The power of an authentic movement lies in the fact that
it originates in naming and claiming one's identity and integrity
-- rather than accusing one's "enemies" of lacking the same.
- Parker J. Palmer, The Courage to Teach
Group Blog
 
All blogs
 
Dune : Frank Herbert ( สปอยล์ และจขบ.เอาแต่รำลึกอดีตที่ไม่ค่อยมีสาระ )

Dune แปลตามศัพท์หมายถึงกองทราย เป็นนิยายวิทยาศาตร์ ( เอสเอฟ หรือ ไซไฟ แต่ต่อจากนี้จะมีแต่คำว่าไซไฟ เพราะจขบ.พูดเอสเอฟแล้วนึกถึงโรงหนังชอบกล ) เขียนโดยคุณแฟรงค์ เฮอร์เบิร์ต ในช่วงราว ๆ ทศวรรษหกศูนย์ ถือเป็นแลนด์มาร์คสำคัญเล่มหนึ่งในวงการ

แต่จขบ.รู้จักเรื่องดูนครั้งแรก ไม่ได้รู้จักในฐานะนิยาย แต่รู้จักในฐานะเกม จำได้ว่าสมัยนั้นอยู่ม.ต้น ไปเรียนเสริมภาษาอังกฤษกับน้องชาย ไม่รู้ว่ามันสองตัวได้ภาษาอังกฤษมาหรือเปล่า แต่ที่แน่ ๆ คือได้รู้จักเกมดูนจากครู และทั้งโรงเรียนพากันติดดูนงอมแงม ดูนเวอร์ชั่นแรกน่ารักดี ( จขบ.ชอบรถขนแร่ ) แบบว่าแบ่งเป็นสามเผ่าแล้วตบตีกันเอง ไอ้สีแดงก็ชั่วช้าสารเลว ไอ้สีเขียวก็เขี้ยวลากดิน ส่วนไอ้สีฟ้าก็เป็นคนดีใสปิ๊ง ไป ๆ มา ๆ รู้สึกเหมือนสมาชิกชมรมคนบ้าดูนจะชอบเล่นเป็นสีแดงสีเขียว สีฟ้าเล่นหนเดียวพอให้นึกว่าเป็นพระเอกเฉย ๆ

หลายปีหลังจากนั้น สรวงสวรรค์จึงอำนวยพร ให้จขบ.มาพบนิยายเรื่องดูนในเอเชียบุ๊ค ( พิมพ์เป็นครั้งที่เท่าไหร่แล้วไม่รู้ ) แต่ตอนนั้นยังอุตส่าห์เอ๋อ นึกว่าเป็นนิยายเขียนจากเกมอยู่ เพิ่งมารู้ทีหลังว่าดูนเป็นชุดนิยายที่ดังมาก และเกมนั้นทำมาจากนิยาย ( เอาเค้ามาแค่คร่าว ๆ )

อีกหลายปีต่อมา ก็มีคนแนะนำให้จขบ.รู้จักกับดูนในฐานะนิยาย และสนับสนุนให้อ่านแบบสุดใจ บอกว่าเจ๋งมาก ถึงอย่างนั้น คุณคนแนะนำก็ยังต๊ะต่อไว้ว่า "อ่านแต่เล่มหนึ่งก็พอ" ( ดูนเป็นเล่มแรกของนิยายชุด มีทั้งหมดหกเล่ม ) จากนั้นเป็นต้นมา จขบ.ก็ได้ยินชื่อดูนอีกหลายครั้งหลายหน และเกือบทุกครั้ง ก็มักจะตามมาด้วยคำว่าศักดิ์สิทธิ์ว่า "อ่านแต่เล่มหนึ่งก็พอ"

จขบ.ก็อยาก "อ่านแต่เล่มหนึ่งก็พอ" เหมือนกัน แต่เป็นที่น่าเสียดายว่าหาซื้อไม่ได้ และที่บ้านมีแต่เล่มสอง ( มารดาซื้อลดราคามาเก็บไว้ ) และเล่มสองนั้น พลิกไปถึงตอนจบ พระเอกก็ตาย ซึ่งจขบ.รับไม่ได้ ( สมัยเด็ก ๆ จะไม่อ่านเรื่องที่ตัวเอกตาย สามก๊กอ่านถึงกวนอูตายก็เลิกอ่าน ส่วนถ้าเป็นเรื่องตายแล้วไปสวรรค์ให้เห็นคาตาจะไม่ว่าอะไร )

ด้วยเหตุนี้ จขบ.จึงไม่ได้อ่านดูน ( ไม่ว่าเล่มหนึ่งหรือเล่มไหน ๆ ) และการได้รู้เรื่องว่า "ดูน" จริง ๆ เป็นอย่างไรนั้น ก็มาจากการดูหนังชุดสามตอนจบ ที่ถ้าจำไม่ผิด ดูเหมือนจะฉายใน HBO

จขบ.คาดว่าคงมีคนอื่นได้ดูหนังชุดพระเอกตาเรืองแสงชุดนั้นเหมือนกัน บอกกันตรง ๆ เลย คิดว่าเป็นหนังที่โอเคดีในระดับหนึ่ง ทั้งในแง่เอฟเฟคและแง่การรักษาเนื้อเรื่องเดิม ที่จริงคือจขบ.มักจะไม่หวังอะไรกับหนังไซไฟหรือแฟนตาซีมากอยู่แล้ว ( ยกเว้นที่เป็นซีรีย์บางชุด ) เพราะมีความรู้สึกว่ามันไม่เคยเหมือนภาพในใจเลย ถึงอย่างนั้นก็ยังชอบดูอยู่เหมือนเดิม ถ้าเปิดมาเจอหนังแต่งตัวโบราณนี่ตั้งใจดูเลย แต่ถ้าดูไปดูมามันชักจะด๋อย เราก็จะเปลี่ยนช่องหนีไป

ถ้าถามว่าดูหนังดูนเวอร์ชั่นสามตอนจบแล้วรู้สึกอย่างไร ( รู้สึกจะมีอีกเวอร์ชั่น คือเวอร์ชั่นปี 80 ซึ่งน้องชายบอกว่าดูแล้วเมามาก ) ก็มีคำบรรยายดังนี้

"สติลการ์"

สติลการ์น่ารัก สติลการ์เท่ สติลการ์กรี๊ดสลบ วัฒนธรรมเจ๋งดีนะ อืมม mystic ยังไงชอบกลแฮะ พระเอกโฮลี่ไปแล้ว แต่ยังไงสติลการ์ก็น่ารักอยู่ดีไม่เป็นไร ให้บทสติลการ์มากกว่านี้อีกสิ

สติลการ์เป็นหัวหน้าเผ่าทะลทรายวัยกลางคน ( ส่วนจขบ.เป็นโอจิค่อนอย่างเปิดเผย ชอบลุงและปู่เท่ ๆ โดยเฉพาะ ฌอน คอนเนอรี่ )

ที่จริงก็คิดเหมือนกันว่าถ้าได้อ่านหนังสือก่อนดูหนังจะดีกว่านี้ไหม เนื่องจากหนังฉบับนี้ค่อนข้างเคารพต้นฉบับพอสมควร จึงทำให้เก็บรายละเอียดหลาย ๆ ส่วนได้ และทำให้เรา fascinate กับหนังไปก่อนแล้ว พอมาอ่านหนังสือเข้าจริงเลยไม่ได้รู้สึก "ขนาดนั้น"

หนังสือนี่เพิ่งได้มาเมื่ออาทิตย์ก่อนนี้เอง รู้สึกเหมือนคิโนะ ( เอ็มโพเรี่ยม ) จะสั่งดูนมาทั้งชุด ( รวมของไบรอันด้วย ) แต่ไปดูอีกทีเมื่อวานหายเกือบเกลี้ยงแล้ว เหลือแต่เล่มสี่ กับพวกภาคเสริมนิดหน่อย ไม่รู้ว่าเพราะมีคนซื้อหรือเพราะอะไรอย่างอื่น แต่อาจจะมีคนใจตรงกับเราหลายคน

สรุปว่าก็ซื้อมาเฉพาะเล่มหนึ่ง และอ่านเล่มหนึ่งไปจนจบ ที่จริงก็รู้ว่าก่อนหน้านี้มีสนพ.ไทยเอาดูนมาแปลแล้ว แต่ได้ยินมาเหมือนกันแปลค่อนข้างจะเลวร้าย ( ไม่ใช่เสียงเดียวด้วย ) จึงไม่ได้ซื้อ

ความเห็นโดยรวม ๆ หลังจากอ่านจบคือมัน "น่าทึ่ง" ดีในหลาย ๆ ส่วน

เรื่องย่อ ๆ ก็คือ จักรวาลในเวลานั้นปกครองโดยจักรพรรดิ แต่ที่จริงแล้ว สิ่งที่เป็นคีย์สำคัญของการปกครองคือ "แร่" ( melange หรือ spice เราเรียกแร่เพราะตอนเล่นเกมดูนครั้งแรกทุกคนเรียกว่าแร่ ) ที่ "แร่" สำคัญก็เพราะมันเป็นสิ่งที่ทำให้สามารถเดินทางระหว่างดาวได้ ( ในเรื่องนี้การเดินทางระหว่างดาวผูกขาดโดยสมาคมอวกาศ ซึ่งจะผลิตผู้ควบคุมยานด้วยพลังจิต โดยใช้แร่เป็นตัวกระตุ้นพลัง ) นอกจากนั้น "แร่" ยังเป็นสารสำคัญในการทำเรื่องหลายเรื่องเกี่ยวข้องจิต ทำให้สามารถมองเห็น "ความจริง" และ "อนาคต" ได้

แต่ "แร่" มีเฉพาะบนดาวดวงหนึ่งชื่อดาวอาราคิส ซึ่งเป็นดาวที่เป็นทะเลทรายทั้งดวง ด้วยเหตุนี้จึงรู้จักกันในนาม Dune ( กองทราย )

เมื่อก่อนนี้ คนที่ปกครองดาวอาราคิสคือขุนนางตระกูลฮากอนเนน แต่ต่อมา ป๊ะป๋าของพระเอก ซึ่งเป็นขุนนางตระกูลอาไทรเดสได้เข้ามาครอบครองดาวแทน โดยหารู้ไม่ว่าที่จริงทั้งหมดนี้เป็นแผนการทำลายอาไทรเดสของพวกฮากอนเนน โดยจงใจถอนรากพวกอาไทรเดสออกมาจากดาวฐานเดิม ให้มาตกอยู่ในสภาพที่ alien มาก ๆ และไม่คุ้นเคย หลังจากนั้นก็มีการหักเหลี่ยม หักหลังและอื่น ๆ แต่ผลที่ออกมาคืออาไทรเดสพ่ายแพ้ ( ชั่วคราว ) พระเอกกับแม่ต้องหนีไปในทะเลทราย

แม่ของพระเอกเป็นคนของลัทธิชื่อ เบเน เจสซาริท ซึ่งจะฝึกสอนสมาชิกหญิงล้วนให้มีพลัง mystic หลาย ๆ อย่าง ความต้องการของพวกเบเน เจสซาริท คือการ breeding คนของตัวเองกับคนนอกไปเรื่อย ๆ ตามแผนพันธุ์กรรมที่จัดสรรไว้แล้ว เพื่อสร้างมนุษย์สุดยอดในตำนาน เรียกว่าคีวาร์ซ ฮาเดเรท ( ผู้อยู่หลายที่ในเวลาเดียว ) ที่จริงแล้วพวกเบเน เจสซาริทจะมีแต่ลูกผู้หญิง แต่แม่ของพระเอกรักสามี ก็เลยตามใจมีลูกชายออกมา ซึ่งทำให้เกิดความผิดพลาดในแผนตาราง breeding ของลัทธิ

ปรากฏว่าพระเอกนั่นเองกลายเป็นคีวาร์ซ ฮาเดเรท ขณะเดียวกัน ในโลกของดูนก็มีเผ่าพื้นเมืองของดาวที่ส่วนใหญ่อาศัยอยู่ในทะเลทราย เรียกว่าพวกฟรีแมน พวกนี้ก็มีตำนานว่าจะมีวีรบุรุษผู้ปลดปล่อยมาจากนอกโลกเหมือนกัน ( เรียกว่ามอลดีป ) ไป ๆ มา ๆ พระเอกเลยกลายเป็นทั้งคีวาร์ซ ฮาเดเรท และ มอลดีป และมันก็วิเศษมากมาย ( มันเป็นตัวละครที่น่าหมั่นไส้ ) เอาเป็นว่าในที่สุดคุณพระเอกแกก็ตบพวกฮากอนเนน ตบจักรพรรดิ แล้วตั้งตัวเป็นจักรพรรดิปกครองทั้งจักรวรรดิก็แล้วกัน

เราต้องบอกว่าเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่อง "และแล้วเขาก็ครองโลกอย่างมีฟามสุข" ( พระอาทิตย์ค่อย ๆ ลับขอบฟ้า ) ถ้าพิจารณาจากเนื้อหาของทั้งหกเล่ม ( ที่จขบ.ไปไล่อ่านสปอยล์มาอย่างหนุกหนาน ) มันมีความลึกมากกว่านั้นมาก แต่เพราะจขบ.อยากบ่น จึงเล่ามาแค่นี้ก่อน และที่จริงโครงเรื่องเล่มหนึ่งมันก็ทำนองนี้จริง ๆ - -''

#

ต่อไปนี้เป็นการบ่น

เราคิดว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องที่ "ดี" สิ่งที่น่าสนใจมากเกี่ยวกับเรื่องคือวัฒนธรรมทะเลทราย การอธิบายถึงชีวิตทะเลทรายที่มันมีแต่ทรายจริง ๆ และน้ำเป็นสิ่งมีค่าที่สุด เรียกว่าเป็นวัฒนธรรมที่ก่อร่างขึ้นมาบนพื้นฐานของ "น้ำ" กับ "ทราย" เลยก็ได้ นอกจากนั้น รายละเอียดหลายอย่างในเรื่องก็น่าสนใจมาก ๆ อย่างเช่นเรื่องของพวกเบเน เจสซาริท หรือเรื่องพลังอำนาจต่าง ๆ ที่เกิดจากพันธุกรรม ( ผสมกับการกินแร่ )

แต่เนื่องจากเราชอบวัฒนธรรมตรงนี้มาก ๆ เราจึงรู้สึกว่า "ยังไม่พอ" เลย ที่จริงเรารู้สึกเหมือนว่ามีหลาย ๆ เรื่องที่เราอยากรู้ แต่คนเขียนแกพูดลอย ๆ พอผ่านไป อย่างเช่นมีตัวละครตัวหนึ่งในเรื่องเป็นหมอ และได้รับการนับถือมาก เพราะจบมาจาก Suk School ( จขบ.ขอโทษคนแต่ง แต่อ่านชื่อนี้ทีไรก็ได้อารมณ์โรงเรียนแม่ทองสุข - -'' ) จากนั้น ก็มีการบอกเรื่อย ๆ ว่า โอ เฮียเจ๋งมากเพราะจบจากสุกสคูล โอ เฮียไม่มีวันทรยศได้หรอก เพราะเฮียจบจากสุกสคูล จากนั้นวันดีคืนดีเฮียก็ตายจากไปโดยไม่มีใครบอกตูเลยว่าสุกสคูลมันคือยังไงเป็นยังไง และทำไมจบจากสุกสคูลแล้วถึงได้วิเศษลึกล้ำขนาดนั้น

รูปแบบเดียวกันนี้ปรากฏกับรายละเอียดหลาย ๆ อย่างในเรื่อง ซึ่งทำให้เราหงุดหงิดนิดหน่อย ตอนแรกคิดว่าอาจจะเป็นเพราะมันมีตั้งหกเล่มจบ รายละเอียดอาจจะไปใส่เอาในเล่มอื่น แต่พอไปอ่านสปอยแล้วก็ชักไม่แน่ใจว่าจะได้อ่านรายละเอียดที่อยากอ่านในเล่มอื่น ๆ หรือเปล่า เพราะเนื้อเรื่องมันจะ...เอ่อ...เรื่องนี้ไว้พูดทีหลังดีกว่า

มีสิ่งที่จขบ.รำคาญอีกอย่างหนึ่งในเล่มนี้ แต่ก่อนจะบอกว่ารำคาญอะไร ขออธิบายก่อนว่าหนังสือเล่มนี้เขียนโดยการวางรูปแบบให้ต้นบททุกบทเริ่มด้วยข้อความ ซึ่งยกมาจากหนังสือ ซึ่งเป็นหนังสือเขียนเกี่ยวกับเรื่องของพระเอก ( ส่วนใหญ่ ) โดยเจ้าหญิงไอรูลาน ( เมียพระเอก แต่ไม่ใช่นางเอก )

การขึ้นต้นบทแบบนี้ แล้วดำเนินเรื่องต่อไปนั้น เราเข้าใจว่ามันเป็นการสร้างอารมณ์ให้เห็นถึงว่าภายหลังพระเอกจะกลายเป็นตำนานของจักรวาล นอกจากนั้นมันยังมีข้อดีในการวิเคราะห์สถานการณ์ด้วย และจขบ.ก็ชอบการเขียนแบบนี้มาก ๆ

แต่ปัญหาคือ การเขียนแบบนี้ทำให้มีการรีพีทประเด็นบางอย่างซ้ำ ๆ อยู่ตลอดเวลา โดยเฉพาะในส่วนที่หนึ่งของเรื่อง ( เรื่องนี้แบ่งออกเป็นสามส่วน ) ซึ่งป๊ะป๋าพระเอกจะต้องตายเพราะการทรยศหักหลัง ไอ้ excerpt ที่อยู่ต้นบท ในส่วนที่หนึ่งของหนังสือนั้น มีประมาณหกเจ็ดอันได้ที่พูดอยู่นั่นแหละว่าตาพ่อแกจะตาย ช่างน่าเศร้าใจเสียจริง บลาบลา ( นี่ยังไม่นับเนื้อหาข้างในซึ่งทั้งพระเอก มารดาแก และยัยป้าเจ้าคณะเบเนเจสซาริทพากันวุ่นวายกับคำทำนายว่าคุณบิดาเธอจะตาย )

สถานการณ์สมมุติ

หนังสือ : พ่อพระเอกจะตาย
จขบ. : ว้า...( จขบ.ชอบพ่อพระเอก อยากรู้จักแกมากกว่านี้ )
หนังสือ : พ่อพระเอกจะตาย
จขบ. : น่าเสียดายเนอะ แกเป็นคนดี
หนังสือ : พ่อพระเอกจะตาย
จขบ. : เออ รู้แล้ววุ้ย ( ชักรำคาญ )
หลังจากรีพีทไปอีกสามหมื่นครั้ง
หนังสือ : เห็นมั้ย ๆ พ่อพระเอกตายจริง ๆ ด้วย เศร้าสิ ๆ เค้าทำนายแม่นมั้ย กิ๊ ๆๆๆ
จขบ. : เหรอ ( เฉยไปแล้ว )

( ขอโทษนะพ่อพระเอก เราชอบคุณมากจริง ๆ นะ )

เรื่องน่ารำคาญอีกอย่างของเรื่องนี้ก็คือ พระเอกมันช่างมีพลานุภาพมากเกินบรรยาย แต่คนเขียนกลับไม่ได้บรรยายความเป็นมันมากเท่าที่ควร ซึ่งทำให้เราไม่รู้สึกอยากเชียร์มันสักนิด ความรู้สึกที่อยู่ในใจตลอดเวลาคือ ไอ้นี่มันวิเศษขึ้นอีกแล้ววุ้ย - -'' ตลอดทั้งเรื่องมันวิเศษเอาวิเศษเอา แล้วก็มานั่งคร่ำครวญพร่ำเพ้ออะไรบ้า ๆ บอ ๆ เช่นหม่ามี๊จะต้องเป็นศัตรูของข้าแน่ ๆ ( ไป ๆ มา ๆ ก็ไม่เห็นเข้าใจว่าแม่เอ็งจะเป็นศัตรูของเอ็งตรงไหนเลย ไอ้บ้า ) จะต้องเกิดจิฮาด ( สงครามแห่งความเชื่อ ) เพราะข้าแน่ ๆ ( ก็เอ็งก็ไม่เห็นห้ามคนเขานี่ มันก็ต้องเกิดสิ - -'' )

สุดท้าย ๆ ( บ่นมากไปแล้ว ) สิ่งที่จขบ.รำคาญก็คือ ตัวร้ายเรื่องนี้มันช่างด๋อยสิ้นดี คือคุณคนเขียนแกก็พยายามจะบอกแหละนะว่าตัวร้ายแกช่างยิ่งใหญ่อลังการ เจ้าเล่ห์เพทุบาย ในกบาลมีแต่ความชั่วร้ายและโหดเหี้ยมฝังแน่นทั้งลุงทั้งหลาน ( ลุงหนึ่ง หลานสอง ) แถมยังอุตส่าห์มีฉากแสดงความฉลาดเจ้าเล่ห์และโหดของอีลุงหลานพวกนี้อีกสองสามฉาก

แต่หลังจากบรรดาตัวร้ายได้โชว์พาวสุดยอดกันแล้ว ทั้งสองคนก็พากันตายง่าย ๆ แบบนกกระจอกไม่ทันกินน้ำ อีตาลุงก็ถูกน้องสาวพระเอกจิ้มฉึกเดียวจอด ส่วนหลานดวลกับพระเอกไม่กี่หน้า ก็ไปสวรรค์เหมือนกัน

- -'' ไม่ได้ว่าอะไรหรอกนะ แต่อุตส่าห์ปูแล้ว เราก็อยากเห็นอะไรมากกว่านี้นี่นา

ที่จริงคนเขียนอาจจะรู้สึกถึงเรื่องนี้เหมือนกัน แกเลยรีไซเคิลตัวร้ายเรื่องนี้ไปใช้อีกในอนาคต แต่เรื่องภาคต่อจากนี้ ( ซึ่งจขบ.อ่านแต่สปอย และแอบอยากบ่นอีก ) จะมาเล่าให้ฟังวันหลัง


Create Date : 21 สิงหาคม 2549
Last Update : 16 กรกฎาคม 2551 23:35:23 น. 22 comments
Counter : 6588 Pageviews.

 
ปูเสื่อรอ ...

ต๊ะนานไหม? ถ้านานจะได้กางมุ้งด้วย


โดย: ยาคูลท์ วันที่: 23 สิงหาคม 2549 เวลา:0:34:03 น.  

 
ง่า อาจจะนานหน่อยค่ะ น่าจะเขียนสักสองสามวัน แบบมาทีละจึ้ก ^^''


โดย: เคียว IP: 124.120.148.34 วันที่: 23 สิงหาคม 2549 เวลา:20:11:42 น.  

 
ทีละจึ้กก็ดีแล้วค่ะ จะได้ค่อย ๆ อ่าน

ดูแค่ใน HBO ค่ะ ดูไม่ครบด้วย แบบว่าเจอก็ดู ไม่เจอก็ช่างน่ะ
ยังดีที่ได้ดูจนถึงภาคลูกฝาแฝด (ซึ่งดูไม่จบเช่นกัน)

อือม์ มาอ่านแล้วรู้สึกว่าเป็นพระเอกนี่ช่างวิเศษหลาย
แต่เราชอบแนวพระเอกมีชะตากรรมสุดยอดเยี่ยมกระเทียมดองแบบนี้นะ สงสัยเพราะอ่านกำลังภายในจนชินมั้ง? ตัวเอกถึงต้องเก่งเด่นเท่ห์ไว้ก่อน


โดย: ยาคูลท์ วันที่: 23 สิงหาคม 2549 เวลา:22:01:30 น.  

 
โอ้ เตรียมหมอนขวานกับน้ำ ขนม และแมวไว้แหย่เล่นด้วยแล้วค่ะ มาเร็วๆ นะ

เมื่อวานซืนเพิ่งเจอฉบับสามภาคในปกแข็งเล่มเดียวที่เอเชียบุ๊คส์ แต่มีหนังสือเต็มอ้อมแขนแล้ว ก่อนหน้านี้เคยยืมฉบับ mass market paperback ของเพื่อนมาอ่าน ตัวยิบมาก มีมาร์จินกว้างประมาณ 3/4 เซ็นต์ อ่านไปประมาณบทกว่าๆ ก็ต้องเอาไปคืน พร้อมคำสาปแช่งคนจัดหน้า เจ้าของหนังสือก็อ่านไม่รอดเหมือนกัน เฮ่อ

จขบ.เขียนขำดีค่ะ อ่านไปหัวเราะไป เพิ่งรู้ว่าเขาเรียกโอจิค่อน เราก็เป็น อิอิ


โดย: ลูกสาวโมโจโจโจ้ (the grinning cheshire cat ) วันที่: 25 สิงหาคม 2549 เวลา:17:26:37 น.  

 
พึ่งรู้ค่ะว่ามีคนว่าเรื่องนี้แปลเป็นภาษาไทยได้...

มิน่ายืมเล่ม 1 จาก หส. มาอ่าน อ่านไปได้ประมาณ 100 หน้ากว่า ๆ ก็หอบไปคืนเลย เกิดอาการขี้เกียจอ่านต่อ ทั้ง ๆ ที่ตอนแรกรู้สึกว่าน่าสนใจมาก ๆ

แต่จะให้ไปตามอ่านฉบับภาษาอังกฤษเลยดังเช่นที่พี่ทำ หนูไม่ไหวแน่ -_-"

สุดท้ายแล้ว พึ่งรู้ว่าตาพอลแกตบจักรวรรดิ ขึ้นเป็นจักรพรรดิด้วย แต่เท่าที่อ่านเชิงอรรถภาษาไทยแล้วมีตำราของเจ้าหญิงอะไรสักอย่างที่ดูเหมือนจะกล่าวถึงพระเอกในอนาคต ก็รู้สึกว่าพี่ท่านศักดิ์สิทธิ์ดี (ที่อธิบายมานี่เข้าใจไหมคะ?^^")

อื่น ๆ - แสดงความคิดเห็นอะไรมากไม่ได้ เนื่องจาก ยังอ่านไม่ถึงไหนเท่าไหร่ ถ้าภาษาไทยมีแปลต่อ อาจจะอ่านได้มั้ง

ป.ล. ตอนอ่านเจอว่าพี่ชอบฌอน คอนเนอรี่ จินตาอึ้งไป 3 วิ เพราะจินตาก็ชอบปู่ฌอนเหมือนกัน ต้องเป็นตอนแก่ด้วยนะ ตอนสมัยหนุ่ม ๆ เห็นแล้วเฉย ๆ

และจะเกิดอาการเดียวกันนี้กับปู่เอียนตอนเล่นเป็นแกนดัล์ฟ แต่ตอนแกเล่นเป็นแมกนีโตนี่...ความกรี๊ดลดระดับลงไปพอสมควร นอกจาก 2 คนนี้แล้วก็เกิดอาการคล้าย ๆ กันนี้กับโยดาแต่น้อยกว่า (เอ๊ะ...จะนับเป็นโอจิคอนด้วยได้ไหมนั่น)

พึ่งรู้นะคะว่าเขาเรียก โอจิคอน จินตาก็เป็นมันทั้งโลลิคอน ทั้งโอจิคอน แล้วแต่ระดับความน่ารักของคนที่ทำให้เกิดอาการ


โดย: จินตานุภาพ IP: 158.108.12.50 วันที่: 25 สิงหาคม 2549 เวลา:20:30:19 น.  

 
คุณยาคูลท์ @ จขบ.ก็ชอบพระเอกกู้โลกค่ะ ชอบแมทริกซ์ภาคแรกสุด ๆ เลย แต่ตาพระเอกคนนี้แกช่าง...ช่าง...T^T แงงง ( สติแตกไปแล้ว )

คุณลูกสาวโมโจโจโจ้ @ อ่า เขียนจนจบแล้วคับ ( แต่อาจมีภาคสอง ) คิดว่าฉบับที่เราซื้อมาอ่านก็น่าจะเป็น mass market เหมือนกัน เพราะรู้สึกว่ามันจัดหน้าประหยัดเว่อร์สุด ๆ - -''
ถ้าเข้าใจไม่ผิดคิดว่าโอบาคอน คือชอบผู้หญิงอายุมากกว่า ส่วนโอจิคอนคือชอบผู้ชายอายุมากกว่า ยังไงก็ขอต้อนรับสู่สมาคมคนชอบลุงขอรับ ^^

น้องจินตา @ เข้าใจจ้า นั่นตำราของเจ้าหญิงไอรูลานน่ะ แต่เรื่องแกศักดิ์สิทธิ์ยังไงเนี่ย เดี๋ยวถ้าได้เขียนเรื่องภาคต่อจะมาบ่นให้ฟังนะ - -''
พี่ก็ว่าปู่แกเท่ตอนประมาณเริ่มไว้หนวดแล้วนะ ตอนหนุ่ม ๆ ที่เป็น 007 ไม่ค่อยชอบ ( แต่ใคร ๆ ก็ว่าแกเป็น 007 ที่ดีที่สุดแฮะ ) ส่วนแมคนีโต้นี่ไม่อยากให้ลุงแกนดัล์ฟแกมาเล่นเลยเพราะภาพมันไม่เหมือนแมคนีโต้ที่พี่คิดอะ T^T
เงอ ยินดีต้อนรับสู่สมาคมโอจิคอนอีกรายนุ ( ลากตัวมาดื้อ ๆ )


โดย: ลวิตร์ วันที่: 25 สิงหาคม 2549 เวลา:22:31:58 น.  

 
สถานการณ์สมมุติ

หนังสือ : พ่อพระเอกจะตาย
จขบ. : ว้า...( จขบ.ชอบพ่อพระเอก อยากรู้จักแกมากกว่านี้ )
หนังสือ : พ่อพระเอกจะตาย
จขบ. : น่าเสียดายเนอะ แกเป็นคนดี
หนังสือ : พ่อพระเอกจะตาย
จขบ. : เออ รู้แล้ววุ้ย ( ชักรำคาญ )
หลังจากรีพีทไปอีกสามหมื่นครั้ง
หนังสือ : เห็นมั้ย ๆ พ่อพระเอกตายจริง ๆ ด้วย เศร้าสิ ๆ เค้าทำนายแม่นมั้ย กิ๊ ๆๆๆ
จขบ. : เหรอ ( เฉยไปแล้ว )



ช่างเห็นภาพอย่างมาก...


โดย: ซีเรีย IP: 202.142.210.58 วันที่: 25 สิงหาคม 2549 เวลา:22:52:41 น.  

 
ก๊ากกับตอนรีพีทสามหมื่นครั้ง

เป็นเรา อาจจะรีบสวดอ้อนวอน "ตายซะทีสิ (โว้ย)"


โดย: ยาคูลท์ วันที่: 25 สิงหาคม 2549 เวลา:23:34:30 น.  

 
ไม่ค่อยรู้เรื่อง dune แต่ขอเจือก แฮ่ๆ

วดร.ก็เป็นโอจิค่อนด้วยก๊ะ ทั้งปู่ณอน คอนเนอรี่(ตอนแก่เท่านั้น) อัลบัส ดัมเบิลดอร์ (ปู่ใจดีและเก่งโก้ด) แกนดัฟ (ขี้โมโหง่ายแต่หายเร็ว) มอแกน ฟรีแมน(จะบททาสหรือประธานาธิบดี มาดคุณท่านก็ไม่เคยตก) วิกโก มอร์เทนเซน (ศิลปินหนุ่มใหญ่ที่ไม่เคยวางท่าดารา อาเฮียมีจุดยืนที่มั่นสุดๆ ตรูจะประกาศให้โลกรู้ว่าต่อต้านสงครามที่อเมริกาก่อเฟร้ย)


โดย: wanderer IP: 58.181.176.25 วันที่: 26 สิงหาคม 2549 เวลา:15:46:32 น.  

 
ก๊าก ขำตายอ่ะ จขบ.คิดจะเขียนนิยายตลกบ้างไหมก๊ะ

อ่านฉบับ mass market จนจบได้นี่นับถือจริงๆ ค่ะ รู้สึกตาเรืองแสงขึ้นบ้างไหมคะ อิอิ

เรื่องฉบับแปลของดูนเนี่ย สมัยที่รุ่นพี่คนหนึ่งยังเรียนโทการแปลอยู่ิ อาจารย์มาถามในห้องว่ามีใครอยากจะแปลเรื่องนี้บ้างไหม มีคนมาติดต่อ ให้ค่าแปลหน้าละห้าบาท

พอเราได้ฟังก็ร้องอย่างที่ควรจะร้อง (หา เฮ้ย ไม่จริงอ่ะ ล้อเล่น จะบ้าเหรอ ฯลฯ) พี่เขาก็ว่า "เอ่อ พี่อาจจจะจำผิดก็ได้ มันอาจจะเป็นห้าสิบบาท..."

ง่ะ ไม่ได้ดีขึ้นเท่าไหร่เลยนะนั่น

อนาถแท้


โดย: ลูกสาวโมโจโจโจ้ (the grinning cheshire cat ) วันที่: 26 สิงหาคม 2549 เวลา:15:55:29 น.  

 
อยากค้นเป้จขบ.จัง ช๊อบชอบเวลานั่งดูลิสต์คนอื่นเนี่ยะ

วันแรกที่ไป เห็นหนังสือชื่อประมาณ Europe Dragon ด้วย อ่านปกหลัง บอกว่าเป็นเรื่องของสัตว์ประหลาดที่เข้าข่ายมังกรตามที่ต่าง ๆ ในยุโรป คิดถึงจขบ. ขึ้นมาเลย เผื่อจะได้ตัวละครใหม่ใน dragon delivery


โดย: ยาคูลท์ วันที่: 26 สิงหาคม 2549 เวลา:23:08:09 น.  

 
คุณ วดร. ( ฮา ) @ โอ...ปู่ทั้งหลายที่ท่านกล่าวมา ( ยกเว้นสองคนหลังจขบ.ไม่รู้จัก ^^'' ) จขบ.ก็ชอบเหมือนกันคับ ยิ่งลุง ๆ หัวดื้อนี่ชอบมาก ๆ เลยละ

คุณลูกสาวโมโจโจโจ้ @ อ๊ะ ยังค่ะ ตายังไม่เรืองแสงน่อ^^''
ว่าแต่หน้าละห้าบาทนี่...ถ้าราคานี้จริง ๆ รู้สึกน่ากลัวยังไงก็ไม่รู้เนอะ - -''

คุณยาคูลท์ @ อ๊ะ คุณยาคูลท์เห็น DD ด้วย เขินจังคับ ( เขินทำไม )

ไม่ค่อยได้อะไรเป็นชิ้นเป็นอันจริง ๆ ค่ะ หกเล่มนี้ก็มีหนังสืออะไรที่คล้าย ๆ ของเพนกวินสองเล่ม ( แต่เป็นยี่ห้อปกฟ้า ๆ ของเพนกวินปกสีเนื้อ ๆ ) คือ
- รวมเคสของเชอร์ล็อคโฮล์ม ( ซื้อเพราะเหลือห้าสิบบาท )
- นิยายของเซอร์อาเธอร์ โคแนน ดอยส์อีกเรื่อง เห็นแปลกดีว่าปรกติไม่เคยอ่านเรื่องของท่านเซอร์นอกจากตาโฮล์มส์ เลยซื้อมาลองดู ( ห้าสิบบาทเช่นกัน เล่มหนาแต่ปกเยิน )

มีเรื่องของแคทลีน เหยียน หม่า สองเล่ม เล่มนึงเป็นนิยาย อีกเล่มเป็นสัมภาษณ์ ซื้อมาเผื่อช่วยวิทยานิพนธ์ได้มั่ง

มี Dragonsinger ( ไปรื้อมาแล้ว เล่มแรกชื่อ Dragonsong เคยเห็นเล่มนี้ที่ห้องสมุด มธ. แต่ที่มหาลัยตัวเองไม่มี T^T )

แล้วเล่มสุดท้ายคือ The Road Less Travelled เป็นหนังสือแนวจิตวิทยาที่เพื่อนแนะนำให้อ่านนานแล้ว คนแนะนำบอกว่าจะเอามาให้ยืม แต่คลาดกันไปคลาดกันมา ลืมกันเอง เลยไม่ได้อ่านสักที...


โดย: ลวิตร์ วันที่: 27 สิงหาคม 2549 เวลา:3:15:46 น.  

 
พี่วีโก้ (Viggo Mortensen - ภาษาเดนมาร์คจะตัดเสียง g ออกหนึ่งตัว) คือคนที่เล่นเป็นอารากอร์นในลอร์ดฯ ค่ะ ว่าแต่ว่าพี่วีโก้นี่เข้าข่ายเหยื่อโอจิค่อนแล้วเรอะเนี่ย

ส่วนลุงมอร์แกน ฟรีแมน... จะอธิบายไงให้จขบ.เก็ทดีวะ เขาเป็นดาราผิวดำตัวผอมๆ โย่งๆ น่ะค่ะ เล่นหนังเยอะมาก ถ้าจะอ้างให้ใกล้แนวหนังของจขบ.หน่อยก็คือคนที่เล่นเป็นเพื่อนอาหรับของพระเอกใน Robin Hood: Prince of Thieves ค่ะ (โบราณเชียวตู)

คุณวดร.ชอบเหมือนเราหมดทุกคนเลยอ่ะ บล็อกอยู่ไหนเนี่ย มาคุยกันหน่อย

เมื่อวานดู Kingdom of Heaven (หนังห่วย แต่ดูเพื่อรีเสิร์ช) เจอเลียม นีสัน กับ เจเรมี ไอออนส์ อ๊าก ใจละลายทั้งคู่ คนหลังนี่ก็ภาคบังคับของโอจิค่อนอีกคนนะเนี่ย


โดย: ลูกสาวโมโจโจโจ้ (the grinning cheshire cat ) วันที่: 27 สิงหาคม 2549 เวลา:18:47:24 น.  

 
โอ ถ้าอย่างนั้นก็รู้จักดีทั้งสองคนค่ะ ( พยักหน้าหงึก ๆ )

จขบ.ไม่ค่อยได้ดูหนัง แต่มีอิทธิพลประหลาด ๆ จากบิดามารดา ทำให้ไม่รู้จักดาราใหม่ ๆ แต่รู้จักดาราเก่า ๆ เช่น คลาร์ก เกเบิล ชาร์ลสตัน เฮสตัน เกรเกอรี่ เพค แถมยังชอบเพลงสุนทราภรณ์ด้วย ( แม้จะไม่ได้เป็นแฟนพันธุ์แท้ )

ปู่คนโปรดคือภีษมะในมหาภารตะ และถูกแม่ค่อนทุกวันว่าเป็นคนโบราณกลับชาติมาเกิดค่ะ ^^''


โดย: เคียว IP: 61.90.146.66 วันที่: 27 สิงหาคม 2549 เวลา:19:07:11 น.  

 
เข้ามานั่งดูโอจิค่อนคุยกัน

ทำเป็นพูดไปงั้นแหล่ะ ยกชื่อมาก็นึกหน้าออกทุกคน
แต่เราเป็นพวกเปิดกว้างงงง จะโอจิ โลลิ ยูริ ยาโยย ได้หมด

หนังสือที่จขบ. ได้มาน่าสนมากค่ะ โดยเฉพาะของท่านเซอร์เนี่ย


โดย: ยาคูลท์ วันที่: 28 สิงหาคม 2549 เวลา:1:01:35 น.  

 
ขออนุญาตทั่นเคียวใช้พื้นที่เม้าท์แตกงั๊บ

คุณลูกสาวโมโจโจโจ้ >> ไม่มีบลอคค่า เสียดายจัง งี้บๆ ขอบคุณที่ช่วยอธิบายเพิ่มฮับ เราเรียกวิกโก้ซะจนติดปาก ที่จริงก็เคยได้ยินแว่วๆว่าต้องออกเสียงเป็น วีโก้...รถสมรรถนะเป็นเยี่ยม เอ้ย ไม่จ้ายยย แค่เสียงพ้องเฉยๆ เกริ๊กๆๆ
เนื่องจาก อาเฮียวิกอายุอานามก็ไม่น้อย ประกอบกับมีความคิดความอ่านเป็นผู้ใหญ่มากกกก (วุฒิภาวะทางอารมณ์สูง) จึงยกระดับให้อยู่ในหมวดโอจิฮับ แต่วดร.ยังเรียกป๋าวิก อิอิ

ว่าด้วย Kingdom of Heaven จนป่านฉะนี้ก็ยังไม่ได้ดูเคอะ กรี๊ดๆจะดูเพราะมีออร์แลนโด้ ยิ่งมาบ้าจะลงแดงอยากดูเพราะมีป๋าเลียม หลังจากที่เล่นในสตาร์วอร์สภาคหนึ่ง วดร.ได้แต่พร่ำเพ้อเรียก"ท่านอาจารย์ขา~" แม้จบภาคด้วยฉากที่อยากร้องไห้ อาการบ้าอาจารย์ไควกอนก็ยังไม่เลิก (ปล.แก้อาการด้วยการอ่านฟิกวายไคว/โอบิ อิอิ)

ท่านเคียว >> เคยเปิดๆ Dragonsinger ฉบับแปลในร้านค่ะ ตัวอักษรใหญ่มั่กๆ รู้สึกคล้ายย้อนกลับไปสมัยมานะมานียังไงชอบกล ก็อ่านนิดหน่อยเลยไม่รู้ว่ามันสนุกรึเปล่าน่ะฮับ

มหาภารตะ อดีตรู้จักแต่อรชุนค่ะ หลังๆมานี่อจ.วีระมาเล่าให้ฟังทางวิทยุ ชื่อภีษมะผ่านหูมากขึ้น....ว่าแต่พึ่งรู้ว่าอายุเยอะพอจะเป็นปู่ได้แล้วน้า ชอบนึกว่า5คนนั้นยังหนุ่มอยู่ทุกทีอ่ะค่ะ แหะๆ

คุณยาคูลท์ > โอเล่! ขอจับมือได้ม้ายยยย เพิ่งรู้จักยูริเอาทีหลัง ส่วนโอจิ โลลิ โชตะ ยาโยย รึคู่ปกติ ถ้าสนุก ข้าน้อยกินรวบ อิอิ

ปล.บอกเผื่อไว้ให้ท่านเคียวไม่กังวล เราอ่านนิยายท่านเคียวกี่เรื่องๆก็ไม่เคยคิดเป็นอื่น ท่านจับใครคู่กับใครก็ชอบตามคู่นั้น ยังไม่เคยจิ้นสลับขั้วค่า แฮ่~

ปลล. ถ้าเราจะซื้อ Dune ภาษาไทยมาอ่าน จะดีมั้ยน้า? เริ่มอยากรู้จักสติลการ์


โดย: wanderer IP: 125.25.60.116 วันที่: 28 สิงหาคม 2549 เวลา:17:55:37 น.  

 
^
^
กี๊ซซซซซ ฟิกที่ว่านั่นอยู่ที่หนาย อ่านมั่งๆๆๆๆ

ปปล. อย่าดีกว่ามั้ง ไม่คุ้มอ่ะ


โดย: ลูกสาวโมโจโจโจ้ IP: 58.9.14.10 วันที่: 28 สิงหาคม 2549 เวลา:18:35:36 น.  

 
ปล. ลืมบอกจขบ.ว่าเราก็ชอบดาราเก่าๆ (สุดเลิฟคือป๋าเจมส์ สจวร์ต เกรเกอรี่ เป็คก็ชอบนะ) และเพลงสุนทราภรณ์เหมียนกัลล์น่อ ใส่เพลงแจ๊ซยุคทองในบล็อก โดนทัก "ใส่เพลงแก่จังเธอ"


โดย: ลูกสาวโมโจโจโจ้ IP: 58.9.14.10 วันที่: 28 สิงหาคม 2549 เวลา:18:38:42 น.  

 
เดี๋ยวกลับมาตอบละเอียดอีกรอบนุ แต่ต๊ะไว้ก่อนว่า ภีษมะ ไม่ใช่ ภีมะ ( ภีมเสน ) จ้า

ภีษมะเป็นปู่ของห้าหนุ่มน่ะ


โดย: เคียว IP: 124.120.154.152 วันที่: 28 สิงหาคม 2549 เวลา:20:27:37 น.  

 
อ่านที่พี่บ่นแล้วรู้สึกฮามากค่ะ

จินตาเองก็บอกไม่ถูกเหมือนกันนะว่าทำไมรู้สึกขี้เกียจอ่านไปเสียเฉย ๆ เมื่ออ่านไปแล้ว 100 หน้ากว่า ๆ เกือบ 200 แล้วมันไม่ไปถึงไหนเลย หรือเพราะมันละเอียดเกินมั้งเลยขี้เกียจอ่านต่อ ตรงข้ามกับพี่ปันเลย

ยินดีเข้าสู่สมาคมโอจิคอนค่า โฮะ ๆ ๆๆๆๆ
ความจริง ๆ นึก ๆ ไป ชอบลุง ๆ อยู่หลายคนเหมือนกัน เห็นมีผู้ใดสักท่านกล่าวถึง อ.ไควกอน จินตาก็ชอบนะอาจารย์ปู่ของตาอนาคินเนี่ย

มหาภารตยุทธ --- เคยดูที่เป็นละครอินเดีย ช่องยูบีซี ช่องไหนสักช่อง อ้อ...ช่องเอเชียนมูฟวี่ เอามาฉาย แล้วจินตาดูอยู่ช่วงหนึ่ง จำอะไรไม่ค่อยได้เท่าไหร่ ยกเว้น จำได้ว่า ผู้ที่เล่นเป็นท่านปู่ภีษมะในเรื่อง โอ้...เท่มากกก เป็นปู่ที่เท่จริง ๆ แม้จะผมขาวหมดแล้วก็ตาม รู้สึกว่าเท่กว่าบรรดาหลาน ๆ เสียอีก 5555 (สมัยเด็ก เด็กมาก ๆ จำได้ว่าตัวเองจะชอบหนังอินเดียที่เป็นแนว ๆ เทวตำนาน วรรณคดีเป็นพิเศษ )


โดย: จินตานุภาพ IP: 158.108.12.81 วันที่: 28 สิงหาคม 2549 เวลา:21:08:12 น.  

 
คุณลูกสาวโมโจโจโจ้ >> หลังไมค์ดีมั้ยคะ? ลงลิงค์ฟิกวายในนี้คงไม่ค่อยเหมาะมั้งเนอะ แหะๆ
อีเมล์ฮํบ wanderer_owl@yahoo.com

ทั่นเคียว > ข้าน้อยเข้าใจผิดอ่ะ ที่เคยเปิดดูในร้านนั่นไม่ใช่ Dragonsinger แต่เป็นเรื่อง Song Quest
//www.amazon.com/gp/product/0439338921/sr=1-1/qid=1156774116/ref=pd_bbs_1/002-6579749-7853603?ie=UTF8&s=books
ขออภัยมหาศาลงั๊บ


โดย: wanderer IP: 58.181.180.53 วันที่: 28 สิงหาคม 2549 เวลา:21:10:12 น.  

 
มีคนบอกว่าหนังดูนเวอร์ชั่นสามตอนจบฉายให้ Hallmark ไม่ใช่ HBO นะคับ เลยขอแก้ข่าวด้วย

คุณยาคูลท์ @ อ่านของท่านเซอร์ไปได้หน่อยแล้วค่ะ เป็นไซไฟเทือก ๆ เดียวกับเอชจีเวลส์แฮะ แกพยายามเขียนให้ฮามากเลย แต่บางตรงก็มุกแอบแป้ก ( สงสัยมุกยุควิคตอเรียจะโบราณไปสำหรับเรา - -'' )
อ่านได้ความว่าไงต่อจะมารายงานนะขอรับ

คุณ วดร. @ Dragonsinger เป็นเล่มต่อของ Dragonsong แต่ว่าจริง ๆ ทั้งสองเล่มนี้ก็เป็นส่วนหนึ่งของจักรวาลมังกรอันบิ๊กบึ้มของป้าแอนน์ แมคคาฟรีย์ขอรับ จักรวาลมังกรนั้นมีเรื่องอะไรบ้าง เราจำไม่ได้ถนัด จำได้แต่ไตรภาคแรกมี Dragonflight, Dragonquest ( ไม่ใช่เกมนา ) และ The White Dragon
เรื่องมังกรของป้าแอนน์สนุกมากหนา ถ้ายังไม่เคยอ่านก็อยากให้อ่านดู แต่อ่านเฉพาะไตรภาคแรกก่อนก็ได้ เพราะเล่มหลัง ๆ อย่าง Dragondawn เราก็ไม่ได้อ่านเหมือนกัน เลยการันตีไม่ได้ สำหรับชุด Dragonsong กับ Dragonsinger นี่นางเอกเป็นคนเดียวกัน คือแม่หนูมอเรลลีผู้อยากจะเป็นนักดนตรี แต่ในโลกนี้คนที่จะเป็นนักดนตรีจะต้องเป็นผู้ชาย เล่มหนึ่งแม่หนูเธอโมโหป๊ะป๋าเลยหนีออกจากบ้าน ระหว่างหนีก็ไปเจอไข่ fire lizard ( มังกรย่อส่วน น่ารักโคตร ๆๆๆ ) ชีเลยเลี้ยงไว้เป็นฝูงมีตั้งเก้าตัว แล้วตอนหลังยังได้มังกรสีบรอนซ์อีกต่างหาก
เราว่าชุดของแม่หนูมอเรลลีน่ารักดี ( เท่าที่อ่านเรื่องย่อ ) อีกอย่างก็มีตัวละครโปรดจากชุดไตรภาคแรกคือมาสเตอร์โรบินตันแห่งฮาร์เปอร์ฮอลล์ ( หัวหน้านักดนตรี ) ด้วย
อย่างที่บอกคือภีษมะเป็นเจ้าคุณปู่ของหนุ่ม ๆ ถ้าถามว่าทำไมชอบภีษมะ ต้องลองอ่านอันนี้ดู นี่เป็นฉากตอนภีษมะจะตายแล้ว แล้วกรรณะ ( ซึ่งเป็นหลานของภีษมะ แต่ถูกปู่แกด่ายัน ) ไปแอบไหว้ลา ( ไม่กล้าไปไหว้ให้คนอื่นเห็น ) อ่านแล้ว...งือ...เลยอะ
//lawit.proboards32.com/index.cgi?board=scrap&action=display&thread=1136983789
เราว่าสติลการ์ในหนังสือไม่เท่เท่าในหนังนะ แต่อาจจะเพราะเราชอบหัวหน้าเผ่าทะเลทรายแบบนี้ก็ได้^^''

คุณลูกสาวโมโจโจโจ้ @ อ่า อยากบอกว่าฟังเพลงเหมือนพ่อจขบ.เลยค่ะ^^'' ( จะเสียเซลฟ์มั้ยเนี่ย ) แต่จขบ.ก็ชอบฟังเพลงคล้าย ๆ ป๊ะป๋าแหละนะ

น้องจินตา @ แรก ๆ มันมัวแต่แนะนำตัวละครละมั้ง เลยรู้สึกไม่อิน แต่บังเอิญพี่ดูหนังไปแล้วรอบนึงเลยรู้ว่าจะเป็นยังไงต่อ เลยรู้สึกว่าอ่านแนะนำตัวละครอีกทีก็ดีเหมือนกัน
ภีษมะในหนังอินเดียเนี่ย คนที่เท่ที่สุดคือคนที่เล่นเวอร์ชั่นแรก ( เมื่อประมาณสิบกว่าปีก่อน ) นะ คนเล่นทีหลังพี่ดูยังว่าไม่เท่เท่าเลย คือตีความบทภีษมะไม่ออก อะไรนิดหน่อยก็ปึง ๆ ปัง ๆ แต่จริง ๆ ปู่แกเป็นคนเฉียบขาดมาดนิ่ง พยายามทำดีที่สุดเท่าที่ตัวเองทำได้ ( แต่บางครั้งก็ตัดสินใจผิด ) ต่างหาก T^T


โดย: เคียว IP: 61.90.146.66 วันที่: 29 สิงหาคม 2549 เวลา:12:42:27 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ลวิตร์
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 17 คน [?]




ลวิตร์ = พัณณิดา ภูมิวัฒน์ = เคียว

รูปในบล็อค
เป็นมัสกอตงาน Expo ของญี่ปุ่น
เมื่อปี 2005
น่ารักดีเนอะ

>>>My Twitter<<<



คุณเคียวชอบเรียกตัวเองว่า คุณเคียว
แต่ที่จริง
คุณเคียวมีชื่อเยอะแยะมากมาย

คุณเคียวมีชื่อเล่น มีชื่อจริง
มีนามปากกา
มีสมญาที่ได้มาตามวาระ
และโอกาส

แต่ถึงอย่างนั้น
ไส้ในก็ยังเป็นคนเดียวกัน
ไส้ในก็ยังชอบกินข้าวแฝ่ (กาแฟ ) เหมือนกัน
ไส้ในก็ยังชอบกินอาหารญี่ปุ่นเหมือนกัน
ไส้ในก็ยังชอบสัตว์ (ส่วนใหญ่)
ไส้ในก็ยังชอบอ่านหนังสือ ชอบวาดรูป
ชอบฝันเฟื่องบ้าพลัง
และชอบเรื่องแฟนตาซีกับไซไฟ
(โดยเฉพาะที่มียิงแสง )

ไส้ในก็ยังรู้สึกถึงสิ่งต่าง ๆ
และใช้ถ้อยคำเดียวกันมาอธิบายโลกภายนอก

ไส้ในก็ยังคิดเสมอว่า
ไม่ว่าเรียกฉัน
ด้วยชื่ออะไร

ก็ขอให้เป็นเพื่อนกันด้วย




Friends' blogs
[Add ลวิตร์'s blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.