(´¨*♥*´¨):-: SimpliFy Your Life : Just Be Your Self :-:(´¨*♥*´¨)

:: The Bus Number 11 :: ( ตอนที่ 2 )






พอเริ่มรู้สึกว่าคุ้นเคยเขาเริ่มคุยเรื่องส่วนตัวให้ฟัง “ความจริงตอนสอบเอ็นทรานซ์ผมติดหมอที่ศิริราชได้พร้อมกับได้ทุนไปเรียนวิศว แต่ผมเลือกทุนนี้ เพราะ..เป็นทุนรัฐบาลญี่ปุ่นที่ให้เด็กที่ไปเรียนต่อที่ญี่ปุ่นพร้อมออกค่าใช้จ่ายให้ทั้งหมด กลับมาไม่ต้องใช้ทุนด้วย ที่บ้านมีลูกสิบคนผมเป็นคนสุดท้องพ่อแม่ไม่มีทุนมากนักเลยเลือกเรียนทางนี้เรียนวิศว




“โห..เรียนเก่งใช่ย่อยนะเนี่ย “ฉันได้แต่แอบรำพึงในใจ พอรู้ว่าจบจากเตรียมอุดมศึกษาที่พญาไท เลยถามว่ารุ่นไหน พอดีน้องชายฉันจบที่นั่นเหมือนกัน พอซักถามรุ่นกันแล้วเลยรู้ว่า พ่อหนุ่มหน้ามน คนหน้าตี๋ที่ใส่แวนตานั่งข้างฉันคนนี้ละอ่อนกว่าฉันสองปีแต่ก็ทำเฉยๆดูมาดนิ่งดีทีเดียว


“ ผมไม่ค่อยถือว่าต่างกันเท่าไหร่นะเพราะคนส่วนใหญ่ที่ผมรู้จักและร่วมงานด้วยอายุมากกว่า ทำงานก็คลุกคลีกับคนอายุมากกว่าทั้งนั้น



” ตายแล้ว ดูซิดูพูดเข้านั่นอยากอาวุโสนักหรือไงกันนะอีตาคนนี้ ” ฉันไม่ได้แสดงทีท่าอะไรมากนัก ได้แต่นั่งอึ้งทึ่งอยู่ในใจ เมื่อรับฟังข้อมูลเกี่ยวตัวเขาเองจากเขา แต่ท่าทางรอบรู้ของเขา ดูเป็นคนทะเยอทะยานไม่น้อย คงจะจริงอย่างที่พูด เพราะดูท่าทางมั่นใจตัวเอง และเชื่อมันในความคิดของตัวเองพอควร


ฮั่น..แน่..ทำหน้าตายด้วยนะนาย ตลอดเวลาที่คุยกัน พอเริ่มคุ้นกันบ้าง แอบสังเกตดูแววตายาวรีใต้แว่นใสคู่นั้นค่อนข้างทระนงตนพอควร
“ที่่บ้านมีพี่น้องกี่คน” เอาแล้วซิ คราวนี้เขาเริ่มหาข้อมูลเกี่ยวกับครอบครัวของฉันบ้าง


เขาเริ่มต้นซักประวัติครอบครัวชั้นก่อนตอนนั้นไม่ได้คิดอะไรมาก การที่เราได้รู้จักใครเพิ่มขึ้น ก็เป็นเรื่องดี ได้เพื่อนเพิ่มขึ้น
แต่สิ่งที่เขาซักถามเกี่ยวกับครอบครัวของฉันในรายละเอียดนั้น ทำให้อดคิดในใจไม่ได้ว่า เอ๊ะ หมอนี่ ทำไมอยากรู้อยากเห็นเกี่ยวกับตัวฉันอยู่เหมือนกัน หรือว่าไม่มีอะไรจะคุยเลย หาเรื่องคุยไปอย่างนั้นเอง


ดูท่าทางแล้วก็ดูไม่มีอะไรน่ากลัว เลยคุยได้เรื่อยๆ ถ้าถามอะไรมาตอบคำถามเขาไป “บ้านเราสามคน เราเป็นคนโต น้องสาวหนึ่งและสุดท้องผู้ชายที่เป็นรุ่นน้องเตรียมอุดมศึกษาของคุณนั่นแหละ บ้านเกิดอยู่ที่นครสวรรค์ พอจบม.ปลายก็มาเรียนต่อกันที่กรุงเทพฯ เพราะแถวบ้านมีที่เรียน กับคณะที่พวกเราอยากเรียนจำกัดอยู่”


คราวนี้ฉันไม่พูดเปล่าแอบเหลือบมองหน้าคนฟังไปด้วย เห็นเขากำลังผงกหัวเป็นจังหวะอย่างสนใจฟังอยู่ไม่น้อยเลย บางครั้งก็หันมาสบตากันบ้าง ู
“ โห..สมัยนั้นจัดว่าน้อยนะ มีลูกสามคนเนี่ย เขาฟังแล้ว ตอบกลับมาด้วยเสียงกลั้วหัวเราะในลำคอ ที่บ้านผมสิบคน พ่อแม่เป็นคนจีนที่มีลูกเยอะ ผมเป็นคนสุดท้อง


ว้าว..ดูหน้าตาซิ ออกตี๋ขนาดไม่ต้องบอกก็ลูกว่ารากเหง้าเหล่าสักหลาดมาจากไหน ฉันแอบรำพึงในใจ “ ที่บ้านบอกแล้วว่าให้เรียนเยอะ ๆ เพราะไม่มีสมบัติอะไรให้ นอกจากให้ความรู้ “ ไม่พูดเปล่ามีเสียงหัวเราะในลำคอ หึ หึ ปนมาด้วยพอรถเริ่มเลี้ยวขวาเข้าแยกราชประสงค์ เราทั้งคู่เริ่มคุยกันมากขึ้้น





เขียนโดย


KorP@i






 

Create Date : 03 มีนาคม 2554    
Last Update : 5 มีนาคม 2554 21:48:49 น.
Counter : 340 Pageviews.  

:: แค่นี้ก็พอ/ Enough ::




ชีวิตคนเราก็เท่านี้
ขอบคุณที่มีคนดีมาให้รัก
แม้จะรู้ว่าไม่สมหวังนัก
ยังชื่นใจที่ได้รักคุณ



ไม่ว่าคุณจะรู้หรือไม่
ว่าเป็นกำลังใจคอยเกื้อหนุน
เป็นที่พักใจที่มีไออุ่น
ทุกเวลาที่มีคุณจึงรู้สึกอุ่นๆข้างในใจ




ขอบคุณที่เกิดมาให้รัก
ทั้งที่ไม่ได้พบกันมากนักเหมือนเมื่อก่อน
ขอบคุณที่สละเวลามาคุยก่อนนอน
เตือนกันเมื่อวันก่อนว่าอย่าลืมกินยา



เพียงแค่ยินดีที่ได้คุยกัน
เหมือนมีเสียงจากสวรรค์ส่งมาตามสาย
ที่เคร่งเครียดกลับรู้สึกว่าผ่อนคลาย
ที่ยังกังวลใจค่อยหายกลับคืน



ขอบคุณที่ยินดีให้คำปรึกษา
ในยามที่เราไม่รู้ว่าจะไปทางไหน
คุณก็ยังมีเวลาแบ่งมาให้
แค่นี้ก็ปลื้มใจเกินพอ



หวานจังวุ้ย!!วันนี้
อิ..อิ




เขียนโดย



KorP@I





 

Create Date : 01 มีนาคม 2554    
Last Update : 1 มีนาคม 2554 22:20:55 น.
Counter : 378 Pageviews.  

:: ในวันที่ป่วยไข้ /In Memory ::

ภายใต้ท้องฟ้าสีครามบนโลกใบนี้ มีหลายสิ่งที่เราต้องทดสอบตนเอง และโดนสิ่งแวดล้อมรอบๆตัวทดสอบเอาได้วย เมืออาทิตย์ที่ผ่านมา ที่บ้านกำลังวุ่นวายกับการทำมาหากิน ตัวฉันเองเช่นกัน

หลายครั้งที่รู้สึกเบื่อหน่าย สิ่งที่อยู่รอบๆตัวมาก จนเกิดความคิดขึ้นมาว่า อยากออกไปในที่ไกลๆ เพื่อเปิดหุปิดตาให้ตัวเอง ได้ไปเติมพลังในตัวเอง ด้วยการเปลี่ยนสถานที่เสียบ้างคงจะดีไม่น้อย

สำหรับฉันในตอนนั้นในใจพาลคิดอยู่ว่าต้องการไปพักผ่อนสมองและร่างกาย สิ่งที่ไม่คาดคิดเข้ามาทักทายร่างกายจนได้ ช่วงวันที่ 4 -5-6 ธันวาคม ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นวันหยุดนักขัตฤกษ์ที่น้องกลับมาเที่ยวบ้าน แต่ฉันกลับป่วยอาการหนักหัวกำเริบอย่างหนัก จนไม่อยากขยับเนื้อตัวไปไหนมาไหนเหมือนเป็นปกติได้ ความอบอุ่นและน่ารักของบุคคลในครอบครัวทำให้คิดได้ว่า ไม่มีที่ใดในโลกนี้อีกแล้วที่จะน่าอยู่มากไปกว่าบ้านของฉันที่อาศัยมานับจากวันที่ลืมตามองดูโลกใบนี้


เสียงเอื้ออาทรจากแม่ และแม่บ้าน ที่เป็นผู้ดูแลหายาสมุนไพรมาให้ทุกครั้งที่มีอาการเช่นนี้ ดูทุกคนจะเป็นกังวลต่ออาการปวดหัวที่ไม่ทุเลาลงของฉัน ทำให้แม่ต้องต้มยาสมุนไพรจีน ด้วยการไปขอถากเปลือกต้นมะตูม มาต้มน้ำร้อนให้ดื่มตลอดเวลาที่ฉันจับไข้ตัวรุมๆอยู่นั้น เพิ่งเห็นว่า เจ้าน้ำสีขุ่นข้น ที่ถูกเคี่ยวกรำจากน้ำที่ต้มมาจากเปลือกมะตูมและหัวแห้วหมู นอกจากสีสันแล้ว รสชาติที่ลิ้มลองมันช่างข่มปร่ายิ่งนัก


หลายปีมานี้ฉันต้องดื่มยาที่มีรสไปในทางเดียวกันนี้มากมาย นึกถึงทีไรขนลุกซุ่แทบทุกครั้ง แต่รู้สึกขอบใจโชคชะตาเสมอที่นำพามาพบกับความเจ็บป่วย ทำให้ชีวิตมีพลังมากขึ้น อย่างน้อยได้มองเห็นสิ่งรอบข้างได้ชัดเจนมากกว่าที่คิดไว้ มนุษย์มักจะมองข้ามบางสิ่งบางอย่างไปได้หากไม่มีความทุกข์เข้ามาเยือนหรือว่าทักทาย


รอบตัวมีเรื่องราวมากนัก
รอบกายอยากพักสายตาไว้
หลีกหนีความวุ่นวาย
ตัดความกังวลใจให้ไปจากตัว


KorP@i
 




 

Create Date : 17 ธันวาคม 2553    
Last Update : 11 กุมภาพันธ์ 2567 12:43:44 น.
Counter : 8 Pageviews.  

:: เรื่องของลีโอ (ตอนจบ ) ::



หลังจากที่ทานมื้อค่ำเสร็จแล้ว เรานั่งฟังเพลงและคุยกันนิดหน่อย ฉันถามว่าเขาอยากจะไปเที่ยวที่ไหน ให้ไปหาสถานที่มาเดี๋ยวจะพาไปเที่ยว ขอให้เป็นในกทม.แล้วฉันพาไปได้ หรือว่าอยากทานอาหารประเทศไหนก็บอกกันมา ถ้าฉันรูจักที่ไปแล้วจะพาไป ช่วงเวลาที่อยู่กับลีโอชีวิตมีสีสันขึ้นมาก เขายังสุภาพกับฉันเหมือนกับวันแรกที่เราเจอกัน คืนนั้นพอเราทานข้าวเสร็จต่างก็แยกย้ายกันกลับบ้าน





เรามาเจอกันครั้งสุดท้ายคือวันที่ฉันต้องรับหน้าที่เป็นสารถีไปส่งเขาที่สนามบิน เรานัดเจอกันที่พักของนิคในซอยสมคิด พอฉันไปถึงที่นั่นลีโอรออยู่ก่อนหน้าแล้ว พอเห็นหน้าฉันก็บอกว่าไม่อยากกลับบ้านเลย อยากอยู่ต่อ ฉันเลยบอกเขาว่าไม่ได้หรอก เพราะตั๋วมีกำหนดการเดินทางไว้แล้ว เป็นครั้งแรกที่เห็นอาการแสดงความเป็นเด็กของเขาแสดงออกอยากโจ่งแจ้งก็คงจะเป็นยามนี้



เสียงเพลง Kitaro ยังคงทำงานไปเรื่อย ฉันกำลังดื่มน้ำส้มที่ลีโอเตรียมไว้ให้ พร้อมของว่างที่เคยซื้อมาไว้ ตั้งแต่เมื่อวันก่อน ท่าทางอิดออดของลีโอเหมือนเด็กที่เอาแต่ใจ และเขาไม่ลืมถามฉันอีกครั้งหนึ่ง " คราวนี้ขอผมถามจริงๆนะครับ คุณมีแฟนแล้วหรือยัง "
ฉันก็ตอบไปตามครงว่ายังไม่มี ถ้ามีคงไม่มีเวลาว่างทุกวัน แล้วพาคุณเที่ยวได้อย่างนี้หรอก จริงไหม " คราวนี้เขาพยักหน้าแทนคำตอบ


" นี่..ลีโอ ฉันอยากให้เธอจำช่วงเวลานี้ไว้นะ วันนี้ที่คุณบอกว่ารักฉัน ให้เก็บความรู้สึกนี้ไว้ให้ดี และกลับไปถามตัวเองให้ดีว่า เวลาที่คุณเจอฉันที่นี่ มันใช่ความรักที่แท้จริงหรือเปล่า หรือว่าเป็นแค่ช่วงเวลาหนึ่งที่คุณไม่มีใคร แล้วเราได้เจอกัน คุณไม่เคยมีใครเอาใส่ใจว่าจะอยู่อย่างไร ทานข้าวหรือยัง หรือว่าวันนี้คุณความสุขหรือไม่ เวลาที่ไม่สบาย ปวดท้อง หรือเป็นไข้ไม่มีใครเอายาให้ทาน เหมือนตอนที่เราได้เจอกัน


เมื่อกลับไปแล้วลองคิดพิจารณาให้ดีนะว่า ความรู้สึกในวันนี้ และในอนาคตเมื่อคุณเจอใครแล้ว คุณมีความรู้สึกอย่างไรต่อเธอ เราทั้งสองคนยังมีเวลาให้ได้เรียนรู้กันอีกมากนะ เวลาที่เจอกันนี้มันน้อยเกินไป ฉันยังมีอะไรอีกมากมายที่คุณยังไม่รู้จัก เธอกลับไปเรียนให้จบก่อนดีกว่านะ " คราวนี้เขาเริ่มดมีท่าทางเขาจะเข้าอกเข้าใจเป็นอย่างดี


" เตรียมตัวเอะเก็บเสื่อผ้าหรือยังเดีญวจะไม่ทันเที่ยวบินนะ " เดี๋ยวฉันจะนั่งเป็นเพื่อน จะรออยู่ที่นี่แหละ ฟังเพลงที่ห้องนั่งเล่นนี้นะ คงไม่เข้าไปช่วยเก็บหรอกนะ แหม..ใครจะเข้าไปช่วยเก็บของในห้องนอนของเขา ดูไม่น่าปลอดภัยนัก ในสถานการณ์อย่างนั้น ฉันไม่เสี่ยงด้วยหรอก หลังจากที่เก็บของเสร็จ เราก็ไปร่วมทานข้าวเย็นมื้อสุดท้ายร่วมกัน


และสุดท้ายฉันขับรถไปส่งเขาที่สนามบิน ขากลับยังอดนึกถึงเขาไม่ได้เลย หนุ่มช่างอ้อนของฉัน ในเวลานี้เขาเอ่ยขอร้องให้ฉันนั่งเป็นเพื่อนเขาอีกครั้ง ก่อนที่จะขึ้นเครื่องบินทะยานกลับไปสู่บ้านเกิด



ลีโอ...ฉันก้อยากบอกเธอว่า....ฉันก็จะเก็บวัน เวลาที่เราเคยใช้ร่วมกัน แม้ว่าจะเป็นเพียงวันเวลาสั้นๆก็ตาม และ ความรู้สึกที่ดีที่เรามีต่อกัน อยู่ตลอดไปจ๊ะ




ตอนที่ 1: //www.bloggang.com/viewblog.php?id=korpai&date=09-01-2010&group=8&gblog=51
ตอนที่ 2 ://www.bloggang.com/viewblog.php?
id=korpai&date=09-01-2010&group=8&gblog=50
ตอนที่ 3 //www.bloggang.com/viewblog.php?id=korpai&date=09-01-2010&group=8&gblog=49
ตอนที่ 4://www.bloggang.com/viewblog.php?id=korpai&date=09-01-2010&group=8&gblog=48
ตอนที่ 5: //www.bloggang.com/viewblog.php?id=korpai&date=09-01-2010&group=8&gblog=47
ตอนที่ 6: //www.bloggang.com/viewblog.php?id=korpai&date=09-01-2010&group=8&gblog=46
ตอนที่ 7: //www.bloggang.com/viewblog.php?id=korpai&date=09-01-2010&group=8&gblog=45
ตอนที่ 8 : //www.bloggang.com/viewblog.php?id=korpai&date=09-01-2010&group=8&gblog=44
ตอนที่ 9: //www.bloggang.com/viewblog.php?id=korpai&date=10-01-2010&group=8&gblog=43
ตอนจบ : //www.bloggang.com/viewblog.php?id=korpai&date=10-01-2010&group=8&gblog=41


เขียนโดย


KorP@i




 

Create Date : 10 มกราคม 2553    
Last Update : 4 มีนาคม 2554 15:43:35 น.
Counter : 765 Pageviews.  

:: เรื่องของลีโอ (ตอนที่ 10 ) ::



บริเวณถนนข้าวสารที่ไม่เคยหยุดนิ่งเต็มไปด้วยผู้คนนานาชาติ ยิ่งพลบค่ำอย่างนี้ด้วยแล้ว หลายคนเริ่มทยอยหาแหล่งกินเที่ยวกันมากมาย สองข้างทางของรถฉันเต็มไปด้วยชาวต่างชาติ ทั้งผิวเหลืองและผิวขาว เดี๋ยวนี้ชาวญี่ปุนนิยมมาเที่ยวเมืองไทยกันมากขึ้น โดยเฉพาะกลุมเด็วัยรุ่น ได้มาเป็น Back packers แถวๆข้าสารกันเยอะไปหมด ฉันมองข้างทางแล้วลายตา


พอหาที่จอดรถได้ก้ยังกับเล่นเกาอี้ดนตรีเลยเชียว พอได้ที่จอดแล้วไม่อยากแจวไปที่อื่นเลย ช่างบังเอิญเสียจริงที่มีรถคันหนึ่งเพิ่งจะกไป ฉันเลยๆได้เสียบเข้าแทนซะเลย


เดินไปไม่ไกลเกิน 100 เมตรก้ถึง จุดนัดพบ เห็นลีโอยืนรออยูก่อนหน้าแล้ว เค้ารักษาเวลาได้อย่างยอดเยี่ยม วันนี้เขาเลือใส่เสื้อแบบแขนยาว สไตล์ Oriental สีออกสนิม แบบที่ชาวเนปาลีชอบใกน กับกางเกงยีนสืตัวสีเข้ากันกับเสือ พอแต่งตัวอย่างนี้แล้วดุเป็นเด้วัยรุ่นที่ดูไร้สาระเสียจริงเลยเชียว ฉันเอ่ยบอกเขาด้วยว่าดูเค้าเป็นอิปปี่ตัวยงทีเดียว เขาหัวเราะในคำพูดของฉันจนไหล่สั่นไหวๆ เมื่อยืนเทียบกันแล้ว ความสูงของฉันประมาณไหล่เขาเท่านันเอง



เห็นบอกว่าอยากเดินดูของให้ทั่วๆ หัวหน้าทัวร์จำเป็นก้เริ่มทำงานทันที ฉันบอกเค้าก่อนว่า ถ้าอยากได้จริงๆให้บอกล่วงหน้าเดี๋ยวเผื่อว่ามีการต่อรองราคากันได้ แล้วฉันจะช่วยพุดให้ เขาพยักหน้าอย่างเข้าใจ และแอบลอบอมยิ้ม นึกว่าฉันไม่รู้ล่ะซิ


ในที่สุดพอได้ของที่ต้องการแล้ว เราทั้งคู่ก็ไปทานอาหารกัน วันนี้ฉันเสนอให้เขาไปฟังเพลงที่ร้านใกล้ๆพาต้าปิ่นเกล้า เห็นมีร้านอาหารที่เคยมาทานกับเพื่อน เปิดเพลงคลาดสิคยุค 60 และมีวงดนตรีเล่นสดด้วยหลังสี่ทุ่ม เขาพยักหน้าเห็นด้วยอย่างว่าง่าย


พอถึงร้าน ฉันชวนเขาขึ้นไปนั่งในมุมที่เคยนั่งเพราะความเป็นส่วนตัวของเรา บนชั้นสองของร้าน เรานั่งตรงข้ามกัน เพื่อความสะดวกในการคุย เมื่อวงคนตรีเริ่เล่นฉันขอเพลงด้วย Thtrough the Barricade คือเพลงที่ฉันเขียนใส่กระดาษทิชชุฝากเด็กเสริ์ฟไปในวันนั้น


ลีโอเริ่มแสดงอาการเศร้าออกมาอีกครั้ง เริมบ่นว่ายังไม่อยากกลับบ้านเลย แล้วขอร้องให้ฉันไปอยู่เป็นเพื่อนทุกวันก่อนที่จะถึงวันที่เขาจากไป รวมทั้งขอร้องให้ไปส่งเขาที่สนามบินด้วย เพราะเขาอยากจะใช้เวลากับฉันให้มากที่สุดก่อนที่จะกลับไปบ้านที่อังกฤษ ฉันตอบตกลง




เขียนโดย


KorP@i




 

Create Date : 10 มกราคม 2553    
Last Update : 4 มีนาคม 2554 15:42:18 น.
Counter : 282 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  

chabori
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




(*♥*´¨) :-: SimpliFy Your Life : Just Be Yourself :-: (*♥´¨)




Everyday is means to me:-)
..................o°o
.................O....°
............o°°O.....o
...........O..........O
............° o o o O
......................★
...................★
...............★
...........★
........★
....★
.★
*♥´¨)
¸.-´¸.-♥´¨) ¸.-♥¨)
(¸.-´ (¸.-` ♥♥´¨) ♥.-´¯`-.- ♥
«-(¯`v´¯)-» KorPai «-(¯`v´¯)-»


***************************

สงวนลิขสิทธิ์ ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2539 ห้ามผู้ใดละเมิด ไม่ว่าการลอกเลียน หรือนำส่วนหนึ่งส่วนใดของข้อความใน blog แห่งนี้ไปใช้ ทั้งโดยเผยแพร่และเพื่อการอ้างอิง โดยไม่ได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษร จะถูกดำเนินคดี ตามที่กฏหมายบัญญัติไว้สูงสุด
Share |
Total คน
(online)
"ทรายทุกเม็ดมีค่า ทุกครั้งที่มันร่วงลงมา เปรียบเสมือน กาลเวลา ที่ล่วงเลย
(¯`v´¯)-» Welcome To KorP@I Blog«-(¯`v´¯)-
Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add chabori's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.