กฏ A-O-U แบบง่ายๆ (ภาษาฟินน์)
อะไรคือ A-O-U มันก็คือ สระในภาษาฟินน่ะค่ะ มีทั้งหมด 8 ตัวค่ะ คือ (แบ่งพวกด้วยนะคะ)
a o u
e i
ä ö y
เรียกภาษานักเรียนซัวมิ ก็คือ กฏ อา โอ อู ทำใมเราต้องรู้กฏนี้ เพราะว่า ในภาษาซัวมินั้น เค้าไม่มี to have ,to do เหมือนในภาษาอังกฤษ
ซึ่ง เค้าจะเปลี่ยน ทำกริยาเพื่อให้แสดงว่า กำลังทำอะไร และในความเป็นเจ้าของสิ่งนั้นๆ ก็จะเปลี่ยนคำ หรือเปลี่ยนอักษรที่ท้ายคำ เพื่อกำหนดคำนั้นๆ ให้มีความหมายในกาล ต่างๆ (กาลปัจจุบัน กาลอดีต หรือ กาล "กำลังจะ" ประมาณนี้นะคะ)
(อันนั้น สเต็บถัดไปนะคะ เรียกว่า กฏ โก เป เต หรือ K-P-T แล้วเอาไปต่อเพจหน้ากันค่ะ)
แต่ตัว อา โอ อู นี้ จะ เราจะเอาไว้ทำความเข้าใจในการที่จะเปลี่ยน ว่า คำใหนจะใส่ a หรือ ä หรือ -lla ,-llä
เช่น คำถามว่า บ้านเธออยู่ทีใหน แล้วป้าลีจะตอบว่า อยู่จังหวัด Helsinki
ก็จะตอบว่า อยู่ที่ Helsingissä
เราจะใส่คำ ลงท้าย ที่เป็น a หรือ ä นั้น ก็ดูว่า คำว่า Helsinki นั้น ไม่มี A-O-U ก็เลย ใส่ ä
(ทำใมต้องใส่ ตอบ... ใส่เพื่อให้รู้ว่า อยู่ใน เฮลซิงกิน่ะคะ ถ้าเราไม่ใส่ ก็คือ แค่พูดว่าเฮลซิงกิ แต่มันไม่เป็นการระบุ ว่า "อยู่ใน" เฮลซิงกิ ไงคะ)
สรุปคือ ถ้าคำในกลุ่มที่เราต้องการจะเปลี่ยน ไม่มีสระ อา,สระ โอ,และ สระ อู ก็ให้เปลี่ยนโดยใส่ ä ได้เลย ( คือ อามีด็อทข้างบนน่ะค่ะ อ่านว่า แอ ) แต่ถ้าคำใหน มี สระ สามตัวนั้น ให้ใส่ a (อาธรรมดาไม่มีด็อท) ครูสอนบอกว่า ถ้าเราคิดแบบนี้จะไม่งง เพราะถ้าเราไปคำนวณด้วยสูตร มันจะงงมาก แต่ก็อาจมีบ้าง บางคำ ที่ไม่อยู่ในกฏที่ว่านี้ แต่ก็มีน้อย ซึ่งครูบอกว่า ค่อยไปจำเป็นคำๆ ไป จะได้เข้าใจและรียนภาษาฟินได้โดย ไม่งงกับ สเต็บถัดไป
ป.ล. ทำใม จาก Helsinki กลายมาเป็น Helsingissä ได้นั้น ก็จะใช้ กฏ K-P-T ไปเพจหน้ากันค่ะ
ตัวอย่างคำค่ะ (ส่วนความหมาย จำไม่ได้ก็ขอให้จำกฏให้ได้ก่อนก็แล้วกัน)
ตัวอย่างที่สอง จะเห็นว่า talo มีสระสองคำ คือ a ,o และทั้งสองก็อยู่ใน กฏ a-o-u ดังนั้นเราก็เลือกใส่ ssa ไม่ใช่ ssä
ป.ล.ที่สอง ใครอ่านแล้วงง ไม่ต้องตกใจค่ะ เพราะเพจเหล่านี้เค้าต่อเนื่องมาจากเพจก่อนๆ ให้กลับไปอ่านเรื่องเริ่มต้นจริงๆ ซ้ายมือ ด้านข้างๆ นะคะ
Create Date : 14 กุมภาพันธ์ 2557 | | |
Last Update : 14 กุมภาพันธ์ 2557 22:03:31 น. |
Counter : 1289 Pageviews. |
| |
|
|
|