All Blog
Nearly lost love จนกว่ารักบันดาลใจ...โดย นาวาร้อยกวี

Nearly lost love จนกว่ารักบันดาลใจ...โดย นาวาร้อยกวี


          บอกเล่าเรื่องราวของหนุ่มหล่อสุดเพอร์เฟคอย่าง ปริวัตถ์ วิศวกรโยธาผู้เคร่งขรึม เมื่อในวันหนึ่งเขาต้องมาแบกรับหน้าที่เป็นพี่เลี้ยงสอนงานให้ มนต์วธู วิศวกรน้องใหม่ สาวสวยสุดมั่นที่ชายใดก็ต้องเหลียวหลัง มีเพียงเขาเท่านั้นที่แม้แต่ใบหน้าสวยๆก็ยังไม่อยากจะมอง...

          นั่นเพราะเธอคือ อดีต ที่ทำกับเขาไว้อย่างแสบสัน

          นั่นเพราะเธอพยายาม รื้อฟื้น ทุกอย่างให้กลับมาเป็นปัจจุบัน

          นั่นเพราะลึกๆในใจนั้น เขารู้ว่าเธอไม่มีทาง ทำสำเร็จอย่างแน่นอน ...ไม่มีทาง



(สนพ.อรุณ    ตีพิมพ์ครั้งที่ 2 พ.ค.55    จำนวนหน้า 358    ราคาปก 245)


ความรู้สึกหลังจากที่ได้อ่าน...


          เป็นนิยายอีกเรื่องที่บอกได้ว่า ไม่ใช่อย่างที่ตาเห็นตามโปรยปกหลัง ไม่ใช่ว่าคนเขียนสื่อไม่ตรง เขาแค่ไม่ได้บอกเราทั้งหมดเท่านั้นเอง กับพล็อตนางเอกแรงๆ ‘ตามจับ’ ผู้ชาย มันไม่ใช่แนวเลยจริงๆ ดีที่เราเลือกซื้อมาอ่านเพียงแค่สะดุดใจจากชื่อเรื่องและชื่อคนเขียน (เห็นว่าเพราะดี เหตุผลง่ายมาก 55) ไม่เคยได้รู้มาก่อนว่าแนวไหน ไม่เคยอ่านโปรยหลังมาเลยจริงๆ หรือมองรีวิวก็แค่ผ่านๆ (เพิ่งมารู้ว่าดังก็เมื่อไม่นานมานี้เอง 55) เพราะถ้าหากได้รู้ก่อนคงไม่หยิบอ่านแน่ๆ และอาจทำให้พลาดนิยายสนุกๆอีกเรื่องหนึ่งไปเลยก็ได้...


          พล็อตเริ่มต้นอาจเป็นแค่ภาพลวงตา เพราะเธอคืออดีตที่ทำกับเขาไว้เจ็บแสบ และเพราะเขาคือรักแรกและรักเดียวที่เธอตามหา เธอนั้นดื้อ ส่วนเขาก็ด้านชา ในคราแตกหัก เขาจำต้องเปิดใจกับเธอไปตามตรง เธอควรยอมรับความจริงเสียที และในตอนนั้นนั่นเอง ที่ทั้งคู่ก็ไม่รู้อีกต่อไปแล้วว่า...เขาจะใช่คนที่เธอเคยรู้จักอีกหรือไม่? หรือตัวตนใดจะใช่เธอคนนี้กัน?...

          เมื่อต่างฝ่ายต่างต้องยอมรับความจริง และปรับสถานะมาเป็นเพียงแค่ ‘ผู้ร่วมงาน’ สิ่งที่เธอเคยเพียรสร้างให้กลับมารักกันก็ไม่จำเป็นอีกแล้ว สิ่งที่เขาเพียรระแวงก็ไม่จำเป็นอีกต่อไป ความพยายามที่จะปั้นแต่งหรือปัดป้องนั้นจึงไม่มี ความสัมพันธ์ของเขาและเธอมีแต่คำว่า ‘คนอื่น’ ที่ยังต้องอยู่ใกล้...อย่างจำใจ แต่เหตุใด? ทำไม? ภาพของใครอีกคนยังรบกวนจิตใจกัน...


          เมื่อได้ลองลงลึกเข้าไปเรื่อยๆ อดทนมากพอที่จะไม่รังเกียจนางเอกไปเสียก่อน เราก็จะได้รู้ความหมายของการกระทำทั้งหมด ภายในนั้นอารมณ์จะพลิกไปพลิกมาหลายรอบมาก ควบคู่ไปกับการทำงานจริงจัง (อ่านแล้วเพ้อหนุ่มวิศวะมาก ส่วนนางเอกก็เท่ห์ไม่แพ้กัน >__<) มีการเติบโตทัศนคติของตัวละคร ความรักทำให้คนไม่มีความคิด ทำเรื่องงี่เง่าไร้เหตุผล จนเมื่อได้สติหันกลับมามองมัน

          คนหนึ่งก็พบว่าความรัก...ไม่ใช่ทุกสิ่งของชีวิต

          คนหนึ่งก็พบว่าแค่รัก...ไม่อาจตอบโจทย์ทุกๆอย่าง

          บทเรียนและประสบการณ์ เวลาที่ผันผ่าน เปลี่ยนแปลงคนคู่หนึ่งไป ทำให้เราไม่ใช่คนๆเดิมอย่างที่เคยรักกันในอดีต ไม่ใช่คนที่แสนดีอย่างที่เคยเป็นอีกแล้ว ด้วยภาระหน้าทีและอะไรหลายอย่าง ทำให้เรามีบทบาทใหม่ มีใบหน้าใหม่ ที่ใครอีกคนไม่เคยเห็น ไม่เคยรู้จักมาก่อน  บวกกับความไม่เข้าใจและการสื่อสารที่ผิดพลาด (มีหลายตอนที่ผู้เขียนยกประโยคหนึ่งขึ้นมาเปรียบ เวลาที่พระนางไม่หันมาพูดคุยกันดีๆ–หมายเลขที่ท่านเรียกไม่สามารถติดต่อได้ในขณะนี้--) หรือเส้นทางที่เคยแยกจากกัน จะไม่มีวันกลับมาบรรจบกันได้อีกเลย... 

          หากโชคชะตาเคยส่ง ‘โอกาส’ ให้คนสองคนได้มาพบกันครั้งหนึ่ง บทชีวิตต่อไปก็ขึ้นอยู่กับตัวเราเองว่าจะลิขิตเส้นทางนั้นไปในทิศทางไหน...

          จนกว่ารักจะบันดาลใจ คงขึ้นอยู่กับหัวใจของเราเอง...



          เรื่องนี้มีปกใหม่แล้วนะ สวยกว่าที่มีมากก T-T แถมมีเล่มต่อด้วย บอกไว้เผื่อมีคนไม่ค่อยรู้แบบเรา 555 รู้สึกดีนะที่อีกคู่ในเรื่องต่อไปไม่ได้ออกมาแย่งซีนในเรื่องนี้เลย คนเขียนไม่ได้ทิ้งปมอะไรไว้เลย แต่อ่านเรื่องนี้แล้ว เห็นฝีมือกันแล้ว ก็อยากตามมาอ่านต่อ เราคงจะได้เจอกันใน...อกเกือบหักแอบรักคุณสามี (ชื่อเพราะอีกแล้ว)




Create Date : 19 เมษายน 2558
Last Update : 26 เมษายน 2558 11:28:13 น.
Counter : 2983 Pageviews.

9 comment
อยากกู่ร้องบอกรักให้ก้องโลก...โดย เคียวอิจิ คาตายามะ

อยากกู่ร้องบอกรักให้ก้องโลก...โดย เคียวอิจิ คาตายามะ

ฤทัยวรรณ เกษสกุล แปล


          บอกเล่าเรื่องราว...ความรักของสองหนุ่มสาวที่ควรจะเติบโตและสวยงามไปด้วยกัน หากแต่ในความเคลื่อนไหวที่เคลื่อนคล้อยเข้ามานั้น ดูจะไร้ซึ่งความหมายใดๆ เมื่อ ซาคุทาโร่ ไม่รู้เลยสักนิดว่าตัวเขาติดอยู่ที่ไหน ในโลกใบเดิมที่ไม่มี อากิ อยู่อีกต่อไปแล้ว...


...การมีชีวิตอยู่เพียงลำพัง มันช่างยาวนานและน่าเบื่อ 

ต่ถ้าได้อยู่กับคนที่เรารัก เผลอแผล็บเดียวก็มาถึงทางแยกเสียแล้ว...



(สนพ.เนชั่นบุ๊คส์    ตีพิมพ์ครั้งที่ 2 เม.ย.48    จำนวนหน้า 200    ราคาปก 150)



ความรู้สึกหลังจากที่ได้อ่าน...


           อายุขัย ดูจะเป็นคำธรรมดาของวัฏจักรชีวิต แต่ไม่เคยมีใครตระหนักถึงมันเลยสักนิด ไม่เคยมีใครคิดว่าสิ่งนั้นจะขยับเข้ามาใกล้เราเมื่อไหร่ ในวันพรุ่งนี้จะยาวนานอีกแค่ไหน น้อยนักที่ใครจะสนใจ คำติดปากของเราจึงกลายเป็น..

’เรื่องของอนาคตยังอีกไกล ถึงตอนนี้คิดไปก็เท่านั้น’


          คำกล่าวสั้นๆบรรทัดบนนั้น เป็นประโยคหนึ่งที่ตัวละครเอกเอ่ยออกมา เขาและเธอก็เป็นอีกคนหนึ่งที่ไม่เคยคิดถึงเรื่องราวเหล่านั้น ไม่เคยคิดถึงการพลัดพราก หรือจากลา เพราะพวกเขายังเป็นแค่คนหนุ่มสาวมัธยมธรรมดา ที่ความรักและความผูกพันเพิ่งจะเริ่มผลิบาน มีหลายสิ่งหลายอย่างที่ได้ทำด้วยกัน และมีอีกหลายสิ่งหลายอย่างที่ยังไม่เคยได้ลงมือทำ...

          และนั่นเองที่ทำให้ ซาคุทาโร่ จมจ่อมกับสิ่งที่เป็นอยู่ ในโลกที่ไม่มี อากิ อีกแล้ว ร่างกายคล้ายขยับไปตามหน้าที่ แต่ไม่สลักสำคัญใดๆสำหรับเขาอีกต่อไป ความโศกเศร้าที่มี คือโซ่ตรวนแห่งความทุกข์ทรมานที่ล่ามใจเขาไว้ หรือความโศกศัลย์นั้นจะเป็นเพียงแค่ความรู้สึกในรูปแบบหนึ่ง ที่เฝ้าคอยให้เวลามาชะล้าง เฝ้ารอนาทีมาจางมันไปจากใจ...

           เท่าที่อ่านจากหนังสือ รู้สึกว่าเนื้อเรื่องมันเป็นเส้นตรงไปสักนิด อาจด้วยใจวาดหวังกับแนวญี่ปุ่นว่ามันจะมีอะไรให้คาดไม่ถึงเสมอ แต่เรื่องนี้ไม่ได้มีจุดพลิกผันอะไรอย่างนั้น หากใครที่ไม่ได้คาดหวังอะไร ก็คงได้ซึมซับกับความรู้สึกหนักๆหน่วงๆที่เนื้อหามอบให้แก่เราได้ไม่ยากนัก...


          นี่คือเรื่องราวในภาพความทรงจำของเด็กหนุ่มคนหนึ่ง ที่ถูกถ่ายทอดจากนิยายกลายเป็นซีรีย์และภาพยนตร์ ในชื่อ พร่ำหัวใจเพรียกหารักที่กลางโลก (Crying out love in the center of the world) แอบไปอ่านเรื่องย่อแล้วดูจะไม่เหมือนในหนังสืออยู่บ้าง คาดว่าจะต้องหามาพิสูจน์ในเร็ววันอย่างแน่นอน…


           แทนที่จะหาตัวอย่างหนังหรือซีรีย์มาให้ดู เราคิดว่ามีบทเพลงที่เข้ากับนิยายเรื่องนี้มากกว่า มาให้ได้ลองฟัง...

           สิ่งที่เป็นมาเสมอของการพบเจอคือการจากลา แต่มีสิ่งหนึ่งที่ไม่เคยจากเราไปไหน นั่นคือความรู้สึกใน...กาลครั้งนั้น


          (ตอนอ่านไม่ร้อง จะมาร้องไห้ก็อีตอนนั่งเขียนบล็อกทุกที T-T)




Create Date : 17 มีนาคม 2558
Last Update : 17 มีนาคม 2558 10:19:17 น.
Counter : 1733 Pageviews.

10 comment
กลลวงเทพจิ้งจอก... โดย โอตสึ อิจิ

กลลวงเทพจิ้งจอก...โดย โอตสึ อิจิ

พรพิรุณ กิจสมเจตน์ แปล


          บอกเล่าเรื่องราวของ ยางิ ชายหนุ่มผู้มีชะตากรรมไม่เหมือนใคร เผชิญชีวิตเร่รอนตามลำพัง ภายใต้ผ้าพันแผลปิดคลุมทั่วร่าง ไม่เว้นแม้แต่ใบหน้าก็ยากจะยอมให้ผู้ใดได้เห็น ในความเดียวดายไร้จุดสิ้นสุด เขาร่วงล้มลงสู่พื้นตรงข้างถนน ตรงนั้นเองที่ เคียวโกะ เด็กสาวมัธยมคนหนึ่งหยิบยื่นน้ำใจมาให้ หยิบยื่นความหวังอยู่เยี่ยงมนุษย์ปกติให้เอื้อมคว้า แต่แล้วกลับมีบางสิ่งปลุกบางอย่างในตัวขึ้นมา ให้เขาเปิดเปลือยโฉมหน้าต่อผู้สู่รู้ได้เฝ้ามอง...


ผมได้แต่ตะโกนร้องในใจขอให้กระแสเวลาเดินช้าลง 

ช่วงเวลาแห่งความสุขจะได้ยืดยาวอีกสักนิดก็ยังดี

ผมรู้ดีครับว่าในที่สุดเสียงตะโกนนั้นจะเงียบลงโดยไม่มีอะไรหลงเหลือ...



(สนพ.Bliss publishing    ตีพิมพ์ก.ค.53    จำนวนหน้า 154    ราคาปก 150)


ความรู้สึกหลังจากที่ได้อ่าน...


          มาอีกครั้งกับผลงานของผู้เขียน กับชื่อนี้ โอตสึ อิจิ ต้องเป็นแนวถนัดลึกลับ Suspense อย่างแน่นอน และนิยายเล่มบางๆของเขามักแบ่งย่อยออกเป็นหลายเรื่อง แบ่งย่อยออกเป็นสองรส เหมือนอย่างในเล่มนี้…


..A MASKED BALL การปรากฏและหายตัวของสิงห์อมควัน..

           ว่าด้วยเรื่องของเด็กชายมัธยมคนหนึ่ง พบว่าสุขาหลังโรงเรียนสถานที่พักผ่อนหย่อนใจไว้แอบสูบบุหรี่ของเขา ได้กลายเป็นสถานที่ติดต่อสื่อสารของคนกลุ่มหนึ่งที่ไม่เคยพบหน้ากัน มันเริ่มต้นหลังจากมีใครคนหนึ่งลงข้อความไว้ ‘ห้ามขีดเขียนบนผนัง’ จากเรื่องสนุกที่ได้โต้ตอบกันไปมา ไม่มีใครคิดเลยว่าจะกลับกลายเป็นหายนะคืบคลานเข้าใกล้ตัว...

          กับพล็อตง่ายๆ พล็อตของการเอาเรื่องเด็กมือบอนขีดเขียนผนังห้องน้ำมาเล่น ในภาพของการเอามาต่อยอดให้กลายเป็นเรื่องสืบสวนชวนสงสัยและลุ้นระทึกไปนั้น ยังแฝงภาพในส่วนลึกของจิตใจคน ในขณะที่เราต้องทำหน้าทีขับเคลื่อนสังคม บางครั้งมันก็เหนื่อยล้า บางครั้งมันก็เหนื่อยหน่าย ห้องสี่เหลี่ยมของสุขาหลังโรงเรียนก็คล้ายกับการที่เรามองหาจุด Safe zone ไว้ให้ตัวเองรู้สึกสบาย การขีดเขียนฝากฝาผนังถึงกันก็คือการสร้างหน้ากาก สร้างร่างอวตารออกมาสวมใส่เอาไว้ระบาย ได้เปิดเผย ได้เพิ่มตัวตนเต็มตัวอย่างที่ไม่อาจทำได้ในสังคมจริง และในขณะที่เราเพิ่มตัวตนให้ตัวเองนั้น เราอาจกำลังเพิ่มอัตตาให้ใครคนอื่นโดยไม่รู้ตัวอีกเช่นกัน เสียงส่งแรงหนุนเล็กๆที่เราส่งไปนั้น ได้ผลักดันให้ใครนำโลกเลวร้ายที่ควรเก็บไว้ เปลี่ยน ‘ข้อความ’ ที่ควรอยู่แต่ในความคิด ให้ก้าวล้ำออกไปกระทำสู่โลกแห่งความจริง...


..กลลวงเทพจิ้งจอก..

           คงเป็นเรื่องธรรมดา หากเราจะยื่นมือเข้าช่วยเหลือเมื่อเห็นคนล้มลงอยู่ตรงหน้า แต่ถ้าหากว่าคนที่กำลังล้มลงไปนั้น เป็นเพียงคนจรเนื้อตัวสกปรก มีผ้าพันปิดไว้ทั่วตัวไม่เว้นแม้แต่ใบหน้า เผยให้เห็นแค่ตา ทั้งยังแผ่ไอเศร้าหมองคละคลุ้ง คุณจะยังอยากเข้าไปช่วยเขาไหม? หากไม่มีมือเรายื่นออกไป ชีวิตมืดมนดวงนั้นก็คงไม่ได้มืดมิดลงอีกสักเท่าไหร่ แค่เราเดินผ่านไป ใครต่อใครคงไม่มองว่าเราใจร้ายเกินไปหรอก จริงหรือเปล่า?...

          แต่ เคียวโกะ เด็กสาวมัธยมคนธรรมดา เธอไม่ได้ทำเช่นนั้น เธอหยิบยื่นมิตรไมตรีให้ ยางิ มากมายอย่างที่ตัวเขาไม่คิดหวังว่าจะได้รับ เธอมอบความหวังดีอย่างเป็นเรื่องปกติให้แก่เขา ผู้ชายไร้บ้านผู้น่าสงสาร เพราะความโง่เขลาต่อความหวาดกลัวในยามเยาว์พลิกชีวิตให้เขากลายไปเป็นอะไรสักอย่าง ที่อยากจะอธิบายด้วยคำพูดคนธรรมดา อ่านแล้วจะร้องไห้ T-T ให้นึกคล้ายเป็น District 9 เวอร์ชั่นญี่ปุ่น ชีวิตของใครคนหนึ่งต้องอ้างว้างเปล่าเปลี่ยวถึงเพียงนี้ ชีวิตที่ห่างไกลกับคำว่ามนุษย์ไปทุกที...และทุกที ผู้เขียนสร้างแรงหน่วง แม้ในแววตาของความชั่วร้ายยังเหนี่ยวใจให้เรานึกสงสารจับใจ ไม่มีใครอยากเลว ไม่มีใครอยากร้าย ทุกชีวิตสมควรได้รับ ‘โอกาส’ แม้มันไม่ได้มาก แม้เป็นได้แค่เพียงมือเล็กๆที่เรายื่นออกไป นั่นอาจจะกลายเป็นทุ่นไฟดวงใหญ่ ให้ชีวิตใครได้ยึดเกาะไปชั่วนิรันดร์...

          ก็อาจเป็นไปได้...         




Create Date : 06 มีนาคม 2558
Last Update : 7 มีนาคม 2558 1:15:20 น.
Counter : 2130 Pageviews.

9 comment
แล้วฉันจะกลับมา...โดย อิชิคาวะ ทาคุจิ
แล้วฉันจะกลับมา...โดย อิชิคาวะ ทาคุจิ

น้ำทิพย์ เมธเศรษฐ แปล


           บอกเล่าเรื่องราวของ ทาคุมิ และ ยูจิ สองพ่อลูกใช้ชีวิตอยู่กันตามลำพัง เพียงเพื่อรอคอยวันนั้น วันที่สายฝนจะหวนกลับคืนมาอีกครั้ง หลังจากที่ มิโอะ ภรรยาของทาคุมิได้จากไปแล้วในที่แสนไกล เพราะเธอได้เคยบอกกับเขาไว้...

...อีกไม่นานฉันจะต้องจากที่นี่ไปแล้ว แต่เมื่อฤดูฝนกลับมาอีกครั้ง

ฉันจะหวนกลับมาอย่างแน่นอน เพื่อมาว่าดูคุณกับลูกมีความเป็นอยู่ยังไง...


(สนพ.Bliss Publishing    ตีพิมพ์ต.ค.48    จำนวนหน้า 269    ราคาปก 190)


ความรู้สึกหลังจากที่ได้อ่าน...


            แล้วฉันจะกลับมา... บางคนอาจไม่คุ้นกับชื่อนี้ แต่ถ้าบอกว่านี่คือนิยายที่ถูกสร้างเป็นหนังชื่อ Be with you ล่ะ คงมีบางคนที่ร้อง...อ๋อ!

          กับเรื่องราวความรักและผูกพันของสามคน พ่อ แม่ ลูก เมื่อตัวภรรยาตายจากไปก่อนวัยอันควร ทิ้งให้คนที่ร่างกายไม่แข็งแรงต้องกลายมาเป็นพ่อม้ายลูกติด อยู่กับลูกชายวัยเพียง 6 ขวบตามลำพัง และแล้วในวันหนึ่งนั้น...เธอก็กลับมา ตามสัญญาที่เคยบอกเขาเอาไว้ ...ฉันจะกลับมาในวันที่ฝนตก

           เธอผู้นั้นกลับมาจริงๆ ในสภาพปกติแต่ไร้ซึ่งความทรงจำ ณ โรงงานร้างในป่า ที่ที่เคยเดินเล่นด้วยกันในวันวาน พวกเขาพาเธอกลับมาบ้าน และเริ่มต้นใช้ชีวิตด้วยกันอีกครั้ง เป็นอีกครั้งที่ทุกคนเตรียมใจแล้วว่าสักวัน การจากลาจะกลับมาเยือน...

          ฤดูฝนจะยาวนานได้สักแค่ไหนนะ...


           จะเป็นยังไงนะหากเราได้กลับมาตกหลุมรักกับคนที่เรารักอีกครั้ง...และอีกครั้ง

           มันคงเป็นอะไรที่ดีไม่น้อย และถือว่าเป็นเรื่องที่โชคดีมากๆเลยแหละ

           เพราะอย่างน้อย บางคนพอใจกับการได้มีความรักเพียงสักครั้ง

           ในขณะที่ชีวิตใครบางคน อาจไม่เคยได้สัมผัสกับความรู้สึกนั้นเลยสักครั้ง...

           มันคงจะเป็นเรื่องเศร้ามากเลยใช่ไหมละ?..

           อย่างที่ผู้เขียนบอกไว้ ว่าการที่เรามีชีวิตขึ้นมา ก็เพื่อได้มอบความรักให้ใครสักคนยังไงละ



          บรรยากาศในนิยายไม่ได้แตกต่างไปจากในหนังเลย ทำให้คิดว่าตัวหนังสร้างได้ดีและใกล้เคียงกับในหนังสือมาก มีการปรับแต่งบทเล็กน้อยให้ดูน่าเชื่อถือ และเมื่อได้กลับมาอ่านหนังสือในภายหลัง ก็ทำให้รับรู้และสัมผัสกับความรู้สึกนึกคิดของตัวละคร ทั้งความเศร้า ความเจ็บปวด ความทรมานในการใช้ชีวิตของพระเอก ความปวดใจที่ต้องเก็บซ่อนไว้ของนางเอก ได้มากยิ่งขึ้น...

          ผู้เขียนเล่าถึงตัวละครที่มีชีวิตธรรมดา บทสนทนายิ่งธรรมดา และความธรรมดานั้นเองได้ลงลึกไปในใจคนอ่าน มันลึกซึ้ง อบอุ่นและละมุนละไม แม้ท้องเรื่องจะเป็นเรื่องเศร้าสักปานใด พวกเขาก็มองให้มันเป็นเรื่องงดงาม อย่างที่ได้เชื่อเสมอว่า..

          ใครในความคำนึงจะไม่มีวันจากเราไปไหน เขาจะยังอยู่บนดวงดาวที่ชื่อว่า อาร์ไคฟ์ (ในหนังเรียกว่า พิภพดารา) ขอเพียงแค่เรายังคงคิดถึงเขาคนนั้นอยู่ แต่ถ้าเราได้ลืมเลือนใครคนนั้นไปวันใด นั่นจึงจะเรียกว่า..การจากลาอย่างแท้จริง


           สุดท้ายขอบคุณเจ้าของหนังสือ คุณ กระต่ายน้อยแสนซน ผู้เอื้อเฝื้อหนังสือเล่มนี้ เล่มที่ทำให้เรานึกเสียดายเวลาที่ผ่านมา น่าจะมีรักสักครั้งให้คิดถึงก็ยังดี T-T






Create Date : 17 กุมภาพันธ์ 2558
Last Update : 17 กุมภาพันธ์ 2558 16:41:56 น.
Counter : 6245 Pageviews.

15 comment
[หนังสือคู่เดท]: มีแค่รัก...โดย ชมบุหลัน

[หนังสือคู่เดท]: มีแค่รัก...โดย ชมบุหลัน


          บอกเล่าเรื่องราวของ มนนภา ในขณะที่หญิงสาวกำลังสับสนกับความสัมพันธ์ในปัจจุบัน การ์ดเชิญงานแต่งของเพื่อนในวัยเยาว์ได้เข้ามาช่วยต่อเวลา ให้เธอได้พักกายและพักใจ ณ รีสอร์ท ในบ้านเกิดบนเกาะงามใต้ฟ้าสีคราม ก่อนที่งานมงคลกำลังจะเริ่ม ภาพในอดีต พร้อมทั้งผู้คนในอดีต ต่างหลั่งไหลเข้ามาให้ได้รำลึกถึงกันอีกครั้ง รวมทั้งภาพความทรงจำของใครบางคนที่เธอไม่เคยลืมเลือน หากแต่เมื่อเขาก้าวมายืนอยู่ตรงหน้า เธอกลับจำเขาไม่ได้เลย!...

          ก็ใครใช้ให้เด็กชายขี้ก้าง กลายเป็นผู้ชายมีกล้าม...

          ก็ใครใช้ให้ ‘ไอ้แหยแม่ทิ้ง’ อย่าง เรืองทัศน์ กลายเป็นหนุ่มหล่อแม่รวยไปได้…



(สนพ.อรุณ    ตีพิมพ์ พ.ย.55    จำนวนหน้า 243    ราคาปก 200)


ความรู้สึกหลังจากที่ได้อ่าน...


           เป็นเรื่องราวรักโรแมนติกที่อ่านได้เรื่อยๆเพลินๆ เรื่องของนางเอกที่คุณแม่ของเธอหวังใจอยากให้ลงเอยกับแฟนหนุ่มไฮโซระดับหม่อม แฟนที่นานวันความอ่อนหวาน อ่อนโยนจะค่อยๆลดลงตามกาลเวลา แฟนที่เอาแต่ห่วงหน้าตนมากกว่าจะเข้าใจจิตใจของเธอ แต่นั้นก็ไม่อาจเป็นเหตุผลมากพอให้เธอต้องเลิกรา เมื่อเทียบกับคุณสมบัติเพียบพร้อมที่เขามี ใช่..เธอยอมรับว่ายากจะตัดใจ

          ในขณะที่ยังมีปัญหาค้างคา เธอเลือกเดินจากมากลับสู่บ้านเกิดอีกครั้ง เพื่อมาช่วยจัดงานแต่งของเพื่อนสมัยวัยประถม และที่นั่นเองเธอได้พบใครบางคนที่ไม่คิดเลยว่าเธอจะลืมได้! เพราะความทรงจำสุดท้ายระหว่างเธอกับเขามันน่าเจ็บปวดน้อยเสียเมื่อไหร่ ใครจะคิดว่าผู้ชายหล่อเหลา คนที่ขยันส่งสายตามีความนัยมาให้เธอคนนั้น จะเคยเป็นเด็กชายตัวเล็กไม่เอาไหน คนที่เธอเคยเสียงดังใส่ว่า ‘ขยะแขยง’...


          เป็นนิยายที่พยายามสื่อถึงความรักที่เปลือกนอก รักกันที่ภาพลักษณ์ รักกันที่หน้าตาเลือกคบคนที่เห็นว่าดีกว่า ดูดีในสายตาของเราและสังคม อย่างบางคนหลังเลิกรากลับรู้สึกเสียหน้าที่ถูกทิ้ง มากกว่าเสียใจที่เสียคนรักไป ส่วนบางคนยังขอยึดตำแหน่งคนรักไว้ เพื่อที่จะรักษาหน้าตาในสังคมมากกว่าจะหันมารักษาแผลใจของตนเอง แต่สำหรับบางคนเมื่อรักก็คือรัก เมื่อรักคือการได้เห็นตัวของเราเอง คือการได้อยู่กับคนที่เราสามารถเป็นตัวของตัวเอง โดยไม่เป็นความพยายาม โดยไม่ต้องเสแสร้งแกล้งทำ โดยไม่ต้องอดทนให้เป็นใครอีกคนให้เขาพอใจ...

        หากถ้าโจทย์ของเรื่องพลิกกลับ ให้พระเอกคนที่เคยเป็นเด็กชายขี้แหยคนนั้น ยังคงเป็นชายหนุ่มขี้แหย จ๋อยๆดังเดิมไม่เคยเปลี่ยนแปลง คงจะพิสูจน์ใจเธอได้ชัดเจนกว่านี้ คงได้เห็นอะไรดีๆ มากกว่าการที่หญิงสาวได้กลับมาใกล้ชิดกับพระเอกเวอร์ชั่นใหม่ในช่วงสับสนหัวใจ แถมยังมีกองหนุนอีกเพียบที่คอยเทคะแนนให้ คอยสร้างสถานการณ์ย่นระยะห่างของคนทั้งคู่ให้กลับมาใกล้ แหม...เป็นใครก็ต้องมีไหวหวั่นกันได้ทั้งนั้น เพราะเมื่อหญิงสาวหันมาสนใจเขาได้จริงๆ เขาก็ไม่รู้แล้วว่าเธอรักเขาที่อะไร? จะเป็นที่ตัวตนภายใน หรือภายนอกที่ดีขึ้น มีมากขึ้นกันแน่...


         ในส่วนภาษาสำนวนยังมีสะดุดบ้าง ในบางบทสนทนาที่มีคนมาก ยังงงๆอยู่ว่าใครเป็นผู้พูด ใครเป็นคนทำ ถึงไม่ได้มีเหตุการณ์หวือหวา ไม่มีปมซับซ้อนไปมา เพราะค่อนข้างจะเฉลยเร็ว ดำเนินเรื่องไว ก็ยังชวนอ่าน กับเรื่องรักใสๆที่ชวนให้รำลึกถึงป็อบปี้เลิฟในวันวาน ชอบในช่วงครึ่งหลังที่ให้นางเอกเป็นฝ่ายวิ่งตาม ได้เห็นอาการของฝ่ายที่เคยเป็นคนง้อตลอดกลายเป็นคนงอนบ้างก็น่ารักดี...




...ถึงคู่เดทผู้น่ารัก... SmileySmiley

          ถึงจะไม่ได้ตื่นเต้นกะเขาว่าจะได้หนังสือจากใคร (เพราะรู้อยู่แล้วอะเนอะ 55) แต่ก็ยังตื่นเต้นอยู่ดี กับในตอนที่ได้เห็นซองสีน้ำตาลมาส่ง ได้ลุ้นว่าจะได้หนังสืออะไร และในตอนได้อ่านจดหมายน้อยใบนั้น ก็มียิ้มน้อยยิ้มใหญ่แม้จะยังไม่ได้เปิดอ่านตัวหนังสือเลยก็ตาม...แค่นี้ก็ปลื้มแล้วค่ะ Smiley


          ส่วน..ชมบุหลัน...ชื่อนี้ยังไม่เคยอ่าน ขอบคุณที่ช่วยมาเปิดหน้าต่างบานนั้นให้กว้างออกไป แม้จะต่างจากมุมเดิมสักหนึ่งองศา...นั่นก็มากมาย ต้องขอบคุณคู่เดทมากๆที่ทำให้ได้ลองนะคะ... Smiley

          ขอบคุณที่มาออกเดทกันด้วยค่ะ Smiley




Create Date : 14 กุมภาพันธ์ 2558
Last Update : 14 กุมภาพันธ์ 2558 11:28:06 น.
Counter : 1567 Pageviews.

10 comment
1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  26  27  

kunaom
Location :
กรุงเทพฯ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 30 คน [?]



iLength = document.images.length; for(i=0;i

kunaom's bookshelf: read

Saikano: The Last Love Song on This Little Planet, Vol. 01
really liked it
เวลาคนเป็นแฟนกัน เขาต้องทำอะไรกันบ้างนะ? เออ..จริงนะ เป็นคนที่คิดไม่ออก บอกไม่ถูก นึกคำตอบไม่ได้เช่นกัน คนเป็นแฟนกันเขาต้องทำไงบ้างหว่า? อาจเพราะในชีวิตนี้เรามีแค่ช่วงเวลาของการแอบๆรักคนเดียวเท่านั้นอะ ไปไม่ถึงขั้นรัก..กันแบบคนอื่นเขาเสี...
ฆาตกรรมคืนฝนดาวตก
liked it
ไม่ถึงกับผิดหวัง น่าจะบอกว่าความตื้นเต้นเร้าใจมีน้อยกว่าผลงานอื่นๆที่ได้ลองจากผู้เขียนอย่างที่เคยอ่านผ่านๆมา อาจเพราะเคยชินในมุกหรือวิธีการคิดซ่อนเงื่อนไขต่างๆที่คนเขียนมี จะว่าเป็นวิธีเก่าก็ไม่เชิง แต่ถูกนำเสนอในแบบที่นักเขียนสืบสวนส่วน...
เจ้าหญิงเม็ดทราย
really liked it
จะบอกว่าอ่านโปรยหลังแล้วสยดสยองมาก อะไรจะยุ่งเหยิงปานนั้น น้องชายพยายามจะแย่งคู่หมั้นพี่ชาย ส่วนไอ้คนพี่ก็จ้างวานเมียเก็บ (นางเอก) ของน้องให้มาเป็นเมียตัวเอง เพื่อช่วยปกปิดและรับเป็นพ่อเด็กที่ไอ้น้องเลวมันไข่ทิ้งไว้... คือคิดอะไรกันอยู่...
สายไปไหมที่จะรักเธอ, #2
it was amazing
ใจไม่แข็งพอ อย่าอ่าน... ก็ว่าเล่มนี้ไม่เห็นมีอะไร แต่ทำไมน้ำตาต้องไหล บอกได้แค่ว่านี่เป็นแค่นิยายน้ำเน่าเรื่องนึง ที่ไม่ใช่แค่นิยายน้ำเน่า...ดาดดื่นธรรมดาแน่นอน หลังจากงงกับเล่มหนึ่งว่าจะไปต่อได้ยังไง มาเล่มนี้อารมณ์ไม่เห็นจะบีบใจกันเท่...

goodreads.com
New Comments