|
โอดิสซุส - ยูลิซิส
เราติดเรียกว่ายูลิซิส กษัตริย์แห่งอิธากา
เป็นคนที่เราชอบ
เขานับยูลิซิสเป็นวีรบุรุษคนหนึ่ง แต่ในความรู้สึกของเรา ยูลิซิสเป็นนักการเมือง
ยูลิซิสไม่เคยมองโลกเป็นเส้นตรง ความคิดเรื่องอุดมคติก็ไม่เหมือนคนอื่น ๆ ยูลิซิสสามารถยุติปัญหาได้ด้วยการประนีประนอมเสมอ และทุกคำที่ยูลิซิสพูด ทุกคนก็ฟัง
คราวแย่งนางเฮเลน ยูลิซิสก็ไปด้วย แต่เมื่อเห็นว่ามีคู่แข่งมาก จึงเสนอกับพระราชาพ่อของเฮเลนว่าตัวจะช่วยแก้ปัญหาว่าที่ลูกเขยให้ ขอข้อแลกเปลี่ยนอย่างเดียว คือขอให้ตัวได้แต่กับเพเนโลปี ลูกพี่ลูกน้องของเฮเลน
จะว่าขี้ขลาดก็ขี้ขลาด แต่เอาเข้าอีกที เราก็รู้สึกว่าสายตาของยูลิซิสนั้นมองกว้างกว่าคนอื่นมาก และเพเนโลปีเองก็เสียหายตรงไหนเล่า อยู่ครองรักกันมาได้จนแก่เฒ่า ตัวยูลิซิสหลงทางกลางทะเลเป็นสิบ ๆ ปี เพเนโลปีก็ซื่อสัตย์ไม่เปลี่ยนแปลง
เทียบกับเฮเลนแล้วเป็นอย่างไร
ยูลิซิสไม่มีความคิดอยากทำสงคราม เขาเรียกไปทำสงครามกรุงทรอย ยูลิซิสก็แกล้งเป็นบ้า ถ้าจำไม่ผิดดูเหมือนจะเอาตัวอะไรแปลก ๆ มาเทียมคันไถแล้วเอาเมล็ดอะไรแปลก ๆ หว่าน ไถนาที่ไม่มีวันปลูกพืชผลได้ คนเขาต้องเอาเทเลมาร์คัสลูกชายทารกมาวางตรงหน้าทางคันไถผ่าน จึงจับผิดยูลิซิสได้ว่าไม่ได้บ้าจริง เพราะยูลิซิสเบี่ยงไถไม่ให้โดนลูก
ยูลิซิสไปศึก คนอื่นรบกันแทบตาย ยูลิซิสคิดกลม้าไม้
เวลากลับบ้านพบนางไซเรน ยูลิซิสสั่งให้ทุกคนเอาขี้ผึ้งอุดหู แต่ตัวเองยังมีใจอยากรู้ว่าเพลงไซเรนเป็นอย่างไร ก็ไม่เอาขี้ผึ้งอุดหู กลับบอกให้คนบนเรือมัดตัวไว้กับเสากระโดง ไม่ว่าอาละวาดอย่างไรก็อย่าได้ปล่อย
เราคิดว่ายูลิซิสเป็นคนพิเศษ สายตาของเขาเห็นไกลไปกว่าคนยุคเดียวกันเห็น และเพราะว่าเป็นคนอย่างนี้ จึงมีคนตีความไว้มาก ทั้งเป็นตัวเจ้าเล่ห์ร้ายเพทุบาย และเป็นพระเอกแบบแสบน่ารัก
ที่เราจำได้แม่นคือตัวยูลิซิสในละครฟิลอคธีธิสของโซโฟเคลส เขาตีความว่ายูลิซิสเป็นนักปกครอง เป็นนักการเมือง
และเป็นตัวร้าย
การเอาจะเอาชนะทรอยได้ ต้องใช้ธนูของเฮอร์คิสลิส ซึ่งปัจจุบันอยู่ในครอบครองของฟิลอคธีธิส แต่ตอนที่ลงเรือมาทรอย ฟิลอคธีธิส ( ถ้าจำไม่ผิด ) ถูกงูกัดเป็นแผลสาหัส แล้วแผลเน่าเปื่อยเหม็นไปทั่วจนพวกกรีกตัดสินใจทิ้งไว้ พอถึงเวลาต้องใช้ธนูจริง ๆ พวกกรีกก็รู้ว่าฟิลอคไม่มีทางให้แน่ ๆ ยูลิซิสจึงสอนให้เนออปโตเลมุสลูกของอคิลิสไปหลอกเอาธนูมา
แต่พอเนออปไปเจอฟิลอคจริง ๆ ก็สงสาร และเกิดสับสนว่าควรจะ "ทำร้ายคนคนหนึ่งเพื่อช่วยคนที่เหลือทั้งหมด" อย่างที่ยูลิซิสสอนมาหรือไม่
เราจำได้แม่น ช่วงที่ทะเลาะกันในประเด็นนั้น ยูลิซิสพูดออกมาชัดเจนว่า "ข้าเป็นนักปกครอง การกระทำทั้งปวงเพื่อให้คนในปกครองของข้าสามารถอยู่ได้ราบรื่น เป็นสิ่งที่ข้าจะทำ ส่วนคุณธรรมเป็นแค่ของฟุ่มเฟือย ( luxury ) คนที่อยู่ในสภาพจะมีคุณธรรมได้เท่านั้น จึงควรคิดถึงเรื่องคุณธรรม"
แน่นอน ละครย่อมไม่สนับสนุนความคิดเห็นแบบนี้ว่าเป็นความคิดที่ถูกหรอก และตอนจบเนออปก็ไม่ได้คล้อยตามยูลิซิสด้วย
แต่จนถึงทุกวันนี้ เราก็ยังคิดอยู่ว่า...เออ มันมีแง่มุมบางอย่างในคำนั้น
และคำแบบนี้ ดูไปจนทั่วทุกตัวคนในตำนานกรีก
ก็มีแต่จะออกมาจากปากคนอย่างยูลิซิสได้คนเดียวจริง ๆ
Create Date : 17 พฤษภาคม 2548 | | |
Last Update : 17 กรกฎาคม 2551 1:33:10 น. |
Counter : 1764 Pageviews. |
| |
|
|
|
|
ศัพท์หลายวันคำ - เส้นขอบฟ้าแห่งความคาดหมาย
ขอบฟ้าแห่งความคาดหมาย ภาษาฝรั่งว่า horizon of expectation เป็นศัพท์เทคนิคคำหนึ่งในศัพท์เทคนิคประมาณยี่สิบล้านคำ ในวงการวรรณคดี
ความหมายของมันคือสิ่งที่คนอ่านคาดว่าจะได้เห็น พูดง่าย ๆ คือ "ความคาดหมายล่วงหน้าของผู้อ่าน เกี่ยวกับสิ่งที่กำลังอ่าน"
สมมุติยกตัวอย่างง่าย ๆ ถ้าเราขึ้นว่า
ฟ้าจะถล่ม แผ่นดินจะทลาย มหาสมุทรจะร่ำไห้
ต่อจากนี้คนอ่านคาดหวังอะไรอยู่ ถ้าหากไม่มีบริบทเลย คนอ่านส่วนใหญ่จะคาดว่าคำควรจะไปในทางเดียวกัน พูดถึงหายนะเหมือนกัน พูดถึงเรื่องน่าเสียใจเหมือนกัน
โอเค เราก็จะให้เรื่องน่าเสียใจ
ฟ้าจะถล่ม แผ่นดินจะทลาย มหาสมุทรจะร่ำไห้ หมีแพนด้าจะสูญพันธุ์
อืมม์...คิดยังไงล่ะ
แล้ว...มีความรู้สึกเกิดขึ้นตามมาไหม
นั่นละ ขอบฟ้าแห่งความคาดหมายถูกทำลายแล้วนะ
บอกอย่างนี้อาจจะนึกถึงการหักมุม แต่ว่าการหักมุมนั้นเป็นการกระทำของคนเขียน ส่วนขอบฟ้าแห่งความคาดหมาย เป็นสิ่งที่อยู่ในความคิดของคนอ่าน การหักมุมมีไว้ทำลายขอบฟ้าแห่งความคาดหมาย
แต่คนที่อ่านมาเยอะ ๆ หรือคนที่เขียนมาเยอะ ๆ ขอบฟ้าแห่งความคาดหมายก็จะกว้าง ดังนั้นมักจะพบว่า "ไม่ถูกหลอก"
คนที่ขอบฟ้ากว้างพอ บางทีก็กระหยิ่มในอกว่าไม่ถูกหลอกหรอก เรื่องมาอย่างนี้ เดาได้อยู่แล้ว เดาได้จนจบเรื่องเลย
แต่บางทีสิ่งที่มักจะเกิดขึ้นคือเราเอาขอบฟ้าของเราเองไปกำหนดงานเขียน งานศิลปะโดยไม่รู้สึกตัว
ขอบฟ้าของเราแค่นี้ เราก็อ่านงานเขียนไปตามนี้ แต่ที่จริงแล้ว งานเขียนต่างกัน คนเขียนยังใช้สำนวนต่างกัน วิธีอ่านเองก็มีหลายวิธีเหมือนกัน ถ้าอ่านเรื่องรักมาก บางทีก็เฝ้ารอว่าเมื่อไหร่ไอ้สองตัวนั้นมันจะรักกัน ( แต่บางเรื่องไอ้สองตัวก็อาจจะไม่รักกันเลยจนจบ ) ถ้าอ่านเรื่องแฟนตาซีมาก เจอเรื่องที่ไม่เน้นผจญภัยเลย ก็จะหงุดหงิดรำคาญใจ
นี่ก็เป็นการทำลายเส้นขอบฟ้าของความคาดหมายเหมือนกัน แต่เป็นการทำลายที่คนอ่านหงุดหงิด เพราะไม่ได้อย่างใจ
เพราะอย่างนั้น บางทีทำลายเส้นได้ ก็ทำให้ทึ่ง ทำให้ขำ ทำให้คิด
แต่บางทีทำลายเส้นได้ ก็ทำให้หงุดหงิด ทำให้รู้สึกไม่ได้อย่างใจ ทำให้รำคาญ
เป็นอย่างแรกก็ดีไป เป็นอย่างที่สอง ก็ขว้างหนังสือทิ้ง
แต่...เอาเข้าจริงแล้ว มาคิดดูอีกที ที่รำคาญใจ ไม่ใช่เพราะขอบฟ้าของเราไปไม่ถึงจุดนั้นหรืออย่างไร เป็นเพราะเราอ่านไม่เป็น เราจึงไม่เห็นไม่ใช่หรือ
ไม่หรอก เราไม่มีความจำเป็นต้องเข้าใจงานทุกงาน ต้องชอบงานทุกงานหรอก ไม่จำเป็นเลย
แต่ไม่ชอบก็ไม่ได้แปลว่าต้องดูถูกงานที่เราไม่ได้อ่าน งานที่เราอ่านไม่เข้าใจ เพราะงานเหล่านั้นคือขอบฟ้าที่เราไม่รู้จัก
สิ่งที่เรามองไม่เห็น ไม่เข้าใจ ไปไม่ถึง ไม่ใช่ว่าไม่ดี
และที่จริงแล้ว ขอบฟ้ามันไม่มีจริง เป็นเส้นสมมุติขึ้นมา สมมุติขึ้นเพราะมนุษย์จำเป็นต้องมีกรอบบางอย่าง ถึงจะพยายามเท่าไร มนุษย์ก็ยังมีกรอบบางอย่างอยู่ดี ถึงจะพยายามเท่าไร ก็มีของที่ชอบไม่ชอบ มีของที่เคยเห็นไม่เคยเห็น มีของที่เข้าใจแสนง่าย และไม่มีวันเข้าใจตลอดกาล
เพราะอย่างนั้น เส้นขอบฟ้าในงานวรรณกรรมเองก็ไม่มีจริงเหมือนกัน
และเพราะอย่างนี้เอง ถ้าหากงานไหนดีจริง ๆ แล้ว มันก็จะสัมผัสเส้นขอบฟ้าของมนุษย์ทุกคนได้ ทำให้ทุกคนเข้าใจได้ และสามารถพาทุกคนไปเห็นเส้นขอบฟ้าใหม่ได้เท่า ๆ กัน
Create Date : 09 เมษายน 2548 | | |
Last Update : 16 กรกฎาคม 2551 21:53:57 น. |
Counter : 1001 Pageviews. |
| |
|
|
|
|
| |
|
|