|
ดื้อเงียบ
มีน้องบอกว่าเราดื้อเงียบ
รู้สึกหลายปีก่อนแม่ก็เคยบอกเหมือนกัน ทำนองว่าถึงจะไม่พูดอะไร แต่ก็ไม่ได้เห็นด้วยนี่นะ ที่ไม่พูดเป็นเพราะขี้เกียจยุ่งต่างหาก สรุปว่าไม่ได้เห็นด้วยกะใครง่าย ๆ แต่ทะเลาะกับเขาไม่ทัน เลยทำให้ประเด็นตกไปอย่างรวดเร็วด้วยวิธีการ "ยอม"
นึก ๆ ดูสงสัยจะจริงเหมือนกัน ก่อนนี้เคยมีเรื่องหลายเรื่องที่ตกไปด้วยการยอมโดยแท้ เช่นหลายปีก่อนเคยมีคนยืนยันว่าเรื่องของเรามีเท่านี้ ๆ บท เราบอกว่าไม่ใช่ มีเท่านี้ ๆ บทต่างหาก เพราะเราแก้ของเก่าแล้วปรับลดบทลงแล้ว แต่หลังจากเถียงกันสักพัก ในที่สุดเราก็แก้ปัญหาด้วยการไปตัดบทให้กลับเป็นเท่านั้นบทแล้วส่งไปให้ ความรู้สึกตอนนั้นกึ่ง ๆ อยู่ระหว่างอารมณ์ขันแปลก ๆ กับความงง ทำนองว่าก็ฉันเป็นคนเขียนไม่ใช่เหรอ
บางทีก็ทั้งเข้าใจและไม่เข้าใจตัวเอง บางทีก็โกรธที่ตัวเองยอมอยู่เรื่อย แต่บางทีก็รู้สึกลอยแปลก ๆ เหมือนกับว่าเอาอะไรมาก ที่จริงแล้วทุกอย่างมันก็สมมุติขึ้นมา ( ไอ้ความคิดว่าสมมุติขึ้นมานี่รู้สึกได้ตลอดเวลาคงดีนะ แต่ก็อาจจะทำให้ทำอะไรไม่ได้เลยก็ได้ )
บางทีก็คิดว่าสิทธิของคนแต่ละคนคืออะไรนะ แล้วการต่อสู้เพื่อสิทธิคืออะไรกันแน่
สิทธิพื้นฐานของคนแต่ละคนเริ่มต้นที่ตรงไหน แล้วจนถึงตรงไหนถึงจะเรียกว่า "ประนีประนอม" ถึงแค่ไหนถึงจะเรียกว่า "ล่วงล้ำ" เราคิดว่าบางอย่างที่ดูเหมือนเป็นเรื่องใหญ่ และเข้าใจได้อย่างชัดเจน อย่างเช่นการเหยียดผิว ในที่สุดแล้วก็มีเวลาที่กลายเป็นเรื่องละเอียดอ่อนมากจนน่าสงสัยเหมือนกัน เช่นในเมืองอเมริกันเดี๋ยวนี้ ถ้าเขียนให้คนผิวดำเป็นตัวร้าย ความรู้สึก "เหยียด" จะกระฉูดขึ้นมาทันที แต่ถ้าเขียนคนผิวขาวเป็นตัวร้ายก็กระนั้น ทั้งที่จริง ๆ แล้วมันก็คือ "มนุษย์" เหมือนกัน เรื่องระหว่างผู้หญิงกับผู้ชายก็เหมือนกัน ความรู้สึกถึงเรื่องสิทธิอย่างรุนแรง บางครั้งก็ทำให้พวกเฟมินิสต์ขาดการประนีประนอม ในที่สุดคนก็เลยนึกว่าพวกเฟมินิสต์เป็นพวกติงต๊อง ยัยอัปลักษณ์ขึ้นคาน ผู้ชายทิ้งเลยมาเย้ว ๆ งี่เง่า ทั้งที่จริง ๆ แล้วมันไม่ได้เป็นอย่างนั้นเสมอไป และมันมีนัยที่ลึกกว่านั้นหลายเท่า
ยิ่งเซนซิทีฟมากเท่าไหร่ก็ยิ่งมีปัญหามากขึ้นเท่านั้น แต่ถ้ายิ่งไม่เซนซิทีฟมากเท่าไร ก็ยิ่งมีปัญหามากขึ้นเท่านั้นเหมือนกัน
เราเป็นคนเซนซิทีฟ ( ในบางเรื่อง ) และถูกสอนให้เซนซิทีฟ แต่ในขณะเดียวกัน ก็หนาแน่นไปด้วยอัตตาทั้งปวงที่มนุษย์เขามีกันเหมือนกัน เพราะอย่างนั้นปฏิกิริยาของเราเวลาที่เกิดเรื่องบางอย่างขึ้น จึงมักจะเป็นการถอยออก แต่เพราะว่าอัตตาที่มีอยู่ ทำให้ตัวเราถอย แต่ใจเราไม่ได้ถอยเสมอไป มันเป็นแบบนี้
ที่จริงมันไม่ควรเป็นอย่างนั้น มันน่าจะเป็นอย่างใดอย่างหนึ่ง ระหว่างการเรียกร้องเพื่อตัวเอง กับการตั้งอยู่ในความสงบ และละอัตตาบ้า ๆ ที่เอามายัดไว้ในใจของตัวเองทิ้ง ๆ ไปเสียบ้าง แต่มันก็เป็นอย่างนี้ประจำ และเราก็เป็นคนที่อยู่ตรงกลางประจำ
มีเวลาที่อยากจะ stoic แล้วก็มีเวลาที่อยากจะแก้แค้น ทำให้เจ็บให้ปวดให้ถึงใจ
แต่เราคิดว่าคนเราทุกคนมีระบบนิรภัยบางอย่างในตัวเอง เพื่อให้สามารถอยู่ในสังคมนั้น ๆ ที่ตัวเองอยู่ได้ ระบบนิรภัยมักจะเกิดขึ้นจากการเลี้ยงดูหล่อหลอมในสังคม คนนอกบางทีก็ไม่เข้าใจว่าทำไมถึงมีระบบนิรภัยนี้ มีไปทำไม บางทีคนในก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน เลยพยายามกระทืบระบบนิรภัยเสียพินาศ จากนั้นพอเห็น monster ข้างในที่ถูกปล่อยออกมา ก็พากันหวาดกลัวฮือฮาว่ามนุษย์นี้ชั่วร้ายกระไรเลย
สรุปว่าจากเรื่องดื้อเงียบก็มาถึงเรื่องมอนสเตอร์อย่างเงียบ ๆ ( และงง ๆ )
Create Date : 04 มิถุนายน 2549 |
Last Update : 16 กรกฎาคม 2551 23:48:47 น. |
|
6 comments
|
Counter : 384 Pageviews. |
|
|
|
โดย: แมวน้ำ ("แมวน้ำ" ) วันที่: 5 มิถุนายน 2549 เวลา:23:59:14 น. |
|
|
|
โดย: สงซาย IP: 60.230.3.124 วันที่: 7 มิถุนายน 2549 เวลา:6:39:33 น. |
|
|
|
โดย: AOi IP: 203.156.21.211 วันที่: 7 มิถุนายน 2549 เวลา:16:27:30 น. |
|
|
|
โดย: romancer IP: 124.120.237.100 วันที่: 13 มิถุนายน 2549 เวลา:19:24:10 น. |
|
|
|
โดย: เคียว IP: 124.120.148.195 วันที่: 18 มิถุนายน 2549 เวลา:0:56:25 น. |
|
|
|
| |
|
|
ความจริงแล้วก็ยอมๆ ไปเถอะมันก็เป็นการแก้ปัญหาที่ดีเหมือนกันนะ เพราะถ้ามัวแต่เถียงหรือชี้แจงเค้าก็ไม่เข้าใจอยู่ดี เงียบๆ ไปเรื่องกับจบได้เร็วกว่า