:: The Bus Number 11 :: ( ตอนที่ 5 )
นับจากนั้นอีกไม่นานนักมีเรื่องที่ฉันต้องตัดสินใจ เมื่อวัยเริ่มเข้าสู่เลขสาม เคยนั่งถามตัวเองว่าควรแล้วหรือยังที่ตัวเรามีธุรกิจที่บ้าน เมื่อถึงเวลาควรต้องไปช่วยธุรกิจของพ่อกับแม่จากที่บ้านเสียที ทั้งสองคนอายุมากขึ้นแล้ว น้องสองคนของเราก็เรียนวิชาชีพกันไปทั้งคู่เลย ครั้นจะกลับไปช่วยพ่อแม่ทำงานแบบที่บ้านเราก็ไม่สะดวกแล้ว
เป็นช่วงที่ลังเลมากๆ เลยในชีวิต เหมือนถึงจุดเปลี่ยนที่ต้องเลือกและตัดสินใจอีกครั้ง ตอนนั้นยังทำงานอยู่กับ บ.เอกชนเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์เครื่องสำอาง และการดูแลเส้นผม เพราะอยู่ฝ่ายการตลาด ยังสนุกกับงาน ได้มีโอกาสจัดงานกิจกรรมต่างๆ สำรวจตลาดตามสถานที่ต่างๆ มีเรื่องให้ทำมากมาย ติดต่อกับชาวญี่ปุ่น มีเพื่อนชาวต่างชาติให้ไดพูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็น ได้เจอผู้คนมากหน้าหลายตา ไม่ว่าจะเป็นเพื่อนที่ทำงาน ลุกค้าที่มีทั้งขาจรและขาประจำ
ชีวิตที่เป็นอยู่แต่ละวันสนุกสนานไปเรื่อย พอเลิกงานก็เป็นอิสระอยากไปไหนก็ไป เที่ยวที่ไหนก็จะเลือกพักผ่อนด้วยการขับรถไปแถวๆชานเมืองใกล้กทม.กับเพื่อนสนิทที่เคยเรียนด้วยกัน ไปเช้ากลับเย็นบ้าง เสาร์-อาทิตย์บ้าง แล้ววันหนึ่งต้องตัดสินใจกลับบ้าน ทั้งๆที่ยังโหยหาวันเวลาเก่าๆอยู่บ้าง ความรู้สึกเสียดายชีวิตอิสระย่อมทะเลาะกันกลับความรู้สึกว่ามีหน้าที่ให้ต้องรับผิดชอบมากมายกำลังนอนอยู่ที่บ้าน
แต่ตอนที่เจอเพื่อนที่เรียนด้วยกันมาจากหลายๆ สถาบัน เพื่อนๆทุกคนพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า นี่..หล่อน ถ้าพ่อชั้นมีกิจการให้ชั้นทำแล้วล่ะก็ ชั้นจะไม่มาเป็นลูกน้องเขาอย่างนี้หรอก ณ เวลานั้นมันรูสึกสับสนเหลือเกิน ถ้ากลับบ้านก็ไม่มีเพื่อนให้คุยกัน ไม่มีอิสระในการนอกดึก นัดเพื่อนๆกินข้าว ไปเที่ยวต่างจังหวัด เติมแบตเตอรี่ในวันว่าง โห..ไม่มีอิสระแล้วจะหาอะไรมาสนุกได้ คิดๆไปก็นึกเบื่อๆขึ้นมายิ่งมีงานจัดรายการวิทยุสนุกๆ ให้ทำอยู่ด้วยช่วงหนึ่ง กำลังสนุกๆ อยู่เชียว
บังเอิญเหลือเกินว่าช่วงนั้นมีนักจัดรายการวิทยุที่มีอายุแล้ว จะมาจัดรายการต่อจากเราในทุกวันเสาร์ตอนสองทุ่มครึ่ง ท่านเป็นหมอดูที่มีชื่อเสียงมาจัดรายการเกี่ยวกับพยากรณ์ชีวิตให้คนฟังต่อจากเราในทุวันเสาร์-อาทิตย์ มีแฟนฟังกันเยอะมาก ใช้โฟนอินเข้ามาให้ผูกดวง เคยเจอกันตอนที่เราเตรียมตัวกลับบ้านเมื่อจัดรายการเสร็จแล้ว แต่ไม่ได้ให้ท่านเช็คดวงเลย เพื่อนเรามาจัดรายการด้วยเข้าไปทักทายท่าน หลังจากนั้นท่านก็เข้ามาดูดวงให้ น่ารักมาก เพราะท่านเตือนเอาไว้ว่า ถ้าจะผูกดวงไม่ให้ใครมาฟังด้วย
ตอนที่ท่านพยากรณ์เราก็จดไว้กันลืม ที่สะดุดใจที่สุดคือท่านบอกว่า ตามดวงของเรา เกิดมาแล้วไม่ต้องไปหางานทำที่ไหนหรอก เพราะเกิดมามีงานให้ทำอยู่แล้ว แต่เราจะทำมันหรือไม่เท่านั้น ดวงผู้ให้กำเนิดหวังว่าเราจะสานต่องานที่ทำไว้ ว้าว..คำพูดของคุณลุงที่บอกเอาไว้ เหมือนช่วยในการตัดสินใจอยู่บ้างแล้วคราวนี้
พอกลับมาบ้านนึกถึงพ่อหนุ่มหน้าตี๋คนนั้น ที่เคยชวนเราทานข้าว แล้วรู้สึกอยากหาคนคุยด้วยเรื่องกลับบ้าน เลยโทรไปปรึกษาเรื่องนี้ด้วย เป็นครั้งแรกที่รู้สึกอยากคุยกับเขาอีกครั้ง พอทางโน้นรับสาย ตอนที่ได้ยินเสียงตอบรับมาทำให้แอบยินดีอยู่ลึก ๆ
อ้าว..ไผ่เองเหรอ..ว่าไงหายไปเลยนะ โห..ฟลุคมากเลย ผมเพิ่งจะกลับบ้านอาทิตย์นี้เอง ไม่ได้กลับมาหลายอาทิตย์แล้ว ที่บริษัทงานเยอะมากเลยตอนนี้
น้ำเสียงยินดีออกมาจากปลายสาย แสดงถึงความยินดีที่ได้คุยกันอีกครั้ง ทำให้ใจชื้นขึ้นมานิดนึงแหละ ก่อนที่จะเอ่ยปากปรึกษาเรื่องกลับไปช่วยงานที่บ้าน พอได้ฟังเรื่องที่เราบอกไป เสียงปลายสาย เริ่มเข้มทีเดียว
ผมว่าพ่อคุณท่านมีเหตุผลนะ ที่ให้คุณไปทำงานที่ท่านทำมาตั้งหลายปีแล้ว อย่างน้อย..มันก็มั่นคงกว่างานที่คุณทำอยู่ตอนนี้ ไม่ว่างานบริษัทหรือว่าจัดรายการเพลง
แต่ละคำที่แนะนำมา เหลือร้ายจริงๆ เค้าเป็นเด็กว่าเรา 2 ปี แต่ความคิดเป็นผู้ใหญ่กว่ามาก แล้วอีกอย่างยังไม่ยอมเรียกฉันว่าว่าพี่ ด้วยเหตุผลง่ายๆว่ามีเพื่อนที่อายุมากกว่ากัน ไม่เท่าไหร่ไม่ค่อยเรียกว่าพี่หรอก ตายจริงพ่อคนนี้ อยากแก่นักหรือไง แต่พอฟังเหตุผลเค้าแล้ว ฉันเองก็ยอมรับว่ามันจริงอย่างที่บอกเรามา ชนิดที่เราถียงไม่ออกเลยจริงๆ ให้ตายซิ
เขียนโดย
KorP@i
Create Date : 03 มีนาคม 2554 | | |
Last Update : 5 มีนาคม 2554 21:50:19 น. |
Counter : 361 Pageviews. |
| |
|
|
|