใจ แต่ก็คิด
ว่าช่างเถอะ เขาคงไม่ค่อยว่างมั้ง..
เวลาผ่านไปอีกอาทิตย์นึง หญิงสาวก็ยังไม่ได้รับจดหมายเลย
เธอรู้สึกร้อนใจ แต่ก็ไม่รู้ว่าทำไม
รู้แต่ว่าเธออยากอ่านจดหมายของชายหนุ่ม..
สองปีที่ผ่านมาชายหนุ่มเขียนจดหมายส่งให้เธอเสมอ..
ในวันสำคัญของเธอก็จะได้รับคำอวยพรจากแดนไกลมาตลอด..
ถึงแม้ว่าเธอจะตอบจดหมายไม่ได้

แต่นี่ก็กลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตเธอแล้ว เวลานี้อยู่ดี ๆ ก็หายไป ?

หญิงสาวรู้สึกเหมือนไร้ที่พึ่ง..
หญิงสาวเริ่มตามหาชายหนุ่ม..
ไปที่ที่ชายหนุ่มแต่ก่อนเคยไปบ่อย ๆ ร้านอาหาร ร้านหนังสือ..
หวังว่าจะได้พบชายหนุ่ม แต่เธอก็ผิดหวัง..
ชายหนุ่มเหมือนกับว่าได้หายไปจากโลกนี้แล้ว

สุดท้ายญิงสาวก็กลับไปที่บริษัทเพื่อนสนิทของชายหนุ่มอีกครั้ง

ถามหาดูว่ามีใครรู้ว่าชายหนุ่มอยู่ที่ไหนบ้าง..

ในกลุ่มเพื่อนๆของชายหนุ่ม
มีหญิงคนหนึ่งพอได้ยินที่หญิงสาวถามก็ร้องไห้ออกมา
หญิงสาวถามเธอว่าร้องไห้ทำไม..
เจ้าของบริษัทบอกกับหญิงสาวว่า " เธอโทรไปหาคนคนนี้นะ...
แล้วเธอจะรู้เองว่าเขาหายไปไหน"

หญิงสาวรับกระดาษโน๊ตที่มีเขียนเบอร์โทรศัพท์มือถือมา
คิดในใจว่า ในที่สุดฉันก็หาเขาได้เจอสักที

หญิงสาวโทรศัพท์ไป..ฮัลโหล ?
มีเสียงผู้ชายมารับสาย

ถึงแม้ว่าหญิงสาวไม่ได้เจอชายหนุ่มตั้งสองปีแล้ว
แต่เธอรู้ว่าคนที่รับโทรศัพท์ไม่ใช่ชายหนุ่ม
หญิงสาวเอ่ยปากถาม.. " เอ่อ.. อยากทราบว่า.. "
ฝ่ายนั้นไม่ได้รอให้หญิงสาวพูดจบก็บอกว่า..

" ผมรู้ว่าคุณคือใคร "
" คุณอยากจะหาพี่ชายผมใช่มั้ย? ผมรอคุณมานานแล้ว
คุณตอนนี้ว่างมั้ย ออกมาแล้วผมจะเล่าให้คุณฟัง
แล้วคุณจะเข้าใจ.."

หญิงสาวมาตามที่นัดอย่างสงสัย
เห็นหน้าเขาก็เชื่อว่าเขาเป็นพี่น้องกัน เพราะหน้าตาคล้ายกันมาก
พอมาถึงหญิงสาวก็รีบถาม " พี่ชายเธอล่ะ ? "

น้องชายชายหนุ่มไม่ได้ตอบอะไร
แต่หยิบจดหมายฉบับนึงยื่นให้หญิงสาวพร้อมกับบอกว่า
" ขอโทษนะ "

" จริง ๆ แล้วผมน่าจะเอาไปให้คุณตั้งแต่หลายวันก่อนแล้ว
แต่ผมไม่รู้จะให้คุณยังไงดี ก็เลยเก็บไว้จนถึงวันนี้.."

" จดหมายทั้งหมดในสองปีนี้ก็คุณเขียนให้ฉันเหรอ ? "
หญิงสาวถามอย่างตกใจมาก

" ไม่ใช่ ผมแค่ส่งจดหมายให้คุณแทนพี่ชายผมเท่านั้น "


หญิงสาวได้แต่คิดในใจว่าทำไมต้องทำอะไรยุ่งยากอย่างนั้นด้วย..
ถึงเธอจะบ่นแต่ก็เห็นได้ชัดว่าเธอดีใจมาก ๆ
หญิงสาวเปิดจดหมายออกมาอ่าน..
__________________
Hi เธอเป็นอย่างไรบ้าง สบายดีไหม ? อากาศเริ่มเย็นแล้วนะ
รักษาสุขภาพให้ดีนะ.. การเรียนเป็นอย่างไรล่ะ?
อย่ามัวแต่ห่วงเล่นนะ.. แหม.. พูดเหมือนกับว่าเธอเป็นเด็กแน่ะ
โทษทีนะ..เพียงแต่ว่าผมไม่วางใจน่ะ เธอต้องการคนคอยดูแล
ปกป้องเสมอ.. แต่เธอวางใจได้นะ ผมเรียกให้เพื่อน ๆ ผม
ช่วยดูแลคุณให้ดี ๆ น่ะ

เพราะว่าเมื่อคุณได้อ่านจดหมายฉบับนี้แล้ว
ผมก็คงจะไปที่อื่นแล้ว.. ผมไม่สามารถดูแลคุณได้อีกต่อไป..
แต่ผมก็ยังห่วงคุณเสมอ

ผมเลยใช้วิธีนี้อยู่เป็นเพื่อนคุณในวันที่ผ่าน ๆ มา
ขอให้คุณอย่าได้โกรธผมนะ..

นี่ก็อาจจะเป็นจดหมายฉบับสุดท้ายที่ผมเขียนให้คุณได้
เพราะมันถึงเวลาแล้ว.. ต้องขอโทษมาก ๆ
ไม่ใช่ว่าผมไม่อยากพบคุณนะ

เพียงแต่ว่าผมไม่ต้องการให้คุณได้เห็นผมในขณะนี้
และไม่อยากให้คุณต้องเสียใจเพราะผม..
ผมหวังอยากให้คุณอยู่อย่างมีความสุข

ตอนนี้ก็คงใกล้ถึงเวลาสอบแล้วสินะ
ถ้าคุณสอบไม่ได้เพราะเรื่องของผม ผมคงไม่มีวันยกโทษให้ตัวเองแน่ ๆ
เพราะว่าสิ่งนี้เป็นความหวังสุดท้ายของผม..
นับ ๆ ดูทั้งหมดก็คงมี 200 กว่าฉบับได้มั้ง

หวังว่าคุณคงไม่โกรธที่ผมรบกวนคุณมากเกินไปนะ..
ถึงแม้ว่าผมใกล้ถึงเวลาที่ต้องจากไป
แต่ผมก็ไม่เคยคิดว่าการรู้จักคุณเป็นสิ่งที่แย่ในชีวิตของผม

ในช่วงเวลาที่ ผมอยู่กับคุณผมมีความสุขมาก

ถึงแม้ว่าท้ายสุดคุณไม่ได้เลือกผม
แต่ก็ดีแล้วล่ะ มิฉะนั้นผมก็คงไม่รู้ว่าจะบอกเลิกกับคุณอย่างไรดี

เพราะสภาพร่างกายผมทำให้ผมไม่สามารถอยู่ดูแลคุณได้ตลอดไป..
ยิ่งนานวันร่างกายผมก็ยิ่งแย่ลง ผมไปโรงพยาบาลตรวจดู..
หมอบอกว่าผมเหลือเวลาอีกแค่เพียง 3 เดือนเท่านั้น
ถึงเวลานั้นก็.. เธอคงเดาได้ออกนะ..

เพราะฉะนั้นผมก็เลยดูตามวันเวลาและเขียนจดหมาย
ให้คุณกว่า 200 ฉบับ แล้วให้น้องชายผมส่งให้คุณ
ตามวันที่ที่เขียนไว้

เหมือนกับว่าผมยังอยู่เคียงข้างคุณเสมอ..
2 ปีแล้วสินะ ความรู้สึกของคุณที่มีต่อผมก็คงเจือจางลงไปไม่น้อยแล้ว
ผมน่าจะยอมรับรู้ความจริงอันนี้ได้แล้วนะ

ผมก็เลยเขียนจดหมายฉบับนี้เป็นฉบับสุดท้าย..
อีกอย่างผมก็ไม่สามารถเขียนจดหมายได้อีกต่อไป ขออภัยด้วยนะ..
ถ้าผมทำให้คุณต้องเสียใจ ผมก็ขอโทษที่ผมไม่สามารถปลอบใจคุณได้อีก..
ผมเพียงอยากบอกกับคุณว่า ผมรักคุณ อยากดูแลคุณตลอดชีวิต

ถึงแม้ว่าสุดท้ายคุณจะแต่งงานกับคนอื่นไป
ผมก็อยากอยู่เป็นเพื่อนคุณเสมอ.. แต่ผมทำได้เหรอ? ผมทำไม่ได้
เพราะเวลาของผมใกล้จะหมดแล้ว..
ถึงอายุผมจะไม่ยืนยาว แต่ผมก็ไม่รู้สึกเสียดาย

ชีวิตของผมอยู่อย่างคุ้มค่ายิ่งนัก ถึงแม้ว่าเวลาที่เราอยู่ด้วยกัน
มันสั้นนัก แต่ก็ทำให้ผมได้รู้ค่าของชีวิต

ขอขอบคุณที่คุณให้รักแรกในชีวิตผม
ถ้าเวลาย้อนกลับไปได้ผมคงจะไม่ไปรู้จักคุณ ไม่เป็นแฟนกับคุณ..
แต่มันไม่อาจเป็นไปได้ ผมก็เลยต้องทำให้คุณเสียใจอยู่ดี

ถ้าการรอคอยของวันพรุ่งนี้ทำให้ผมอยู่เคียงข้างคุณได้
ผมรับรองว่าจะทำ..
แต่ผมจะมีพรุ่งนี้ได้อีกกี่วัน? ถึงอย่างไรผมก็ต้องจากคุณไป
ถ้าผมจากไปอย่างสงบได้นั่นแสดงว่าผมไม่รักคุณอีกต่อไป
แต่น้ำตาที่ไหลออกมาบอกผมว่าผมทิ้งคุณไปไม่ได้
เพราะว่า " ผมรักคุณ "
อย่าร้องไห้เพื่อผมเลย เพราะผมมีความสุขที่เคยรักคุณ
ลืมผมเสียเถิดนะคนดี..

จากคนที่รักคุณ 21/9/2000 โรงพยาบาลXXX
-----------------------------------

หญิงสาวดูวันที่ที่เขียนในจดหมาย

คือเวลาหลังจากที่เลิกกันได้หนึ่งเดือน..
นั่นก็คือวันหลังจากวันที่ที่เธอพูดกับเขาว่า

" มันไม่เกี่ยวอะไรกับเธอแล้ว!! "


วันนั้นอากาศเย็นลงมาก
เริ่มเข้าหน้าหนาวแล้ว

คืนนั้นหญิงสาวถือจดหมายไว้ในอ้อมอก
ยืนร้องไห้อยู่หน้าบ้านของชายหนุ่ม....



Create Date : 09 มีนาคม 2551
Last Update : 9 มีนาคม 2551 18:51:16 น.
Counter : 325 Pageviews.

1 comment
FW : น้ำตาจะไหล
กุหลาบแดงคือดอกไม้สุดโปรดของเธอ และเธอก็ชื่อโรส ซึ่งหมายถึงกุหลาบด้วย ทุกปีสามีของเธอจะส่งดอกกุหลาบผูกโบว์น่ารักให้ แม้กระทั่งปีที่เขาตายจากไป เธอก็ยังได้รับดอกกุหลาบซึ่งมาส่งที่หน้าบ้าน
การ์ดที่แนบมาเขียนไว้ว่า “ที่รักของผม” เหมือนกับหลาย ๆ ปีก่อนหน้านี้ แต่ละปีที่เขาส่งดอกกุหลาบให้เธอ เขาจะเขียนว่า “ปีนี้ผมรักคุณมากกว่าที่ผมเคยรักเมื่อปีก่อน เพราะความรักของผมเติบโดขึ้นทุกปีที่ผ่านไป” เธอรู้ว่านี่คือกุหลาบช่อสุดท้ายแล้วที่เธอจะได้รับ เธอคิดว่าเขาคงสั่งดอกไม้ล่วงหน้าก่อนถึงวันวาเลนไทน์ โดยที่เขาไม่รู้ว่าเขา จะจากไป เขามักจะทำอะไรเอาไว้ล่วงหน้าเสมอ เพื่อที่จะได้ไม่พลาดแม้ว่าเขาจะงานยุ่งแค่ไหนก็ตาม เธอต้ดก้านกุหลาบ แล้วจัดมันลงในแจกันสุดพิเศษ วางไว้ข้างภาพถ่ายใบหน้าเปื้อนยิ้มของสามีนั่งลงบนเก้าอี้ตัวโปรดของเขา
เนิ่นนานนับชั่วโมง จ้องมองภาพถ่ายของเขา ที่มีดอกกุหลาบอยู่ด้านข้าง
หนึ่งปีผ่านไป
มันยากมากสำหรับการที่ต้องอยู่คนเดียวโชคชะตาบันดาลให้เธอต้องกลายเป็นคนอ้างว้างเปล่าเปลี่ยว
แล้วกริ่งประตูก็ดังขึ้นเหมือนวันวาเลนไทน์ปีก่อน ๆ
เมื่อเธอเปิดประตูก็พบกุหลาบแดงวางอยู่ที่หน้าประตู
เธอนำมันเข้ามาในบ้าน และรู้สึกตกใจกับสิ่งที่ได้รับ
ในที่สุดเธอก็กดโทรศัพท์ไปที่ร้านดอกไม้เมื่อเจ้าของร้านมารับสาย เธอจึงถามเขาว่า ทำไมถึงมีคนส่งดอกไม้ให้เธอ ซึ่งมันทำให้เธอรู้สึกเจ็บปวด
“ผมทราบว่าสามีของ คุณจากคุณไปเมื่อปีที่แล้ว”
เจ้าของร้านตอบ “และผมก็รู้ว่าคุณต้องโทรมา
และอยากรู้ว่าใครส่งดอกไม้ไปให้ ดอกไม้ที่คุณได้รับวันนี้ชำระเงินล่วงหน้าเรียบร้อยแล้วครับ สามีคุณเป็นคนสั่งดอกไม้โดยเตรียมการไว้ล่วงหน้า
ผมยังมีคำสั่งซื้อดอกไม้จากเขาเก็บเอาไว้ในแฟ้มอีก
ผมได้รับคำสั่งให้ส่งดอกไม้ให้คุณทุกปี
ยังมีอีกเรื่องนะครับที่ผมคิดว่าคุณควรจะทราบ
เขาเขียนการ์ดพิเศษเอาไว้ให้คุณใบหนึ่งเมื่อหลายปีที่แล้ว และเขาต้องการให้ผมส่งการ์ดนี้แก่คุณ
ในปีถัดจากปีที่เขาจากคุณไปแล้ว”
เธอกล่าวขอบคุณเจ้าของร้านดอกไม้แล้ววางโทรศัพท์ น้ำตาไหลอาบแก้ม นิ้วของเธอสั่นระริกขณะเอื้อมมือไปหยิบการ์ดใบนั้น บนการ์ดมีลายมือของเขาที่เขียนถึงเธอ แล้วเธอก็เริ่มอ่านมันอย่างเงียบ ๆ ในการ์ดเขียนว่า
“หวัดดีจ้ะที่รัก
ถึงตอนนี้ผมได้จากคุณไปหนึ่งปีแล้ว หวังว่ามันคงไม่ทำให้คุณรู้สึกเหนื่อยเกินไปในการต่อสู้กับปีที่ผ่านมานะ ผมรู้ว่าคุณคงรู้สึกอ้างว้างและเจ็บปวด ถ้าเป็นผมก็คงรู้สึกไม่ต่างจากคุณ ความรักของเราสองคนทำให้ทุกสิ่งในชีวิตดูงดงามไปหมด ผมรักคุณมากเกินกว่าที่จะบรรยายได้คุณคือภรรยาที่สมบูรณ์แบบ
คุณเป็นทั้งเพื่อนและคนรัก คุณเติมชีวิตผมให้เต็ม
ผมรู้ว่ามันเพิ่งผ่านไปได้แค่ปีเดียวแต่ผมไม่อยากให้คุณตกอยู่ในความเศร้า ผมอยากให้คุณมีความสุขแม้กระทั่งเวลาที่คุณหลั่งน้ำตา และนี่คือเหตุผลว่าทำไมผมจะยังคงส่งดอกไม้ให้คุณต่อจากนี้อีกหลายปี
เมื่อคุณได้รับดอกกุหลาบผมอยากให้คุณนึก
ถึงความสุขตลอดระยะเวลาที่เราได้รักกัน ผมรักคุณเสมอ และรู้ว่ามันจะเป็นเช่นนั้นตลอดไป แต่ที่รัก คุณต้องต่อสู้ต่อไป ต้องมีชีวิตอยู่ต่อไป ได้โปรดมองหาความสุข ตลอดวันเวลาที่คุณยังมีชีวิตอยู่ ผมรู้ว่ามันไม่ง่าย หากหวังว่าคุณคงไปถึงมันได้สักวัน กุหลาบจะส่งถึงคุณทุกปี และจะหยุดส่งก็ต่อเมื่อคนที่มาส่งดอกไม้เคาะประตูแล้ว ไม่มีใครมาเปิดรับ เขาจะมาส่งห้าครั้งในวันนั้นเผื่อว่าคุณจะออกไปธุระข้างนอก
หากครบห้าครั้งแล้วยังมอบดอกกุกลาบ ให้คุณไม่ได้เขาจะรู้เองว่าต้องนำดอกไม้ไปยังสถานที่ที่ผมสั่งเอาไว้ ดอกกุหลาบจะวางลงบนที่ที่เราจะได้อยู่ร่วมกัน อีกครั้งชั่วนิรันดร์”




Create Date : 09 มีนาคม 2551
Last Update : 9 มีนาคม 2551 18:38:29 น.
Counter : 293 Pageviews.

2 comment
FW : ++"ความรัก" กับ "อากาศ"++
เธอเลือกที่จะขาดสิ่งไหน

ไม่มีอากาศ ...ก็ไม่มีลมหายใจ

ไม่มีความรัก ยังหายใจได้..เหมือนทุกวัน


อากาศไม่ต้องเสาะแสวงหา

แต่ความรักจะได้มาต้องบากบั่น

อากาศได้มาง่ายๆ และมีอยู่มากมายร้อยพัน

ส่วนความรัก แม้เพียงฝัน..ก็สุขใจ


อากาศแทบไม่มีน้ำหนัก

ส่วนความรัก ใครก็เห็นว่ายิ่งใหญ่

อากาศ ไม่เคยสร้างความเสียใจ

หากความรัก ทำให้ต้องร้องไห้ มีน้ำตา


อากาศ ทำให้ทุกชีวิตดำรงอยู่

และความรัก ทำให้ลมหายใจทุกอณูมีคุณค่า

อากาศมองเห็นได้ยากด้วยสายตา

ส่วนความรัก เห็นด้วยตารู้ด้วยใจ


มีอากาศโลกก็เป็นอย่างที่เป็นอยู่

มีความรักโลกจะกลายเป็นสีชมพูหวานไหว

สำหรับอากาศ เข้า-ออกตามลมหายใจ

แต่ความรักหากมีไว้..ก็ไม่อยากสูญเสียไปสักนิดเดียว


ดูแลรักษาอากาศว่าลำบาก

ดูแลความรัก ยิ่งยุ่งยาก หากไม่ชอบแลเหลียว

อากาศมากเท่าไหร่ ...ก็ไม่กลมเกลียว

ความรักแม้บางเบาก็แน่นเหนียว...และผูกพัน


ส่วนประกอบของอากาศสามารถบรรยาย

แต่ความรักไม่อาจอธิบายด้วยคำสั้นๆ

อากาศ อาจดี-แย่ แต่ละวัน

ส่วนความรักนั้น จะยังคงอบอุ่นกรุ่นหัวใจ


"ความรัก" กับ "อากาศ"

หากถามฉันว่าเลือกที่จะขาดสิ่งไหน

แม้อากาศจำเป็นสักเพียงใด

ในโลกที่ความรักสิ้นไร้ ..ก็ไม่อาจทนอยู่ได้ เช่นกัน...



Create Date : 09 มีนาคม 2551
Last Update : 9 มีนาคม 2551 18:30:48 น.
Counter : 230 Pageviews.

0 comment
FW : การได้รัก..อย่างจริงใจ
"การตัดใจ"ต่างหาก ที่ต้องใช้ความพยายามอย่างมากมาย

ลองชั่งน้ำหนักในใจเราดูสิว่า ความสุขยามที่คุณได้สบตาเค้า

กับความทุกข์ยามที่คุณต้องคอยหลบตาเค้า

อันไหนมันหนักหนากว่ากัน


อย่าโทษตัวเอง ที่มาเจอเค้าสายเกินไป...

อย่าโทษเค้าที่ไม่มีใจให้...

อย่าโทษโชคชะตาที่ทำให้เราพบกัน แต่ไม่ได้ทำให้เราใจตรงกัน


แต่จงยิ้มให้กับตัวเอง

ที่อย่างน้อย ถึงจะพบกับเค้าคนนั้นสายเกินไป

แต่ก็ยังได้พบ...


ยิ้มให้เค้า ที่ถึงจะไม่ได้ให้ใจเรามา

แต่ก็ยังได้รับหัวใจของเราไป...


ยิ้มให้กับโชคชะตา ที่ถึงแม้จะไม่ได้ทำให้เรารักกัน

แต่ก็ยังทำให้เรา...ได้รู้จักกัน


คุณควรจะดีใจด้วยซ้ำที่ครั้งหนึ่ง

คุณได้เจอคนที่คุณอยากเก็บรอยยิ้มของเค้าไว้คนเดียว

คนที่คุณใส่ใจกว่าตัวคุณเอง...

คนที่ทำให้คุณหัวเราะ...และร้องไห้ได้มากมาย...


คนที่เพียงแค่ยิ้มของเค้า

ก็สามารถเปลี่ยนวันที่หมองหม่น...ให้กลายเป็นวันที่สดใส

เท่านี้มันก็เพียงพอแล้ว ไม่ใช่หรือ?


แค่การได้เห็นคนที่เรารัก

ได้หัวเราะอยู่กับใครสักคนที่เค้ารักมากที่สุด

...นั่นแหละคือความสุขของการได้รัก...อย่างจริงใจ



Create Date : 09 มีนาคม 2551
Last Update : 9 มีนาคม 2551 18:29:11 น.
Counter : 297 Pageviews.

0 comment
1  2  

นางฟ้าตัวเล็กกับเด็กน้อย
Location :
แม่ฮ่องสอน  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]



  •  Bloggang.com