มาเรียอาน่า



เมื่อสองวันที่แล้วเจ้เดป (เจ้านาย) ให้เราไปช่วยที่ร้าน fashion boutique ร้านนี้เป็นร้านขายพวกเครื่องประดับประเภท costume jewelry ร้านนี้เป็นร้านที่เราเกลียดดดดมากพอๆกะที่เกลียดแมงสาปที่อยู่ที่บ้านเพราะอะไรน๊ะเหรอ ก้อเพราะมันเป็นของชิ้นเล็กๆที่ละเอียดอ่อน ลูกค้าชอบเข้ามาจับต้อง รื้อโน้นรื้อนี้เหมือนเด็กๆ พอเข้าไปถามดีๆว่าต้องการความช่วยเหลือไหม มองหาอาไรเป็นพิเศษหรือเปล่า ก้อมักจะได้คำตอบว่า “ไม่อ่ะ ฉันแค่ดูเฉยๆ” ดูอย่างเดียวแล้วทำไมต้องจับด้วยว่ะ และรวมไปถึงบางครั้งบางคราวที่มักจะมีคำถามเปรี้ยวใจ ที่บางทีเสียบเข้าไปถึงขั้วหัวใจคนขายหัวใจบอบบางอย่างเราได้ และมันมีเรื่องจุกจิกเยอะแยะมากมายเกินความอดทนซึ่งสร้างความรำคาญใจให้กะผู้ขายอย่างฉันเป็นอันมาก ตัวอย่างเช่น เออแหวนวงเนี่ย สีจะลอกไหม มันเป็นคำถามประจำที่เหมือนกับเป็นยาสามัญประจำบ้านไปแล้ว ลองคิดดู ถ้าใครเคยไปซื้อของพวกนี้ตามห้างหรือร้านขายของที่สยาม หรือตามแผงลอย มันก้อบอกอยู่ว่า “costume Jewelry ” ของประดับฉาบฉวยทั่วไป เหมือนที่บ้านใครติด wall paper เวลาผ่านไปนานเข้า มีไหมที่มันจะไม่ล่อนลอกออกมาจากกำแพงบ้านคุณบ้างห่ะ ไม่อยากด่าว่าควายหรือเปล่า ก้อในเมื่อมันไม่ใช่ทอง น๊ะแม่คุณพ่อคุณทั้งหลาย
คำถามถัดมา เธอว่าถ้าฉันซื้อต่างหูคู่นี้ไปแล้ว ฉันจะแพ้ไหม เพราะว่าฉันใส่อะไรที่เป็นทองไม่ได้ เออออ คำถามเนี่ยตอบได้ง่ายๆๆ และมักจะตอบในใจเสมอว่า เมิงจะมาถามกรูทำไมก้อในเมื่อเมิงก้อรู้อยู่แก่ใจแล้วว่าถ้าใส่แล้วหูเน่าอ่ะจะซื้อไปทำซากอะไรกัน ก้อเหมือนกับการที่คุณรู้ว่าคุณแพ้ alcohol อ่ะน๊ะ ถ้าได้แดกลงไปแล้วหน้าแดง ผื่นขึ้นตัวคุณ แล้วคุณจะแดกลงไปไหม กลับมาที่คุณลูกค้า การตอบคำถามนี้ช่างง่ายนิดเดียว โดยการยิ้มให้ลูกค้าก่อนพร้อมทั้งตอบไปตรงๆตอกลงไปในใจให้ลูกค้ารู้ไปเล๊ยว่า “ฉันว่ายูอย่าซื้อไปเลยเพราะว่าเนี่ยมันไม่ใช่ทองจริงน๊ะ” เราไม่มีการโกหกลูกค้าประเภทนี้กันอยู่แล้ว เพราะว่าอาไร ถ้าบอกว่าไม่แพ้แล้วลูกค้าแม่งเอากลับมาโว๊ย ซึ่งตามประสบการณ์ตรง มีลูกค้าเอากลับมาคืนเกือบทุกราย และเรื่องการคืนของเนี่ย บางทีไม่คืนเปล่ามันจะพ่วงท้ายตามมาด้วย complain บ้าง ชักสีหน้าบ้าง หรือถึงขั้นโวยวายบ้างก้อมีตามต่อมอารมณ์ของลูกค้าในวันนั้น

กลับมาเรื่องน้องมาเรียอาน่าบ้าง เธอเป็นผู้หญิงร่างท่วมผิวขาว ใส่แว่นเหมือนนางเอกในหนังโฆษณาพอนสด์ก่อนแปลงร่าง หน้าตาก้อจัดว่าน่ารัก แต่อาการไม่เป็นมิตรของเธอเนี่ยทำเอาเราอยากจะกระโดดเข้าใส่แล้วเขย่าหัวซักร้อยทีเอาไอ้ตัวอาไรก้อได้ที่สิงอยู่ในหัวเธออกไป กรูมาอยู่ที่ร้านนี้เพื่อไปช่วยน้องเขาทำงานไม่ใช่ไปเป็นคนดูแลร้านให้เมิง ไอ้เด็กบ้า ชี้นิ้วสั่งอย่างเดียวไม่ทำอาไรเลย อีกทั้งยังต้องวิ่งเข้าร้านนั้นออกร้านนี้วิ่งอยู่สามร้านวนๆไปจนสติแตก เรียกแต่ตัวช่วยอย่างฉันจนในที่สุดระเบิดตูมใส่ท่านรองเนื่องจากท่านรองบอกให้เรา ดูดฝุ่นที่ร้าน แล้วก้อเอาน้อง henry (เครื่องดูดฝุ่นยี่ห้อ henry) ไปเก็บที่ร้าน แล้วก้อเจอน้องมาเรียอาน่าบอกให้เราเอา sea glass เนี่ยเอาไปไว้ที่ oval อ้าวแล้วตัวน้องจะทำไรฟ่ะ เมื่อสติแตก ก้อพูดกะท่านรองไปว่า เอออออาไรก้อ Sammy น๊ะ ท่านรองบอกก้อแค่ให้ไป cover logo แล้วก้อกลับมาที่ fashion เฮอออแต่ท่านรู้หรือไม่ว่ากรูเนี่ยทำงานเยี่ยงทาส ใครๆก้อเรียก Sammy โดยเฉพาะน้องมาเรียอาน่าที่กว่าจะคลานออกมาจากอุโมงค์ทำงานได้ช่างใช้เวลานานอย่างกลับงูที่จะลอกคราบ และ อาไรอีกหล่ะ ท่านรองบอกให้น้องมาเรียอาน่าบอกเราให้ set up 2 tables สำหรับ Swarrovski เตรียมขายพรุ่งนี้ ก้อไม่เห็นชีจะช่วยอาไร เดินไปข้างนอกร้านเอาของอีกอย่างมาทำอย่างเชื่องช้าส่วนเราก้อ quack quack quack เตรียมจนวุ่นจนถามน้องว่าเป็นไงแค่นี้พอยัง น้องบอกว่าต้องใส่เติมไปอีกพร้อมทั้งเดินมาช่วยโดยการบอกว่า เออฉันมาช่วยเธอจัดละกัน เอออขอโทษเถอะเพ่ งานเนี่ยมันงานหลักของเพ่ไม่ใช่เหรอฉันแค่มาช่วยน๊ะ ได้ยินแล้วอยากเอาหัวเธอโคกกกะพื้นให้กลับบราซิลไปเลย ยังไม่พอเท่านรองสั่งสองโต๊ะแต่เนี่ยมันมีโต๊ะเดียวแล้วโต๊ะอีกตัวอยู่ที่ไหน ถามน้องมาเรียสุดที่เลิฟก้อได้คำตอบว่า ท่านรองกำลังเอามา ผ่านไปห้านาที ถามใหม่ ก้อได้คำตอบเดิม ผ่านไปอีกสิบนาที ก้อยังได้คำตอบเดิม ด้วยความอดรนทนไม่ได้เดินไปหยิบโต๊ะมาเองก้อได้ว่ะ พร้อมกะคิดในใจว่าถ้าไฟไหม้บ้านแล้วเมิงจะยังรอให้เจ้าหน้าที่ดับเพลิงมาช่วยไหมไม่คิดหาทางออกสำรองในการเอาตัวรอดเองเหรอ น้องแม่งเซงได้ใจ ก่อนหน้านี้ก้อจะประมาณ น้องดูดฝุ่นแล้วบอกให้เราจัด display หน่อยมันรก แม่งให้กรูดูดฝุ่นให้ก้อได้แล้วตัวเองก้อไปจัด display เองไม่ได้หรือไงว่ะ หลังเลิกงานก้อเมาท์ให้ท่านรองฟัง อีกวันเราก้อไม่ต้องทำไรมากเพราะว่าเป็นวันที่ต้องขาย amber เราก้อเลย ยืนขาย amber หน้าร้านน้องเขา พอดีมีจังหวะหนึ่ง Fernando ให้เราหยิบกระจกให้หน่อย ส่วนน้องมาเรียก้อเรียกเราอีกแล้ว เราก้อเลยบอกไปเลยว่าไม่ว่าง ชีก้อเลยเรียก แอนนาเฝ้าร้านให้หน่อยประมาณนั้นพอดีแอบเหลือบเห็น แม่งเห็นกรูเป็นตัวทดเวลาหรือไงฟ่ะ ใช้ตลอด เอาเป็นว่าพอคุยกะท่านรองท่านรองก้อเข้าใจและอธิบายให้ฟังว่าน้องเขาเป็นคนที่ rely on คนอื่นอยู่ตลอดเวลาประมาณว่าพิการทางจิตถ้าได้คนช่วยตลอด ก้อจะไม่ช่วยตัวเอง วันถัดมาก้อเมื่อวานน้องเขาก้อประมาณว่าดีขึ้นไม่มาวุ่นวายกะเรามาก เมื่อวานก้อบอกท่านรองไป ท่านรองเลยบอกว่า “ of course , today I give her banana ” ซึ่งหมายความประมาณว่าวันนี้น้องมาเรียโดน lecture โดยท่านรองไปก้อเลยหายซ่า



Create Date : 25 กรกฎาคม 2553
Last Update : 25 กรกฎาคม 2553 13:36:40 น. 0 comments
Counter : 225 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 
 
 

kuromichan
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




จากอดีตสาว office วันๆๆทำงานต๊อกๆๆๆๆ ในกรุงเทพฯมาหลายปีดีดัก จนวันหนึ่งอดรนทนไม่ไหวกะชีวิตที่สุดแสนจะจำเจ มีความใฝ่ฝันว่าจะได้ข้ามน้ำข้ามทะเลอย่างคนอื่นๆบ้าง แต่ติดตรงที่เงินไม่ได้มีเหลือเฟือ ครั้นจะเก็บเงินไปเที่ยวเองคิดว่าชาตินี้คงจะไม่ทันการณ์แน่ และเหมือนฟ้ามาโปรดฉันได้งานบนเรือสำราญ ที่อเมริกา ไปเป็นพนักงานขายของเหมือน พนักงาน PC บ้านเราเนี่ยแหละค่ะ ทางโน้นจะเรียกเราว่า " Shoppies" และเมื่อมาถึงจุดนี้ ชีวิตก้อเปี๋ยนไป .......
[Add kuromichan's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com
pantip.com pantipmarket.com pantown.com