" Beautiful, Healthy And Be Smart "
Group Blog
 
All blogs
 

[ รีวิว ] iDEVAs :: Idealist Serum :: Botox - Like :: Anti-Aging Peptide :: Face me-Up



iDEVAs 


Idealist Serum : Botox-like



Anti-Aging Peptide : Face me-Up

คำเคลมจากแบรนด์ : เวชสำอางชะลอวัย นวัตกรรมใหม่ เซรั่มเข้มข้นด้วย Anti-Aging Peptide พร้อมสารชะลอวัยอีกมากมาย ที่ทางสมาคมเคมีเครื่องสำอางยอมรับว่าเห็นผลจริง เช่น Q10 , ALA (Alpha Lipoic Acid ) และ DMAE ช่วยให้ผิวตึงกระชับ ลดขนาดรูขุมขน  ริ้วรอยลึก และรอยตีนกา สารสกัดจาก Bearberry ลดการสร้างเม็ดสี ช่วยให้ฝ้า กระ จางลง เติมความชุ่มชื้นให้ผิวเอิบอิ่มด้วย Hyarulon  ไม่ใส่น้ำหอม และสารผลัดผิว จึงไม่ทำให้ผิวบาง และระคายเคืองราคา 2,000 บาท ช่วงแนะนำ เหลือแค่ 1,600 บาท 





KUNGINTER’s say : ไอดีว่าส์ จัดเป็นแบรนด์ไทยอีกหนึ่งแบรนด์ที่ก่อตั้งโดยเภสัชกรและนักวิทยาศาสตร์ Anti-Aging โดยตรง จุดขายอยู่ตรงที่ได้หยิบสารเปปไทด์ที่มาแรง และเป็นที่นิยมในตลาดเวชสำอาง อย่างสารที่มีชื่อว่า Acetyl hexapeptide-3 (Argireline) ซึ่งจัดเป็น An Alternative To Botox หรืออีกทางเลือกหนึ่ง สำหรับผู้อยากให้ผิวเรียบตึงขึ้น แต่ไม่อยากฉีด Botox โดยสาร Acetyl hexapeptide-3 (Argireline) นี้ ผลิตโดยโรงงานชื่อดังในสเปน  เป็นสารที่เกิดจากการรวมตัวของเส้นอะมิโน 6 เส้น ความพิเศษของมันอยู่ตรงที่ เมื่อทาลงไปบนผิวมนุษย์ มันจะช่วย inhibiting The Release Of Neurotransmitters ( Relaxes Facial Tension )หรือออกฤทธิ์ทำงานคล้าย Botox นั่นเองครับ


ซึ่งอาจไม่ได้เห็นผลทันทีเหมือนการฉีด Botox แต่จะเป็นในลักษณะที่ค่อยเป็นค่อยไป และจะเห็นผลได้ดีที่สุด เมื่อผู้ผลิตใส่สารสำคัญตัวนี้ลงไป 10 % โดยพบว่า สามารถลดความลึกของเส้นริ้วรอยได้ 30 % หลังการใช้เป็นเวลา 1 เดือนครับ  ( In a clinical study published in the International Journal of Cosmetic Science, acetyl hexapeptide-3 at a 10% concentration has been shown to reduce the depth of wrinkles up to 30% after 30 days of use.


นอกจากสารเปปไทด์ที่โดดเด่นเป็นพระเอกของงานอย่าง Acetyl hexapeptide-3 แล้ว ทางแบรนด์ก็ได้ใส่สารที่มีคุณสมบัติ Anti-Aging อย่าง Popular Firming Skin Care Ingredient นั่นคือ DMAE (พบมากในปลาแซลมอล)และ GABA (พบมาก ในข้างกล้องงอก) รวมถึงยังเพิ่ม Super Anti-Oxidant มาให้อีก อาทิเช่น Co-Q10, ALA  และ Vitamin C&E ชนิดที่ถูกเก็บอยู่ใน Liposome แถมยังเอาใจผู้ที่อยากเพิ่มความไบร์ทให้ผิวด้วยสารไวท์เทนนิ่งตัวแม่อย่าง Alpha-Arbutin (ให้ผลดีกว่า Beta-Arbutin) ในปริมาณที่เข้มข้นและคาดหวังผลได้



ทั้งหมดนี้ ถูกปรุงมาในรูปเซรั่มแบบเจลใสประกายทอง (น้ำ + กลีเซอรีน + อนุพันธ์ซิลิโคน + สารก่อเจล + Na Hyaluronate) ก็ให้เนื้อสัมผัสที่ค่อนข้างซึมไวระดับปานกลาง ให้ความรู้สึกหลังใช้ที่ไม่ใช่การเคลือบผิว แต่จะรู้สึกเหนอะๆหนึบๆผิวเล็กน้อย แต่เมื่อทิ้งไว้ครู่นึง ก็จะรู้สึกสบายผิวขึ้นครับ





เมื่อทดลองใช้จริง แล้ว Zoom ตรวจผิว


ด้วยกล้อง Microscope 50 X 


พบว่า : 


1. เซลล์ผิวชั้นบน โอบอุ้มรับน้ำเข้าเซลล์ได้ดีขึ้น (Improve Moisture Level On Skin Matrix) 


2. เส้นริ้วบริเวณผิวที่ทาเซรั่ม ดูตื้นขึ้นจริง (จากความชุ่มชื่น + Peptide + GABA + DMAE )


3. สีผิวดูสดชื่น สดใส ดูไบร์ทขึ้น (จากความชุ่มชื่น + ประกาย Gold Mica + ไวท์เทนนิ่ง)


4. ตาข่ายผิวแข็งแรงขึ้น สุขภาพดีขึ้น กระชับชิดกันมากขึ้น (เมื่อตาข่ายผิวแข็งแรง จะช่วยลดโอกาสการแพ้ลงได้)


ดังนั้นขอกล่าวโดยสรุปว่า เซรั่มแบรนด์ไทยตัวนี้ มีสารที่มีคุณค่า และเป็นประโยชน์กับผิวจริง และทำงานหลากหลายกลไก ช่วยได้หลายเรื่อง ครอบคลุมหลายปัญหา เหมาะกับทุกสภาพผิว คุณภาพเทียบเท่าเคาท์เตอร์แบรนด์  แต่ข้อเสียคือความรู้สึกหลังใช้อาจจะยังไม่ดีเท่าเซรั่มของเคาท์เตอร์แบรนด์นัก ถ้าทางแบรนด์ปรับปรุงตรงจุดนี้ได้ (ลดความเหนอะ ลดความหนึบผิว) ก็จะทำให้ผู้ใช้ประทับใจมากยิ่งขึ้น และอยากให้เพิ่มสาร DMAE ให้มากขึ้นกว่านี้อีก ก็จะช่วยให้การทำงานในเรื่องของการยกกระชับผิว ทำได้ดีกว่านี้ ยิ่งขึ้นไปอีกครับ

More Informations :
iDEVAs Website
iDEVAs On Facebook



----------------------------------

KUNGINTER

Health And Beauty Blogger

---------------------------------- 

Studying Master of Science program in

Anti-Aging and. Regenerative Science,


MFU University Bangkok,Thailand


kunginter@hotmail.com








 

Create Date : 27 กุมภาพันธ์ 2555    
Last Update : 30 พฤษภาคม 2556 17:21:43 น.
Counter : 4459 Pageviews.  

[ รีวิว ] วิเคราะห์เชิงเปรียบเทียบ :: Kiehl's :: Clearly Corrective Dark Spot Solution ::


สวัสดีครับคุณผู้อ่านทุกท่าน วันนี้กุ้งจะUpdate ผลิตภัณฑ์ไวท์เทนนิ่งที่ออกใหม่และมาแรงมากเลยทีเดียว นั่นคือ Kiehl's ตัวที่ชื่อว่า " Clearly Corrective Dark Spot Solution" เป็นสินค้าในกลุ่มลดเลือนรอยด่างดำ เพิ่มความไบร์ท กระจ่างใส ใหม่และเข้มข้นที่สุดในกลุ่ม Dermatologist Solutions ครับ


ตัวนี้เป็นเซรั่มผสมวิตามิน C เข้มข้น (แต่ทางคีลส์ได้พัฒนาสูตร โดยใช้วิตามินซีแบบใหม่ ไฉไลกว่าเดิม ( The key and innovative ingredient ) คือ Activated C = New Generation Vitamin C Derivative นั่นคือสาร 3-O-Ethyl Ascorbic Acid นั่นเองครับ (ก่อนหน้านี้ เขาจะเน้นใช้ Ascorbyl Glucoside และ L-Ascorbic Acid เป็นหลักมากกว่าครับ )



ในฐานะนักวิทยาศาสตร์และบิวตี้บล็อกเกอร์ กุ้งจะขอโฟกัสไปที่ตัวสูตรโครงสร้างเคมี และ สารประกอบของสินค้าตัวใหม่นี้เป็นหลักนะครับ โดยรวมแล้ว Product ตัวนี้ ถูกปรุงมาเพื่อคนที่มีปัญหา Uneven Skin Tone ( หมายรวมถึง dark spots, discolorations, acne scar ผิวมีสีไม่เท่ากัน กระด่างกระดำ ไม่สม่ำเสมอ มีรอยแผลเป็นจากสิว รอยดำ เป็นต้น) และ ผู้ที่ยังไม่มีปัญหาดังกล่าว แต่ต้องการเพิ่มความ Clarity ให้กับผิว ก็ใช้ได้เช่นกันครับ (ช่วยให้ผิวดูกระจ่าง สดใส สดชื่น เกลี้ยงเกลาขึ้น) เพราะมีฤทธิ์ป้องกันการสร้างเม็ดสีใหม่ๆ ได้ด้วยเทคโนโลยี “Anti-cluster” ( it helps prevent the formation of new pigment clusters)

ในอดีตกาล นักวิทยาศาสตร์และแพทย์ผิวหนัง มักแนะนำให้คนไข้ที่มีปัญหาเรื่องสีผิวเช่น ฝ้า กระ จุดด่างดำ ( Uneven Skin Tone ) ให้ใช้ยาประเภทกัดฟอกสีผิว เพื่อยับยั้งการสร้างเม็ดสี ด้วยการปรุงครีมสูตรผสมไฮโดรควิโนนผสมกรดวิตามินเอ/กรดผลไม้เข้มข้น เพื่อแก้ปัญหา แต่ก็พบว่า คนไข้หลายรายทนรับผลข้างเคียงที่เกิดขึ้นจากตำรับยานี้ไม่ไหว (ผิวลอก  เป็นขุย ไวแสง หน้าคล้ำกว่าก่อนใช้ )






ปัจจุบันบริษัทผลิต Skin Care ต่างๆ จึงว่าจ้างนักวิทยาศาสตร์และนักวิจัย เพื่อทำการค้นหา R&D คิดสารออกฤทธิ์ใหม่ๆ ที่อาจจะมีโมเลกุลเล็กลง เสถียรกว่าเดิมและทำงานดีขึ้น(Innovative Active Ingredient) มาใช้ในสูตรของตน โดยเน้นผลลัพธ์ที่ดี และผลข้างเคียงที่น้อยที่สุด แต่ที่ว่ามาทั้งหมด ทำให้สกินแคร์แนวทรีทเมนท์อย่างคีลส์เองก็ไม่นิ่งนอนใจ โดยเลือกหยิบ Vitamin C ฟอร์มใหม่ (3-O-Ethyl Ascorbic Acid) มาใช้ใน Product เพื่อเติมเต็มความต้องการของตลาดไวท์เทนนิ่ง และ แก้ไขข้อด้วยของ Vitamin C (L-Ascorbic Acid) ที่เสื่อมง่าย ตายไว  พูดง่ายๆ คือ เอา Vitamin C ไปต่อยอด พัฒนาโครงสร้าง ให้แข็งแรง ทนทานต่อความร้อน อากาศ และรังสียูวี (นี่เป็นสาเหตุที่เค้าไม่จำเป็นต้องใส่ serumนี้ ในขวดสีชา หรือขวดทึบแสง) โดยยังคงออกฤทธิ์บนผิวหนังได้ดีอยู่


แต่จะว่าไปแล้ว สาร 3-O-Ethyl Ascorbic Acid ก็ไม่ใช่อะไรที่ใหม่ที่สุด เพราะก่อนหน้านี้ ก็มีอีกบริษัทที่นำสารตัวนี้มาใช้ในสูตรไวทเทนนิ่งของตัวเองเรียบร้อยแล้ว นั่นคือ Shiseido White Lucent ที่ใช้ 3-O-Ethyl Ascorbic Acid เป็น Active หลัก และใช้ Plant Extract ต่างๆ มาเสริมฤทธิ์ ปรุงในเบส Serum เนื้อเซรั่มโลชั่น ( Water + BG + Glycerin + Xylitol + Silicone + Vegetable Oil) ในบรรจุภัณฑ์หัวปั๊ม  ก็เป็นที่ตอบรับจากลูกค้ากลุ่มเป้าหมายอย่างผู้หญิงเอเชียได้อย่างดี แต่พอมายุคหลังๆ จะมีการเพิ่มสาร Tranexamic Acid เข้ามาเสริมอีกแรง  ก็เป็นอะไรที่สกินแคร์แบรนด์ญี่ปุ่น ถนัดที่จะทำอยู่แล้ว



แต่พอสาร 3-O-Ethyl Ascorbic Acid ได้มาอยู่ในมือของสกินแคร์แบรนด์ฝรั่งอย่างคีลส์บ้าง ก็ได้มีการใช้ 3-O-Ethyl Ascorbic Acid เป็น Active หลัก และใช้เสริมด้วย ไวท์เบิร์ช (White Birch)= Hydroxyproyl Tetrahydropyrantriol ( Sugar Derived) ซึ่งมีฤทธิ์ Restore Hydration คือฟื้นคืนน้ำให้เซลล์ผิว +  Increases Skin Elasticity Levels และ Collagen Production คือ มีส่วนช่วยเพิ่มระดับการสร้างสารโปรตีนในผิวได้ และเสริมด้วยสารสกัดจากดอกโบตั๋น (Peony Extracts) ซึ่งมีฤทธิ์เป็น Anti-Oxidant (สามารถวิ่งไปจับอนุมูลอิสระบนผิว เมื่อทาลงไป)





ซึ่งคีลส์ได้ทำการปรุงสูตรนี้ โดยเอา Activated C  + Plants Ext. มาในรูปของ Essence/Serum มาในเบส Water  + PG + Glycerin + Alcohol Denat., (เนื้อบาง เบา ซึมซาบไว ระเหยไว สบายผิว) แบบ Dropper หัวหยด ที่สามารถทาได้ทุกเมื่อเชื่อวัน (Apply This Serum To The Face Both Day And Night) 



ดังนั้นเราจะเห็นได้ว่า Shiseido White Lucent กับ Kiehl's Dermatologist Solutions Clearly Corrective Dark Spot Solution นั้น มีความคล้ายคลึงกันมาก แต่จะแตกต่างที่ Texture หรือเนื้อสัมผัส กล่าวคือ ของ Shiseido จะมี Oil และ Silicone (อ้างอิงสูตร ===> Shiseido White Lucent Concentrated Brightening Serum )


ดังนั้น ถ้าใครแพ้น้ำมันพืช เช่น น้ำมันปาลม์ น้ำมันโจ้โจ้บา หรือนมผึ้ง ก็ไม่เหมาะที่จะใช้ Shiseido White lucent ตัวดังกล่าว ในขณะที่ Kiehl's Dermatologist Solutions Clearly Corrective Dark Spot Solution นั้น ปราศจาก Oil ที่หนักผิว, ปราศจากซิลิโคน, ปราศจากสารเคลือบรูขุมขน (แต่ก็ยังพบว่ามี Alcohol ผสมอยู่ด้วย แต่ก็ยังดีที่อยู่หลังสาร PG และ Glycerin )


เอาเป็นว่าในฐานะที่ตนเป็นนักวิทยาศาสตร์และบิวตี้บล็อกเกอร์ จะไม่ขอตัดสินว่าสูตรไหน ยี่ห้อไหนดีกว่ากัน หรือไม่ อย่างไร เพียงแต่จะมาให้ข้อมูลทางวืทยาศาสตร์ เพื่อประกอบการตัดสินใจในการเลือกซื้อสินค้าตัวต่อๆไปของเพื่อนๆนักอ่านรีวิวทุกท่านแล้วกันนะครับ ใครใคร่อยากใช้แบรนด์ไหน สูตรใด ก็เดินไปลองขอ Sample มาทดลอง+ทดสอบอาการแพ้กันก่อนด้วยนะครับ



** แล้วมาพบกันใหม่ กับ ⁞รีวิวฉบับเต็ม (เปรียบเทียบ ก่อนใช้-หลังใช้ เรื่องรอยดำจากสิว) เมื่อได้ทดลองใช้ Kiehl's - Dermatologist Solutions - Clearly Corrective Dark Spot Solution หลังจากนี้อีก 4 สัปดาห์ครับ :)


----------------------------------


KUNGINTER


Health And Beauty Blogger


---------------------------------


Studying Master of Science program in


Anti-Aging and. Regenerative Science,


MFU University Bangkok,Thailand



Free TextEditor




 

Create Date : 24 กุมภาพันธ์ 2555    
Last Update : 30 พฤษภาคม 2556 17:21:57 น.
Counter : 35398 Pageviews.  

[ รีวิว ] 1% BHA โทนเนอร์ Burt's Bee Natural Acne Solutions Clarifying Toner ::


ชื่อเต็ม : Burt's Bees Natural Acne Solutions™ Clarifying Toner


แบรนด์บอกว่า : เป็นโทนเนอร์สูตรธรรมชาติ สร้างเสน่ห์ให้ผิวหน้าดูสดใส ปราศจากความมัน
ด้วยโทนเนอร์สูตรใหม่ อุดมไปด้วยสารสกัดจากวิลโลว์บาร์ค (ซาลิเอซิดจากธรรมชาติ including willowbark, nature's version of salicylic acid, to help clarify skin)
ปราศจากสารพาราเบนส์สารกันเสีย จึงไม่ก่อให้เกิดการระคายเคือง ช่วยดูแลทำความสะอาดผิวอย่างอ่อนโยน
ขจัดน้ำมันส่วนเกินและสิ่งสกปรกได้อย่างหมดจด
พร้อมป้องกันการเกิดสิวและริ้วรอยได้อย่างต่อเนื่อง

ปริมาณ : 145 Ml. ราคา : 920 บาท



Texture : เป็นน้ำใส สีเหลืืองอ่อนๆ มีกลิ่นหอมเปรี้ยวจี๊ดมากกก ครับ (แนวกลิ่นผลไม้ตระกูลส้ม-มะนาว
มาจากน้ำหอม + สารสกัดจาก Lemongrass ครับ) เวลาใช้จริง กลิ่น Alcohol จะลอยขึ้นมา ทำให้แสบตา + เตะจมูกพอสมควรครับ
อันนี้เป็นข้อเสียข้อเดียวที่ีเจอจริงๆครับ ถ้าเป็นไปได้ อยากให้ทางแบรนด์ปรับสูตร ลด Alcohol ลง หรือตัดออกไปเลย ก็จะถูกใจผู้บริโภคมากยิ่งขึ้นครับ (แต่การปรับสูตร อาจจะกระทบต่อผลลัพธ์ที่ได้ เพราะสาร BHA จะละลาย+ทำงานได้ดีในเบส Alcohol)




Packaging : บรรจุภัณฑ์ เป็นขวดพลาสติก มีฝาเปิด-ปิดแบบเก๋ๆ

(อารมณ์เดียวกับสินค้าของ Amway เลยครับ)





(เชิญชมภาพเคลื่อนไหวด้านล่าง เพื่อให้เห็นภาพชัดเจนครับ) ===>





Ingredients Analysis : มาวิเคราะห์ส่วนผสมกันเลยนะครับ












The Results : ผลลัพท์ที่เกิดขึ้นจริงครับ






KUNGINTER Say : It's More That Just A Toner !!


It's More Than 1% BHA Liquid !!!


It's Comedones Remover & Acne Bacteria Killer
And Such A Great After Shave !!!!





สรุป : 1 % BHA ของ Burt's Bee ตัวนี้ จะพิเศษตรงที่ ไม่ใช่แค่มี 1 % BHA แต่เป็น

" 1 % BHA + Soothing Agents + Antiseptic + Anti-inflammatory + Anti-irritants + Astringent + Skin Conditioning Agents + Antimicrobial + Potent Phyto-Estrogen " ครับ
ถ้าจะเทียบตัวนี้กับ BHA ของป้าพอลล่า คิดว่าค่อนต่างกันครับ ตัวนี้จะอ่อนกว่า ในแง่การรักษา
เหมาะสำหรับคนที่เพิ่งเริ่มลองใช้ BHA เป็นครั้งแรกครับ และแน่นอนว่า ต้องไม่แพ้น้องแอลกอฮอล์นะคร้าบบ
(ของป้าพอลล่ามีให้เลือกทั้ง 1% BHA และ 2 %BHA ครับ)

ซึ่งกุ้งเอง ใช้ตัวนี้เช็ดผิวหน้า + คอ ทุกวันจนหมดขวด ในช่วงที่มีสิวอุดตันเยอะๆครับ
ได้ผลในระดับที่มองเห็นได้ชัดเจนเลยครับว่า สิวอุดตัน + สิวเสี้ยน = ลดลงครับ
ส่วนสิวอักเสบ มีแนวโน้มจะอักเสบมากขึ้นเล็กน้อย (ภาษาชาวบ้านเรียกว่า ทำให้สิวสุกไว)
ก็ต้องไปให้แพทย์กดหัวสิวออก แล้วรักษารอยดำ รอยแดงด้วยเจลแต้ม ครีมแต้มลดรอย และ/หรือ ยิง V-beam ควบคู่ไป
ก็จะทำให้ทุกอย่างดีขึ้นอย่างรวดเร็วครับ


TIPS : สามารถใช้ Toner ตัวนี้ หลังการโกนหนวด หรือ กำจัดขนได้ดีครับ
เพราะมีทั้ง BHA ลดการเกิดขนคุด + สารสกัดหลายตัว ที่เป็น Antibiotic ช่วยฆ่าเชื้อ และสมานผิวไปในตัวครับ



Find More Information ===>





ปล. ข้อมูลด้านส่วนผสมและสารสกัดในการรีวิวนี้ทั้งหมด กุ้งเป็นผู้ค้นคว้าหามาเอง และ รีวิวนี้ กุ้งไม่ได้รับเงิน หรือ ค่าตอบแทนจากทางแบรนด์นะครับ ขอบคุณครับ :)
------------------------------------


KUNGINTER Health And Beauty Blogger
( Studying Master of Science program in Anti - Aging and Regenerative Science )
MFU University Bangkok,Thailand


และตอนนี้สามารถพบปะและร่วมพูดคุยกับกุ้งได้มากขึ้น ใน Page ของกุ้งเองนะครับ













 

Create Date : 08 ธันวาคม 2554    
Last Update : 30 พฤษภาคม 2556 17:29:36 น.
Counter : 13558 Pageviews.  

[ รีวิว ] แนววิเคราะห์การตลาด + ส่วนผสม Boots No7 Instant Vitality Eye Roll On ::


สวัสดีครับทุกคน วันนี้ เราจะมาพูดคุยกันถึง “ ผลิตภัณฑ์รอบดวงตา ” กันบ้างนะครับ เพราะเป็นผิวโซนที่สามารถฟ้องวัย และ แสดงร่องรอยความเสื่อมโทรมของผิว ( Skin Aging Signs) ** ให้คนทั่วไปรับรู้ได้ทันทีว่า ตัวเรานั้น มีคุณภาพชีวิต และสุขภาพ เป็นอย่างไร ? เช่น เป็นคนนอนดึก สูบบุหรี่จัด ขาดสารอาหาร ขาดน้ำ ร่างกายอ่อนแอ เป็นภูมิแพ้ ดูแลตัวเองไม่ดี เป็นต้น ดังนั้น การที่คนเรา จะ “ ดูดี ” แบบครบสมบูรณ์ได้นั้น ต้องเกิดจากการดูแลผิว ครบทุกส่วน รวมไปถึง บริเวณคอ , หน้าอก และ รอบดวงตา อย่างที่ผมกล่าวไปในข้างต้นครับ


** Aging Signs = ริ้วรอย รอยหมองคล้ำ ถุงใต้ตา ผิวรอบดวงตาแห้ง และขาดความยืดหยุ่น


และ เฉกเช่นเดียวกันกับการเลือกผลิตภัณฑ์ดูแลผิวหน้า ที่เราควรจะมองหาตัวที่ มีส่วนผสมที่ดี ราคาสมเหตุสมผล และ บรรจุภัณฑ์ที่เหมาะสม ครับ









ซึ่งปัจจุบัน Eye Care product ในท้องตลาดบ้านเรา หรือตลาดฝั่งอเมริกาและยุโรป ได้พัฒนาเทคโนโลยีทางด้านบรรจุภัณฑ์กันไปมาก เริ่มจากเมื่อก่อน ที่เราจะเห็นครีมบำรุงรอบดวงตา จะบรรจุลงกระปุกซะเป็นส่วนใหญ่ ทำให้คุณค่าดีๆ สารอาหาร วิตามินต่างๆ เสื่อมสลายไปอย่างรวดเร็ว และยังสามารถเป็นตัวทำลายสุขภาพได้อีกด้วย


( เช่น วิตามินซีในครีม บำรุงรอบดวงตา หากเสื่อมสภาพเปลี่ยนสี จะกลายร่างเป็น Free Radical ทำลายผิวรอบดวงตา ทำให้เราดูแย่และโทรมกว่าเดิม )


นอกจากนี้ ส่วนใหญ่กระปุกทำจากแก้ว ทำให้ตกแตก เป็นที่น่าเสียดายเป็นอย่างยิ่ง ( ตัวกุ้งเองก็เคยทำแตกมาหลายกระปุกแล้วครับ จุดๆนี้ เสียดายมากกฮะ Y_Y )









ตัวอย่าง : บรรจุภัณฑ์ที่ไม่เหมาะสม เป็นกระปุก (jar) อากาศเข้าได้ง่าย


พอเวลาผ่านไป เข้าสู่ยุคที่การตลาดและการแข่งขันในกลุ่ม Eye Care Product พุ่งตัวสูงขึ้น บวกกับความต้องการลูกเล่นใหม่ๆของผู้บริโภค ทำให้ผู้ผลิตค้นคว้าออกแบบบรรจุภัณฑ์ใหม่ๆออกมาให้เข้ากับ Life Style ที่เน้นความสะดวก ( พกพาติดตัวได้ เช่น เวลาไปเที่ยวต่างจังหวัด) และ เน้นคุณค่าด้านส่วนผสมเป็นหลัก (เพราะปัจจุบัน ผู้บริโภคมีความรู้ในเรื่อง การอ่านส่วนผสม มากยิ่งขึ้น)


ดังนั้น ในปัจจุบัน จึงพบ Eye Care Product ในรูปแบบ “ Eye Roll On” เกิดขึ้นมากมาย ในท้องตลาด ทั้งในเมืองไทยเองและเมืองนอก เพราะมีจุดขายใหม่ๆ คือมีลูกกลิ้งทำจากโลหะ ให้ความเย็น เพลิดเพลิน ผ่อนคลายเวลาใช้งาน และ พกพาง่าย หลากหลายยี่ห้อครับ


ดังภาพตัวอย่าง ด้านล่างครับ





ภาพด้านล่าง :ตัวอย่าง Ads โฆษณา (ส่วนใหญ่เป็นของ Garnier ที่เน้นการโฆษณาอย่างหนักหน่วงกว่าเพื่อน ) 





และโชคดีมากครับ ที่คราวนี้กุ้งได้รับผลิตภัณฑ์ของ No7 โดย Boots ประเทศไทย ที่ได้ส่งมาให้กุ้ง ช่วยดูส่วนผสม และทดลองใช้ ว่าจะดีถูกใจ หรือไม่ อย่างไร


โดยพอได้มาลอง ก็ทำการ Update ให้เพื่อนๆใน Facebook ทราบ และมี Comment จากเพื่อนๆที่ซื้อไปใช้แล้ว ให้ Feedback ที่ดีกลับมา ยิ่งทำให้อยากใช้มากกว่าเดิมอีกครับ






   งั้นเรามาเริ่มกันเลยนะครับ Eye Care Product น่าเล่นตัวนี้ มีชื่อเต็มๆ ว่า 


No7 Instant Vitality Eye Roll On


ซึ่งหลอดนี้ ต้องบอกว่า ทาง Boots ประเทศไทย


ได้นำเข้ามาเมื่อไม่นานมานี้ และเป็น Lot ที่ผลิตใน UK


( United Kingdom หรือ ผลิตในประเทศอังกฤษ )


จึงสามารถมั่นใจในมาตรฐานของโรงงานเค้า พอสมควรครับ


ว่ารายการ Ingredient Lists จะถูกต้อง ตามที่ลงไว้ในฉลากครับ









นี่คือ หน้าตา และรายการส่วนผสม นะครับ ซึ่งจากการเรียงลำดับความเข้มข้น จะเห็นได้ว่า


1. เป็น Water Base เบาสบายผิวแน่นอน และ ปราศจาก Alcohol (ไม่ทำให้ผิว เกิด Free Radical และ ไม่พรากน้ำไปจากผิวแน่นอนครับ )


2. มี Glycerin สูงมาก มาเป็นอันดับ 3 ส่วนตัวคิดว่าน่าจะผสมอยู่ 3 - 5 % ซึ่งเพียงพอให้เกิดประสิทธิภาพครับ


3. มี Mica ซึ่งเป็น ผงแร่สีชมพูมุก ทำหน้าที่ กระจายแสง + อำพรางร่องริ้วรอยได้ และเป็นที่รู้กันว่าแม้จะชั่วคราว แต่ก็เห็นผลได้ในทันทีที่ทาเช่นกัน ดังที่เราจะพบเห็นเจ้าสารตัวนี้ใน Make Up ที่ช่วยอำพรางปัญหาผิวทั้งหลายครับ


4. มี “คาเฟอีน” เป็นสารที่มาจากพืชจำพวกกาแฟและโคล่า ( พืชที่ใช้ทำน้ำดำอย่าง Coca Cola – Coke นั่นเอง) ซึ่งพิสูจน์แล้วว่า มีฤทธิ์ช่วยป้องกันริ้วรอย + ต้านแก่ได้ !! ***( ด้วยการเป็น Anti-Oxidant ที่ดีมากตัวนึงครับ )


*** caffeine does have potential as an antioxidant ( //www.cosmeticscop.com/cosmetic-ingredient-dictionary/definition/265/caffeine.aspx )


5. มี panthenol หรือ Vitamin B 5 ที่มีผลวิจัยยืนยันชัดเจนครับ ว่าช่วย 2 เรื่องใหญ่ๆ คือ 1. เติมความชุ่มชื่น 2. เยียวยา+ฟื้นฟูสภาพผิว


( research showing that it can be effective for hydration and wound healing : //www.cosmeticscop.com/cosmetic-ingredient-dictionary/definition/1062/pantothenic-acid.aspx )


6. มีวิตามินซีแบบอนุพันธุ์ ชนิด Ascorbyl glucoside ( คือ การนำ vitamin C มาผลึกกับ น้ำตาล glucose ) ช่วยต่อต้านความชรา หรือ ต่อต้านอนุมูลอิสระได้ดีครับ ใน Eye Roll On ตัวนี้ น่าจะใส่มาให้ไม่ถึง 1 -2 % ก็เลยแค่ พอช่วยได้บ้าง ( ไม่ถึงกับทำหน้าที่เป็น Whitening ลดรอยคล้ำใต้ตาได้ครับ คงต้องเข้มข้นสัก 5-10 % ถึงจะลดเมลานินได้อย่างมีประสิทธิภาพครับ )


7. Hesperidin methyl chalconegx เป็นสารในกลุ่ม Citrus bioflavonoid ที่ได้จากผลไม้ ตระกูลส้มครับ เขามีงานวิจัยว่า สามารถช่วย ลดรอยคล้ำใต้ดวงตาได้ โดยหลักการทำงานจะมุ่งไปที่ เส้นเลือดฝอยใต้ตา และ ฮีโมโกบิน คือเม็ดเลือดแดงของเรา โดยต้องใช้ร่วมกับ Vitamin C ครับ


8. ตัวที่เรียกได้ว่าเป็น ดาวเด่น หรือ หัวใจสำคัญใน Eye Roll On ตัวนี้ ในการป้องกัน+ลดเส้นริ้วรอย คือ Peptide เปปไทด์ต่างๆ ที่ใส่มาให้ถึง 3 ตัว 3 ชนิดด้วยกันครับ ตัวแรกคือ Dipeptide-2 ซึ่งเป็น Peptide ที่เราจะพบในสินค้าเคาทเตอร์แบรนด์ ชื่อดังอย่าง Elizabeth Arden รุ่น Ceramide Plump ตัว Perfect Eye Moisture Cream SPF 15 และ Product ของ Juice Beauty ก็เลือกใช้ Peptide ตัวนี้ มาใช้ ในการลดเลือนริ้วรอยเช่นเดียวกันครับ นับว่า Boots ใจถึงมากๆครับ


( //cosmetic-ingredients.net/search.php?ingredient=Dipeptide+2 )


9. Peptide อีกตัวที่ Boots ภูมินำเสนอ แต่ใช้ใน product ของตัวเองหลายต่อหลายตัว เช่น ในไลน์ Protect & Perfect ที่มีชื่อเสียง และขายดีมากๆ ในเกาะอังกฤษ


สารตัวนี้ ชื่อว่า Palmitoyl Tetrapeptide-7 ซึ่งถ้าไปมองหาในระดับแบรนด์หรู จะพบว่า เป็นตัวเดียวกันกับที่ Elizabeth Arden ใช้ผสม ในรุ่น Intervene ตัว Pause and Effect Eye Cream และ La Prairie รุ่น Cellular Revitalizing Eye Gel ซึ่งราคาของทั้งสองตัวนี้ ไม่เบาเลยครับ


10. มีการผสมสาร Chrysin (สารปรับสภาพผิว ให้ชุ่มชื่น) ลงไปด้วย ซึ่งเป็นสารบำรุงที่ปลอดภัย และปกติแล้ว จะพบสารนี้ได้ใน Dior Hydra Life Youth, Clarins hydra-Matte เป็นต้น


11. ใช้สาร Top Hits อย่าง peptide ที่ชื่อว่า Palmitoyl Oligopeptide ( มีอีกชื่อเรียกว่า Dermaxyl, Matrixyl 3000 โดยผสมรวมกับตัว Palmitoyl Tetrapeptide-7 เพื่อทำงาน กระตุ้นการสร้างโปรตีนคอลลาเจนใต้ผิว) (มีผลวิจัยว่า สามารถลดริ้วรอยได้ ถ้าใช้ติดต่อกัน 2 เดือน) น่าสนใจมากครับสารตัวนี้


ข้อมูลสารตัวนี้ เพิ่มเติม : //www.smartskincare.com/treatments/topical/palmitoyl-oligopeptide-palmitoyl-tetrapeptide-7-matrixyl-3000.html


จากส่วนผสมทั้งหมด จะเห็นได้ว่า No7 Instant Vitality Eye Roll On เป็นอีก 1 Eye Care Product ที่น่าใช้มากๆ เลยใช่ไหมครับ? เพราะมีส่วนผสมระดับ Hi-End ที่พบในเคาท์เตอร์แบรนด์ อย่าง Peptide 3 ตัว


และ บรรจุภัณฑ์ ที่ออกแบบมาให้ถึง 3 หัวกลิ้ง (ขณะที่ ในท้องตลาดทั่วไป ให้มาเพียง 1 หัวกลิ้งเท่านั้น ) ทำให้เนื้อครีมกระจายตัวได้ดี ทั่วถึง และมีผล ช่วยผ่อนคลายผิว ด้วยหลักการให้ความเย็น (ถ้าเอาไปแช่ตู้เย็นก่อนใช้ ก็จะดีมากครับ ) งั้นเรามาลองทาผิว เพื่อดู Effect ของ Mica สีชมพุมุกที่ทำให้เนื้อเจลกึ่งครีม มีสีชมพุมุก สวยงาม โดยจะทำงานบนผิวทันทีในการช่วยอำพรางรอยคล้ำ+เส้นริ้ว โดยหลักการหักเหแสง กันเลยดีกว่าครับ







ทดสอบทา บริเวณท้องแขน เพื่อดู Texture และ ทดสอบอาการแพ้


ข้อสรุป การทดลองใช้ ระยะสั้น :
1. บริเวณที่ทดลองทาลงไป มีลักษณะ เรียบเนียนขึ้นอย่างเห็นได้ ด้วยตาเปล่าครับ (เซลล์ผิว ได้รับน้ำ+กลีเซอรีน ทำให้ Cell อิ่มน้ำขึ้น )
2. สีผิวบริเวณที่ทา มีความสดใส กระจ่าง มากยิ่งขึ้น ( ผง Mica กระจายทั่วผิว หักเหแสงอำพรางรอยคล้ำ + ริ้วรอยไว้บางส่วน )
3. ไม่พบอาการระคายเคือง หรืออาการแพ้ใดใดครับ อ่อนโยนมากทีเดียว
ส่วนผลลัพธ์ระยะยาวนั้นจะเป็นอย่างไร ต้องคอยติดตามกันต่อไปนะครับ แล้วกุ้งจะมา Update ผล ที่ใช้กับผิวรอบดวงตาจริงๆ ให้ทราบอีกทีครับ ขอบคุณที่ติดตามอ่านมาจนถึงบรรทัดนี้นะครับ



KUNGINTER
Health And Beauty Blogger
( Studying Master of Science program in Anti - Aging and Regenerative Science )
MFU University Bangkok,Thailand


Free TextEditor




 

Create Date : 21 พฤศจิกายน 2554    
Last Update : 30 พฤษภาคม 2556 17:22:13 น.
Counter : 22935 Pageviews.  

[ รีวิว ] IPSA :: ON THE PEAK Lotion Serum e



 :: KUNGINTER TALK :: 



ชื่อผลิตภัณฑ์ :  ON THE
PEAK LOTION SERUM e


อิปซ่า
ออน เดอะ พีค โลชั่น ซีรั่ม อี


โลชั่นบำรุงผิวหน้า


วิธีใช้ กดหัวปั๊ม 3 ครั้ง ลงบนแผ่นสำลี เช็ดลงบนผิวออกไปด้านข้าง
และใช้ฝ่ามือกดเบาๆ ราวกับโอบรัดบนใบหน้า เพื่อให้ซึบซาบได้อย่างทั่วถึง


ผลิตโดย บริษัท อิปซ่า จำกัด ประเทศญี่ปุ่น


นำเข้าโดย
บริษัท ชิเซโด้ (ไทยแลนด์)จำกัด


ปริมาณสุทธิ 170 มิลลิลิตร


ราคา 4,800 บาท


Ingredients List :


Water,
Alcohol, Butylene Glycol, Glycerin, Betaine, Methyl
Gluceth-10
,
Dipropylene
Glycol, PEG-32, PEG-6, PEG-60 Hydrogenated Castor Oil, Triethylhexanoin, Phenoxyethanol,
Polyglyceryl-2 Diisostearate, Simmondsia Chinensis (Jojoba) Seed Oil, Trisodium
EDTA, PEG-90M, Sodium Citrate, Isostearic Acid, Citric Acid, Fragrance, Lauryl Betaine, Arginine HCl, Serine, Alanine, Tocopheryl Acetate, Silica, Magnesium Ascorbyl
Phosphate,Hydroxyproline, Isodonis Japonicus Extract, Sodium
Polygamma-Glutamate
, BHT, Sodium Benzoate, Tocopherol,
Methylparaben


รายละเอียด


IPSA On The Peak ตัวนี้ เป็น “เซรั่ม” ในรูปแบบเนื้อ
“โลชั่น”
ที่เค้าบอกว่า
มีประสิทธิภาพสูงที่สุดสูตรหนึ่งของ
IPSA เพราะเค้าได้ใส่กรดอะมิโนลงไปหลายตัว
เช่น Arginine HCl, Serine, Alanine และ Hydroxyproline เพื่อเพิ่มความชุ่มชื่นและทำให้ผิวแลดูอิ่มๆอวบๆ
(
ใช้ Sodium Polygamma-Glutamate ที่เป็นสารก่อเจลประเภทโปรตีน
แต่มีลักษณะเป็น Polymer ช่วยให้ผิวอมน้ำได้ดีเยี่ยม รวมถึงสาร
Betaine ซึ่งช่วยเก็บกักน้ำให้ผิวดี
และ นาน กว่า Sodium Hyaluronic เสียอีก และ สาร Methyl Gluceth-10ก็ช่วยให้ผิวเก็บน้ำไว้ได้ดีขึ้นอีกแรงนึงเช่นกัน)มากกว่านั้นมีส่วนผสมที่เน้นเรื่องเพิ่มความใสให้ผิวด้วย(โดยการลดการสร้างเมลานิน โดยใช้
Magnesium Ascorbyl Phosphate ซึ่งเราทราบกันดีว่ามันคือ
วิตามินซี versionเสถียรอีกตัวนึงนั่นเอง 
ซึ่งจะช่วยทำหน้าที่นี้ แต่กุ้งก็ไม่ทราบว่าทาง IPSA เค้าใส่มาให้กี่ %แต่ที่แน่ๆ ไม่น่าจะเยอะมากเพราะอยู่หลัง Silica อีก
ส่วนตัวเลยคิดว่า
มันไม่ค่อยช่วยด้านความกระจ่างใสเท่าไหร่นักแต่ถ้าความชุ่มชื่นล่ะก็ ตัวนี้จัดเต็มเลยทีเดียวนะ จะบอกให้) เค้าบอกไอ้เจ้าซีรั่มแบบโลชั่นนี้ ยังช่วย “ขจัด” หรือ “ผลัด” เซลล์ผิวที่ “เสื่อมสภาพ เซลล์ที่ไม่ได้มาตรฐาน หรือ เซลล์ที่หมดอายุขัย ” ออกไปจากผิวเราด้วย( สังเกตจากเวลาที่เราปั๊มโลชั่นลงสำลีแล้วเช็ดผิว
จะเห็น
คราบดำๆติดออกมาบ้าง
เนื่องจากอิทธิฤทธิ์ของ
Lauryl Betaine ซึ่งเป็นสารชะล้างทำความสะอาดและมี Alcohol ช่วยอีกแรงนั่นเอง คิคิเค้าบอกอีกว่า มันมีประสิทธิภาพในการ “ส่งเสริม” การทำงานของ
Skin Care ตัวถัดๆไป ที่จะทาลงผิว
( เพราะมีสารทำละลายหลายตัว
เช่น
Butylene
Glycolและ Dipropylene Glycol
ซึ่งมีฤทธิ์ทำละลายสารและนำพาลงสู่ผิวได้ดีขึ้นบ้าง (ดีกว่าเอาน้ำเปล่าพรมหน้าล่ะกัน คิคิ)


ข้อสังเกต :


ผลิตภัณฑ์นี้มีน้ำหอมผสมอยู่  


- ผลิตภัณฑ์นี้มี Alcoholผสมอยู่


ผลิตภัณฑ์นี้ มีสารที่ช่วยหักล้างผลเสียของ Alcohol ผสมอยู่หลายตัวจึงใช้แล้วจะไม่พบปัญหาความแห้งกร้านจาก Alcohol แน่นอน Don’t worry นะจ๊ะ !!





:: THE RESULTS ::



ผลลัพธ์ :


- ผิวชั้นบนสุด ดูมีสุขภาพดีขึ้น ชุ่มชื่นขึ้น


     ข้อนี้จริงนะ ก็ แหมม อัดสารให้ความชุ่มชืนมาหลายตัวซะขนาดนั้นทั้ง Betaine ที่ work กว่า Hyaluronic Acid * ทั้ง Methyl Gluceth-10 ทั้ง Arginine HCl, Serine,
Alanine
และ Hydroxyproline ซึ่งมันเป็นกรดอะมิโนที่เป็นองค์ประกอบหลักของ Collagen ไง พอเอามาผสมลงในโลชั่น มันก็ไม่ได้ขนาดว่าจะช่วยลดริ้วรอยอะไรได้
เพราะมันซึมลงไปยังผิวชั้นล่างไม่ได้ แต่มันช่วยให้ผิวชุ่มชื่นมากๆแล้วพอผิวมันชุ่มชื่นมากๆผิวก็จะมีสุขภาพดีขึ้นเอง จริงๆนะ


- ผิวนุ่มขึ้น


    จริง ! คือด้วยความที่เนื้อสัมผัสมันเป็นโลชั่นที่เข้มข้นกลางๆ แต่นุ่มมาก


     คือ
เนื้อนุ่มๆลื่นๆเหนอะๆนิดนึง เพราะเค้าใส่
Polyglyceryl-2 Diisostearate ซึ่งเป็นสารเคลือบผิวให้นุ่นลื่น และ Jojoba Oil ซึ่งเป็นน้ำมันจากพืชเพียงชนิดเดียวของโลกในตอนนี้
ที่มีลักษณะโครงสร้างคล้าย
Sebum ของคนเราที่สุด
และให้สัมผัสที่เป็น
Silk Touch ที่นุ่นลื่น
ไม่ทิ้งความมันเงาบนผิว เหมือนน้ำมันพืชชนิดอื่นๆ อืมมเค้าก็เข้าใจเลือกใช้สารนะ


- ผิวดูยืดหยุ่นขึ้น


     ก็จริงอีก ! เพราะผิวของเราเป็นโปรตีนทั้งนั้น พอได้กรดอะมิโนมาเสริม
มันก็เหมือนบ้านที่ทาสีใหม่ ฟื้นฟูก้อนอิฐให้สวยงามขึ้น
เนื่องจากเซลล์ผิวอิ่มน้ำมากขึ้น ก็เลยแลดูยืดหยุ่นขึ้นไง
แต่ถ้าหยุดใช้ก็เหมือนเดิมนะ ต้อง
Maintain ไปเรื่อยๆ


กลิ่นหอมอ่อนๆจากดอกกุหลาบ


    ไม่รู้ว่าสายพันธุ์ไหนหรอกแต่กลิ่นมาจากFragranceไม่ใช่ Essential Oil จากดอกกุหลาบโดยตรงเหมือนบางแบรนด์ ( ส่วนตัวกุ้ง คิดว่า IPSA เค้าปรุงมาได้หอมกำลังดีนะ คือหอมแบบผู้ดี หอมอ่อนๆ
แนวบำบัดอารมณ์ ผ่อนคลายสติ คือ ถ้าเครียดๆ กลับบ้าน อาบน้ำ+ใช้ตัวนี้ ก็พอจะช่วยได้บ้างเหมือนกันนะเออ 55+)


*อ้างอิงประโยค Betaine ที่ work กว่า Hyaluronic Acid //www.sinthaichem.com/pdf/K/spec/5.PDF


สรุปคือ ซีรั่มในรูปแบบโลชั่นตัวนี้ เหมาะกับผู้ที่ต้องการโลชั่นเนื้อเข้มข้นปานกลาง


ที่ให้ความชุ่มชื่น ชุ่มฉ่ำ กักเก็บน้ำให้ผิวได้ดีเยี่ยม (คนที่มีผิวขาดน้ำ จะชอบมาก)


กลิ่นหอมดอกกุหลาบอ่อนๆ ส่วนผสมดี แต่ราคาค่อนข้างสูง คือถ้ามองแบบโลชั่นเช็ดผิวจะว่าแพงมาก


แต่ถ้ามองว่ามันเป็นซีรั่มบำรุงผิว กับปริมาณ 170 ml กับราคา 4,800
บาท ( 30 ml เทียบเท่า 847 บาท ) กุ้งก็คิดว่าเป็น
Product ที่น่าครอบครองตัวนึงของ IPSA เลยหล่ะครับ
;)



 หวังว่าการทำรีวิวนี้ของกุ้ง...จะเป็น “ประโยชน์” ต่อการ
“ตัดสินใจ เลือกซื้อ เลือกใช้”ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวต่างๆ...มากยิ่งขึ้นนะครับ
แล้วพบกันใหม่ครับ 




และตอนนี้สามารถพบปะและร่วมพูดคุยกับกุ้งได้มากขึ้นใน Page ของกุ้งเองนะครับ ที่นี่เลยครับ ^^ ฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะครับ รักทุกคน จุ๊บๆ






Free TextEditor




 

Create Date : 02 เมษายน 2554    
Last Update : 30 พฤษภาคม 2556 17:22:25 น.
Counter : 4563 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  

kunginter
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 449 คน [?]




Let's Talk About Health And Beauty Stuffs :)

  • MyFreeCopyright.com Registered & Protected
  • New Comments
    Friends' blogs
    [Add kunginter's blog to your web]
    Links
     

     Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.