ข้อความเตือนสติในการทำงาน

ทำงานมาเพียงแค่3.5ปี เงินเดือน xxk สำหรับคนจบโทนับว่าดีมากนะครับ
ผมอ่านๆดูแล้วคุณน่าจะเป็นคนที่หัวดีและหัวไวสามารถเรียนรู้งานต่างๆได้เร็ว
แต่ดูเหมือนว่าในเรื่องคนเรื่องการบริหารคุณยังเรียนไม่จบเพราะอาจเป็นคนตรงไปตรงมาเกินไป
ประกอบกับเวลาเพียงแค่สามปีกว่าทำให้กระดูกยังไม่แข็งพอก็เป็นได้
อันว่าเรื่องการบริหารนั้นมันไม่เหมือนวิชาอื่นๆมีที่มาที่ไปเห็นกันชัดเจน
เริ่มจากนี่แล้วไปนั่นเสร็จแล้วก็จะไปอยู่ตรงนั้นมันไม่ซิมเปิลอย่างนั้นแน่ครับ
ในเชิงการบริหารบางทีหนึ่งบวกหนึ่งผลลัพธ์ออกมาไม่ใช่สองนะครับบางครั้งได้แค่หนึ่ง
หรืออาจเป็นสามเป็นสี่ก็ได้ เพราะมันไม่มีสูตรสำเร็จในเรื่องนี้ครับ
มันมีขบวนการและวิธีการมากมายหลายรูปแบบ ในการบริหารในการใช้คน
มีวิธีทดสอบคนมีวิธีบ่มเพาะมีวิธีหลอกล่อให้เผยธาตุแท้และตัวตนออกมา เพื่ออ่านให้ทะลุ
มีวิธีฝึกสอน ที่คนถูกฝึกถูกสอนไม่รู้ตัว ว่าเขากำลังสอนเรื่องอะไรอยู่
มีการวัดขีดจำกัดของคนดูว่ามากน้อยแค่ไหนในเรื่องอะไรบ้างที่เขาเรียกว่าจุดอ่อนจุดแข็ง
มีการประเมินอย่างเงียบเชียบเพื่อหาข้อสรุปเกี่ยวกับคุณสมบัติที่แท้จริงของแต่ละคน
และอีกสารพัดวิธีซึ่งไม่มีในตำราการบริหารที่ร่ำเรียนกันมาจากมหาลัย

เท่าที่ข้อมูลระบุมาคุณจะสนใจแต่เฉพาะเส้นทางเดินของคุณว่าคุณน่าจะได้ขึ้นไปตรงนั้นตรงนี้
เพราะงานอะไรที่ถูกมอบหมายมาคุณสามารถรับมันได้หมด ทำมันได้หมด
คุณไม่ได้มองแฟ็คเตอร์ต่างๆรอบๆกายว่ามีอะไรที่คุณควรจะต้องจัดการกับมันได้บ้าง
มันมีเกมการเมือง มันเกี่ยวข้องกับการบริหาร มันมีการทดสอบต่างๆอย่างที่ผมว่า
รวมทั้งแฟ็คเตอร์ของเวลาและไทม์มิ่งที่เหมาะสมลงตัวซึ่งมันอยู่เหนือการควบคุมของคุณ


บทเรียนที่ได้รับคือแห่งแรกคุณได้เอามันมาวิเคราะห์หาสาเหตุแล้วหรือไม่ว่าคุณพ่ายแพ้เพราะอะไร
มาถึงบทเรียนที่สองที่คุณกำลังเรียนอยู่ซึ่งค่อนข้างจะเป็นช่องทางที่คุณอาจพบตัวเองได้
หากคุณวางเป้าหมายไว้ที่ความก้าวหน้าในหน้าที่การงาน ที่จับต้องได้คือตำแหน่ง
คุณก็น่าที่จะวางแผนและตั้งทิศทางไว้ที่ระดับผู้บริหารสูงขึ้นไปจากจุดที่คุณอยู่
จะไปได้สูงแค่ไหนช่างมัน สูงไปเรื่อยๆได้ก็ดี หากคุณอยากทำงานแค่ห้าวันต่ออาทิตย์
และสามารถได้เงินเดือนสูงขึ้นไปเรื่อยๆแบบไม่มีเพดาน
มันก็จะต้องเป็นผู้บริหารประเภทที่สามารถหาเงินเข้าบริษัทได้ด้วย
ซึ่งจากขอมูลที่คุณให้เกี่ยวกับสไตล์ทำงานของคุณ
บอกให้ว่ามันเป็นคุณสมบัติของการเป็นนักบริหารนะครับ
เพียงแต่คุณไม่รู้ตัวว่าคุณมีและคุณไม่เคยมองตัวเองในจุดนี้
เนื่องจากคุณไปวางเงื่อนไข และตั้งกรอบ สร้างอคติ เกี่ยวกับงานมาร์เกตติ้ง งานขายและงานบริหาร
คุณก็เลยไม่สนใจที่จะมองตัวเอง เมื่อไม่มองจึงสับสนว่าควรจะไปทางไหนดี


ทั้งๆที่อุตส่าห์เรียนต่อในเรื่องทักษะการบริหารการหาเงินการทำธุรกิจ
แถมงานที่กำลังทำอยู่นี้ ก็คือการเรียนรู้และการพิสูจน์ตัวเองจากแต้มต่อที่มีอยู่ในมือ
คือทั้งความรู้ที่เรียนมาและคุณสมบัติที่มีอยู่ในตัวตนรวมทั้งจังหวะเวลาที่เหมาะสม
คุณมองไม่ออกและคุณกำลังจะทิ้งโอกาสที่จะพิสูจน์นี้ไปดื้อๆ
ยิ่งในระยะยาวคุณอยากเป็นอาจารย์สอนคนอื่นประสบการณ์ที่คุณกำลังได้รับอยู่
คือเคสสตัดดี้ที่จะสามารถเอาไปสอนคนอื่นได้เป็นอย่างดีครับ

โดย : สุจินต์ จันทร์นวล IP : 124.120.1.90 [ 16/10/2007 , 15:17:21 ]


Create Date : 17 ตุลาคม 2550
Last Update : 17 ตุลาคม 2550 8:38:22 น. 1 comments
Counter : 725 Pageviews.  

 
"ความสำเร็จในวันนี้เกิดจากความผิดพลาดในอดีตแทบทั้งสิ้น"คุณเชื่อไหมครับ?
แต่มันก็มีข้อยกเว้นเหมือนกันถ้าตีความเรื่องความผิดพลาดนั้นผิดไป
ส่วนใหญ่ที่ตีความผิดนั้นมาจากการเข้าข้างตัวเอง
คือมองแต่ความผิดความบกพร่องของคนอื่นแต่ไม่ได้มองตัวเอง
มันคล้ายๆกับความสัมพันธ์ของคนสองคนที่ต้องเบรคอัพหันหลังให้กัน
ต่างคนต่างก็จะมีเหตุผลเป็นของตัวเองว่าที่ต้องหันหลังให้กันนั้นเป็นเพราะอีกฝ่าย
โดยที่ไม่พยายามค้นหาว่าตัวเองนั้นมีอะไรบ้างที่อีกฝ่ายรับไม่ได้เพราะอีกฝ่ายไม่เคยบอก

เวลาที่ผมพลาดพลั้งหรือทำอะไรแล้วไม่เป็นไปตามที่คาดคิดผมจะหาสาเหตุว่ามาจากอะไร
ทีแรกผมจะหาจากอีกฝ่ายเอาชนิดแทบทุกแง่มุมว่ามันจะมาจากสาเหตุนั้นนี้ได้หรือไม่
แต่ผมจะไม่ด่วนสรุปว่าใช่ ผมจะหันกลับมาวิเคราะห์ตัวเองในอีกมิติบ้าง
โดยสมมุติตัวเป็นอีกฝ่ายมองกลับมาที่ตัวผม
ก็มักจะเห็นหลายๆอย่างจากคำพูดจากการแสดงออกของตัวเองในสายตาและความคิดคนอื่น
ว่าเขาอาจจะคิดอย่างไรได้บ้าง คิดไม่เหมือนเราคิดเข้าใจไม่เหมือนอย่างที่เราเข้าใจ
เวลาคิดนั้นผมพยายามจะคิดให้มันแย่ๆไว้ก่อน
เป็นต้นว่าเรามีความประพฤติอะไรบ้างที่อีกฝ่ายไม่ชอบทั้งๆที่เราว่ามันดีออก
อย่างเช่นการพูดจาอะไรที่มันตรงเกินไปเข้าแสกหน้าอีกฝ่ายมากเกินไป
เราทำอย่างนั้นพราะเรามีความจริงใจตรงไปตรงมากับเขา
โดยไม่ได้คิดว่าอีกฝ่ายจะรู้สึกอย่างไร ตีความอย่างไรกับคำพูดของเรา
มันเป็นไปได้ไหมที่เขาจะรับเรื่องแบบนี้ไม่ได้
เมื่อรับไม่ได้มันก็จะลามปามไปถึงเรื่องอื่นๆด้วยที่เขาจะตีความเราเพี้ยนไปหมด
ผมจะพยายามตั้งคำถามแบบห่วยๆให้กับตัวเองหาคำตอบ ว่าเป็นเพราะอย่างงั้นได้ไหมอย่างนี้ได้ไหมในทุกขั้นทุกตอนที่ผ่านมา
ผมคิดละเอียดมากแม้กระทั่งเรื่องที่ไม่น่าจะเอามาคิดอย่างเรื่องหน้าตาบุคคลิกของตัวเอง
เพราะหน้าตาและบุคคลิกผมค่อนข้างจะดูกวนๆและเจ้าเล่ห์โดยเฉพาะหนวดของผม
แต่ข้างในของผมมันคนละเรื่องการแสดงออกของผมมันก็มีหลายเรื่องหลายแบบ จะให้คนอื่นเขามาเข้าใจผมได้อย่างไรว่าที่จริงแล้วผมทำอะไรตรงไปตรงมาอย่างในใจที่มี
คือคิดแบบนี้แล้วมันจะช่วยทำให้เราเข้าใจคนอื่นมากขึ้นเข้าข้างตัวเองน้อยลง
และมันก็จะสามารถวินิฉัยความผิดพลาดของเราได้ตรงประเด็น
ได้แล้วก็เอามาเป็นบทเรียนว่าผิดเป็นอย่างนี้นะจะให้ถูกควรทำอย่างไร
ดังนั้นบทต่อไปที่เราจะเล่นเราจะไม่ทำผิดซ้ำอีกเราจะทำแบบที่ถูกซึ่งคิดไว้แล้ว

กรณีของคุณอย่างที่หัวหน้าดีๆที่สอนคุณไว้น่ะถูกต้องเลยครับที่ว่าต้องสอนลูกน้องให้ช่วยเราได้มากที่สุด
ผลงานของลูกน้องจะดันเราให้โดดเด่นขึ้นไปเอง แต่..แต่นะครับ
มันจะเป็นอย่างนั้นต่อเมื่อผู้ใหญ่ข้างบนมีสายตาและมีวุฒิภาวะในการเป็นผู้บริหารที่ดีด้วย
คือสามารถมองเห็นคุณสมบัติเด่นในตัวคุณเรื่องการสอนงานการสื่อสารและหยิบเอามาใช้
ใครๆก็อยากได้ลูกน้องเก่งทั้งนั้นส่วนไอ้เรื่องชอบหน้าไม่ชอบหน้าลูกน้องมันเป็นอีกเรื่อง
เขาต้องแยกออกแน่ระหว่างผลงานที่จะทำให้เขาพอใจและได้ประโยชน์ไปเต็มๆ
กับความรู้สึกที่ไม่ชอบหน้าจึงไม่ให้ทำน่ะเขาควรจะเลือกเอาอะไร
กรณีของคุณเขากลับเลือกที่จะให้คุณเดินจากไป แปลว่าอะไรล่ะครับ?
เขาใช้แค่ความรู้สึกเท่านั้นหรือโดยไม่คำนึงถึงประสิทธิภาพและผลงานไม่อยากมีลูกน้องเก่งๆ ไม่อยากได้คนตรงไปตรงมาและกระตือรือล้นเป็นลูกน้องหรือ
มันมีอีกหลายแง่มุมที่คุณควรหาคำตอบเพื่อเป็นประโยชน์ต่อการวิเคราะห์
ลองคิดแบบที่ผมคิดกับตัวเองบ้างนะครับ
แล้วความผิดพลาดมันจึงจะเป็นบทเรียนที่ถูกต้องและมีค่าสำหรับอนาคต พลิกวิกฤตินี้ให้เป็นโอกาสซิครับทุกความผิดหวังและความผิดพลาดนั้นมีค่าเสมอ

โดย : สุจินต์ จันทร์นวล IP : 124.120.1.245 [ 14/11/2007 , 09:13:21 ]


โดย: Lazy Genius วันที่: 14 พฤศจิกายน 2550 เวลา:11:20:29 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

Lazy Genius
Location :
กรุงเทพ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 3 คน [?]




[Add Lazy Genius's blog to your web]