จัตวาฑัณที
จัตวาทัณฑี
สมัยเป็นนักเรียนมัธยมปลาย ภาษาไทยเป็นวิชาที่ผมค่อนข้างโปรดปรานรองจากคณิตศาสตร์ และประวัติศาสตร์ จำได้ว่าได้เรียนเรื่องเกี่ยวกับเหตุการณ์ ร.ศ.๑๑๒ ที่ฝรั่งเศสส่งเรือรบมาปิดปากแม่น้ำเจ้าพระยา ตอนนั้นอยู่ในสมัยรัชกาลที่ ๕ ซึ่งพระองค์ทรงเสียพระราชหฤทัย (โทมนัส) มาก ถึงกับทรงพระราชนิพนธ์เป็นกลอน (ไม่แน่ใจว่าโคลงหรือฉันท์) สั่งลาไปยังสมเด็จฯ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ (ขณะนั้นดำรงพระยศ พระเจ้าน้องยาเธอฯ และน่าจะทรงกรม ที่กรมหลวงดำรงราชานุภาพ) ว่าทรงหมดอาลัยในพระชนมชีพและหยุดเสวยพระโอสถ
จากนั้นสมเด็จฯ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ ทรงพระนิพนธ์ตอบกลับมา ทำให้ทรงกลับมาเสวยพระโอสถ และทรงงาน ทำให้ประเทศรอดพ้นวิกฤตการณ์นั้นมาได้
ตอน ม.ปลาย ทราบแต่เพียงเท่านั้น
เมื่อต้นปี ๒๕๕๑ ได้งานหนังสือเรื่อง “ในกำแพงแก้ว ” ของอาจารย์ธงทอง จันทรางศุ ในเรื่อง “สมเด็จพระปิตุจฉาเจ้าสุขุมาลมารศรี พระอัครราชเทวี ” ได้ความว่า รัชกาลที่ ๕ ทรงมีพระราชนิพนธ์สั่งลาไปยังเจ้าพี่เจ้าน้อง และสมเด็จพระปิตุจฉาเจ้าสุขุมาลมารศรี พระอัครราชเทวี ก็ทรงได้รับด้วย แล้ว “จึงทรงพระนิพนธ์โคลงสี่สุภาพ สามบทขึ้นทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวาย ” ดังนี้
สรวมชีพข้าบาทผู้ ภักดี พระราชเทวีทรง สฤษดิ์ให้ สุขุมาลมารศรี เสนอยศ นี้นา ขอกราบทูลท่านไท้ ธิราชเจ้าจอมสยาม
ประชวรนานหนักอกข้า ทั้งหลาย ยิ่งแล ทุกทิวาวันบ่วาย คิดแก้ สิ่งใดซึ่งจักมลาย พระโรค เร็วแฮ สุดยากเท่าใจแม้ มาทด้วยควรแสวง
หนักแรงกายเจ็บเพี้ยง เท่าใด ก็ดี ยังบ่หย่อนหฤทัย สักน้อย แม้พระจะด่วนไกล ข้าบาท ปวงแฮ อกจะพองหนองย้อย ทั่วหน้าสนมนาง
บางคนอ่านแล้วก็ผ่านไป ไม่รู้สึกอะไร นอกจากว่าทรงพรรณนาได้อย่างไพเราะน่าฟัง ซึ่งผมก็เห็นด้วย
แต่สิ่งที่ผมตั้งข้อสังเกตคือโคลงบทแรก บาทที่ ๒ ถ้าเป็นโคลงสี่สุภาพ คำว่า “ทรง ” ก็ควรจะไปคล้องกับคำว่า “ดี ” ในบาทที่ ๑ ใช่ไหมครับ (ลองกลับไปดูแล้วเทียบกับบทอื่นๆ)
จริงใช่ไหมครับ สมัยเรียนมัธยมก็ถูกสอนมาแบบนั้น
เอ...ผมก็สงสัยว่า ทำไปสมเด็จพระปิตุจฉาเจ้าฯ ทรงพระนิพนธ์เช่นนั้น มีข้อยกเว้นอะไรหรือสำหรับโคลงสี่สุภาพ หรือว่ามีโคลงสี่ชนิดอื่นอีกที่ไม่เคยเรียนในสมัยมัธยม
ผมเก็บคำถามไว้ในใจมาเกือบครึ่งปี ด้วยความที่ไม่ได้ไปถามครูภาษาไทยท่านอื่นๆ
อยู่มาคืนหนึ่ง ระหว่างที่กำลังเปิดพจนานุกรม ฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.๒๕๔๒ เล่นอยู่ เปิดดูคำโน้นที คำนี้ที คิดคำไหนได้ก็เปิดดู (รวมถึงคำว่า “ปิตุจฉา ” กับ “มาตุจฉา ” ด้วย --- ไว้เล่าคราวหลัง) ก็ได้เปิดไปหน้า ๒๙๙ ตรงคำว่า “จัตวา ” ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าแปลว่า ๔ หรือที่ ๔ เห็นๆ หรือรูปวรรณยุกต์หนึ่ง ( ๋) อ่านมาเรื่อยๆ พบคำย่อยในคำว่าจัตวา ว่า “จัตวาทัณฑี ” เขาพรรณนาไว้ดังนี้
“จัตวาทัณฑี น. ชื่อโคลง ๔ ชนิดหนึ่ง ซึ่งบาท ๒ ใช้พยางค์ที่ ๔ สัมผัส เช่น
ท้าวไทยนฤเทศข้า ขับหนี ลูกราชสีพี กลัว ไพร่ฟ้า พลเมืองบดูดี ดาลเดียด กระเหลียดลับลี้หน้า อยู่สร้างแสวงบุญ. (ชุมนุมดำราคำกลอน) ”
ก็เลยได้มาอ๋อ ! ตรงนี้เองว่าจริงๆ แล้วโคลงสี่ที่สมเด็จพระปิตุจฉาเจ้าฯ ทรงพระนิพนธ์นั้น บทแรกเรียกว่า “จัตวาทัณฑี ” นี่เอง ไม่ใช่โคลงสี่สุภาพเหมือนกับอีก ๒ บทที่เหลือครับ.
เพิ่มเติมนิดหนึ่งครับ...
ในหน้า ๕๑๙ ของพจนานุกรมฯ กล่าวถึง “ทัณฑีบท ” ไว้ว่า
“ทัณฑีบท [ทันทีบด ] น. โคลงโบราณชนิดหนึ่ง (ชุมนุมดำราคำกลอน). ”
และนอกจากโคลงสี่ ที่มีโคลงสี่สุภาพ จัตวาทัณฑี แล้ว ยังมีโคลงสอง โคลงสามด้วยนะครับ (ถ้าจำไม่พลาด)
----------------------------------------------------------------------------------------------------------- เก็บความจาก
ธงทอง จันทรางศุ. (2550). ในกำแพงแก้ว . พิมพ์ครั้งที่ 2. กรุงเทพฯ : เอส.ซี.พริ้นท์แอนด์แพค. ไฟน์สโตน, เจฟฟรี่ย์. (2543). สมุดพระรูปพระราชโอรส พระราชธิดา และพระราชนัดดา ในพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 4) . กรุงเทพฯ : โลมาโฮลดิ้ง ราชบัณฑิตยสถาน. (2546). พจนานุกรม ฉบับราชบัณฑิตยสถาน . กรุงเทพฯ : นานมีบุ๊คส์พับลิเคชั่นส์.
Create Date : 22 สิงหาคม 2551
Last Update : 22 พฤศจิกายน 2553 23:21:42 น.
Counter : 1287 Pageviews.