Group Blog
  •  
  •  
  •  
  •  
  •    
  •  
  •  
  •  
  •  
  •  
  •  
  •  
  •  
  •  
  •  
  •  
  •  
All Blog
รีวิวรองพื้น Laura Mercier silk creme oil free photo edition foundation








สวัสดีจ้า สำหรับบลอคนี้เราจะรีวิวรองพื้นจาก Laura Mercier
รุ่น Silk Cream Oil Free Photo Edition Foundation










ซึ่งเป็นรองพื้นที่เค้าเคลมไว้หน้าแพคเกจว่า
- oil free (ปราศจากน้ำมัน)
- ใช้แล้ว ถ่ายรูปสวยเป๊ะ












สีที่เราใช้ จะเป็นสี Medium Ivory ซึ่งถ้าดูจากชาร์จสีของแบรนด์ 
ซึ่งรองพื้นรุ่นนี้ของแบรน์ดเค้าจะทำเฉดออกมาทั้หมด 3 undertone
คือเฉด  cool   , natural  , warm

และระดับความเข้มของเค้า จะมีทั้งหมด 7 ระดับ

ซึ่งสีที่เราใช้จะอยู่ในเฉด undertone warm และอยู่ในเฉดความเข้มระดับ 2


สีที่เราใช้ถือเป็นสีกลางๆที่ไม่ขาวมาก แต่เอาเข้าจริง
ก็ขาวอยู่นะ 






สีของรองพื้นที่เราใช้จะออกเฉดเหลืองเลย 
เนื่องจากใช้รองพื้นที่อยู่ใน undertone warm





ก่อนได้ใช้รองพื้นรุ่นนี้  เคยได้ยินเสียงลือมาว่า ปกปิดเเน่น ตึ่บ
ซึ่งก่อนใช้ก็คิดว่า เวลาเกลี่ย จะต้องเกลี่ยยาก  ซึ่งผิดคาดมากๆ
รองพื้นของเค้าเกลี่ยไม่ยาก ไม่ต้องมี skill มาก ก็เกลี่ยได้สวยงาม
ซึ่งรองพื้นของเค้า จะไม่มีความแห้งไว ในตอนที่เราเกลี่ย
ไม่ต้องรีบ ไม่ต้องทำเวลา  เหมือนบางพื้นเนื้อครีมบางยี่ห้อ คือ
ถ้าเกลี่ยช้าแล้ว นางจะแห้งผาด และจะไม่สวย







รองพื้นของเค้าตอนแรกถ้าทาลงไปแล้ว จะเห็นว่าจะลงรูขุมขนให้เน้นเห็นเป็นรูๆ ร่องๆ
ทีแรกก็แอบตกใจเหมือนกันนะ แต่พอเกลี่ยเสร็จดีแล้ว รูๆตรงนั้นก็หายไปโผล่มาให้เห็นแต่อย่างใด






เมื่อเราทาเสร็จแล้ว ตอนแรกจากที่ได้ยินสรรพนามว่า นางแน่น หนา ตึ่บ
ทีแรกก็แอบกลัวอยู่ว่าจะตึ่ง จะหนา แต่พอทาแล้วเอาเข้าจริง
ก็ไม่ได้หนาอย่างที่กลัวไว้ก่อน   ผิวยังคงได้หายใจอยู่ 
ความหนาของเค้า ถ้าเต็ม 10 เราให้สัก 6 - 7


ถึงจะไม่ได้หนามากขั้นสุด แต่เค้าก็ยังสามารถปกปิดรอยสิวได้ดีเยี่ยมเลย
สังเกตุดูตรงบริเวณเหนือปาก ที่มีรอยแดงจากสิวอักเสบที่พึ่งเจาะและบีบออกได้ไม่ถึง 1 วัน








ความเป็นคราบของรองพื้น
คือเอาเข้าจริง ถ้าบริเวณผิวที่มีสิวเสี้ยน หรือ ผิวหนังที่เกิดการลอก 
ก็จะก่อให้เกิดคราบได้บ้าง  แต่ไม่ถึงกับพินาศจนน่ากลัว
เพราะด้วยความที่รองพื้นเค้าไม่ได้แห้งผาด  เค้าจะไม่เสริมให้เกิดความคราบขึ้น

แม้ว่ารองงพื้นเค้าจะบอกว่า oil free ไม่มีน้ำมัน
แต่ไม่ได้หมายความว่ารองพื้นรุ่นนี้จะคุมมันแต่อย่างใด
จากที่ใช้มา ไม่ได้รู้สึกว่าช่วยคุมมันได้เลย
ความมันเกิดขึ้นตามสภาพผิวหน้า ของแต่ละบุคคลจ๊ะ






ความติดทนของรองพื้น

ตัวนี้ความติดทนส่วนตัวจากที่ใช้ ถือว่าด้อยอยู่นะ
มีความหลุด ความหายของรองพื้น  ใช้ไปเช้า อยู่ไปเย็น โอ้ยยย หายไปไหนเยอะมาก
ยิ่งถ้าไปใช้ชีวิตหนักๆ หน้าต้องมัน เหงื่อต้องออก
ส่องกระจกอีกที ผิวแทบเปลือยแล้ว  ตรงนี้ควรปรับปรุง







ข้อดีของเค้าอย่างหนึ่งก็คือว่า
ในเรื่องของเฉดสี   ไม่รุ้ว่าจากที่เราเลือก เราเลือกมาถูกundertone หรืออย่างไร
ตัวนี้ใช้แล้ว หน้าไม่ดรอปเลย  ตั้งแต่ทายันล้างหน้าออก
หน้าใสผ่องอย่างไร  ก็ผ่องแบบนี้ทั้งวัน 
ไม่มีการลักปิดลักเปิด บางวันหน้าผ่อง บางวันหน้าดรอป เหมือนรองพื้นบางยี่ห้อที่เคยใช้

ตัวนี้คงมาตรฐานความสวยปิ๊งของสีผิวได้ดีทุกครั้งที่ใช้เลย
อันนี้เริ่ดดดดดดดดด








สรุป

- รองพื้นเกลี่ยง่าย
- เนื้อรองพื้นไม่หนามากจนตกใจ
- เป็นรองพื้นไม่คุมมัน
- รองพื้นหลุดง่ายเกินไป
- สีไม่ดรอประหว่างวัน

ความพึงงพอใจ 
6.8/10






ราคาจะอยู่ที่ประมาณ 1,900 บาท  
อย่างไรลองสอบถามทางเคาเตอร์แบรนด์เพื่อราคาที่แน่นอนน๊ะจ๊ะ



Create Date : 25 กันยายน 2559
Last Update : 27 กันยายน 2559 11:43:15 น.
Counter : 7579 Pageviews.

0 comment
รีวิวรองพื้น Nars all day luminous weight less foundation







สวัสดีทุกคน 
สำหรับบลอคนี้เราก็จะรีวิว
รองพื้น Nars all day luminous weight less foundation

เป็นรองพื้นตัวล่าสุดที่ทางแบรนด์เค้าออกวางขายเมื่อต้นปี 2015





หน้าตาของเค้าก็จะไม่ค่อยทิ้งความต่างจากรุ่นเดิมๆสักเท่าไหร่
อย่างรุ่น sheer glow หรือ sheer mat

ก็คือขวดแก้วทรงเหลี่ยมและฝาหมุนสีดำ







รุ่นนี้เป็นรองพื้นที่เค้าการันตีไว้ว่า
เป็นรองพื้นที่บางเบา ทาแล้วสบายผิว แต่สามารถช่วยในการปกปิดได้







สีที่เราใช้เราก็จะใช้สี Punjab
ซึ่งเป็นสีเดียวกันที่เราใช้กับรุ่น Nars Sheer Glow เลย








เนื้อรองพื้นของเค้าจะค่อนข้างหนา  
ไม่มีกลิ่นแอกกฮล์ก หรือ กลิ่นของน้ำหอม
ตามสไตล์ของรองพื้น Nars 







ผลการใช้







จากภาพจะเห็นได้ว่า รองพื้นจะช่วยในการปกปิดได้ระดับหนึ่ง
แต่ปกปิดไม่หมด พวกรอยแดง หรือ รอยดำจากสิว หรือริ้วรอยต่างๆ
ยังมีให้เห็นจางๆอยู่ ต้องใช้คอนซิลเลอร์ช่วยเพิ่ม

ถึงแม้ว่าจะเกลี่ยรองพื้นทับอีก 1-2 เลเยอร์ เพิ่มไปหลังจากทาทั่วหน้าแล้ว
การปกปิดของเค้าก็จะไม่ได้ช่วยเพิ่มขึ้นสักเท่าไหร่

ดังนั้นจึงสรุปได้ว่า เป็นรองพื้นที่การปกปิดปานกลาง


แต่ แต่ แต่ จุดเด่น และความแตกต่างอีกอย่างหนึ่งของรองพื้นรุ่นนี้คือ
เนื้อรองพื้นของเค้าจะมีความเเห้งเร็วกว่าตัวก่อนๆ 
ขณะเกลี่ยจะรู้สึกได้เลยว่ารองพื้นจะเเห้งเร็วขึ้นมาก ฉะนั้นจะต้องใช้เวลารวดเร็วนิดนึง
และเมื่อเค้ามีความเเห้ง แน่นอนว่า หลังทาไปแล้ว เค้าจะไม่ทิ้งความมันไว้บนผิวเลย
ฉะนั้น ใครผิวมันมีเฮ  รองพื้นตัวนี้เหมาะกับคุณมากๆจ๊ะ
ซึ่งเราเองก็ผิวมันมากๆเช่นกัน ได้ลองรองพื้นของแบรนด์นี้มาหลายรุ่น ก็ไม่ค่อยเเฮปปี้เท่าตัวนี้


รองพื้นรุ่นนี้เป็นรองพื้นที่แห้งเร็วก็จริง 
แต่ถ้าถามว่าในเรื่องของการคุมมันนั้น ช่วยมั้ย
................ส่วนตัวไม่รู้สึกว่าจะช่วยนะ
ตามสภาพผิว ผิวใครมันมาก - น้อย ความมันก็จะเกิดตามผิวของคุณเลย







จากภาพข้างบน
จะเปรียบเทียบระหว่างด้านซ้ายที่ทาแล้ว และด้านขวาที่ยังไม่ได้ทา
จะเห็นได้ว่า รองพื้นของเค้าสามารถช่วยในการเบลอ , อำพรางรูขุมขนได้ประมาณหนึ่งเลยทีเดียว

แต่ด้วยความแห้งของรองพื้น ที่เป็นมิตรกับผิวมันๆอย่างเรา
จะส่งผลเสียต่อสิวเสี้ยนข้างจมูก ถ้าคุณเป็นคนมีสิวเสี้ยนข้างจมูก หรือบนจมูก
ขอบอกเลยว่า ตรงนี้พังมากๆ   เพราะมันจะไปเน้นให้เจ้าสิวพวกนั้น เห็นชัดขึ้น
ดังรูป

จะแตกต่างจากรองพื้นที่ไม่แห้ง  มีความmois อยู่ในตัว รองพื้นพวกนั้นจะไม่สามารถ
เน้นชัดถึงพวกสิวเสี้ยนได้เช่นนี้

(ถ้าถามว่าความแห้งของรองพื้นตัวนี้ เป็นประมาณไหน  
ถ้าใครเคยใช้รองพื้นตระกูลแมทๆมากๆ หรือถ้าใครเคยใช้รองพื้นของ Estee Lauder 
รุ่นขวดแก้วฝาทอง หรือรุ่น หลอดสีเนื้อฝาทอง  ฟิลลิ่งจะคล้ายๆกัน )







สิ่งที่ประทับใจในรองพื้นตัวนี้คือ
เรื่องของสีของรองพื้น Nars ทำออกมาได้ดีมาก
สีมีความละมุน สวยงาม ทาออกมาแล้วได้สีผิวที่สวยปิ๊งมากๆ  
ระหว่างวันสีไม่ดูดรอปลงแต่อย่างใด  ทาอย่างไร ได้อย่างนึั้นตลอดทั้งวันเลย

ซึ่งข้อดีตรงนี้ ได้ประสบกับรองพื้นรุ่นอื่นๆของ Nars ด้วยเช่นกัน
ถือเป็นจุดแข็งมากๆของรองพื้นแบรนด์นี้


แต่ข้อเสียที่ประสบคือ
1.ความติดทน
ถือเป็นจุดอ่อนของรองพื้นแบรนด์นี้เลย 
เนื่องจากเราผิวมันมาก  ไม่มีรุ่นไหนของ Nars
ที่จะติดทนจนเรารู้สึกพึงพอใจ
แน่นอนว่ารองพื้นทุกแบรนด์ที่ใช้ ้ถ้าทาตอนเช้า ตอนกลางคืนมาดูอีกที ก็ต้องมีหลุดไปบ้าง
แต่สำหรับ Nars  หลุดเยอะไปน๊ะจ๊ะเธอ  
บางทีถ้าใช้ชีวิตหนักหน่วงมา กลับบ้านมาส่องกระจก
นึกว่าไม่ได้ทารองพื้นมาเลยทีเดียวเชียว  หายไปไหนหมด

2.เรื่องการตกร่องรูขุมขน
ตรงนี้ไม่โอเคย์มากๆสำหรับคนรูขุมขนกว้าง
เมื่อระยะเวลาผ่านไป ความมันบนหน้าเริ่มออกมา และเราไม่ได้ซับหน้า
ปล่อยให้หน้ามันสังขยาเป็นมะเมือก
เมื่อนั้นล่ะ ความพินาศจะมาเยือน  รูขุมขนจะเป็นร่องๆรูๆสีรองพื้นอุดๆๆๆอยู่เเน่นขนัด
ซึ่งน่ากลัวมาก ฉะนั้นต้องหมั่นซับหน้านะ ถ้าจะใช้รองพื้นตัวนี้

(ในรูปด้านบนถ้าดูในรูขุมขนชัดๆ จะเห็นความรองพื้นอุดๆอยู่เล็กน้อย
นี้ถ่ายรูปตอนเพิ่งทางรองพื้้นเสร็จนะนี่)




ราคารองพื้นตัวนี้ อยู่ที่ราวๆ 1,900 บาท 
สนใจซื้อลองดูได้ที่เคาเตอร์ Nars ตามห้างชั้นนำทั่วไป แผนกเครื่องสำอางเลยจ้า




Create Date : 06 กันยายน 2559
Last Update : 7 กันยายน 2559 15:53:15 น.
Counter : 4830 Pageviews.

0 comment
รีวิว BB cream , CC cream ที่มีขายในร้านเซเว่น 8 ตัว




สวัสดีนะทุกคน สำหรับบลอคนี้เราก็จะรีวิว
BB-Cream และ CC-Cream
ที่สามารถหาซื้อได้ในร้านสะดวกซื้ออย่าง เซเว่น อีเลฟเว่น ในบ้านเรา

เชื่อว่าหลายคนเข้าเซเว่นเมื่อไหร่  ก็จะเห็นเชลวฟ์ที่วางขายเครื่องสำอาง
จะมี BB-CC Creamแบบซอง วางขายกันเยอะมากหลายแบรนด์ หลายยี่ห้อเลย
ก็จะวางขายเป็นซองๆ  ราคาไม่แพงนะ จะอยู่ที่ 30-40 บาท โดยเฉลี่ย


ทีนี้เราก็เลยเอามารีวิวให้ลองดูกันว่า ของที่วางขายในร้านเซเว่นนั้น
ใช้แล้วจะเป็นอย่างไร   มาดูกันเลยจ้า















เริ่มต้นด้วยตัวแรก คือ 
BB Cream จาก Nami รุ่น Aura Gold Collagen Snail BB Cream

เจ้าตัวนี้จะเป็น bb cream ที่เน้นส่วนผสมหลักนั่นก็คือ
"เมือกหอยทาก" นั่นเอง









คำโปรยหน้าซองของเค้า   เค้าบอกว่าใช้แล้วจะ

ปกปิด  - เพิ่มออร่า  - หน้าเนียน   -  สะท้อนรังสีUV

เดี๋ยวเรามาดูกันว่า ใช้แล้วจะเป็นเช่นนั้นรึปล่าว




เมื่อบีบเนื้อออกมาแล้ว   จะเป็นเฉดสีเหลือง
ซึ่งเราค่อนข้างเเฮปปี้ที่จะใช้ต่อนะ เพราะว่า 
ส่วนมาก BB Cream จะชอบทำเฉดสีออกโทนชมพูมาขาย
ซึ่งพอใช้กับหน้าปุ๊ป  ก็จะทำให้หน้าออกเทาๆ หม่นๆ หมองๆ 
บางครั้งก็ขาววอกลอยไปอีก






เรามาดูเมื่อหลังจากใช้กันไปแล้วดีกว่า

เจ้า BB Cream ตัวนี้ จะเห็นได้ว่าหลังจากใช้ไปแล้ว
- การปกปิดจะบางเบา ถึง ปานกลาง จะไม่ปกปิดมากเท่าไหร่
พวกรอยแดง รอยดำ จะมีหลงเหลือให้เห็นอยู่

- สีของเค้าจะไม่ขาวเวอร์ ไม่ลอย  ไม่วอก เป็นสีผิวมากๆ

-  ตอนเกลี่ยบีบีครีม จะมีความเหนียวๆ เหนอะ ให้ความรู้สึกถึงเมือกหอยทาก
ทั้งสัมผัสขณะทา และ กลิ่นของเมือกหอยทาก

-  เนื่องจากเค้ามีส่วนผสมของเมือกหอยทากเป็นส่วนผสมหลัก
จะทำให้เนื้อของบีบีครีมมีความมันอยู่ ฉะนั้นถ้าใครที่ผิวมัน
รูขุมขนกว้าง  ระหว่างวันอาจเกิดการเป็นคราบได้
แต่ถ้าใครที่ผิวแห้ง ใช้แล้วจะโอเคกับผิวของคุณเลย
เพราะเค้าจะบำรุงผิว ทำให้ผิวนุ่มชุ่มชื่นหลังทาทันทีด้วยล่ะ





สรุป

ตัวนี้จะเหมาะกับคนผิวแห้ง ถึงผิวธรรมดา ที่ต้องการบีบีครีมที่บำรุงผิวด้วย
และปรับสภาพผิวหน้าให้ขาวใสด้วย  
คนผิวมันใช้ได้ แต่ต้องหมั่นเช็คสภาพหน้านิดนึง
ถ้าหน้ามันแล้วอาจเป็นคราบได้



NAMI Magic White







ตัวนี้จะเป็น CC Cream ที่ช่วยในเรื่องของการปรับสภาพสีผิวให้ขาวใสขึ้น
โดยที่หน้าไม่ลอย ไม่วอก  






ดูจากเนื้อ CC Cream ของเค้าแล้ว จะเป็นสีโทนเหลือง
ซึ่งเหมาะกับสภาพผิวเรามากๆ   





- สีของเนื้อ cc ออกโทนเหลือง ทาแล้วกลืนกับผิวหน้าดีมาก จนดูไม่รู้เลยว่าทาอะไรลงมาก่อน
ซึ่งตรงนี้ชอบมากๆเลย 
- เนื้อบางเบา ไม่หนา 
- มีความเหนอะนิดหน่อยหลังจากที่ทาแล้ว  
 แต่อยู่ในเกณฑ์ที่รับได้  ไม่ทำให้หน้าเยิ้มแต่อย่างใด
ซึ่งเราเป็นคนที่ผิวมัน  แต่ก็สามารถใช้ได้โดยที่หน้าไม่เป็นคราบหลังจากที่
ความมันบนใบหน้าออกมาแล้ว
- ช่วยในการปกปิดรอยแดงได้ประมาณหนึ่ง แต่ไม่มาก
จะเน้นในเรื่องของการปรับสภาพสีผิวให้ดูผ่องขึ้นมากกว่า 
อย่างเช่นวันที่เราผิวหมองคล้ำจากการพักผ่อนน้อยก็ดี
 อยากจะปรับผิวให้ดูใสขึ้น ดูผ่องขึ้น  CC Cream ตัวนี้จะช่วยได้







สรุป

เป็น CC Cream ที่ปรับให้สภาพผิวของเรากระจ่างใส
โดยที่ดูเป็นธรรมชาติมากๆ  เหมาะกับทุกสภาพผิว




CATHY DOLL
CC Cream Speed White








เจ้าตัวนี้เป็น CC Cream จากแบรนด์ Cathy Doll 
ซึ่งเค้าบอกว่า " ปาดปุ๊ป ปิดปั๊บ เนียนปิ๊ง กระจ่างใสยาวนาน "
เรามาดูกันว่า จะเนียนปิ๊งปั๊ง อย่างที่เค้าว่ารึปล่าวเนาะ





ก่อนอื่นมาดูกันที่ตัวเนื้อครีมก่อนจ้า

โอ้โหหหห สีขาวจั๊วเลยเธอ (ขอยืมมือพวกเธอมาทาบอกเเพร้บ)

ฉันเห็นความสีขาวแล้วฉันก็แอบสะพรึงไม่ไหว
กลัวจัง กลัวเกลี่ยแล้วหน้าจะมีความลอยแน่ๆเลย
อ่ะ อย่ารอช้า  ไปเกลี่ย.................




พอเกลี่ยแล้ว 
- จะเห็นโดยบัดดลเลยว่า ขาวม๊ากกก ลอยม๊ากกกก
ถ้าดูจากรูป After ซีกหน้าซ้ายมือในรูปคือทาแล้ว แต่จมูกและซีกขวา คือยังไม่ได้ทา
จะเห็นได้เลยถึงความขาว ความลอย ความเป็นนางฟ้า"เหาะ"เมฆ

- ตอนทาเนี่ย ทาแล้วเบาผิว ไม่หนักหน้าแต่อย่างใด

- มีกลิ่นหอมอ่อนๆ ในตัวเนื้อ CC Cream ด้วย

- ตอนเกลี่ยจะมีความน้ำแตก
เหมือนพวกโลชั่นน้ำแตก ทาแล้วจะกลายเป็นเนื้อน้ำๆเบาๆ เย็นๆ
ซึ่งตรงนี้เป็นเอกลักษณ์ของแบรนด์นี้นะ เห็นมีหลายตัวเค้าชอบทำให้มีฟิลลิ่งน้ำแตกขณะเกลี่ย

- ตอนแรกหลังทาแล้ว จะมีความเหนอะนิดๆ 
แต่พอปล่อยสักพักจะแห้งลง แต่ยังทิ้งความเหนอะนิดๆ ที่พอรับได้ ไม่มันมะเมือกจนเกินไป

- เหมาะกับคนขาว ถ้าคนขาวใช้จะโอเค
แต่ถ้าไม่ได้ขาวมาก  ก็จะทำให้ผิวหน้านั้น ลอยได้เลย

- เนื้อบางเบา ไม่ปกปิดสักเท่าไหร่ เน้นในเรื่องการปรับสีผิวมากกว่าการปกปิด

- เหมาะในการปรับสภาพผิว ให้ดูกระจ่างใส แบบไม่ต้องลงรองพื้นก็ได้

- ระหว่างวันความมันเริ่มออก ความฉ่ำจะออกมาด้วย มีความมันแบบฉ่ำน้ำ
ซึ่งใครชอบฟิลลิ่งฉ่ำน้ำ โกลว สไตล์เกาหลี ตัวนี้จะตอบโจทย์มากๆเลย





สรุป

เหมาะกับคนที่อยากได้บีบีครีมที่ทาแล้ว
ได้ผลลัพท์เหมือนผิวเกาหลี มีความฉ่ำน้ำ  และขาวผ่อง
เหมาะกับคนผิวขาวมากๆ และผิวไม่มัน


MAYBELLINE NEWYORK 
Clear Smooth All In One BB





เรามาต่อกันด้วยบีบีครีมจากแบรนด์ใหญ่ อย่าง
Maybelline Newyork กันบ้าง
เชื่อว่าไม่มีใครไม่รู้จักแบรนด์นี้แน่นอน





เรามาดูคำโปรยหน้าซองกันนิดนึงเนอะ
- ปรับผิวให้ดูเนียนเรียบขึ้น
- ปกปิดรอยสิว รอยแดง จุดด่างดำ
- ผิวแลดูกระจ่างใสขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

***  ตรงนี้ต้องบอกก่อนว่า เราได้เบอร์ 01 มา ซึ่งเป็นเบอร์ที่ขาวที่สุด
เราไม่รู้ว่าเค้ามีขายถึงเบอร์ไหน  ฉะนั้น การรีวิวในเรื่่องของสี เรื่องของความขาวความลอยของหน้า
เราจะไม่พูดถึงนะ เพราะเนื้อครีมเค้าสีขาวกว่าผิวเรา  ***













- เมื่อบีบออกมา จะสัมผัสได้ถึงกลิ่นของบีบีคครีม 
คือ กลิ่นเหมือนรองพื้นเลยก็ไม่ปาน ซึ่่งจะต่างจาก
บีบีโซนเกาหลี ที่กลิ่นจะมุ้งมิ้ง หอมๆเเบ๊ว
- เนื้อบีบี มีความหนักเมื่อเทียบกับบีบีครีมตัวอื่นๆที่ได้ทดลองใช้
- มีความเป็นคราบเล็กน้อยเมื่อเกลี่ยเรียบร้อยแล้ว
ฉะนั้น ต้องใช้น้ำหนัก เเละเวลาในการเกลี่ยดีดีนิดนึง
มิฉะนั้นจะเป็นคราบ ไม่สวย

- ปกปิดรอยดำได้ประมาณนึง
เนื่องจากเนื้อบีบีครีมของเค้า มีความหนา ฉะนั้นจะช่วยในการปกปิดรอยดำ รอยแดง
ได้ดีกว่าบีบีหลายๆตัว

 - เมื่อเกลี่ยไปแล้ว จะมีความมันบนผิวนิดหน่อย
แต่เมื่อเนื้อบีบีครีมเซตตัวแล้วจะแห้ง ไม่มัน

- ระหว่างวัน เมื่อหน้ามันแล้ว จะมีการตกรูขุมขน เห็นเป็นรูๆ






สรุป

เหมาะกับคนที่ต้องการบีบีครีมที่ปกปิดดีมากๆ 
แต่คนที่ผิวมันมากๆจะไม่เเนะนำ เพราะจะทำให้เป็นคราบระหว่างวันได้


KOCIETY
CC & DD Cream




มาถึงแบรนด์ต่อมา เป็นแบรนด์ที่มีชื่อว่า
โคไซตี้ ซีซี แอนด์ ดีดี ครีม
ซึ่งเป็นสูตรที่ผสมเมือกหอยทาก  กลูต้าไทโอน คอลาเจน  เพื่อช่วยในการบำรุงผิว




คำโปรยหน้าซองเค้าบอกว่า
- ปกปิดสีผิวให้เรียบเนียน
- บำรุงผิวให้ชุ่มชื่น 
-หน้ากระจ่างใส 
-ลดเลือนริ้วรอย
- กระชับรูขุมขน
-ควบคุมความมัน

จากที่อ่านดูแล้ว เหมือนช่วยทุกอย่างเลย
ทั้งการออกฤทธิ์ในส่วนของเมคอัพ และ สกินแคร์
ครบทุกอย่างเลยทีเดียวเชียว






เนื้อของเค้าจะออกสีขาว ซึ่งมีทินท์ของความเป็นสีชมพูผสมอยู่ในเนื้อครีมเค้าด้วย





- ตอนเกลี่ย  เนื้อครีมมีความเหนียว เหนอะเบาๆจากเมือกหอยทาก
ให้ความรู้สึกเหมือนทาครีมบำรุงลงบนผิวเลยทีเดียวเชียว

- มีกลิ่นน้ำหอมอ่อนๆ  ซึ่งมีกลิ่นคล้ายแอลกฮอลกฮอล์ก
ซึ่ง เวลาเราทาตรงบริเวณใต้จมูก 
ตรงนี้เป็นส่วนที่ผิวเราบอบบางมาก ทาแล้วมีอาการเเสบๆยิ๊บๆบนผิว

- สีขาวมากกกออกเฉดชมพู ซึ่งทาลงผิวแล้ว ขาวม๊ากกกกก
มีความลอยกันเลยทีเดียวเชียว

- ปกปิดไม่หนามาก 
- เมื่อทาไปแล้ว และทิ้งไว้สักพักจะเริ่มแห้ง ไม่ทิ้งความมันบนผิว

- คนรูขุมขนกว้าง ถ้าปล่อยให้หน้ามัน จะมีการตกร่องรูขุมขน
ดังภาพ





สรุป

เหมาะกับคนที่ผิวขาวมากๆ
และไม่เหมาะกับคนที่ผิวแพ้ง่าย เพราะอาจจะระคายเคืองได้


NAMI 
Double Gluta Miracle BB+CC





ตัวต่อมา ตัวนี้เป็น บีบี + ซีซี ครีม จากแบรนด์นามิ
ซึ่งเค้าบอกไว้หน้าซองว่า ใช้แล้วผิวจะ
- ปรับผิวใสกิ๊กทันที   
- กลูต้าเข้มข้น 2 เท่า
- กัน UVA และ UVB

ซึ่งเป็นสูตรกลูต้าไทโอน ที่เน้นในเรื่องของความขาวใสแน่นอน 





เมื่อเป็นสูตรที่เน้นในเรื่องของความขาวกระจ่างใส
เนื้อครีมก็มาในสีขาวกระจ่างใสด้วยเช่นกัน
ก่อนทานี้แอบกลัวนะว่า ต้องวอก และ ลอยแน่ๆเลย 
มาซะสีขาวขนาดนี้





- แต่พอทาแล้ว ผิดคาดนะ จากที่คิดว่าต้องลอย ต้องขาว ต้องวอก
แต่ทาจริงๆแล้ว ไม่วอก ไม่ลอย แต่อย่างใด  

- เนื้อครีมมีความบางเบา เบามากๆ 
ทาแล้วไม่รู้เลยว่าทาอะไรมา

- ไม่ค่อยช่วยในเรื่องของการปกปิดสักเท่าไหร่ 

- ไม่ทิ้งความเหนอะหนะหลังจากการทา

- ปรับผิวให้ดูสว่างขึ้น หน้าดูไบรท์ขึ้น

- เนื้อบางเบามาก ถ้าอยู่ในที่ๆอากาศร้อนๆ เสี่ยงต่อการมีเหงื่ออก 
จะทำให้หลุดง่าย





สรุป

เหมาะกับทุกสภาพผิว  สามารถปรับสีผิวให้กระจ่างใสขึ้น
โดยที่หน้าไม่ลอย ไม่วอก

NAMI 
Beauty Secret White BB.CC Cream







ตัวต่อมาเป็นบีบี และ ซีซีครีม จากแบรนด์นามิอีกเช่นเคย
ตัวนี้เนี่ย เค้าบอกว่าเค้าจะเน้นในเรื่องของการปรับสีผิวกระจ่างใส 
และผสมเมคอัพเบสอีกด้วย  

ส่วนผสมสำคัญที่ช่วยในการบำรุงผิวก็คือ
กลูต้าไทโอน . วิตามินซี และ อาร์บูติน




เนื้อของเค้าก็จะเป็นสีครีม เนื้อๆ ออกโทนส้มๆนิดหน่อย






- เมื่อบีบเนื้อครีมออกมาแล้ว จะมีกลิ่นหอมอ่อนๆ

- เนื้อเบามากกกกกก ทาเยอะก็ยังดูเบา ไม่หนักผิวเลย
ซึ่งได้ทดลองทาหลายรอบ เพื่อเพิ่มความหนา แต่ทาอย่างไรก็ไม่หนา ไม่หนัก 

- ไม่ช่วยในการปกปิด เนื่องจากเนื้อของเค้า มีความบางเบา

- ไม่ทิ้งความเหนอะหนะหลังทา
ซึ่งเหมาะกับผิวมันอย่างเรามากๆ

- ช่วยปรับสีผิวที่หมอง ดูโทรม  ทำให้ผิวสว่างขึ้น โดยที่หน้าไม่ลอย

- เนื่องจากเนื้อบางเบามาก ถ้าอยู่ในที่ๆอากาศร้อนๆ เหงื่อออก จะทำให้หลุดง่าย




สรุป

เหมาะกับทุกสภาพผิว  สามารถปรับสีผิวให้กระจ่างใสขึ้น
โดยที่หน้าไม่ลอย ไม่วอก


SMOOTO 
Tomato Collagen BB-CC Cream






ตัวสุดท้ายที่เราจะรีวิวกันนั้น
เป็นแบรนด์สมูตโตะ 
ซึ่งเค้าได้ใส่สารบำรุงผิวที่สำคัญมาด้วยกัน 3 อย่างนั่นก็คือ
กลูต้าไทโอน -อาร์บูติน - คอลาเจน


ก็จะช่วยในเรื่องของความขาวใส ชุ่มชื้นกับผิว





เนื้อของเค้าจะมีสีขาว ออกชมพู
ซึ่งสัมผัสของเนื้อครีม มีความเหมือนกับครีมบำรุงผิวมากๆ









- เนื้อเป็นสีขาวออกชมพู ก่อนทากลัวว่าจะวอก เเต่ทาไปแล้วไม่ลอยไม่วอกมาก แต่ผิวจะขาวขึ้นออกโทนขาว

- ขณะเกลี่ยเนื้อจะนุ่มๆ หยุ่นๆ ฟีลลิ่งเหมือนทาครีมมากๆเลย
แต่ว่าต้องใช้เวลาในการเกลี่ยนิดนึงเพื่อให้ซึมลงผิว

- ตอนทาไปทีแรกจะมีความมันๆบนผิวนิดหน่อย ต้องทิ้งไว้สักพักหนึ่งถึงจะแห้ง ไม่มัน

- ปรับหน้าผ่องได้ดีมาก ขาวโดยที่ไม่ดูลอยมาก หน้าไม่เทา
มีความกระจ่างสว่างใสของผิวมากๆ




สรุป

เหมาะกับคนที่ต้องการบีบี , ซีซี ปรับสีผิว
ที่ให้ผลลัพท์ผิวขาว ออกโทนขาวขั้นสุด
โดยที่ไม่ทำให้หน้าเทา (แต่ถ้าทาแล้วต้องทาคอด้วยน๊ะจ๊ะ)


ทั้งหมดนี้ สามารถหาซื้อได้ในร้านเซเว่นอีเลฟเวนน๊ะจ๊ะทุกท่าน

หรือใครอยากดูรีวิวในรูปแบบของวีดีโอ คลิ๊กได้ที่ลิงค์ด้านล่างนี้เลยจ้า








Create Date : 17 มิถุนายน 2559
Last Update : 20 มิถุนายน 2559 16:39:37 น.
Counter : 102288 Pageviews.

4 comment
รีวิว รองพื้ินเนื้อมูส catrice


แท่น แทน แทร๊นนนน 
สำหรับบลอคนี้เราจะมาลองเล่นลองใช้
รีวิวรองพื้นเนื้อมูส จากแบรนด์เครื่องสำอางค์สัญชาติเยอรมัน

.............. Catrice กันเลย 
(อ่านว่า คา ทรีช นะเธอ ไม่ใช่ แคท ไรซ์ = ข้าวแมว
ใครอ่านเเคท ไรซ์  ตีมือสามที)







สำหรับเจ้ารองพื้นตัวนี้ต้องออกตัวก่อนว่า แบรนด์ให้มาลองใช้
เป็นปีแล้ว  เพิ่งจะได้ใช้จริงจังแล้วทำรีวิว  ถูกเก็บลงกรุนานม๊ากกกก

ตรงฝาแอบบุบร้าว เผอิญทำหล่นหน่ออ แต่ก็ไม่แตกนะ แข็งแรงทนทาน อิอิ


โอเคย์เข้าเรื่อง   รองพื้นตัวนี้เป็นแบบเนื้อมูส ที่เมื่อทาแล้วจะมีความเเมท
อยู่ติดทนทานยาวนาน 12 ชั่วโมง  และพอทาไปแล้ว จะช่วยในการปกปิดรูขุมขน
และริ้วรอยได้   

ตรงนี้คือคำเคลมของเค้าหน้าฝานะจ๊ะเธอ

ดั่งคำเคลมจะเกิดอภินิหารแบบนั้นจริงรึปล่าว
เดี๋ยวเรามาท้าพิสูจน์กัน







ลักษณะด้านข้างก็เป็นแบบนี้เนาะ เป็นแก้วแอบหนานิดนึง 





เนื้อรองพื้นด้านในคือ ถ้ามองเผินๆจะเหมือนเนื้อครีมมากกว่าเนื้อมูส 

รองพื้นจะไม่มีความเหลวเลย  พลิกคว่ำอย่างไรก็ไม่ขยับไม่เสียรูป
เว้นแต่เอาของเเข็งไปกวนๆคนๆมัน ถึงจะเปลี่ยนรูปไปได้


ดูเผินๆเหมอืนเนื้อครีม แต่ถ้าเกลี่ยแล้วจะได้ฟิลลิ่งเนื้อมูสน๊ะจ๊ะเธอ




ผลการใช้











ผลการใช้คือ รองพื้นเค้าจะ ช่วยในการปกปิดรอยเเดง รอยดำได้ค่อนข้างดี แต่ไม่ได้ดีมากเวอร์
คือเนื้อรองพื้นเค้าจะไม่หนามาก  การปกปิดประมาณสัก 6/10  จะยังเห็นความเป็นผิวอยู่บ้าง

รองพื้นเกลี่ยง่าย ง่ายกว่าแบบน้ำๆอีกนะเราว่า เหมาะกับมือใหม่เกลี่ยรองพื้นไม่ค่อยจะเป็น
รองพื้นเหมาะกับการใช้นิ้วเกลี่ยที่สุด ใช้แปรงหรืออื่นๆไม่ค่อยแนะนำเพราะเนื้อเค้าจะเป้นครีมๆมูสๆ
ใช้อุปกรณ์เกลี่ยอาจจะไม่สวย เพราะมันต้องใช้น้ำหนักมือในการลง


ทาแล้วโอเคย์ ได้ความเเมทซ์ของเนื้อรองพื้น  แต่ไม่ได้แห้งเเกร๊กกทีเดียวเหมือนกับรองพื้นเนื้อแมทซ์
ที่มีแอลกฮอล์กเยอะๆแบบนั้น เค้าจะมีความมันๆนี๊ดดดดนึงอยู่บนผิว 

และที่เค้าบอกว่า ช่วยปกปิดรูขุมขนนั้น
ก็ปกปิดได้นะ เพราะเนื้อรองพื้นเค้ามีความเป็นของแข็ง ไม่ใช่ของเหลวแบบเนื้อลิควิด ฟลูอิค อะไรแบบนั้น
(เก็ตบ่?? )
แต่ สำหรับเรา รูพรุนมากก ก็ปกปิดได้แต่ไม่ได้หายวั๊บไปทั้งหมด แต่จะช่วยได้ค่อนข้างโอเคย์ในระดับนึง


แต่มีสิ่งที่ไม่รอดคือ ถ้าใครมีสิวเสี่้ยน   จะพินาศมาก
รองพื้นจะเน้นย้ำให้เห็นสิวเสี้ยนที่ชัดขึ้น 
ดังภาพต่อไปนี้





สิวเสี้ยนบริเวณจมูก โผล่มาชัดขึ้นเลยอ่ะเธอ หลังจากที่ทาไปแล้ว
ด้วยความที่เนื้อรองพื้นเค้าไม่ได้เหลว เวลาเกลี่ยไปโดนๆพวกสิวเสี้ยน มันจะโผล่ขึ้นมาชัด
ฉะนั้น ก่อนใชั้  ลอกสิวเสี้ยนก่อนด้วยเด้ออ






ผลการใช้ระหว่างวันที่เกิดขึ้นกับตัวเอง

ส่วนตัวเป็นคนผิวมันและรูขุมขนกว้างนะเธอ
ต้องบอกกันก่อน เดี๋ยวผิวไม่เหมือนกันผลจะต่างกันนะ

โอเคย์ 

1 คุมมันมั๊ย??

เอาจริงๆช่วยนะ แต่ไม่มาก ช่วยนิดนึง ด้วยความที่รองพื้นเค้าเป็นเนื้อแมท
รองพื้นเนื้อแมทส่วนใหญ่ จะช่วยเรื่องคุมมันอยู่แล้ว แต่ตัวนี้เค้าไม่ได้เเมทเเห้งเเกร๊กกก
ก็จะไม่ได้ช่วยได้ดีเท่ารองพื้นพวกนั้น  แต่รองพื้นตัวนี้จะดีกว่าตรงพวกรองพื้นที่คุมมันดีเวอร์ๆ
ที่แอลกฮอล์กเยอะๆคือ  finish ลุคแล้ว  ผิวจะดูสวยกว่า จะดูมีน้ำมีนวลกว่ารองพื้นพวกนั้น
แต่คุมมันไม่ได้ดีเท่ากับพวกนั้น



2 การติดทน
รองพื้นตัวนี้ติดทนอยู่นะ ถ้าไม่ได้ไปพจญภัย แบ่บ ทาแล้วอยู่สวยๆนั่งทำงาน อยู่ห้องแอร์ 
หรือทาแล้วนอนดูทีวีอยู่บ้าน อันนี้ติดทน แต่ถ้าพจญภัยเช่น
ทาแล้วไปทำสวน  ไปชอปปิ้งตลาดร้อน อะไรแบบนี้ก็แอบหลุดอยู่


3. ความรอดบนหน้าระหว่างวัน?

ถ้าทาแล้วอยู่ในโมชั่นสวยงามไม่ไปพจญภัย โอเคย์ หน้ารอด
แต่ถ้าทาแล้วไปพจญภัย  นอกจากรองพื้นหลุดแล้ว ยังตกรูขุมขนด้วยจ๊ะเธอ
เห็นเป็นรูๆมาเป็นร่องๆเลยล่ะ   ตรงนี้แอบน่ากลัวหน่อย
ต้องเช็คหน้านิดนึง ซับหน้าบ้างไรบ้างถ้าไปพจญภัย


ส่วนรองพื้นตัวนี้ซื้อได้ตามวัตสัน เค้ามีเคาเตอร์อยู่
แล้วก็ราคา  ไปส่องกันเอาเองจ้า เค้าไม่รู้ อิอิ










Create Date : 04 พฤศจิกายน 2558
Last Update : 4 พฤศจิกายน 2558 13:01:57 น.
Counter : 5272 Pageviews.

1 comment
รีวิวรองพื้น Chanel Perfection Lumiere Velvet

เชิญไทยมุงนะคะพี่น้อง มามุงของดำกันเถอะค่ะ โห๊ะๆ กับ
Chanel Perfection Lumiere Velvet

ซึ่งเป็นรองพื้นสูตรบางเบามากๆ ที่ชาแนลออกวางขายอีกตัวนึง
ที่เคยมีสูตรเบาบางมาก่อนหน้านี้แล้วคือสูตร Vitralumiere aqua
แต่สูตรนี้ต่างออกไปมาก จะอย่างไร มาดูกันเลย




ก่อนอื่นฉายแพคเกจกันก่อนเนอะ
ของดำ ตามนี้เลย





บนฝาขวดยังคงมี c ไขว้กันเป็นเอกลักษณ์ของรองพื้นทุกรุ่นเหมือนเดิม








ด้านหน้าจ้ะยูว์

เค้าบอกว่ามี spf 15 แต่เราใช้แล้ว บอกเลยว่าอยากคาดหวังกับกันแดดของนาง
ทากันแดดเพิ่มเถอะ เพื่อความเจริญและผาสุกของชีวิตที่แท้จริง







ด้านหลังตามนี้จ๊ะ ปริมาณ 30 ml.
เท่ากับรองพื้นรุ่นอื่นๆ และ ไซส์ หรือขวด บอกเลยว่าเหมือนกันกับรุ่น vitralumiere aqua มากๆ
เพียงแค่เปลี่ยนสีจากสีครีมๆ เป็นสีดำล้วน แค่นั้นเอง
ซึ่งตัวขวดก็เป็นพลาสติก โอเคย์เลย ไม่หนักดี







เปิดใช้งานก็ดังนี้จ๊ะ









โอเคย์ เรามาถึง Part เจาะลึกรองพื้นกันเลยดีกว่า มา
ชั้นรู้ว่าพวกหล่อนชอบ part นี้ทั้งหมดทั้งมวล hahaaa


ก่อนอื่น เห็นหน้าเหียกๆข้างบนกันแล้วใช่ป๊ะแก
โอเคย์ เราจะมาพูดถึงสิ่งแรกเลยคือ การปกปิด


คือการปกปิดของรองพื้นตัวนี้ บอกเลยว่า บางเบามากกก
แต่ไม่ถึงกับ ทาแล้วเหมือนไม่ทานะ คือเราทาเรารู้สึกได้ ว่าทารองพื้นอยู่บนหน้า
เราดูรู้ ว่ารองพื้นทาบนหน้า แต่คนอื่น ถ้าไม่บอกเค้า เค้าอาจจะไม่รู้ว่าเราทา
เพราะมันเนียน เหมือนไม่ทา เอาไว้แบบ ทาไปเดทกะผช. หรือทาไปเจอเพื่อนแล้วแบบ
เห๊ยยย ยูว์ หน้าชั้นใสป่ะ เนี่ย ไม่ได้แต่งหน้าเลยย พักนี้หน้าดี อะไรหยั่งเง้
แต่ก่อนมาเจอกัน แกโบกหน้ามา haahaaa แต่ก็เนียนนะ เค้าจับไม่ได้หรอก ทำกะเพื่อนมาละ
(ยกเว้นแกเลือกรองพื้นผิดเบอร์ หรือ ผิดอันเดอร์โทน)

อย่างที่บอกการปกปิดเบามากก แต่ก็ช่วยบ้างนิดหน่อย เต็ม 10 ให้ 3 ในเรื่องการปกปิดนะ
ไม่ได้เหมือนกะรองพื้นบางแบรนด์คือแบบ นั่นรองพื้น หรือ เบส, ทินท์ มอยส์ หน่ะ ทาแล้วเหมือนไม่ทาเลยจริงๆ
อย่าเรียกว่ารองพื้นเลยดีกว่า ถ้าจะบางขนาดน๊านนนน



ต่อมาเรื่องของ เนื้อรองพื้น

เนื้อรองพื้นเนี่ยคือ เป็นเนื้อแมทซ์นะ ซึ่งมันถูกจริตกับหน้าเรามาก
เพราะหน้าเรามันไง เราก็เลยอยากได้รองพื้นแมทซ์ๆ ที่ทาแล้ว ไม่ได้เพิ่มความมันให้กะหน้า
มันอยู่รอด อยู่ยั้งยืนยง กับสภาพอากาศบ้านเรา ที่แบบ
แกไม่สามารถจะดิวอี้ได้เลย เพราะ ขนาดแกใช้รองพื้นเนื้อแมทซ์
สักสองชั่วโมงหน้าแกก็จะดิวอี้เองโดยอัตโนมัติละ โอ่ยย เพลีย
ซึ่งตรงนี้ชอบมาก แต่มันก็จะมีปัญหาตรงที่ว่า
แล้วถ้าชั้นหน้าแห้งล่ะ จะรอดมั๊ย ????
คือ เราเองก็ยังไม่ได้ทำ research กับคนหน้าแห้งนะ ว่าจะรอดรึป่าว
แต่ถ้าแกหน้าเป็นขุยๆล่ะ แนะนำว่าอย่าทา ถ้าช่วงนั้นหน้าเป็นขุย เพราะ
เป็นมาแล้ว พินาศมากบอกเลย  เลี่ยงดีกว่าเนอะ


อีกอย่าง เนื้อรองพื้นตัวนี้เวลาเค้าทาไปแล้วปุ๊ป
เค้าจะมีความเป็นแป้งๆหน่อยๆ ซึ่งตอนไปเสียตังค์ บีเอเค้าบอกว่า
"มันจะเปลี่ยนเป็นแป้ง แล้วคุณน้องไม่ต้องทาแป้งทับ ทารองพื้นเสร็จก็ออกไปใช้ชีวิตได้เลยค่ะ"

ซึ่งได้ทดลองใช้แล้ว เออ จริงงงว่ะ ไม่ต้องทาแป้งทับนะ
เหมือนกับตัว perfection lumiere เลย ที่ไม่ต้องทาแป้งทับก็ได้ เอ๊ออ เจ๋งๆ


อีกอย่างสำหรับเนื้อรองพื้นคือ เค้ามีน้ำหอม น๊ะจ๊ะ น้ำหอมสไตล์ชาแนล เดิมๆ ถ้าใครเคยใช้จะรู้เนอะ


ต่อมา  เรื่องของการ คุมมัน

คือการคุมมันเราว่าไม่ได้ช่วยได้เลิศเลอค่า เพราะว่า ถ้าต้องการรองพื้นคุมมันดีดี
แกต้องไปหารองพื้นที่มีแอลกฮอล์กผสม แล้วกลิ่นแรงๆ กลิ่นแน่นๆ
 พวกรองพื้นแบบนั้นจะช่วยคุมมันได้ดีมาก อย่างเลฟลอนฝาดำ สูตรเก่า ถ้าใครเคยใช้นะ จะนึกออก
คือช่วยคุมมันได้นิดหน่อย ไม่มากเวอร์ ผิวหน้ามันตามกาลเวลาผ่านไป
แต่คือ ด้วยความที่รองพท้นมันเนื้อแมทซ์ไง มันก็เลยเหมือนจะช่วยเรื่องการคุมมันไปด้วย
แต่มองดีดี สังเกตุดีดี การคุมมันก็ไม่ได้ช่วยได้เลอค่าอะไรขนาดนั้นนะเธอ


ระหว่างวัน ใช้แล้วเป็นไง??

คือถ้าถามเรื่องสีดรอปมั๊ย???
คือตัวเนี่ย เราใช้เบอร์ 30 ซึ่งสีออกไปทางเหลือง เหมาะกะคนเอเชีย
ใช้แลั้วไม่ดรอปเลย ผ่องเด้งทั้งวัน
แต่อย่างตัว perfection lumiere เราก็ใช้เบอร์ 30 เหมือนกัน ซึ่งตัวนั้น มันจะออกส้มๆ
บางวันเราใช้ก็ดรอป บางวันใช้ ก็ไม่ดรอป เอ๊ออ แล้วแต่วันเเห่ะ
คือทั้งนี้ทั้งนั้น อยู่ที่สีที่คุณไปเลือกซื้อมาว่าผิดอันเดอร์โทนรึป่าว
รู้สึกเค้าจะมีสีให้เลือกซื้อในไทย ถึงเบอร์ 50 (มั้ง) ที่เข้มสุดนะ ถ้าจำไม่ผิด ถ้าผิดก็แค่ 40 อะ


ระหว่างวันไม่เป็นคราบเลย ไม่เยิ้มไม่ย้อย บอกเลย ชอบมากกก
แต่ แต่ แต่ ถ้าคุณไปสู้ชีวิตสัมเพ็งเจเจเยาวราชตลาดนัดบลาๆๆๆ
รองพื้น หลุดน๊ะจ๊ะเธอ มันไม่ทนขนาดนั้น เป็นรองพื้นผู้ดี ใช้ชีวิตใสๆ แบ๊วๆ ในห้องเย็นๆ
นั่งรถเเอร์เย็นๆ ไรเงี่ย โอเคย์อยู่ แต่ถ้าชีวิตเธอไม่ผู้ดี พจญภัยล้านเจ็ดระเห็ดไปสิบย่านน้ำละก็ หลุดค่ะ!!!


.
.
.
.
.
.
.

มีอะไรที่ยังไม่ได้รีวิวไปอีกน๊ออออออ


หมดแล้วมั้ง


รวมๆถามว่าชอบมั๊ย บอกเลยว่าชอบมาก
ไม่ได้เพราะว่าเห่อซื้อมาใหม่หรืออะไรนะ
แต่มองตามสภาพการใช้งานจริงคือ
เราไม่ได้ใช้ชีวิตที่ต้องไปเจอคนเยอะแยะทุกวัน ต้องหน้าเป๊ะทุกวัน
เราก็แค่อยากให้หน้าเราดูเฟรชขึ้น ดูไม่ผีเวลาส่องกระจก
คือง่ายๆ สวยคนเดียว แกเก็ตป่ะ .... อะไรหยั่งเง้
แต่ก็ไม่อยากโบกหน้าหนา สิบระดับ เพื่อสวยคนเดียว นั่นก็เกินไป
ฉะนั้น รองพื้นตัวนี้ก็เลยตอบโจทย์มากๆ
ใช้บ่อยโคตรรรรรร ช่วงนี้ บอกเลย


.
.
.
อ้อ ลืมบอกราคา อยู่ที่ 2,100 บาทไทยเด้ออออ



จบการรีวิวเพียงเท่านี้จ๊ะ บายย






*****ทิ้งท้าย คือจะบอกว่ารองพื้นตัวนี้เหมอืนกับรองพื้นรุ่น perfection lumiere ในเวอร์ชั่นที่บางกว่า
ถ้าใครเคยใช้รุ่นนั้นจะนึกออกโน๊ะ ถ้าอยากจัดเวอร์ชั่นบางๆ ซื้อโลด





Create Date : 14 สิงหาคม 2557
Last Update : 14 สิงหาคม 2557 19:12:17 น.
Counter : 33359 Pageviews.

6 comment
1  2  3  4  5  

lepommz
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 287 คน [?]







 photo E2A0E070E270E190_zpsf35f0ca3.jpg Counter Start on 30 NOV. 2012
New Comments