Group Blog
  •  
  •  
  •  
  •  
  •    
  •  
  •  
  •  
  •  
  •  
  •  
  •  
  •  
  •  
  •  
  •  
  •  
All Blog
รีวิว รองพื้น illamasqua skin base foundation

ขอเชิญทุกท่าน เข้าสู่ รีวิวรองพื้นมหัศจรรย์พันลึก
"illamasqua skin base foundation"
เอ้า ปรบมือหน่อยยยยย
888888888888888888888888

คือก่อนอื่นตัวนี้ต้องบอกว่า ข้าเจ้าบ่ได๋ซื้อมาเองค่ะเจ้า
มีคนให้เก๊ามา คือ พี่โอปอ ^^
ก็ได้ลองใช้ดูและ รีวิวให้ดูกันเลย

เออๆ เดี๋ยวก่อนนะคือ
ตอนแรกที่ได้ตัวนี้มา แล้วถ่ายรูปลงเฟชบุค เพื่อนๆหลายคนแตกตื่นกันมาก
เหมือนกับว่า มันเป็นรองพื้นที่ โด่งดัง มหัศจรรย์ หรืออะไรสักอย่าง
ดูหลายคนระริกระรี้มาก มันมีอะไรเหรอกับรองพื้นตัวนี้???? งง
ตอนนี้ก็ยัง งง อยู่ ว่า เธอเป็นอะไรกัน???





นี่ก็คือหน้าตาของนาง
เป็นขวดพลาสติก หน้าตาปะหลาดๆ
ซึ่งถามว่าปะหลาดแล้ว ดูดีมั๊ย ?
ในสายตาเฉิ่มๆของเรา เราว่าไม่เลยย
ดูก๊องเเก๊งมาก ดูกระป๋อง และ ดูราคาถูกมากๆ -*-

ราคาก่อนดีกว่า
ราคาไทยไม่รู้นะ แต่ไปสืบในเว็บมา ของอิลิมาสก้า
เค้าบอกตัวนี้ราคาอยู่ที่ 27 ยูโร = .....?..... บาทไทย ( เท่าไหร่ฟร่ะ? )
ใครคูณเงินแล้ว คอมเม้นมาบอกข้างล่างหน่อย 55




 ส่วนฝาขวดเป็นแบบบีบๆ เอา  ไม่มีไรมากๆ






ส่วนด้านหลัง ก็เป็นคำโปรยของเค้า ซึ่งจะบอกว่า โปรยได้เว่อร์วังมาก
เรามาวิเคราะห์กันเล็กน้อยดีกว่า

1.เค้าบอกว่า เบลนได้ง่ายมาก
- ไม่จริงนะ จะบอกให้ว่า แอบเกลี่ยยากอยู่ เพราะรองพื้นค่อนข้างหนืดเลยทีเดียว

2 for all skin type
เอ่อมมมม ถ้าผิวมัน , มันมากๆ ก็ไม่รอดนะ เพราะรองพื้นจะออกครีมๆหน่อยๆ
ถ้าหน้ามัน อาจก่อให้เป็นคราบพินาศบนหน้าได้

3. smoothes , sofftens , natural
ไม่จริงอีกแล้ววววว  อันที่บอกว่า smooth นี่ พอไหวอยู่
แต่ softtens  , natural นี่ ไม่จริงเลย
กล้าเขียนมาได้อย่างไร 55+
จะบอกว่าเป็นรองพื้นที่ ทาแล้ว ดูรู้อ่ะว่าทารองพื้นมา ก็หนาออกซะขนาดนั้น ให้ตายเถอะ
คนเขียนคำโปรยด้านหลังนี่ เมายาคุมมาเขียนป่าวเนี่ย 55+

4.buildable
โอเคย์ อันนี้จริง สามารถบิวท์ได้ว่า จะปกปิดขนาดไหน
แต่ว่า จะได้ 2 การปกปิด ที่ได้ลองมาแล้วคือ
ปกปิดปานกลาง และ ปกปิดแบบหนา







หลังจากที่ได้ถล่มคำโปรยไปอย่างไม่มีชิ้นดีแล้ว
มาดูเนื้อรองพืันกันดีกว่า



จะเห็นว่าเนื้อค่อนข้างหนา ไม่สิ ไม่ค่อนข้างสิ หนาเลยดีกว่า
จะเห็ฯความเป็นครีมมี่ และ การตกร่องเบาๆด้านบนของรูปขวามือได้
ถ้าใครมีรูขุมขนกว้างๆ ต้องเกลี่ยดีดีเลยนะ ไม่งั้นพินาศแน่ๆ



นี่ก็คือ before - after
จะเห็นได้ว่า ปกปิดค่อนข้างดีทีเดียว
อันนี้ทาแค่รอบเดียวนะ เป็น medieum coverage
แต่เคยลองทาสองรอบแล้ว ทาแล้วถ่ายคลิปอ่ะ คอนซิลเลอร์ในกรุ
ไม่ต้องเอาออกมาใช้เลย ปกปิดได้เนียนมาก






ส่วนตรงนี้คือชาร์ตสีที่ไปแคปมาจากเว็บของอิลิมาสก้า
คือสีจะมีทุกเฉดสี และก็ ทุกอันเดอร์โทนสีเลย คือแล้วแต่ว่าใครแบบไหนก็ไปเลือกกกันเอา
ส่วนของเราใช้สีเบอรร์ 8.5 จ้ะ
(แต่ดูสีจากรูปในเว็บเค้า มันจะ งง งง เเห่ะ ดูแล้วมึนมาก สีดูปลอมมากๆ -*- )


อ่ะ เรามาวิเคราะห์กันทีละอย่างดีกว่าเนาะ

ลุคที่ได้หลังจากการทา
เป็นลุคที่ทาแล้ว ไม่เป็นธรรมชาติเลย ใครดูก็รู้ว่าทา
เพราะมันหนามาก เหมาะกับการทาไปงานแน่นๆ
งานแต่งเพื่อน งานวันเกิดเพื่อน ไปผับ จิกผู้ชาย อะไรเงี่ย
ทาไปที่ที่เป็นแสงปลอมๆอย่างแสงหลอดไฟ อะไรเงี่ย สวยอยู่
แต่ถ้าทาไปเจอแดด ไม่สวยแน่ๆ ศพแน่ๆ
เพราะมันจะเยิ้มย้อย และเป็นคราบได้ อากาศบ้านเรา บอกตรงๆ รองพื้นตัวนี้ ไม่รอด


การปกปิด ปกปิดได้ยอดเยี่ยมมาก รอยผีหลอกบนหน้า หายไปหมดเลย
ไม่ต้องพึ่งคอนซิลเลอร์เลยตัวเธอ เลอค่าา


การคุมมัน  ไม่นะ ไม่คุมมัน แต่ก็ไม่ได้ทำให้หน้ามันหรือวาวขึ้น
แต่ถ้าหน้ามันแล้ว เราว่ามันไม่สวยอ่ะ มันจะเป็นคราบได้ ถ้าหน้ามันมากๆ อาจพังได้


ความติดทน   เออ เราว่ารองพื้นตัวนี้ก็ติดทนนะ แต่ไม่ให้ร้อยเปอร์เซนต์
ให้ 75 เปอร์เซนต์พอ เพราะว่า เวลาเอาทิชชู่ซับหน้าอ่ะ สีมันหลุดติดทิชชู่มาชัดเจนอยู่
ยิ่งถ้าหน้ามันแล้วซับ สีหลุดมาน่าตกใจมากๆ
แต่ก็ถือว่า โอเคย์นะ ไม่ได้เลือนหายจนเหมือนกะว่า อุ๊ย นั่นหน้าสดรึปล่าว??? ฮี่ฮี่







สรุปๆๆๆ

สิ่งที่ชอบ - ชอบสี สีรองพื้นเค้าสวยมาก สีสมูธมาก ทาออกมาแล้วหน้าสีผิวสวยมากๆ
ยิ่งถ่ายกับไฟเเฟลช โอ้โห มันสวยอ่ะ สวยจริงๆ

ชอบทารองพื้นตัวนี้กับการถ่ายคลิปนะ ทาแล้วพอเข้ากล้องเข้าไฟ มันออกมาสวยมาก


สิ่งที่ไม่ชอบ - ไม่ชอบครีมมี่ ความเหนอะบาๆ ของรองพื้น เพราะมันช่างไม่เหมาะกับอากาศ
เมืองไทยเลย ทาแล้วอย่าไปโดนแดด อย่าเหงื่อออก ถ้าเหงื่ออก พังทลายเลย

ไม่ชอบเเพคเกจจิ้ง ดูโลว สวยทางกับราคามาก -*- ใครออกแบบยะ?

คำโปรยด้านหลัง เว่อร์มาก ถ้าใครอ่านอันหลังอย่างเดียว แล้วไม่ได้ลองใช้
คุณอาจจะถูกหลอกได้

(วิจารณ์แรงขนาดนี้ ฉันจะโดนตบมะ? 555)


เดี๋ยวต้องมีคนถามว่า มันซื้อที่ไหน ???
ในห้างสิแก 5555+ (ตอบกวนบาทามาก)
เซนทรัล อะไรเงี่ย ในโซน beauty hall
โอเคย์นะค๊ะ







Create Date : 26 พฤษภาคม 2556
Last Update : 26 พฤษภาคม 2556 14:11:19 น.
Counter : 28194 Pageviews.

4 comment
รีวิว รองพื้น lancome mat miracel
hello
กลับมาพบกับน้องป๋อมอีกแล้ว กับมหกรรมการรีวิวรองพื้น
เพื่อน และ คนรู้จักมักจะถามว่า
เมื่อไหร่แกจะเลิกซื้อรองพื้นฟร่ะ
คือ เป็นมนุษย์ที่มีรองพื้นเยอะมาก
ถามว่าใช้หมดไหม ตอบเลยว่า ไม่!
เพราะไม่ได้ใช้ทุกวันด้วย
แต่มันแบบ ความสุขอ่ะ เหมือนกับเราเก็บสะสมอะไรเง้
(สะสมรองพื้นเนี่ยนะ?)

แต่ว่ารองพื้นตัวนี้ที่จะรีวิว ไม่ได้ไปเสียตังค์เองแต่อย่างใด
มีพี่ที่ตามเเฟนเพจเรา เค้าซื้อมาแล้ว
ใช้ไม่ได้ เพราะสีขาวกว่าหน้าเค้ามาก
เค้าก็เลยบริจาคมา
ต้องขอบคุณคุณพี่โอปอด้วย ณ จุดนี้
(คนดีต้องเอ่ยนาม)
เพราะตอนแรก ป๋อมเคยไปเล่นที่เคาเตอร์แล้ว
ตอนที่ออกใหม่ๆ และรู้สึกว่า เห๋ยยยย
น่าไปตำว่ะ เป็นรองพื้นที่ เนื้อสวยมาก
หุหุ

อ่ะๆ มาดูหน้าตากันเลย




รูปร่างหน้าตา คล้ายๆกับรุ่น teint miracle ตัวเก่า ที่ออกมานานแล้ว
อย่าเรียกว่าคล้ายเลย เรียกว่า เหมือนกันเลยดีกว่า
แต่ต่างกันตรงฝาคือ รุ่น teint miracle จะฝาสีขาวๆ
อันนี้จะฝาออกดำๆหน่อยน๊ะจ๊ะ

ราคาก่อนดีกว่า
ราคาเคาเตอร์ ตอนนั้นไปถามมาที่พารากอน
ถ้าจำไม่ผิดนะ ราคาอยู่ที่ 1850 บาทจ้ะพี่น้อง




ลักษณะเป็นหัวปั๊ม ไม่ต้องซื้อหัวปั๊มเเยกอีก 200-300 บาท
แบบบางยี่ห้อ ที่มันหน้าเลือด
ซื้อขวดแล้ว หัวปั๊มแมร๊งก็ไม่แถม ต้องซื้อแยก
แต่ฉันก็ไม่ค่อยซื้อนะ เทเอา 555+ ออกแนวงก




ฝาขวดก็มีรูปดอกไม้ ไม่รู้เหมือนกันว่าดอกอะไร?
ดอกกุหลาบ ?? ดอกกล้วยไม้??? ดอกบัว ??? ดอกหน้าวัว??? ดอก ..... ???
whatever ... 55






อ่ะ เรามาดูที่คำเคลมหน้าขวดของเค้าดีกว่า ทีละอย่างเลยนะ

1 Long Wear
 ไม่จริง!!ทั้งหมด คือถ้าอยู่ในห้องแอร์
ไม่ได้ไปพจญภัยตามล่าขุมทรัพย์ซาตาน
โอเคย์ long wear อยู่ แต่ว่า ถ้าเธอไปไหนที่โหดๆกับการเยิ้มย้อยหน่อย
หลุดแน่ๆเธ๊ออ


2 comfort
โอเคย์ ให้ผ่านอยู่ ทาแล้วสบายผิว ไม่หนักหน้า ไม่รู้สึกว่าเป็นมหกรรมการโบกรองพื้น

3 satin light
โอเคย์ บางเบาอยู่ ได้อยู่ๆ ผ่านๆๆ

4 creator
อันนี้เค้าจะหมายถึงว่า มันสามารถ built-able ได้ รึปล่าว? ใช่มั๊ย?
ถ้าหมายความว่างั้น ก็ถือว่า สามารถอยู่
คือ จะทาให้บางเบา หรือจะ build ให้หนาขึ้นเพื่อปกปิดก็ได้อยู่นะ
แต่ว่า ปกปิดไม่ได้ปกปิดเนียนกริ๊บอะไรขนาดนั้นนะ




ต่อไปด้านหลังจ้ะพี่น้อง
เราใช้สีเบอร์ O-03  พอดีกะผิวเลยหล่ะ แม่ๆ
ส่วนอื่นๆก็ไม่มีอะไรมากแค่บอกว่า ผลิตในยุ่น
เปิดใช้ได้ 12 เดือน และ ปริมาณ 30 ml

ต่อมาเรามาดูในเรื่องของ การปกปิด - ลุคในการทาไปแล้วมั่งดีกว่า






คุณจะเห็นได้ว่า การปกปิด ไม่ปกปิดมาก ยังเห็นรอยอยู่
จะบอกว่า รอยสิวเเดงๆตรงนั้น เราทา 3 รอบน๊ะจ๊ะพี่น้อง
แต่ก็ยังเห็นอยู่ว่ามีรอยสิว ถ้าจะปิดให้เนียนๆ ต้องใช้คอนซิลเลอร์ช่วยจ้ะ


ต่อไปเรื่องของลุคหลังทาคือ
จะเป็นรองพื้นที่ทาแล้วได้ลุค กึ่งแมท
ไม่แมทแบบว่า แมทเเห้งๆๆ อะไรขนาดนั้นนะ ปล่าวเลย
คือชื่อบอกว่า mat miracle นางบอกว่าแมท
แต่ความจริง ไม่ได้แมทขนาดนั้น
ใครตั้งหวังไว้ว่าจะแมทมากๆ ขอบอกว่า ผิดหวังน๊ะจ๊ะ


เรื่องของ การคุมมัน จะบอกว่า
ไม่ได้ช่วยในเรื่องการคุมมกันเลยสักนิด
ใครผิวหน้ามันมาก มันน้อยขนาดไหน
ความมันก็จะออกมาดั่งสภาพหน้าคุณหล่ะจ้ะ
แต่ว่าตัวรองพื้นนี้ ไม่ได้ทำให้หน้าของคุณมันขึ้นนะ


การเกลี่ย รองพื้นตัวนี้ เกลี่ยง่ายมาก
เป็นรองพื้นเนื้อกึ่งแมท ที่เกลี่ยง่าย ไม่ว่าคุณจะมี skill
ในการเกลี่ยรองพื้นมากน้อยแค่ไหน ขอบอกว่า
รอดทุกคน ใช้นิ้วเกลี่ยก็โอ ใช้แปรงเกลี่ยก็ได้จ้ะ


ตกร่องมั้ย? ถ้าตอนทาอ่ะ ไม่ตกร่องนะ
แต่ถ้าปล่อยระยะเวลาผ่านไปและ ถ้าคุณไม่ซับมัน
จะเห็นรูขุมขนเป็นรูๆ ชัดเจนขึ้น
เอาเป็นว่า อย่าปล่อยให้หน้ามันมากเกินไป ไม่งั้น ไม่งามน๊ะจ๊ะ


ความติดทนนั้น อย่างที่บอกไปข้างบนว่า
ถ้าอยู่ในห้องแอร์ หรือไม่ได้เจอแดด ติดอยู่จ้ะ
แต่ถ้าไปใช้ชีวิตสมบุกสมบัน เหอะๆๆๆๆๆ
รองพื้น หายแน่นอน คือ แค่เอาทิชชู่ซับหน้า รองพื้นก็หลุดติดมา
จำนวนหนึ่งอย่างเห็นได้ชัดแล้วหล่ะตัวเธอ
เอาเป็นว่า ถ้าจะใช้รองพื้นตัวนี้ คุณเธอต้อง
ใช้ชีวิตคุณหนูนิดนึงน่ะ


เนื้อรองพื้น ไม่มีกลิ่นของน้ำหอม และ แอลกฮอล์กแต่อย่างใดจ๊ะ




โอเคย์  มาถึงสุดท้ายละ
จะบอกให้ว่า รองพื้นตัวนี้เหมาะกับ
- แต่งหน้าไปเที่ยวกับเพื่อน ไปเดินห้าง จิบน้ำชากาแฟ
ชอปปิ้งพาราเก้ง เอมโพเรียม เซนทรัล หรือโลตัสก็ได้น่ะเธอ ติดแอร์เหมอืนกัน
แต่อย่าไปเจเจ สำเพ็ง หรือ อะไรที่มันร้อนๆนะ ตอนไปเธอหน้าสวย
แต่ตอนกลับเธอหน้าสด ไม่รู้ด้วยนะเธอ เตือนแล้วจ้ะ

ไปแล้วจ้ะ บ๊ายบายยยยยย





Create Date : 23 พฤษภาคม 2556
Last Update : 23 พฤษภาคม 2556 14:49:25 น.
Counter : 28632 Pageviews.

1 comment
รีวิว รองพื้น chanel vitalumiere aqua

hello everybody
ในที่สุด ฉันก็มีโอกาสมาทำรีวิวตัวนี้สักกะที
หลังจากที่ ได้ใช้นางมาเดือนกว่า และ ดองงงงงไว้
ไม่ได้ทำรีวิวสักที เนื่องจากขี้เกียจ 55 โอเคย์ มาเข้าเรื่องกันเลย




ก่อนอื่น ราคานะจ๊ะพี่น้อง
ประมาณ 2,200 บาทไทย
แต่ถ้าคุณไปซื้อที่ อเมริกา ราคาจะอยู่ที่ 45 us dollar
นั่นคือ  1,350  บาท
อุ๊ยยต๊ะะ (ใส่ซาวด์ชมพู่ อารยาใน sabina)

ราคามันต่างกันเกือบพันเเหน่ะพี่น้อง
แต่ฉันก็หน้ามืดไปซื้อที่เคาเตอร์ 555 ไม่อยากสั่งผ่านคนรู้จักให้หิ้วมา เพราะว่า กลัวผิดสี

และก็โชคดีมากที่ ซื้อที่เคาเตอร์ ไม่งั้น ผิดสีแน่ๆ




สีที่เราซื้อมาเป็นสี 20 beige ซึ่งตอนแรกใช้ รุ่น perfection lumiere
ตัวนั้นใช้สี 30  (ตอนแรกกะจะซื้อสี30 และฝากหิ้วมา แต่มีความคิดบางอย่างบอกว่า แกซื้อเคาเตอร์เหอะ)
และโชคดีที่ซื้อที่เคาเตอร์ เพราะว่า ถ้าซื้อ 30 จะเข้มกว่าหน้า อย่างเห็นได้ชัดเลย ตอนไปลองที่เคาเตอร์
แต่ยอมรับว่า สีนี้ซื้อมาแล้ว แอบขาวกว่าหน้านิดนึงนะ(นิดดดเดียวจริงๆ) แต่เบอร์ 30 ก็เข้มกว่าหน้า
เลยประมวลผลดู เอาสีที่สว่างกว่านิดนึงดีกว่า เพราะว่า
กลัวรองพื้นดรอป ถ้าดรอปปุ๊ป ก็อาจจะพอดีกับหน้าก็ได้
ถ้าซื้อสีเข้มมา แล้วดรอป โอ้โห่ ตายๆๆๆ มันจะดำไปกันใหญ่ เลยเอาเบอร์ 20 มา

อ้อ ปกติป๋อมเป็นคน nc 30 นะ

ที่เคาเตอร์ไทย จะมีสีเบอร์ 10 ,12 , 20 ,22 ,30 ,40 (ถ้าจำไม่ผิด)
สีเบอร์ที่ลงท้ายด้วยเลข 0 จะเหมาะกับคนผิวเหลือง
ส่วนเบอร์ที่ลงท้ายด้วยเลข 2 จะเหมาะกับคนผิวชมพู


ต่อไปในเรื่องของ Packaging จะเป็นพลาสติกหมดเลย และ ฉันชอบมากเธออ คิคิ
เพราะเป็นคนที่ ไม่แต่งหน้าที่บ้าน จะพกเครื่องสำอางค์ไปแต่งที่ทำงานมากกว่า
รองพื้นเกือบทุกตัว จะเป็นขวดแก้วทั้งหมด ซึ่ง หนักกระเป๋าฉันมาก
พอหล่น ก็กลัวจะแตก (เพราะเคยทำหล่น ขวดบิ่นด้วย เสียใจ)

แต่อันนี้เบามากๆๆๆ ขวดเล็ก ซึ่งเค้าบอกว่า ปริมาณ 30ml.
แต่ขวดนางเล็ก มากก เล็กจนดูไม่น่าจะถึง 30ml.




เห็นป่ะ 30 ml ตามนั้นเนาะ




ฝาขวดก็ เหืมอนกับทุกรุ่น คือเป็น unique ของ chanel ว่า ฝาขวดจะเป็นสีดำและมีโลโก้ chanel
อยู่ด้านบน เหมอือนกันหมด ดูchic ดีอ่ะชอบๆ




ต่อไป เนื้อรองพื้น คือ ตอนแรกเลยนะ ก่อนที่จะซื้อ นึกว่า เนื้องนางจะเป็นน้ำๆ ใสๆ เหลวๆ
ไหลเยิ้มย้อยได้ อะไรเง้ แต่ ไม่ใช่ เนื้อจะเป็นเนื้อข้นๆ เหมือนรองพื้นทั่วไปนั้นเเหล่ะ
แต่ว่า ก่อนเทออกมาเธอต้องเขย่าก่อนทุกครั้ง ดั่งที่หลังขวดเขียนไว้นะว่า ต้อง shake shake shake
แต่จะกี่ shake ก็เรื่องของแก 55+ (ขณะ shake มีลูกเหล็กเล็กๆอยู่ด้านใน มีเสียงก๊อกเเก๊กตอนเขย่าด้วย)

คือถ้าไม่เขย่า นางจะแยกชั้นเว๊ยยย
คือ จะเป็นรองพื้น กับ น้ำมัน ไหลออกมา เมหือนกับมันแยกตัวกันในขวด
นึกภาพง่ายๆ ก็เหมือนกับ cleansing oil ที่วางไว้เฉยๆ น้ำ กะ น้ำมัน แยกชั้นกัน ต้องเขย่าก่อนแล้วใช้ ไรเงี่ย

อ้อ และเมื่อบีบรองพื้นมา สิ่งหนึ่งที่จะเจอเช่นกัน นั่นก็คือ
กลิ่น เเหะเเหะ  น้ำหอมแรงงงมากก
เป็นกลิ่นออกแนวชาแนล ๆ ที่เป็นเอกลักษณ์เช่นเคย
(ใครไม่เคยใช้ จะนึกไม่ออกแน่ๆ)
แต่ว่า กลิ่นตัวนี้ หอมนะ เราชอบนะ กลิ่นมันไม่แก่อ่ะ
ชอบมากๆๆๆๆๆๆ แต่พักหลังใช้บ่อยๆ เริ่มชินกลิ่นแล้ว เริ่มไม่ค่อยได้กลิ่นละ 555+




นี่คือ before -- after

จะเห็นได้ว่า เป็นรองพื้นที่บางเบา มากๆ เป็นรุ่นที่บางเบาที่สุดของชาแนล
การปกปิด จะปกปิดประมาณ 30 เปอร์เซนต์
คือพวกรอยจ้ำแดงๆ บางๆ เงี่ย จะช่วยปกปิดได้นิดหน่อย
แต่รอยสิวสีเข้มๆ หรือ สิวปูดๆ จะไม่สามารถปกปิดได้
(เห็นได้จากรอยสิวที่แก้ม)
ก็ต้องใช้คอนซิลเลอร์ช่วยอยู่

เอาหลักๆ เลย คือ นางจะช่วยให้ผิวเราดูเฟรชขึ้นมากกว่า
ช่วยให้ผิวเราดูดีขึ้น แต่ดูธรรมชาติมาก คือ
ดูไม่รู้อ่ะว่า แกทารองพื้นมา อะไรเงี่ย
เหมาะกับคนที่อยากได้ลุค สบายๆ เบาๆ ใสๆ
แต่งหน้าไปเรียน แต่งไปเดินห้าง แต่งไปจ่ายตลาด แต่งไปให้นมลูก อะไรเงี่ย
(อันหลังไม่เกี่ยว)






เรื่องลุคที่ได้ >>>>>>>>>เป็นลุคที่เหมือนกับผิวสุขภาพดี ดูเปล่งปลั่ง ไม่แมท ไม่ฉ่ำ
คืออยู่กลางๆ ระหว่างความฉ่ำ และ ความแมทเลยนะ
คนหน้ามันใช้ก็โอเคย์นะ คนหน้าแห้งใช้ก็ได้อยู่
เอาเป็นว่า เหมาะกับทุกสภาพผิวเลยหล่ะเธอ


ต่อมาเรื่องของการคุมมัน >>>> ไม่คุมมันเลย แต่ ไม่ได้ทำให้หน้ามันขึ้น


และเรื่องของการติดทน >>>> ติดทนไม่เลอค่าเท่ารุ่น perfection lumiere นะ
คือว่า ถ้าอยู่ในห้องแอร์ไรเงี่ ยก็ทนอยู่ แต่ถ้าทาแล้วไปเดินสำเพ็ง เจเจ อะไรเงี่ย
ก็มีหลุดบ้างงงง

ตกร่องมัั้ย หุหุ ผลการใช้พบว่า มีการตกร่องเบาๆ ถ้าคุณเขย่ารองพื้นไม่ดี ก่อนที่จะทา
คือต้องเขย่าให้น้ำมันและรองพื้น กลมกลื่นกัน ถ้าเขย่าไม่ดี น้ำมันที่ลอยตัว มันจะทำให้รองพื้นแบบว่า
แอบตกร่อง เป็นคราบรองพื้น เป็น feeling แบบ creamy อะไรเงี่ย แล้วดูไม่สวยงามเท่าไหร่หลังเกลี่ย

แต่ถ้าทาแล้วเป็นสภาพแบบนั้น เอาทิชชู่ซับออก ซับแบบกดๆ ให้ตรงที่เป็น creamy หลุดออกมา
หน้าก็จะโอเลยเเหล่ะ



สรุป

ข้อดี

1 เป็นรองพื้นบางเบา มากๆ ทาแล้วเหมือนไม่ทา เหมาะกับวันสบายๆ หรือคนผิวดีอยู่แล้ว

ขอเสีย

1.แพงเวอร์ เมื่อเทียบกับราคาอเมกา
2.แอบตกร่องหน่อยๆ creamy นิดๆ ถ้าเขย่ารองพื้นไม่ดี
3.มีน้ำหอมอ่ะะ ใครแพ้น้ำหอม อดใช้จ๊ะ



// ตบท้าย ส่วนตัวจะบอกว่า ชอบตัวนี้มากๆ คือ ใช้แทบทุกวันเลยยยยยยยยยยยยยยยยยยย
ใช้ไปออกงานก็ได้นะ ถึงมันจะบางเเต่เริศ คือถ้าออกงานก็แค่ ทาคอนซิลเลอร์ปิดรอยเอาถ้ามีรอยหน้าเน่าๆ ไรเง้
ผิวก็ดูแบบ ไม่เป็นอีป้าแต่งหน้าหนาเตอะอ่ะ ชอบๆ





แบบวีดีโอเลยจ้ะเธอ







Create Date : 09 พฤษภาคม 2556
Last Update : 11 พฤษภาคม 2556 9:59:41 น.
Counter : 31837 Pageviews.

0 comment
ความแตกต่างระหว่าง เรฟลอนฝาดำ รุ่นเก่า และ รุ่นใหม่

เอาล่ะจ๊ะ สำหรับบลอคนี้ เราก็จะมาพูดถึงความแตกต่างของเจ้ารองพื้น เรฟลอนฝาดำ
รองพื้นในตำนานที่เชื่อว่า คนแต่งหน้าทุกๆคน ต้องรู้จักแน่นอน
แต่ ก็เช่นเคย เชื่อว่าหลายคนต้องรู้ว่า นางเปลี่ยนสูตรใหม่มา
make over ตัวเอง มาชนิดที่ว่า แทบพลิกฝ่ามือกันเลยทีเดียว
เปลี่ยนแปลงไปจนเเทบไม่เหลือเค้าของเรฟลอนฝาดำตัวเดิมเลย

เอาเป็นว่า อะไรเปลี่ยน อะไรต่าง ไปดูเลย





___________________________________________________________________________________________________


ก่อนอื่นขอพูดถึงเรื่องของ ราคาก่อน
ราคาที่ขายในไทย เรฟลอนตัวเก่า ราคา  490 บาท
แต่ เรฟลอนตัวใหม่ ราคา 550 บาท (ราคาเท่ากับรุ่น photoready , colorstay whipped)
แพงขึ้นตั้ง 60 บาทหน่ะตัวเธอ เธอปรับสูตรใหม่ แล้วเธอยังปรับราคาอีกนะ
โกยเงินจากผู้บริโภคอีกแระนะแก เเหม่



ต่อไป เรามาดูกันที่แพกเกจจิ้ง ที่เปลี่ยนไป เล็กน้อย



อันนี้คือ ตัวรุ่นเก่า

ต่อไปคือ ตัวรุ่นใหม่


รูปร่างขวด ยังเหมือนเดิม ฝา เหมือนเดิมทุกประการ
ต่างที่สีของตัวหนังสือและฟอร์น
แต่นั่นก็ไม่ใช่ปัญหาในการใช้
และที่ต่างอีกอย่าง นางมีสติกเกอร์แปะฝาว่า 24 hrs
เป็นคำเคลมว่า นางติดทนนาน 24 ชั่วโมงเลยนะตัวเธอ

จริงป่าวว๊า?


ต่อไปเราไปดูกันที่คำเคลม ของนางดีฝ่า
ซึ่งมันแตกต่างจากตัวแรกด้วยนะ
ที่นางบอกว่า ติดทนนาน 24 ชั่วโมง

เเหม่ะ มันติดขนาดนั้นจริงมั๊ย
นอกจากฝาขวดแล้ว นางยังเคลมเอาไว้ตรงด้านหลังขวดอีกนะ ว่า ติดทน 24 ชั่วโมง
ฉันมีภาพมายัน




ดูตรงบรรทัดแรก ของทั้งสองขวด

ตัวด้านซ้าย (ฝาดำรุ่นใหม่) นางเขียนไว้ว่า ติดทน 24 ชั่วโมง
ตัวด้านขวา (ฝาดำรุ่นเก่า ) นางเขียนไว้ว่า ติดทน 16 ชั่วโมง

เอาล่ะ ตัวเก่าบอก 16 ตัวใหม่บอก 24 ชั่วโมง
แต่จากที่ได้ใช้แล้วนะ อย่างรุ่นเก่าเนี่ย มันก็ ติดทนโคตรๆ
ฉันให้ มันติดทน  1 week เลยเอ้า!!! ถ้าแกไม่ล้างออก หรือไม่ไปออกกำลังกาย
ไม่ไปว่ายน้ำ หรือแม้กระทั่ง อาบน้ำ 5555+
มันก็ติดทนมากๆอยู่แล้วนะ พอมาอันนี้บอก 24 ชั่วโมง โอ้โหห พระเจ้า จะติดทนไปหนายยย???

จากการพิสูจน์ คือ รุ่นเก่า ทาไปใชั้กิจกรรมที่เจอเหงื่อ บ่อยมาก
ไม่หลุดจริงอะไรจริง ติดทนจริงอะไรจริง ไม่เถียงเลย  เพราะใช้นางบ่อยมาก

แต่!!! เคยทารุ่นเก่า แล้วไปเล่นน้ำทะเล ทะเลเกาะล้านด้วยเอ้า! 55+
ปรากฏว่า ไม่รอดเเห่ะ เล่นน้ำเสร็จขึ้นมา รองพื้นหายหมดเลย
เเหม๋ ถ้านางจะทนขนาดนั้น คงต้องซื้อสีทาบ้านมาโบกหน้าแล้วเเหล่ะ

ส่วนรุ่นใหม่ ยังไม่เคยทาแล้วเล่นน้ำทะเลนะ เคยแต่ ทาแล้วไปอาบน้ำ
ปรากฏว่า ถูสบู่ แบบใช้มือถูเฉยๆ ก็ออกนะ แต่ออกไม่หมด มันทนมาก
ต้องใช้ใยขัดตัวถูก ขัดมันอีกที มันถึงจะออกหมด  ก็ถือว่าทนอยู่เหมือนกัน
และก็ มีน้องในเเฟนเพจ นางบอกว่า นางใช้ตัวรุ่นใหม่ ทาแล้วไปเล่นน้ำสงกรานต์
นางบอกว่า ไม่หลุดเลยจ้าา อยู่ติดทน ตลอดวันมากๆ (อันนี้เค้าว่ามางี้นะ)


เอาเป็นว่า เรื่องการติดทน ดั่งที่เคลมไว้ ถือว่า ให้ผ่านนนนจ๊ะ ^^

ต่อไปสิ่งที่นางเคลมไว้ว่า flawless (ตรงบรรทัดที่สอง )
ได้เขียนเคลมไว้ทั้งคู่ เอาเป็นว่า flawless จริงอะไรจริง ปกปิดได้ดี เริศ เลอค่า
ร่องรอยอารยธรรมเมโสโปเตเมียบนหนังหน้า ก็ยังปกปิดได้เริศไม่ต้องพึ่งคอนซิลเลอร์
อันนี้ถือว่า ผ่านฉลุยจ๊ะ

ส่วน lightweight feel
ขอโทษน๊ะ ที่รัก ที่จะใช้คำไม่สุภาพออกสื่อ
"ตอแหลลลลลลลลลลลลลลค่ะ 555"
เเหม๋ หนาซะขนาดนั้น ยังกล้าบอกว่า ได้ฟีลลิ่งบางเบาอีกเหรออ 555+
รองพื้นหล่อนขึ้นชื่อเรื่องความหนา มากๆเลยนะ
ฉะนั้น อันนี้ ไม่ผ่านนนนนน หลอกดาวว

____________________________________________________________________________________


ต่อไปมาดูเนื้อรองพื้นของนางกันหน่อยดีกว่า




(สีเข้ม สี toast เรฟลอนรุ่นใหม่ /  สีสว่างกว่า สี sand beige เรฟลอนรุ่นเก่า)
ถ้าถามว่าทำไมไม่ซื้อมาสีเดียวกัน  ก็ ฉันอยากซื้อสีเข้มอะ มีไรแมะ คิคิ
ถ้าแกอยากดูรีวิว ให้รองพื้นสีเดียวกัน แกก็ซื้อให้ฉันสิยะ!? 5555+


อันนี้ให้ดูเฉพาะเนื้อรองพื้นนะ ห้ามดูสี โอเคย์ป๊ะ ???
เนื้อก็เหมือนเดิมเลย ถ้าดูด้วยตาเปล่า ทางกายภาพ ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง



แต่พอเกลี่ยแล้ว เธอจะรู้สึกได้ด้วยความแตกต่างของนาง นางเปลี่ยนไป๋ว่ะ
เปลี่ยนยังไง? คือ
นางเกลี่ยง่ายขึ้น นางไม่ฝืด ไม่หนืด เหมือนกับตัวรุ่นเก่า
ซึ่ง เป็นข้อดีกับ คนที่เพิ่งเริ่มแต่งหน้า หรือ skill ในการเกลี่ยรองพื้นของคุณ ยังไม่เข้าขั้นเทพ
ถือเป็นนิมิตรหมายที่ดี คือ ถ้าเป็นเรฟลอนฝาดำตัวเก่า มันจะเกลี่ยยาก
มันจะหนืด จะเหนียว และถ้าเกลี่ยไม่ดี หน้าแกจะพินาศมากๆ จะดูเป็น
มนุษย์โบกปูนซีเมนต์บนหน้าอ่ะ นึกภาพออกป่ะ ??????


นอกจากเกลี่ยง่ายแล้ว สิ่งที่แตกต่างคือ กลิ่น
ตัวรุ่นเก่า เป็นรองพื้นที่ เหม็นโคตรรร โคตรจะเหม็น เหม็นอิ๋บอ๋ายยยย
เหม็นแอลกฮอล์ก คือเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวเลย ว่าเรฟลอนฝาดำ
แกจะคงคู่กับกลิ่นเน่าๆแบบนั้น

แต่พอปรับสูตรใหม่ เห๋ยยยย กลิ่นมันหายไปแล้วว่ะ
ไม่เหลือกลิ่นอะไรเลย ซึ่ง ตอนแรก ตกกะใจมาก เเบบ
เอากลิ่นออกไปแล้ว!!! ตอนแรกดีใจนะ แต่ใช้ไปใช้มา เสียใจว่ะ 555+
รู้สึกว่า มันเป็น unique เป็นอะไรที่ เรฟลอนฝาดำ หล่อนต้องเหม็นๆอ่ะ
แต่จู่ๆ หล่อนไม่มีกลิ่นอ่ะ มันม่ายช่ายยยยยยยยยยยยยยยยยยยย (หวีดดด)

แต่ ถ้าใครไม่เคยใช้เรฟลอนฝาดำรุ่นเก่า แล้วอยากรู้ว่า กลิ่นนางเป็นอย่างไร
ขอแนะนำให้คุณ พุ่งตรงไปที่เคาเตอร์ของ Estee Lauder และหยิบรองพื้นรุ่น
Double Wear Stay In Place ขึ้นมาดม กลิ่นแบบนั้นเเหล่ะ

โอเคย์ ต่อไปเรื่องของ ลุค ที่ได้จากการทารองพื้น
คือจะบอกว่า ทั้งคู่ ให้ฟีลลิ่ง ให้ความ Mat เหมือนกันทั้งคู่ แต่จะแตกต่างกันที่ว่า
ตัวรุ่นเก่า จะเเมทกว่า เพราะ มีเเอลกฮอล์กผสมมา อย่างรู้สึกได้ สัมผัสได้ เห็นได้ชัด
แต่ตัวใหม่ นางลดเเอลกฮอล์ลง ซึ่งก็ส่งผลให้ ความแมท ความแห้งของตัวเนื้อรองพื้นนั้น
ไม่แห้ง เท่ากับตัวรุ่นเก่า เมื่อนางแห้งลง ปรากฏว่า สิ่งที่เปลี่ยนไปคือ ทำให้เวลาเกลี่ยนั้น
"รุ่นใหม่เกลี่ยง่ายกว่ารุ่นเก่า" พอเกลี่ยเสร็จ รุ่นใหม่ จะไม่เเห้ง เท่ากับ รุ่นเก่า
คือ มันก็ดีนะรุ่นใหม่เนี่ย  ดีที่ว่าถ้าอย่างรุ่นเก่าเนี่ย อย่างที่บอกว่า ถ้าเธอเกลี่ยรองพื้นไม่เป็น มันจะเห็นเป็น
รองพื้นหนาๆ สัก 1 ซม. โบกอยู่บนหน้าเรา เพราะเกลี่ยนเสร็จแล้วมันจะเเห้ง ได้ลุค โคตรจะเเมท
แต่รุ่นใหม่เนี่ย เกลี่ยเสร็จจะได้ลุคที่ เกือบแมทนะ ยัง วาวอยู่นิดนึง แต่พอทิ้งระยะเวลาไปนิดนึง
นางถึงจะแมท  ซึ่งต่างจากรุ่นเก่า รุ่นเก่าจะแมททันทีที่เกลี่ยเลย อะไรอย่างเงี่ยอ่ะแกกก นึกออกป๊ะ ??

เอาเป็นว่า แล้วแต่คนชอบลุคแบบไหนแล้วกัน ลุครุ่นเก่า จะแห้งกว่าจะแมทกว่า ของรุ่นใหม่ ตามนั้นนะ

ต่อไป เรื่องของการควบคุมความมัน
เรื่องนี้เเป็นจุดขายของเรฟลอนฝาดำเลยนะ เพราะนางขึ้นชื่อมากเรื่องความคงทนและ การคุมมัน
เมื่อนางไปเมคโอเวอร์ตัวเองใหม่ การคุมมันของนาง ก็ยังเริศอยู่นะ
แต่!!!!!! ประสิทธิภาพในการคุมมัน อ่อนด้อยลงกว่าเดิมหน่อยว่ะ (ความเห็นส่วนตัวนะ)
รู้สึกว่า ตัวเก่าคุมมันดีกว่า อาจเป็นเพราะแอลกฮอล์กที่ลดน้อยลงนั่นเเหล่ะ
การคุมมันก็น้อยลงตามไปด้วย

ต่อไปเรื่องของสี
เป็นเรื่องที่ หลายคนพูดถึงมากๆ สำหรับเรื่องของสี เพราะอาราย อย่างราย 555555+
คือ ฉันตอบคำถามนี้ในเเฟนเพจ แทบทุกวัน ทั้งแต่นางออกมาใหม่
จนฉันต้องไปเล่นในวัตสัน ให้ละเอียดลึกซึ้งกับ เจ้ารองพื้นรุ่นนี้ เพื่อมาตอบคำถาม
เล่นจน พนง มันยืนมองอยู่ห่างๆ แน่สิ ฉันลองอยู่ครึ่งชั่วโมงอ่ะ 55555

อ่ะ ก่อนอื่น ไปดูสีกันก่อน ทำ swatch สีมาให้ดูด้วย


(ps. สี natural beige อาจมีการผิดพลาด ไม่แน่ใจว่า อาจจะเป็นสี medieum beige มึนๆเเห่ะ สักสีอ่า ลองเข้าไปดูในวัตสันให้ทีสิ)

และนี่ก็คือสี ของรองพื้นเรฟลอนฝาดำรุ่นใหม่ ซึ่ง จะมีอีกสี ถ้าคุณไปซื้อในเคาเตอร์ นั่นคือสี toast
(สีเข้มๆ ที่เราสวอชไว้ด้านบน ในวัตสัน ไม่มีสีนี้ขายจ๊ะ)

ซึ่งสิ่งที่เปลี่ยนไปคือ มีสีขาวกว่าเดิมเพิ่มขึ้นนั่นคือสี BUFF
ปกติรุ่นเก่าจะมีสีที่ขาวสุดคือสี SandBeige
และก็เรื่องของสีนั้น จะขอบอกว่า คนไทย เธออ จะต้องผิดหวังแน่ๆ หึหึ
เพราะสีที่ undertone เหลืองนั้น คือสองสีแรกเท่านั้น ที่เหลือ ชมพูหมดเลยจ๊าาา
ยิ่งสี nude กะ natural beige โคตรรรจะชมพูอ่ะเธออ

ซึ่ง สองสีแรก สี buff และ sandbeige ที่บอกว่า undertone เหลืองนั้น
มันก็ขาว แบบว่า เหมาะกับคนขาว ที่ผิวไม่เข้มไปกว่า nc 20 หรือ nc25 (อาจจะใช้ได้)
ถ้าnc 30 แล้ว แกใช้ไม่ได้ละ เพราะมันจะหน้าลอยมาก

สี sandbeige ยังคงเหมือนเดิม สีไม่เปลี่ยนแปลงระหว่างรุ่นเก่าและรุ่นใหม่

สี nude คิดว่าสีนี้ คนไทยน้อยคน ที่จะใช้สีนี้ได้ เพราะมันชมพูโคตรๆ เหมาะกับชาวตะวันตกมากๆ
ไม่เข้าใจว่า เรฟลอนเอาสีนี้เข้ามาทำป๊ะอะไร ????

และอย่างเราเป็นคน nc30 เราใช้เรฟลอนฝาดำรุ่นเก่าสี natural beige
แต่พอมารุ่นนี้ ขอโทษเถอะแก ฉันใช้ไม่ได้ว่ะ สีมันชมพูมาก
ตอนสวอชออกมา ตกกะใจเลย ทำไมมันชมพูขนาดนี้
พอลองทากรามที่หน้า แล้วอยากจะร้องให้
ก็เลยไม่ได้ซื้อมา 5555 เพราะซื้อมาก็ทาไม่ได้ ฉันจะซื้อมันมาทำไม จริงป๊ะ ??

ส่วนสีgolden beige ตอนแรกเราว่าเราจะซื้อสีนี้มาใช้นะ
ซึ่งสีนี้ออกชมพูหน่อยๆ แต่ไม่มาก แต่ว่า เราใช้ไม่ได้เเห่ะ มันเข้มไปหน่อย
ซึ่งคิดว่า คนไทยที่สีไม่ขาวมาก น่าจะเหมาะกับสีนี้ที่สุด

  สี natural tan นี่ ไม่ชมพูมากนะ จะออกไปทางส้มๆ คิดว่าเหมาะกับคนไทยที่ผิวเกือบจะเข้ม
เราลองทาสีนี้กับกรามที่หน้า โอ้โห เห็นความแตกต่างค่อนข้างชัดเลยว่า มันเข้ม

แต่ไม่มีอะไรต่างไปกว่าสี toast ที่ไม่มีขายในวัตสัน 55 ทาแล้ว ผิวแทนมาก very แทนเลยเธอ
อ่ะ นี่รุป




เป็นไง แทนได้ใจมั๊ย?? 55

ก็สรุปเลยสั้นๆสำหรับเรื่องสีนะ คือว่า
undertoneเหลือง ใช้สี buff, sandbeige ซึ่ง สำหรับคนขาวจริงๆ เท่านั้น

ส่วนสีกลางๆ ตั้งแต่สี  nude - goldenbeige นั้น มีทินท์ความเป็นชมพู
เพิ่มขึ้นจากรุ่นเก่ามาก

และสี natural tan , toast สองสีนี้ เหมาะกับคนไทยที่ผิวเข้ม มากๆ
(ยังไงก้ขอแสดงความยินดีกับคนไทยผิวเข้ม เธอมีรองพื้นสีเข้มที่ราคาไม่แพงมาก ไม่ต้องเสียตังค์หลังพันใช้แล้ว เห้!)


 เอาเป็นว่า สรุปสั้นๆอีกที ทุกสิ่งอย่าง นั่นคือ
- รุ่นเก่า และ รุ่นใหม่ การติดทน เลิศเลอค่า เท่ากัน
- รุ่นใหม่ เกลี่ยง่ายกว่ารุ่นเก่า
- รุ่นใหม่ เกลี่ยนเสร็จแล้ว สวยกว่ารุ่นเก่า เนื่องจาก ไม่แห้งเท่ารุ่นเก่า
-  การคุมมัน รุ่นเก่า เลอค่ากว่า รุ่นใหม่
- สี ที่เหมาะกับคนไทย มีช้อยส์ให้เลือก น้อยมากๆ + +

// สุดท้าย ความเห็นส่วนตัว จะบอกว่า ฉัน คิดถึง เรฟลอนฝาดำรุ่นเก่ามากกว่า
คือ ตัวใหม่ทำออกมาแล้ว สีชมพูขึ้น คนไทยก็จะใช้ได้น้อยลง
และก็ การคุมมันก็ กากขึ้นกว่าเดิม เปลี่ยนมาแล้วห่วยขึ้น เพื่อ ?
ส่วนกลิ่นเหม็นๆ ที่เป็นเอกลักษณ์ของเรฟลอนฝาดำ ก็หายไป
(ชั้นนึกว่า ชั้นกำลังทา makeup forever matte vivet plus อยู่นะเนี่ย)

เอาเป็นว่า ฉัน ไม่ปลื้มมมมมมมมมมมมมมมมมมมม!!!!!





สุดท้าย แบบวีดีโอ





Create Date : 23 เมษายน 2556
Last Update : 24 เมษายน 2556 10:46:54 น.
Counter : 134178 Pageviews.

20 comment
รีวิว รองพื้น revlon color stay whipped foundation


ตัวนี้ ป๋อมยังไม่ได้ทำรีวิวแบบบลอคน๊ะจ๊ะ มีแบบเป็นวีดีโอ อย่างไรก็ ตามไปดูกันน๊ะจ๊ะ
ละเอียดยิ๊บบบ มากๆ ไปดูรุยยยที่รัก






Create Date : 24 กุมภาพันธ์ 2556
Last Update : 24 กุมภาพันธ์ 2556 16:29:34 น.
Counter : 6858 Pageviews.

0 comment
1  2  3  4  5  

lepommz
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 287 คน [?]







 photo E2A0E070E270E190_zpsf35f0ca3.jpg Counter Start on 30 NOV. 2012
New Comments