:: ทำขนมเข่งแจกลูกค้า/Chinese dessert ::
ทุกๆปีที่บ้านมีกิจกรรมในวันตรุษจีนจนกลายเป็นประเพณีไปแล้ว เหมือนกับการไหว้เจ้า และบรรพบุรุษ ต้องเตรียมตัวไปซื้อของเตรียมไว้แต่เนิ่นๆไม่อย่างนั้นพถึงวันจ่ายคนเยอะมาก
ที่บ้านทำการค้าเมื่อถึงเทศกาลอย่างนี้เพียงปีละครั้งนอกจากวันปีใหม่ที่เราเตรียมทำปฏิทินแจกแล้ว ช่วงตรุษจีนจะทำขนมเข่งแจกด้วย ปีนี้เช่นกันที่บ้านมีแม่เป็นหลักในการเตรียมข้าวของตั้งแต่เริ่มจับจ่ายใช้สอยข้าวของเครื่องใช้ในวันปีใหม่ของเรา เพื่อไม่ให้งานหนักจนเกินไปพอรู้ว่าวันไหว้คืวันที่ 2 ก.พ. เลยเตรียมตั้งหลักซื้อของกันตั้งแต่วันที่ 28 ม.ค 2554
เพราะงานไม่ได้มีแค่ที่บ้านเท่านั้นที่โกดังก็ต้องดูลูกจ้างทำงานด้วย ปีนี้เกษตรกรกำลังขุดมันสัปะหลังกันด้วย เมื่อลูกค้าขุดเสร็จจะเอามาขายต้องวิ่งไปชั่งกิโลใหญ่ด้วยตัวเอง ฉันต้องวิ่งไปมาระหว่างบ้านเละโกดังตลอดทั้งวัน เลยได้ช่วยแม่บ้างไม่มากนัก
การทำขนมเข่งเริ่มจากการเตรียมตัดใบตอง แต่ที่โกดังปลูต้นกล้วยไว้ด้วย เลยวิ่งหาใบตองมาช่วยในการทำขนมได้บ้าง ปกติที่ผ่านมาถ้างานไม่ยุ่งมาก พวกเราทั้งครอบครัว รวมทั้งคนงานจะช่วยกันเย็บกระทงเองเพื่อนำมาทำกระทงใส่ขนม สำหรับปีนี้งานทั้งที่บ้านกับที่โกดังมีมากมาย เรื่องบัญชีต้องดูแลเองทั้งหมดไม่ได้มีลูกจ้าง เพื่อให้การทำขนมเข่งแจกในปีนี้ มีความกระชับ รวดเร็ว แม่ตัดสินใจซื้อกระทงมาจากตลาด ทั้งหมด 1500 ใบ คงไม่สงสัยว่าทำไมมากมายเช่นนั้น เพราะที่บ้านเรามีลูกค้าเยอะ
กระทงที่เตรียมไว้เย็บสวยงามอันขนาดพอดีต่อหนึ่งอิ่ม แต่ถ้าใครที่ชอบทานเยอะ อาจต้องสองกระทง แต่อิ่มงายมากเพราะขนเข่งนี้ทำมาจากแป้งและน้ำตาลล้วนๆ
ขั้นตอนต่อไปแป้งข้าวเจ้า 1 กิโลกรัม ผสมกับน้ำตาลทราย 1 กิโลกรัมเช่นกัน ผสมน้ำ ที่บ้านเราใช้ขวดน้ำดื่ม ขวดละหนึ่งลิตร ค่อยๆเทน้ำออกจากขวด คลุกเคล้าให้เข้ากัน ไม่ต้องเทเยอะนะคะ ถ้ามันเหลวเกินไปจะไม่ได้ความ ให้หนึบๆกำลังดีค่ะ ผสมไปดูความละเอียดของแป้งกับน้ำตาล คนให้เข้ากัน ใช้ใจคะเนเอาได้เลยค่ะ แป้งจะเหนียวนุ่มพอดี
ในการผสมแป้งบี้เม็ดแป้งที่ยังเกาะกันเป็นเม็ด ให้แหลกละเอียดไปพร้อมกับส่วนผสมทั้งหมด อาจมีฟองอากาศออกมาจากเนื้อแป้งน้ำตาลและน้ำ และคนให้เข้ากัน
เนื้อแป้งเริ่มเข้าที่เป็นเนื้อเดียวกันพอหนึบ ให้นำกระทงที่เย็บด้วยใบตองสด มาทาน้ำมันเพื่อกันขนมติดใบตอง เวลาทานจะได้แกะห่อทานได้สะดวก
หยอดใส่ใบตองเสร็จแล้วให้นำใส่หม้อนึ่ง ตั้งบนเตาไฟประมาณ 45 นาที พอให้ขนมมีหน้าสวย ดังที่เห็นในรูปข้างล่างนี้ เมื่อนึ่งเสร็จแล้วหน้าตาออกมาจะเป็นเช่นนี้ ละอองควันลอยคลุ้งไปทั่วเลย น่ากินไหมคะ
เสียดายไม่ได้ถ่ายรูปตอนที่หยอดแป้งใส่กระทง ก่อนนำไปนึ่ง บังเอิญว่าต้องวิ่งวิ่งไปที่โกดังมาถึงบ้าน ถ่ายรูปมาฝากกันไม่ทัน กลับมาอีครั้งขนมที่หยอดเป้งลงกระทงไว้ โดนใส่ไปหม้อนึ่งอลูมิเนียมเสียแล้ว กลับมาอีกครั้งก็เห็นเป็นอย่างนี้แล้ว
นี่..เปิดหม้อถ่ายรูปมาฝากกัน ทั้งๆที่น้ำในหม้อกำลังเดือดปุดๆเชียวค่ะ เมื่อขนมได้ที่แล้ว ปลงหม้อลงจากเตา เอาใบตองสดมาวางรองไว้ พร้อมกับค่อยๆเอาขนมที่นึ่งแล้วมาผึ่งให้เย็นก่อน
เมื่อรอจนขนมเย็นลงแล้ว จะมีวิธีพิสูจน์ว่าข้างในสุกหรือไม่ ด้วยการใช้ช้อนส้อมจิ้มขนมดู ถ้าไม่มีแป้งที่ยังดิบอยู่แสดงว่าใช้ได้ แต่เวลาที่นึ่งจะเป็นตัววัดว่าสุกหรือไม่ เวลาที่ใช้ไปจะช่วยเป็นตัววัดว่าขนมเข่งจะสุกหรือไม่ อย่างไร ถ้า 45 นาทีแล้วรับรองว่าสุกแน่นอนค่ะ จากนั้นให้นำขนมไปตากแดดให้ขนมอยู่ตัว
มาดูขนมที่นึ่งแล้วนำออกผึ่งแดดกันค่ะ เป็นไงบ้างสวยแบบที่ยังไม่ตกแต่งสีสันกันเลย
ขั้นตอนสุดท้ายให้นำสีผสมอาหาร สีแดงมาละลายน้ำ อาจใช้ดอกไม้มาเป็นพิมพ์หรือหาวัสดุอื่น ที่พิมพ์ออกมาแล้วสวยแล้วแต่สะดวก ใช้สีแดงเป็นสีแห่งความโชคดีแต้มไป บนหน้าขนมทำให้สัสันชวนให้น่ากินยิ่งขึ้นนะคะ ที่บ้านใช้หัวตะเกียบแต้มสีผสมอาหารแล้วจิ้มไปที่ขนมค่ะ
ตอนที่เรายังเด็กชอบไปหาดอกไม้มาเป็นแม่พิมพ์แต้มเล่นเสมอ เด็กไม่ต้องทำอะไร รอแต้มขนมอย่างเดียวก็โก้มากแล้วค่ะ
ขั้นตอนนี้เตรียมเอาขนมแพคใส่ถุงเตรียมออกแจกลูกค้าได้แล้ว ที่บ้านจะแจกหลังจากที่ไหว้เจ้าและบรรพบุรุษเรียบร้อยแล้ว นับว่าเป็นประเพณีที่แบ่งปันกันโดยแท้ ไม่ว่าจะเป็นชนชาติไหน เรามีน้ำใจในการแบ่งปันกันเสมอนะคะ
ปีนี้ที่บ้านทำทั้งหมด 1000 อันแจกลูกค้า บ้านละ 9 อันเป็นบางเจ้า ถ้าบ้านไหนที่มีสมาชิกเยอะ จะได้ทั้งหมด 12 อัน ยอมรับว่าแม้งานจะเยอะมาก ช่วงตั้งแต่วันที่ซื้อของเรื่อยไป จนถึงวันที่ทำขนมเข่ง วันไหว้เจ้า บรรพบุรุษ
จนกระทั่งมาถึงปิดท้ายคือ ขับรถกระบะบรรทุกกระบุงใบใหญ่ บรรจุขนมเข่ง เพื่อนำไปแจกจ่ายให้กับลูกค้าตามหมู่บ้าน พอเสร็จงานแล้วอาทิตย์กำลังจะลาขอบฟ้าหมดวันกันทีเดียวเลยค่ะ แต่คนแจกมีความสุขมาก แจกไปอวยพรลูกค้าไป หลายคนอวยพรกลับ คนรับพรก็พลอยอิ่มใจและมีความสุขมากเลยค่ะ
ในปีหนึ่งหลายคนที่ทำงานในที่ต่างๆจะมีวันหยุดตามปฎิทิน รวมทั้งวันเสาร์ อาทิตย์ และวันนักขัตฤกษ์ สำหรับบ้านที่ทำการค้า จะหยุดอย่างนั้นไม่ได้เลย เพราะลูกค้าต้องมีการซื้อขายกันตลอด ที่บ้านจะหยุดพักผ่อนอย่างแท้จริงคือช่วงวันตรุษจีนนี่แหละคะ วันไหว้ จะเป็นวันก่อนวันตรุษจีนหรือวันชิวอิก คือวันขึ้นปีใหม่ของชาวจีนตามปฏิทินจีนนั่นเองค่ะ หลังจากที่ไหว้เจ้าและบรรพบุรุษเสร็จทั้งนายจ้างและลูกจ้าง ขนมและของไหว้ก็แจกจ่ายให้ลูกจ้างไปทานกันหลายวันเลย นับว่าเป็นประเพณีที่อิ่มกันถ้วนหน้าค่ะ
ภาพและถ้อยคำ
โดย
KorP@i
Create Date : 05 กุมภาพันธ์ 2554 | | |
Last Update : 11 กุมภาพันธ์ 2567 12:26:17 น. |
Counter : 2023 Pageviews. |
| |
|
|
|