(´¨*♥*´¨):-: SimpliFy Your Life : Just Be Your Self :-:(´¨*♥*´¨)

:: Tsunami in SenDai Japan 2011 ::

ยังไม่เคยลืมว่าครั้งหนึ่ง
ยังไปเยือนถึงถิ่นนั้น
เกาะญี่ปุ่นแสนสวยงามในใจฉัน
จากวันนั้นล่วงเวลามาหนึ่งปี



ซากุระยังคงเบิกบานตลอดไป
แม้ว่าถึงวันแล้วต้องร่วงหล่นจนใจหาย
อีกไม่นานเจ้าจะผลิดอกต่อก้านใบ
ให้ฉันได้ชื่นใจใหม่ในเร็ววัน



มีหมู่มวลชนคนมากมายด้วยน้ำใจ
ช่วยเหลือเจ้าในวันที่ร้องไห้
ดอกไม้ที่หล่นลงดินไม่สิ้นไป
หวังว่าเจ้ายังหยัดยืนสู้ต่อไปไม่หวั่นเลย



แม้ว่ามีภัยเยือนเจ้าหลายครั้ง
ยังคงเปี่ยมพลังยืนหยัดได้
แม้ว่าภัยจะโหดร้ายสักเพียงใด
เชื่อว่าใจเจ้ายิ่งแกร่งไม่แพ้กัน



อยากส่งกำลังใจไม่สูญสิ้น
ยังได้ยินเสียงเพลงที่เธอขับขาน
ยังจำได้ที่เธอเคยช่วยฉันไว้เมื่อวันวาน
แม้เวลาผ่านไปใจไม่ลืม



หลายครั้งที่ก้าวผ่านเส้นทางหมาย
ไม่ว่าใครย่อมทุกข์โศกอยู่มิรู้คลาย
กว่าความเศร้าจะจางไปเมื่อไหร่กัน
อีกไม่นานทุกข์ค่อยๆจางไปจากใจนั้น



แต่ตอนนี้เรารู้ว่าเจ้าต้องสู้กับมันอย่างมั่นใจ






เช้าวันที่ 1 มีนาคม 2510 ได้ไปเที่ยวญี่ปุ่น ในเช้าวันนั้นออกจากที่พักในย่าน Asakusa แต่เช้า นั่งรถไฟกับเพื่อนอีกสองคนไปเที่ยวที่ Sendai ตั้งใจว่าจะไปนั่งเรือเที่ยวกัน พอไปถึงที่นั่น จึงปรี่เข้าไปหาข้อมูลที่ Information Center เพื่อขอข้อมูลและรายละเอียดเกี่ยวกับสถานที่เที่ยวกันอีกครั้งพร้อมคำแนะนำจากเจ้าหน้าที่



ในขณะที่หญิงสาวผู้ให้ข้อมูลแก่พวกเราอยู่ ไม่นานนักมีพนักงานที่ดูแลรถไฟมาแจ้งว่า เดี๋ยวต้องมีการหยุดขบวนรถไฟจาก Sendai ทุกขบวน เพราะว่าจะมี Tsunami อีกไม่นาน ระบบป้องกันภัยเตือนมาแล้ว ที่นี่จะปล่อยรถขบวนสุดท้ายเวลา 11.34 น. เป็นเที่ยวสุดท้าย



ฉันหันไปถามเพื่อนๆที่มาด้วยกันว่าจะเอาอย่างไร จะอยู่เที่ยวที่นี่หรือว่ากลับรถขบวนที่เจ้าหน้าที่บอก เพราะว่าในตอนนั้นสำหรับตัวเองฉันอย่างไรก็ได้ พอหันไปมองหน้าเพื่อร่วมทาง มีเพื่อนคนหนึ่งบอกว่าเขาเป็นลูกคนเดียวเป็นห่วงแม่ กลับดีกว่าไม่เที่ยวต่อแล้ว พอหันหน้าไปที่เพื่อนอีกคนที่มาด้วยกับ พยักหน้าเห็นด้วย เป็นอันว่าตกลงกลับโตเกียว ก่อนกลับบ้านพวกเรายังแวะเดินเล่นที่ชายหาย ถ่ายรูป Sendai ไว้เป็นที่ระลึกได้แต่มองรูปเกาะที่คิดว่าจะไปเที่ยวอยู่ไกลๆ



ในระหว่างที่รอรถอยู่นั้นพวกเราทั้งสามคนยังเดินไปหาของกินรองท้องก่อน เพระว่าเดินไปเจอเจ้าร้าน ขายของข้างทางก่อนถึงชายหาดเลยซื้อขนมที่นี่รองท้องกันในเช้าวันนั้น พออาหารตกถึงท้องแล้ว ยังเดินไปถ่ายรูปที่นี่เห็นสัญลักษณ์ เตือนภัยอยู่ทั่วผู้คนส่วนใหญ่เป็นชาวประมงไม่ได้ตื่นตระหนกกันมากนัก เลยคิดไปว่าเป็นเพราะว่ามีระบบป้องกันที่ดี มีการบอกวิธีการปฎิบัติตัวเมื่อมี Tsunami เพราะที่นี่เกิดขึ้นบ่อยมาก



นับจากวันนั้นถึงวันนี้ ฉันได้ข่าวจาก Sendai อีกครั้ง ได้มี Tsunami เกิดขึ้นที่นั่นอีกครั้งหนึ่ง ในช่วงเวลาใกล้เคียงกับที่ฉันไปเยือนที่นั่น แต่คราวนี้เหตุการณ์รุนแรงกว่าวันที่ฉันไปเยือนที่นั่นมากมายเหลือเกิน มากมายจนไม่อาจคาดเดาได้ว่า คนที่นั่นจะต้องเกิดการสูญเสียและพลัดพรากเกิดขึ้นอีกแล้ว ในฐานะเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน



เมื่อครั้งที่ไปเยือนที่นั่น ความมีน้ำใจที่ได้รับจากเพื่อนมนุษย์ตลอดการเดินทาง ยังอยู่ในใจฉันเสมอ เมื่อวันนี้คนญี่ปุ่นได้เจอกับมรสุมกระหนำพวกเขาอีกครั้ง ฉันจึงได้แต่ภาวนาว่าให้มีผู้สูญเสียน้อยที่สุด




เขียนโดย



KorP@I




 

Create Date : 16 มีนาคม 2554    
Last Update : 16 มีนาคม 2554 19:44:25 น.
Counter : 584 Pageviews.  

:: เที่ยวตรุษจีนที่ปั้มพัฒนาผลปิโตรเลียม เพชรบูรณ์ ::



เมื่อวานนนี้ตรงกับวันที่ 3 กุมภาพันธ์ 25454 เป็นวันชิวอิก หรือว่าวันขึ้นปีใหม่ของคนจีน ตามปกติแล้วที่บ้านจะหยุดทำงานทุกอย่าง ปิดบ้านและได้ไปเที่ยว ปีนี้เราเลือกการไปพบปะสังสรรค์กันระหว่างญาติพี่น้อง


ตื่นที่นอนปกติยามเช้าเหมือนนาใกในร่างกายทำงานจนชิน แม้วจะรู้ดีว่าวันนี้ตื่นสายได้ไม่ต้องรีบลุกไปทำงานตั้งแต่เช้าตรู่ที่โกดัง ว่าจะนอนเล่นต่อแต่ไม่ไหวแล้วลุกขึ้นมาชวนคุยกับที่บ้านถามอาปากับแม่ว่าจะไปไหนดี เพราะทั้งคู่เพื่งไปเที่ยวตลาดสามชุกสุพรรณีบุรีเที่ยวตลาดต่างๆทั่วไปในภาคกลาง ทั้งคู่พร้อมใจกันบอกว่าไม่ไปตลาดแล้ว





ยังเหลือฉันคนเดียวที่เบื่อที่จะอยู่บ้านเพราะธรรมดาเราต้องออกไปข้างนอกทุกปี แหม ตรุจีนวันเที่ยวจะมีมาเยือนแค่ปีละครั้ง จะนอนอ่านหนังสือเล่นวันนี้ก็กระไรอยู่ ทีวีก็ไม่มีอะไรน่าสนใจ ระหว่างที่เตรียมตัวหาข้าวเช้ากันอยู่เมื่อทานข้าเสร็จ ฉันนั่งหาข้อมูลเกี่ยวกับตลาดที่น่าเที่ยวในอินเตอร์เน็ตว่ามีอะไรน่าเที่ยวบ้างไปตลาดไหนดีที่ใกล้กับบ้านเรา แบบไปเช้าเย็นกลับได้ เพราะวันรุ่งขึ้นต้องทำงานต่อ





ระหว่างที่หาแหล่งเที่ยวอยู่นั้นรถของอาที่แต่งงานแยกครอบครัวออกไปแล้วแวะมาเที่ยวที่บ้านพอดี พออาเอารถมาจอดที่หน้าบ้าน มีอากับลูกชายคนเล็ก แวะเอาเป็ดพะโล้มาให้ ฉันลุกขึ้นละสายตาจากหน้าจอ แสดงความดีใจจนออกนอกหน้า มีคนที่เราจะไปเที่ยวด้วยแล้ว

" ไปเที่ยวสมอทอดกันไหม " ระหว่างที่เดินจากรถเข้ามาในบ้าอาชวนฉัน
"ไปซิอากู ไปเลย " ฉันเรียกอาว่าอากุ แปลว่าน้องสาวของพ่อในภาจีนแคะหรือฮากกา




ฉันเห็นด้วยอย่างคนที่คิดไม่ออกว่าจะไปไหน ทางอาปากับแม่ยังนิ่งเฉย แบบหยั่งใจ "

พอดีที่บ้านมีลูกค้าทำบุญข้าวหลามประจำปี มีคนเอาข้าวหลามมาแจกเจ้าละสองกระบอก รวบรวมไว้ได้เป็นกระบุงใหญ่ ฉันเตรียมใส่ถุงไปฝากบ้านอากูที่มีลูกน้องช่วยทำขนมเปี๊ยะไหว้เจ้า นั่งคุยกันพักใหญ่ในที่สุดทั้งอาปาและแม่ต่างลงความเห็นว่าไปไหนไปกัน เอารถอากูจอดไว้ที่โรงรถที่บ้าน แล้วเอารถที่บ้านฉันไปแทน





ระหว่างทางโทรไปบอกเจ๊ๆที่อยู่ทางโน้นว่าจะเดินทางไปเยี่ยมเยียนกัน ที่บ้านเจ๊ก้หยุดงานกันแต่มีที่ปั้มหยุดไม่ได้เพราะเป็นธุรกิจที่ต้องให้บริการนักเดินทาง

พอโทรไปบอกเจ๊บอกว่าคนไม่เยอะมากนัก ไม่เหมือนช่วงปีใหม่ที่ผ่านมา ที่นั่นต้องเปิดโกดังสินค้าด้านหลังให้ลูกค้าปั้มจอดรถด้านใน เพราะรถแวะที่ปั้มเยอะมาก ตรุษจีนปีนี้ไม่ตรงกับวันหยุดเสาร์อาทิตย์ด้วย





พอไปถึงเจ๊ชวนไปกินอาหารกลางวันที่วิเชียรบุรีที่นั่นมีส้มตำไก่ย่างอร่อยๆที่นักเดินทางชอบไปแวะชิมระหว่างเดินทาง พอพวกเราไปถึงที่สมอทอดนั่งเล่นที่บ้านสักพักก็ไปทานกลางวันกันต่อที่ไก่ย่างบัวตอง ที่อ.วิเชียรบุรี ออกจากซับสมอทอดไปประมาณ 10 กิโลกว่าก็ถึงร้านแล้ว




พอเห็นคนที่กำลังนั่งกินอาหารอยู่ที่ร้าน ระว่างที่เจอกันส่วนใหญ่คุยเรื่องกิจการการค้า การขยายกิจการที่ปั้มที่คนเริ่มทะยอยมาใช้บริการมากขึ้น
รวมทั้งคุยเรื่องการแก้ชงสำหรับคนที่เกิดปีชวด เถาะ มะเมียและปีระกา

ตอนแรกคิดว่าลุกค้าที่ร้านคงไม่เยอะมากนักคะเนผิดเสียแล้ว เจ๊บอกว่านี่ยังน้อยกว่าตอนปีใหม่ เพราะปีใหม่ต้องเล่นเก้าอี้ดนตรีกันจับจองที่นั่ง ขนาดของร้านมีเก้าอี้เยอะมายังไม่เพียงพอต่อความต้องการของลุกค้า ทางร้านต้องประกาศว่า ทางไมโครโฟนแจ้งลูกค้าที่ทะยอยกันเดินทางมาในร้านอย่างไม่ขาดสายว่าของในครัวไม่พอต่อคนที่จะมารับประทาน คนเสริ์ฟก็ไม่ไหวเลยเดินจนแข้งขาอ่อนแรง เห็นอย่างนี้แล้ว ใครว่าเศรษฐกิจไม่ดี อาจเปลี่ยนใจได้เมื่อมาเห็นร้านส้มตำร้านนี้






เรื่องและภาพ


โดย

KorP@i




 

Create Date : 04 กุมภาพันธ์ 2554    
Last Update : 5 กุมภาพันธ์ 2554 15:12:46 น.
Counter : 446 Pageviews.  

:: เชียงคานเมืองเล็กๆในใจ /Chiang Khan ::



ครั้งหนึ่งเคยเห็นภาพสวยงาม อยู่ในใจ

จำไม่ได้แล้วว่าภาพเห็นในใจนั้น คำที่เห็นคือคำว่า

" P o s t c a r d จาก เชียงคาน "


มันเป็นภาพในใจ ในฝัน หรือว่า ...เป็นภาพที่เกิดขึ้นในฝัน


ด้วยเหตุผลใดก้ตามไม่ใช่สิ่งสำคัญ

--เพียงแค่อธิษฐานไว้ว่า..สักวัน

--เราคงได้เจอกันนะ เชียงคาน--


ไม่ว่าจะเกิดจากเหตุใดก็ตาม คงไม่ใช่ประเด็นที่ตัดสินใจ

เริ่มปรารถกับเพื่อนฝูงว่าจะขับรถไปเที่ยวที่นั่น

---เหนืออื่นใด----

ไม่ใช่สิ่งสำคัญมากกว่าสิ่งที่อยู่ในใจ ที่ยังคิดเสมอว่า..

วันหนึ่งจะต้องไปเยือน..ที่นั่นให้ได้

-----เชียงคาน ----

จากในฝันสู่ความเป็นจริง


ฉันเป็นคนริเริ่มความคิด..อยากขับรถไปเชียงคาน เลยร่อนถ้อยความเชิญชวนเพื่อนๆอีกสามคน สมาชิกที่ตกปากรับคำมีทั้งหมดสี่สาว ที่นัดแนะกันไว้ว่า 9- 12 ธันวาคม 2553 พวกเราจะไปเชียงคานกันเพื่อนๆจะแวะมาหาที่บ้านและมานั่งรถฉันออกจากที่บ้านฉันเองในเช้าวันที่ 9 ธันวาคม


ที่บ้านฉันยังต้องทำงานจนกระทั่งเช้าวันที่ต้องเดินทางยังไม่เว้นที่ต้องไปดูรถที่บรรทุกข้าวโพดมาที่โกดัง ระหว่างที่ทำงานยังถามใจตัวเองว่า วันหยุดยาวอย่างนี้ทำไมต้องไปเที่ยวด้วย เพราะผู้คนต่างเดินทางกันเยอะมาก ไม่ว่าจะไปที่ไหนมักลำบากในการจองที่พัก จะรออีกอาทิตย์หนึ่งค่อยๆไปไม่ไดกว่าหรือ แต่ในขณะที่คิดอยู่นั้นเพื่อนๆคงไม่มีเวลาให้ได้คิดเพราะพรุ่งนี้เป็นวันที่เรานัดกันเพื่อจะเดินทาง กว่าจะคิดได้ก็ช้าเกินไปแล้ว เพราะเพื่อนๆ ต่างเตรียมตัวเดินทางกันแล้ว


ส่วนตัวฉันไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม่ไม่ตื่นเต้น หรือว่ารอคอยเพื่อที่จะเดินทางอย่างที่ปกตินั้นจะตื่นเต้นยินดีเหลือเกิน กลายเป็นว่า..ความรับผิดชอบที่มีอยู่ข้างหน้ามากมายพอสมควรต่อการเป็นสารถีให้เพื่อนๆนั่งรถเดินทางไปด้วยกัน แน่นอน ทุกคน ย่อมคิดถึงจุดหมายปลายทาง ..ที่ริมโขง ณ เชียงคาน คือที่มั่นของพวกเราคราวนี้


เมือวันที่ 4-5 ที่ผ่านมาตัวฉันมีไข้ตัวรุมๆ นอนมึนศีรษะมากมาย จนแม่เห็นแล้วต้องไปจัดการชงยาสมุนไพรสูตรแก้ไข้ มีแม่บ้านผู้ใจดีไปถากเปลือกมะตูมมาต้มใส่น้ำร้อน ตั้งไฟ พร้อมกับไปเด้ดหญ้าแห้วหมูมาล้างน้ำให้สะอาดชงให้ดื่มเป็นยาสมุนไพรที่ รสฝาดบาดลิ้นยิ่งนัก แต่ไม่นานนักหลังจากดื่มแล้วเหมือนเป็นยาเรียกเหงื่อได้อย่างยอดเยี่ยม ชนิดที่ อ.ย.ยังสู้ไม่ได้เลยเชียว ระว่างพักผ่อนนอนทานยาที่บ้าน ได้น้ำใจมากมายจากแม่บ้านเป็นผู้ดูแลจัดหาให้ จนอาการเริ่มทุเลาลงเยอะมาก ไม่ได้บอกแม่ว่าฉันเป็นคนบอกเพื่อนๆเองว่าจะไปเชียงคานกันในวันศุกร์ที่จะถึงนี้

ทำไงดีละในเมื่อทุกคนพร้อมแล้ว เหลือคนที่บอกเพื่อน เป็นคนแรก และเป็นคนกำหนดวันต้องเกิดป่วยกระทันหันเช่นนี้อยู่ในตัวคนขับรถเสียด้วย

การเดินทางทุกครั้ง ไม่มีใครรู้ว่าจะเกิดสิ่งใดขึ้นข้างหน้า ไม่มีใครรู้อนาคต ยังต้องนำมาใช้กับทริปนี้ด้วยอย่างเลี่ยงไม่ได้เลย เมื่อเพื่อนๆพร้อมหน้า รถต้องเคลื่อนออกให้ทันเวลา เพราะต่างเกรางว่าจะไปถึงเชียงคานช้าไป พวกเราออกจากบ้านฉันในราวเกือบบ่ายโมง ระหว่างทางไปแวะกินก๋วยเตี๋ยวลูกชิ้นหมูที่อ.ท่าตะโก เป็นที่นั่นมีชื่อ และเป็นร้านที่ทำลูกชิ้นขายส่ง จนเป็นร้านที่มีชื่อของ อำเภอเลยทีเดียว หลัวจากที่จัดการกดูแลกระเพาะอาหารกันเรียบร้อย เพวกเราเดินทางต่อไปยังเพชรบูรณ์กันทันที

ฉันยังไม่ลืมหยิบแก้วที่มีฝาบิดที่แม่บ้านเต็มรินยาที่เหลือไว้ให้ เพือนำไปดื่มระหว่างทาง ความอบอุ่นจากที่บ้านยังคงติดตัวไปด้วยทุกหนทุกแห่ง ไม่นานนักใช้เวลาประมาณชั่วโมงครึ่งเราทั้งหมดถึงอ.บึงสามพัน จ.เพชรบูรณ์แล้ว ได้แวะเติมน้ำมันที่ปั้มของเจ้ที่เป็นลูกป้า เราได้แวะคุยกันไม่ถึงยี่สิบนาทีต้องรีบออกเดินทางต่อเพราะกลัวว่าจะถึงเมืองเลย ต้องต่อไปเชียงคานอีกมันจะคำมืดเกินไป พอได้ทักทายเจ้ที่ปั้มได้นิดหน่อยพอหอมปากหอมคอ เอาของฝากที่หากินยากไปฝากด้วยหนึ่งกล่อง คือขนมข้าวโปง เป็นอาหารพื้นบ้านแถวบ้านฉันเอง รสคุ้นลิ้นเจ้ชัวร์กินข้าวจะคิดถึงวัยเด็ก


ถ้อยคำโดย


KorP@i




 

Create Date : 17 ธันวาคม 2553    
Last Update : 14 มกราคม 2554 21:47:22 น.
Counter : 319 Pageviews.  

:: มองผ่านเลนส์เห็นอารมณ์ /Candid ::



เบื้องหลังภาพถ่ายมักมีเรื่องราวมากมายเกิดขึ้นเสมอ คนที่ประทับใจและจดจำคงไม่พ้นคนที่กดชัดเตอร์อยู่ด้านหลังกล้อง ฉันรู้สึกสนุกสานทุกครั้งที่จับกล้องถ่ายรูป รู้สึกเหมือนกับว่าได้มองโลกในมุมต่างๆด้วยสายตาตัวเอง ไม่รู้ว่าผู้อื่นจะมีความเห็นเป็นเช่นไร

เราสามารถเลือมุมมองที่บันทึกภาพไว้ได้ด้วยสายตาตัวเอง จำได้ว่าการเดินทางไปเที่ยวญี่ปุ่น ตั้งใจไว้ว่าจะเก็บภาพการดำเนินชีวิตของคนที่นั่นหมาเก็บไว้เผื่อเพื่อนๆที่รู้จักกัน และที่ขันอาสารับปากเป็นมั่นเหมาะคือ น้องสาวของฉันเองที่สั่งแกมขอร้องว่าจะเจอเด็กหนุ่มๆที่นั่นให้ลั่นชัดเตอร์มาเผื่อแผ่กันด้วย อย่างนี้ด้วยแล้วจะกลายเป็นคนที่ไร้น้ำใจต่อน้องสาวตัวเองและเพื่อนมนุษย์ด้วยกันไปได้อย่างไร




นี่คือภาพแรกที่เห็นแล้วตั้งใจไว้ว่าต้องเก็บภาพหนุ่มน้อยคนนี้ให้ได้ เพราะความสดใสน่ารักที่ก้าวผ่านหน้าไป เราเจอกันที่วัดในเมือง Nara



ส่วนคนนี้เจอที่วัดคิงคะคุจิ เกียวโต รูปนี้กำลังสาละวนกับงานที่ทำอยู่หาได้รู้ไม่ว่ามีใครแอบเก็ภาพของเขาไว้




ถัดมานี้เป็นอีกคนที่กำลังปั้นแป้งในมือ ที่ร้านนี้แสดงวิธีการผลิตให้คนซื้อได้รู้เบื้องหลังการผลิตสินค้าก่อนที่จะรีบประทานกันทีเดียว ดูจากราคาที่ป้ายจะเห้นว่าเขาคนนี้ขายทั้งปลีกและส่ง ยิ่งซื้อมากชิ้นยิ่งราคาถูกลง




คนนี้เจอที่สถานีรถไฟระหว่างที่กำลังจับรถไฟไปเที่ยวที่เซนได



หนุ่มน้อยหน้าใสวัยอนุบาล กำลังข้ามถนนไปเที่ยวที่สวน อุเอะโนะ ในกรุงโตเกียว เด็กที่นี่เรียงแถวเดินกันอย่างสง่างาม มีระเบียบเรียบร้อย มีคุณครูดูแลอย่างดี


ก่อนจากกันยังนึกอธิษฐานอยู่ในใจว่า ถ้ายังมีลมหายใจอยุ่ไม่รู้ว่าจะมีโอกาสได้มาเยือนที่เกียวโตอีกหรือไม่ และถ้ามีจะได้ไปช่วงเวลาใดของชีวิต หากได้มีโอกาสอีกครั้ง ขอให้เราทั้งคู่ได้มีโอกาสมาเจอกันอีกคงดีไม่น้อย เพราะการสื่อสารมีจำกัด ฉันไม่อาจส่งภาษาญี่ปุ่นกับเขาได้ แต่แววตาคู่นั้นที่เขาส่งมาฉันก่อนที่ฉันจะลงมมือกดชัตเตอร์ ไม่อาจปิดบังบางสิ่งที่อยู่ในใจของเขาได้เลย แววตาที่เปิดเผยแสดงออกชัดเจนว่า เขาเต็มใจให้ฉันได้ถ่ายรูปเก็บไว้ ณ.เวลานั้นให้นึกขอบคุณมิตรภาพของคนต่างวัยของเราเหลือเกิน


ในวันนั้นฉันและเพื่อนๆอีกสองคนได้มีโอกาสขึ้นรถเมล์ในเกียวโตคันเดียวกันกับหนุ่มน้อยคนนี้ เขาขึ้นรถก่อนได้ที่นั่งนั่งด้านหน้า ส่วนฉันและเพื่อนอีกสองคนนั่งด้านหลัง ในรถเมล์คันเดียวกัน ฉันต้องลงก่อนเขา เมื่อเดินลุกออกจากที่นั่งต้องผ่านหน้าเขาไป เขายิ้มให้ ฉันโบกมือให้เขาก่อนลงจากรถ






" นี่..เด็กคนนั้นมองตามแกมาเนี่ย ลองหันกลับไปมองซิ " ก่อนลงรถฉันหันหลังกลับไปมองหนุ่มน้อยตามที่เพื่อนสะกิดลำตัวบอกอีกครั้ง พอมองกลับไปบนรถหนุ่มน้อยนั่งมองหน้าฉันอยู่จริงๆด้วย เราทั้งสองคนสบตากัน ฉันยกมือโบกบ้าย บาย เขาก่อนก้าวขาลงจากรถเมล์คันนั้น


เขาส่งยิ้มให้ฉันก่อนที่จะลงรถ พวกเราลงก่อน เลยไม่รู้ว่าอีกนานไหมหนุ่มน้อยคนนี้จะถึงบ้าน ก่อนก้าวเท้าลงจากรถฉันโบกมือบ้ายบายเขาเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนที่สายตาของเราทั้งคู่จะละจากกัน ในขณะที่เราทั้งสามคนเดินลงลงที่ป้ายรถเมล์เพื่อนสะกิดให้มองดูเขาอีกครั้ง สายตาเขายังไม่ละไปจากพวกเราเลย และยังคงนิ่งอยู่อย่างนั้น อยากรู้ยิ่งนักว่าหลังจากที่จากกันไปแล้ว ถ้าได้มีโอกาสเจอกันอีกครั้ง หนุ่มน้อยจะยังจำกันได้ไหม

แต่อีกใจหนึ่ง ไม่จำเป็นเลยว่า เขาจะรู้สึกเช่นไร ในโลกกลมใบนี้ เราทั้งคู่จะได้เจอกันอีกไหม เราต่างก็ให้คำตอบไม่ได้เช่นกัน ช่างเป็นมิตรภาพต่างวัยที่มีความงดงามจับใจ




ภาพและบทความ

โดย

KorP@i







 

Create Date : 08 พฤศจิกายน 2553    
Last Update : 3 มกราคม 2554 22:21:06 น.
Counter : 493 Pageviews.  

:: เมื่อจับกล้องถ่ายรูปอีกครั้ง/Reminding ::


Smiley


ครั้งแรกที่จับกล้องถ่ายรูปแล้วได้ถ่ายภาพให้เพื่อน 
ความรู้สึกในวันนั้นคงไม่อาจลืมเลือนไปจากใจได้เลย 
เพราะในใจคิดแล้วว่า ทุกครั้งที่ได้ถ่ายรูปให้กับใคร ได้แต่เพียงคิดว่า " เมื่อได้ถ่ายรูปแล้ว เหมือนเป็นการเก็บบางสิ่งที่ต้องการจะจำเอาไว้ เมื่อเราไปในสถานที่ต่างๆ  หรืออาจจะเป็นความประทับใจในเหตุการณืที่เกิดขึ้น แล้วผ่านเข้ามาในชีวิตที่น่าจดจำ  "  อีกฝั่งของใจคือ
ผู้ที่เป็นฝ่ายถูกถ่ายนั้น  เมื่ออยู่ในกล้องแล้วย่อมแอบคาดหวังว่าจะได้รูปที่ดูดี ไม่มีการกระพริบตา   ไม่เจอสภาพที่ไม่น่าดูไม่ว่าจะรูปแบบไหนก็ตาม  นับว่าเป็นสิ่งที่เป็นประกายเล็กๆที่เกิดขึ้นในใจ  และสิ่งที่อยู่ในใจในวันนั้นเริ่มเดินทางเข้ามาหาตัวฉันอย่างเงียบๆ อย่างไม่ได้ตั้งใจ


                กล้องตัวแรกที่จับไม่ใช่กล้องของตัวเอง เป็นกล้องที่ถ่ายเล่น  ลักษณะของกล้องเป็นรูปคล้ายตัวแอลในภาษาอังกฤษในยุคนั้นถ้ามือสั่นไหวภาพออกมาก็ไม่สวยแล้ว  พอได้จับกล้องเท่านั้นเอง ความผูกพันเริ่มก่อตัวขึ้นอย่างเงียบๆ พร้อมกับคำสารภาพในใจที่มีให้กับตัวเองสมทบเข้ามาว่า


" สักวันหนึ่งแนจะต้องมีกล้องถ่ายรูปเป็นของตัวเอง"  เมื่อคิดแล้วต้องเริ่มต้นด้วยการสะสมสตางค์ เพราะรู้ดีว่าการจะเป็นเจ้าของกล้องถ่ายรูปนั้น สิ่งที่องคิดไว้ตั้งแต่เริ่มคือเรื่องนี้  แต่ไม่คิดเลยว่า การได้กล้องเป็นของตัวเองอันแรกนั้น ฉันได้มาจ่ากการติดสินบนจากบุพการี  ที่บ้านฉันคงเหมือนอีกหลายคนที่เมื่อลูกๆสอบเข้าเรียนได้มักจะมีสิ่งล่อใจเป็นรางวัล


                 แล้วในที่สุดวันนั้นก็เดินทางมาถึง  เมื่อครั้งที่บังเอิญสอบโควต้าภาคเหนือได้ เลยมีโอกาสลั่นวาจากับบุพการีว่า ถ้าบังเอิญว่าสอบได้ขอกล้องถ่ายรูปแบบ Single Lens ให้สักหนึ่งตัว ในที่สุดฉันก็เป็นเจ้าของ Nikon รุ่น FM 2 เป็นของตัวเองจนได้ เป้นกล้องที่ได้รับเพราะติดสินบนกับบุพการีเสียด้วย 


ความผุกพันระว่างฉันกับกล้องจึงแนบแน่นมาเสมอ  เพราะเบื้องหลังกล้องอันนั้นมีทั้งความเพียรพยายาม เป็นความทรงจำที่มีมากกว่ากล้องถ่ายรูปธรรมดาเพราะนับว่าเป็นสิ่งที่ตามมาจากความพากเพียรให้ได้มาถึงสิ่งที่มนุษย์เราจะสัมผัสได้ในระดับหนึ่งของชีวิตทีเดียว    ไม่เป็นเพียงกล้องอันหนึ่งเท่านั้น 



แม้ว่าวันที่ได้มาเป็นวันที่ต้องออกจากการเป็นนักเรียนมัธยมปลายแล้ว  ในระหว่างที่เรียนฉันได้เป็นสมาชิกชมรมถ่ายถาพกับทางโรงเรียนด้วย  ด้วยเหตุนี้เองทำให้ต้องใช้กล้องอันเก่าของที่บ้านก่อนในระหว่างนั้น  เริ่มรุ้แล้วว่าค่าใช้จ่ายของผู้ที่ริเริ่มใช้กล้องไม่น้อยเลย  ยังโชคดีที่โรงเรียนได้มีห้องอัดล้างฟิล์มให้นักเรียนไว้ด้วย  พอจำได้ว่าเมื่อ้างรูปจะต้องใช้ไฟสีแดงๆเมื่อเราต้องล้างรูป กระดาษที่ใช้ล้างก็แสนจะแพง ถูกแสงไม่ได้เลย ไม่งั้นกระดาษจะเสีย ใช้ไม่ได้เลย


                   ความรักในการถ่ายภาพ เริ่มเข้ามาสู่ชีวิตของฉัน อย่างไม่รู้ตัว รู้แต่เพียงว่าตัวเองเพลิดเพลินทุกครั้งที่จดจ่อต่อสิ่งที่ตนถ่ายอยู่ บางรูปแทบจะหยุดหายใจเลยทีเดียว  เพราะกลัวว่าตัวแมลงที่เข้าไปใกล้จะบินหนีไปก่อนที่จะได้ภาพงามๆตามธรรมชาติ  นับว่าเป็นงานอดิเรกที่สนุกสนาน บังเอิญว่าเรื่องดูแลงบประมาณที่มีอันจำกัดไปด้วย ฉันไม่เคยหลงระเริงกับสิ่งเหล่านี้อยู่แล้ว  จะว่าไปชีวิตในช่วงที่เรียนมหาวิทยาลัยตั้งหน้าตั้งตาเรียนพอสมควร ไม่ได้หยิบฉวยกล้องที่ได้มาใช้งานนาน ด้วยเหตุผลเกี่ยวกับงบประมาณที่มีจำกัดนั่นเอง มาเป็นส่วนหนึ่งที่กีดกันการนำกล้องมาถ่ายรูปได้มากเท่าที่ใจคิด



                    เวลาเดินทางของมันอย่างไม่เคยคดโกงใคร  วันหนึ่งจากกล้องที่เคยใช้ฟิล์มเข้าสู่ยุคสมัยของโลกดิจิตอล  ความห่างเหินกับกล้องถ่ายรูปยังดำเนินต่อไป อีกนานหลายปีกว่าที่ฉันจะเดินหน้าไขว่คว้ากล้องดิจิตอลมาเป็นของตัวเอง  เมื่อสังเกตดูพฤติกรรมบางอย่างของตัวเอง และพบว่า ถ้าไม่จำเป็นนักที่จะเร่งรัดใช้สิ่งใด  เมื่อถึงเวลา คนเราอาจมีเจ้าสิ่งนั้นได้  ครั้นพอถึงเวลาอันสมควร ฉันจึงมีโอกาสได้เป็นเจ้าของกล้องดิจิตอลเสียที  อีกอย่างเจ้าของทุกอย่างที่เกี่ยวกับโลกล้ำยุคนี้มักจะมีราคาลดลงเรื่อยๆ



                   ก่อนที่กล้องตัวใหม่จะเดินทางมาให้ฉันได้รู้จักกัน  เป้นเพียงช่วงก่อนหน้าที่จะเดินทางไปญี่ปุ่นได้เพียงไม่น่าน  ความสนุกเดินทางเข้ามาหาฉันอีกครั้ง  ฉันเริ่มต้นจับกล้องตัวใหม่นี้ด้วยการถ่ายรูปกรรมกรที่ทำงานในโกดังของตัวเอง



           ในเมื่อเราไม่อาจไปไหนได้จึงใช้เวลาและโอกาสที่มีทำงานไปด้วยและได้ถ่ายรูปที่ฉันชอบไปในเวลาเดียวกันซะเลย ไม่เห็นจะแปลกใช่ไหม ไม่ว่าเรื่องไหน ในยามนั้นฉันคิดๆได้ว่า ถ้ารอเวลาไปเที่ยวจึงจะได้เก็บสิ่งต่างๆลงในกล้อง ไม่รุ้ว่าเมื่อไหร่จะได้ไป  จึงคว้ากล้องไปเก็บสิ่งแวดล้อมที่อยู่รอบๆตัวในชีวิตประจำวันวะเลย  ได้ทำงานไปด้วยเพลินกับการถ่ายรูปไปด้วย นับว่าไม่เลว



ในชีวิตของคนเรานั้น  เวลาที่เดินผ่านไม่เคยหยุดนิ่งเลย สิ่งที่ผ่านเข้ามาในชีวิตย่อมต่างกันไปด้วย 


            มนุษย์เราสามารถทำงานไปด้วยและทำในสิ่งที่ตนรักไปด้วยเช่นกัน  ตอนนั้นเริ่มอยากเรียนรู้การแต่งเพลงขึ้นมาอีกหนึ่งอย่าง ไม่รู้เหมือนกันว่า อนาคตจะเป็นนักเขียนเพลงได้ไหม  แต่อีกฝั่งของใจบอกว่า 


" ได้ซิ  ถ้าคิดว่าทำได้ ทุกวันนี้เลยเขียนหลายๆสิ่งที่อยู่รอบตัวเองไปก่อน ไม่แน่นะจินตนาการเหล่านั้น อาจเป็นเสียงเพลงที่เขียนขึ้นมาเองก็ได้  ใครจะรู้ "


ฉันอาจได้ทำงานที่ชอบ อย่างเพลิดเพลินใจ ผสมผสานไปกับธุรกิจที่ต้องดูแลไปแด้วย  อย่างไม่อาจแยกกันได้เลย ในอนาคต 


" ความสุขเกิดขึ้นได้เสมอหากเราจะทำและคิดสนุกกับมัน "



เขียนโดย



KorP@   iSmiley






Free TextEditor




 

Create Date : 07 พฤศจิกายน 2553    
Last Update : 3 มกราคม 2554 21:38:08 น.
Counter : 295 Pageviews.  

1  2  

chabori
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




(*♥*´¨) :-: SimpliFy Your Life : Just Be Yourself :-: (*♥´¨)




Everyday is means to me:-)
..................o°o
.................O....°
............o°°O.....o
...........O..........O
............° o o o O
......................★
...................★
...............★
...........★
........★
....★
.★
*♥´¨)
¸.-´¸.-♥´¨) ¸.-♥¨)
(¸.-´ (¸.-` ♥♥´¨) ♥.-´¯`-.- ♥
«-(¯`v´¯)-» KorPai «-(¯`v´¯)-»


***************************

สงวนลิขสิทธิ์ ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2539 ห้ามผู้ใดละเมิด ไม่ว่าการลอกเลียน หรือนำส่วนหนึ่งส่วนใดของข้อความใน blog แห่งนี้ไปใช้ ทั้งโดยเผยแพร่และเพื่อการอ้างอิง โดยไม่ได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษร จะถูกดำเนินคดี ตามที่กฏหมายบัญญัติไว้สูงสุด
Share |
Total คน
(online)
"ทรายทุกเม็ดมีค่า ทุกครั้งที่มันร่วงลงมา เปรียบเสมือน กาลเวลา ที่ล่วงเลย
(¯`v´¯)-» Welcome To KorP@I Blog«-(¯`v´¯)-
Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add chabori's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.