สืบเนื่องจากงานแต่งปุ๊เพื่อนรักในกลุ่ม .. เราเลยได้เจ้านี่มาเป็นสมาชิกใหม่ ..
เป็นไอเดียที่เก๋ไก๋มาก เพราะเป็นของชำร่วยงานแต่งที่ต้องดูแลไปตลอดชีวิต
ไม่ชีวิตฉัน ก็ชีวิตเธอนี่แหละ ..
.. เห้นแบบนี้แล้ว มาทำความรู้จัก .. "เฮีย" กันเถอะ ..
บางที่ ใครๆก็เรียก เฮียว่า กวักมหามงคล,เขียวหมื่นปี,กวักนางพญามหาเศรษฐี ...และอื่นๆอีกมากมาย นิกเนม เหล่านี้เรียกแตกต่างกันไปตามสายพันธุ์ แต่นางจะไปกวักอะไรก็ชั่งเถอะ มาดูชื่ออย่างเป็นทางการของเฮียกันดีกว่า "เฮียชื่อ จริงๆว่า แก้วกาญจนา "...(ชื่อกระเดียดไปทางผู้หญิงเลยอะ .. เก้งรึป่าวเนี่ย)
แก้วกาญจนา หรือ อโกลนีมา (Aglaonema) เป็นพืชไม้ประดับที่มีความสวยงามที่ใบ ได้ชื่อว่าเป็น"ราชาแห่งไม้ประดับ" เป็นลำดับพืชที่มีมากกว่า 40 ชนิด เป็นพืชที่มีทรงพุ่มที่สวยงาม ขนาดเล็ก กระทัดรัด ใบมีสี และลวดลายที่หลากหลาย ปัจจุบันมีการปรับปรุงพันธ์เพื่อให้สีสรรสวยงามนิยมเพาะเลี้ยงเพื่อความสวยงาม และจัดให้เฮียแก "เป็นไม้มงคล" จากการที่มีการพัฒนาและปรับปรุงสายพันธุ์มาอย่างต่อเนื่อง ไม่เพียงแต่ความสวยงามของอโกลนีมาเท่านั้น แต่ความสามารถในการดูดซับคาร์บอนไดออกไซด์ได้ดีจึงเป็น เหมือนพืชที่ช่วยฟอกอากาศ (เริศอ่ะ)
ส่วนชื่อภาษาอังกฤษ มีรากศัพท์จากภาษากรีก คำว่า aglos แปลว่า แสงสว่าง หรือความสดใส คำว่า nema แปลว่า thread คือเส้นใยบาง ๆ หรือเกลียว [2] มีการตั้งชื่อสายพันธุ์ภาษาไทยที่สื่อความหมายทางโชคลาภ (อุ๊ย!เก๋นะ)
และเพราะเฮียแกได้ชื่อว่าเป็นไม้มงคลที่ช่วยเสริมสิริมงคลจึงมีความเชื่อว่าให้โชคลาภแก่ผู้ปลูกอีกด้วย ทำให้อโกลนีมาได้รับความนิยมในการนำมาประดับตกแต่งสวน อาคาร สถานที่ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น บ้าน โรงแรม หรือ ห้างสรรพสินค้า เป็นต้น อโกลนีมา เป็นพืชที่ปลูกเลี้ยงง่าย ไม่ค่อยมีโรคแมลงเข้าทำลายมากนัก สามารถเจริญเติบโตได้ดี
เมื่อทำความรู้จักกันเป็นที่เรียบร้อย เรามาดูวิธีปลุกเลี้ยง ดูแลรักษา เจ้าต้นนี้กันเถอะ
ดิน หรือ วัสดุปลูก : ต้องใช้วัสดุที่โปร่งเบาระบายน้ำได้ดี เพราะทำให้ต้นโตเร็ว และรากไม่เป็นโรคเน่าง่าย โดยใช้ชิ้นมะพร้าวสับขนาดใหญ่ แกลบดิบเก่า (แกลบดิบที่ทิ้งไว้ 3-4 เดือน จนมีสีเหลืองคล้ำ) และใบก้ามปูผุ ในอัตรา 1: 1: 1 หรือ อาจผสมเศษถ่านหิน เพิ่มเข้าไปอีก 1/2 ส่วนก็ได้
Tips : เมื่อปลูกเลี้ยงไปนานๆ ควรเปลี่ยนดินปลูกทุก 6 เดือน เพื่อให้อโกลนีมาเจริญเติบโตได้ดีขึ้น | |
การให้น้ำ : อโกลนีมา ชอบสภาพแวดล้อมที่ชุ่มชื้น แต่ที่สำคัญต้องไม่แฉะ การรดน้ำจึงควรให้น้ำในเครื่องปลูกหรือวัสดุปลูกแค่ชื้นๆ เท่านั้น เพียงวันละครั้ง ก็เพียงพอ หรือ อาจพิจารณาตามความเหมาะสม หากเป็นช่วงฤดูฝน เพราะถ้าให้น้ำมากเกินไปจะทำให้รากเน่า และตายได้ |
|
แสงแดด : อโกลนีมาไม่ชอบแสงแดดจัดเกินไป จะทำให้ใบไหม้ หรือ สีซีด ไม่สดใส จึงควรตั้งกระถางอโกลนีมาในที่ร่มรำไร |
|
|
การใส่ปุ๋ย : ควรใช้ปุ๋ยออสโมโค้ท* สูตร 14-14-14 โรยรอบโคนต้น หลังปลูก ตามอัตราต่างๆ ดังนี้ - กระถางขนาด 6-8 นิ้ว ใช้อัตรา 10 กรัม (1 ช้อนโต๊ะ) ต่อกระถาง - กระถางขนาด 10-15 นิ้ว ใช้อัตรา 20 กรัม (2 ช้อนโต๊ะ) ต่อกระถาง ใส่ทุก 3 เดือน หรือ อาจใช้ผสมร่วมกับวัสดุปลูกตั้งแต่เริ่มปลูกเลยก็ได้
|
* : เป็นชื่อยี่ห้อของปุ๋ยประเภทละลายช้านะคะ อยากรู้ว่า ทำไมต้องเป็นปุ๋ยละลายช้า ถามได้ค่ะ
และไม่ให้เสียแรงที่เราพอจะมีความรู้เรื่องโรคพืชอยู่บ้าง .. มาดูโรคและแมลงของเจ้าต้นนี้กันดีกว่า
1.โรคเน่าเละ เกิดจากเชื้อแบคทีเรีย Erwinnia carotovora |
ลักษณะอาการ อาการเริ่มแรกที่ใบ จะเกิดเป็นจุดฉ่ำน้ำ แล้วขยายลุกลามออกไปอย่างรวดเร็ว ทำให้เนื้อเยื่อมีลักษณะเหมือนถูกน้ำร้อนลวก เป็นสีน้ำตาลอ่อน ใบพองเต่งและชุ่มน้ำ ถ้าหากลองสัมผัสเพียงเบา ๆ ก็จะเละติดมือขึ้นมา และมีกลิ่นเหม็น หากปล่อยไว้นานจะลามเน่าตายทั้งต้น โรคเน่าเละนี้หากเป็นแล้วมักรัษาได้ยาก จึงควรป้องกันตั้งแต่เริ่มต้น โดยเฉพาะช่วงที่มีความชื้นสูง หรือฤดูฝน |
การป้องกันกำจัด - ควรแยกต้นหรือตัดส่วนที่เป็นโรคออก และไปทำลายทิ้ง เพื่อป้องกันไม่ให้โรคแพร่ระบาดไปยังต้นอื่นได้- หากเกิดโรคเพียงเล็กน้อย ควรนำต้นออกจากภาชนะปลูก จากนั้นนำไปปลูกในกระถางใหม่ หรือฉีดพ่นด้วย คอปเปอร์ไฮดรอกไซด์ อัตรา 4-5 กรัม (1 ช้อนชา) ต่อน้ำ 5 ลิตร |
|
2.โรคใบจุด เกิดจากเชื้อรา Myrothecium rorium |
ลักษณะอาการ บริเวณใบจะแสดงอาการจุดสีน้ำตาล และขยายเป็นวงกว้างออกไป มีรูปร่างและขนาดไม่แน่นอน แผลมีลักษณะเป็นแถบวงกลมซ้อนกันออกไป มีเม็ดขนาดเล็กสีน้ำตาลเข้มเรียงเป็นแถวอยู่ในแถบวงกลมนั้น เนื้อเยื่อตรงกลางแผลจะแห้ง เป็นสีน้ำตาลอ่อน หรือสีออกนวล ขอบแผลโดยรอบเป็นสีน้ำตาลเข้ม และมีเนื้อเยื่อสีเหลืองรอบอีกชั้น เมื่อเกิดจุดแผลหลาย ๆ จุด จะลามจนขยายรวมกันเป็นจุดแผลขนาดใหญ่ เนื้อเยื่อตรงกลางแผลจะแห้งและยาว ฉีกขาดเป็นรูได้ง่ายหากลุกลามไปจนถึงเส้นกลางใบควรทำลายทิ้ง ในสภาพอากาศร้อนชื้น จะเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้การแพร่ระบาดเร็วขึ้น |
การป้องกันกำจัด - หากพบต้นอโกลนีมาที่ไม่แข็งแรง ควรถอนทิ้งแล้วทำการปลูกในดินและกระถางใหม่ จากนั้นใช้ปุ๋ยละลายช้า สูตร 14-14-14 โรยรอบโคนต้น ตามอัตราดังกล่าวข้างต้น (ดูที่การใส่ปุ๋ย) เพื่อช่วยให้ต้นเจริญเติบโตได้ดี และเพิ่มความแข็งแรงให้กับระบบราก เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดโรคได้ง่าย เพราะหากต้น อโกลนีมาไม่แข็งแรงหรือระบบรากไม่สมบูรณ์ จะทำให้เกิดโรคได้ง่าย |
- เมื่อพบใบที่เป็นโรค ควรตัดใบทิ้ง พร้อมทั้งนำออกจากแปลงและเผาทำลาย และฉีดพ่นด้วย สารกำจัดเชื่อรา ประเภทดูดซึม(คาร์เบนดาซิม) อัตรา 5 ซีซี.(1 ช้อนชา) ต่อน้ำ 5 ลิตร ทุก 7 วัน อย่างน้อย 2 ครั้ง หรือ แมนโคเซป อัตรา 10 กรัม (1 ช้อนโต๊ะ) ต่อน้ำ 5 ลิตร ทุก 5-7 วัน จนไม่พบอาการของโรค |
Tips : ไม่ควรตัดใบที่เป็นโรคทิ้งบริเวณต้นที่เป็นโรคเดิม เพราะจะทำให้สปอร์ของเชื้อราแพร่กระจายไปติดกับต้นอื่นที่อยู่ข้างเคียง โดยสปอร์ของเชื้อราสามารถปลิวไปตามลม การชะล้างของน้ำฝน และการรดน้ำ |
|
3.โรครากเน่า เกิดจากเชื้อรา Pythium spp. มีลักษณะที่สังเกตได้ คือ ต้นเหี่ยว ใบที่โคนต้นเป็นสีเหลือง รากมีสีน้ำตาลดำ เมื่อไปจับดูจะหลุดออกได้ง่าย |
การป้องกันกำจัด ควรใช้สารป้องกันกำจัดเชื้อรา ด้วยการฉีดพ่นเทอร์ราคลอร์ ซุปเปอร์-เอ็กซ์ (ควินโทซีน+อีทริไดอะโซล) อัตรา 10 ซีซี. ( 1 ช้อนโต๊ะ) ผสมน้ำ 5 ลิตร ทุก 7 วัน อย่างน้อย 2 ครั้ง |
Tips : | - ควรเลืออกใช้วัสดุปลูกที่สะอาด เพื่อลดโอกาสการเกิดโรค - ไม่ควรวางกระถางต้นอโกลนีมาบนพื้นดิน หรือ บนโต๊ะที่ชื้นแฉะ เพราะหากมีการระบายน้ำที่ไม่ดีจะทำให้เกิดโรคได้
แมลงศัตรูมีดังนี้ค่ะ
1.เพลี้ยหอย เป็นแมลงปากดูดขนาดเล็ก มักพบอาศัยอยู่บริเวณยอดอ่อน ใบอ่อน และซอกใบ และดูดกินน้ำเลี้ยงจากต้นพืช ทำให้ต้นหงิกงอ โตช้า เพลี้ยหอยมีการสร้างสารห่อหุ้มตัวที่ค่อนข้างแข็ง มีรูปร่างกลม สีน้ำตาลอ่อน ตัวแนบติดกับผิวใบ จนมองดูคล้ายฝาหอย เพลี้ยหอยจะถ่ายมูลที่มีน้ำหวานออกมาจึงเป็นตัวล่อมดให้ออกมา เพลี้ยหอยจะอาศัยมดเป็นตัวเคลื่อนย้ายตัวอ่อนไปยังส่วนอื่น ๆ ของต้น หรือไปยังต้นข้างเคียง | การป้องกันกำจัด - หากพบเพลี้ยหอยเล็กน้อยให้ตัดใบนั้นทิ้งแล้วนำไปเผาทำลาย ห้าม ตัดใบทั้งบริเวณต้นเดิม หรือบริเวณใกล้เคียง เพราะจะทำให้เกิดการระบาดไปยังต้นที่อยู่ใกล้เคียงได้ - หากพบมาก ควรใช้ สตาร์เกิล จี โรยรอบโคนต้น ตามอัตราต่างๆ ดังนี้ | กระถางขนาด 6-8 นิ้ว ใช้อัตรา 10 กรัม ต่อกระถาง (1 ช้อนโต๊ะ) กระถางขนาด 10-15 นิ้ว ใช้อัตรา 20 กรัม ต่อกระถาง (2 ช้อนโต๊ะ) แล้วรดน้ำตาม จากนั้นประมาณ 3-4 วัน ให้สังเกตต้นอโกลนีมา บริเวณที่ถูกเพลี้ยหอยเข้าทำลาย โดยการเขี่ยดูจะพบเพลี้ยหอยแข็งตายอยู่ที่เดิม หรือ ร่วงหล่นลงมาก ซึ่ง สตาร์เกิล จี สามารถช่วยกำจัดทั้งเพลี้ยหอย และมดซึ่งเป็นแมลงพาหะได้อีกด้วย | | 2.เพลี้ยแป้ง เป็นแมลงปากดูดที่ดูดกินน้ำเลี้ยงจากพืช ทำให้บริเวณที่ถูกเข้าทำลายเป็นสีเหลือง ใบเหี่ยว และร่วง ต้นชะงักการเจริญเติบโต มักพบอยู่รวมกันเป็นกลุ่มตามซอกใบหรือโคนต้น เพลี้ยแป้งจะมีลักษณะรูปร่างค่อนข้างกลม อ่อนนุ่ม มีผงสีขาวคล้ายแป้งปกคลุมอยู่ทั่วตัว และจะถ่ายมูลที่มีน้ำหวานของเพลี้ยแป้ง เมื่อมาพบกับสปอร์ของเชื้อราในอากาศทำให้เกิดราดำขึ้นปกคลุมต้น ทำให้ใบไม่สวย และต้นพืชลดการสังเคราะห์แสงที่ใบ ส่งผลให้การสร้างอาหารไปเลี้ยงต้นลดลงด้วย | การป้องกันกำจัด - หมั่นสำรวจอโกรนีมาอย่างสม่ำเสมอ หากพบเพลี้ยแป้ง ในปริมาณที่ไม่มากให้ตัดใบที่ถูกทำลายทิ้ง โดยนำไปใส่ถุงทิ้งหรือนำไปเผาไฟทำลาย ห้าม ตัดใบที่ถูกทำลายทิ้งบริเวณใกล้เคียง เพราะอาจจะเกิดการระบาดของเพลี้ยแป้งได้ - หากพบการะบาดของพลี้ยแป้ง ควรใช้ สตาร์เกิล จี โรยรอบโคนต้น ตามอัตราต่างๆ ดังนี้ กระถางขนาด 6-8 นิ้ว ใช้อัตรา 10 กรัม ต่อกระถาง (1 ช้อนโต๊ะ) กระถางขนาด 10-15 นิ้ว ใช้อัตรา 20 กรัม ต่อกระถาง (2 ช้อนโต๊ะ) แล้วรดน้ำตาม หลังจากนั้นประมาณ 3-4 วัน จะพบว่าเพลี้ยแป้งแข็งตายอยุ่ที่เดิมหรือ ร่วงหล่นลงมาจากต้น นอกจากนี้ สตาร์เกิล จี ยังสามารถป้องกันกำจัด มดพาหะสำคัญของเพลี้ยแป้งได้อีกด้วย | | 3.หอยทาก มักพบหอยทากกัดกินใบอ่อน หน่อ ราก และลำต้น พบการระบาดมากในบริเวณที่มีอากาศชื้น หรือน้ำขังแฉะ ทำให้เกิดความเสียหายแก่อโกรนีมาเป็นอย่างมาก | การป้องกันกำจัด - หากพบการระบาดที่ไม่มาก ให้ใช้มือจับตัวหอยออกจากต้น และนำไปทิ้งให้ไกลจากบริเวณที่ปลูก หรือ เหยียบให้ตาย เพื่อป้องกันการกลับเข้ามาทำลาย - ควรใช้ เดทมีล 5 ในปริมาณไม่มากนัก วางเป็นจุดหรือโรยรอบกระถาง หรือ วางตามรอยทางเดินของหอยทาก เพื่อล่อให้หอยทากออกมากิน และเมื่อหอยทากกินหรือสัมผัสก็จะทำให้หอยทากตาย ควรทำในช่วงเย็น เพราะหอยทากจะออกหากินในเวลากลางคืน โดยสังเกตได้จากรอยน้ำเมือกที่ขับออกมาจากการเคลื่อนที่ของหอย
สุดท้ายนี้ อยากจะบอกทุกคนที่เลี้ยงต้นไม้นะคะ ส่วนตัว ไม่นิยมการใช้สารเคมี ใส่ลงไปในต้นไม้ค่ะ ถึงจะบอกว่าเป้นอาหารของมันก็เถอะ .. แนะนำให้ จัดการดูแลสิ่งแวดล้อมให้ดี รวมไปถึงบริเวณที่ปลูก ให้เหมาะสม .. แบบนี้ก็เป็นการป้องกันโรคและแมลงอีกทางนึงที่ไม่ต้องพึ่งสารเคมี จนมากเกินควรค่ะ .. เพราะสารเคมี หากพืชสามารถดูดซึมได้ ตัวผู้เลี้ยงผู้ดูแลเองก็สามารถรับสารเคมีเหล่านั้นได้เช่นกัน .. อาจจะดูเหมือนบริมาณน้อยๆ แต่ถ้าบ่อยๆหรือทุกวัน .. "... ทำทุกอย่าง .. ด้วยวิจารณญาณนะคะ ..."
...ขอให้มีความสุขกับการได้ดูแลต้นไม้นะคะ .. |
| |
Reference : วิกิพีเดีย/แก้วกาญจนา,sotus.com/อโกลนีมา,tcpa.com
เรียกแต่อโกลนีม่า
ขอบคุณข้อมูลดีๆครับ