:: เมื่อจับกล้องถ่ายรูปอีกครั้ง/Reminding ::
ครั้งแรกที่จับกล้องถ่ายรูปแล้วได้ถ่ายภาพให้เพื่อน ความรู้สึกในวันนั้นคงไม่อาจลืมเลือนไปจากใจได้เลย เพราะในใจคิดแล้วว่า ทุกครั้งที่ได้ถ่ายรูปให้กับใคร ได้แต่เพียงคิดว่า " เมื่อได้ถ่ายรูปแล้ว เหมือนเป็นการเก็บบางสิ่งที่ต้องการจะจำเอาไว้ เมื่อเราไปในสถานที่ต่างๆ หรืออาจจะเป็นความประทับใจในเหตุการณืที่เกิดขึ้น แล้วผ่านเข้ามาในชีวิตที่น่าจดจำ " อีกฝั่งของใจคือ ผู้ที่เป็นฝ่ายถูกถ่ายนั้น เมื่ออยู่ในกล้องแล้วย่อมแอบคาดหวังว่าจะได้รูปที่ดูดี ไม่มีการกระพริบตา ไม่เจอสภาพที่ไม่น่าดูไม่ว่าจะรูปแบบไหนก็ตาม นับว่าเป็นสิ่งที่เป็นประกายเล็กๆที่เกิดขึ้นในใจ และสิ่งที่อยู่ในใจในวันนั้นเริ่มเดินทางเข้ามาหาตัวฉันอย่างเงียบๆ อย่างไม่ได้ตั้งใจ กล้องตัวแรกที่จับไม่ใช่กล้องของตัวเอง เป็นกล้องที่ถ่ายเล่น ลักษณะของกล้องเป็นรูปคล้ายตัวแอลในภาษาอังกฤษในยุคนั้นถ้ามือสั่นไหวภาพออกมาก็ไม่สวยแล้ว พอได้จับกล้องเท่านั้นเอง ความผูกพันเริ่มก่อตัวขึ้นอย่างเงียบๆ พร้อมกับคำสารภาพในใจที่มีให้กับตัวเองสมทบเข้ามาว่า " สักวันหนึ่งแนจะต้องมีกล้องถ่ายรูปเป็นของตัวเอง" เมื่อคิดแล้วต้องเริ่มต้นด้วยการสะสมสตางค์ เพราะรู้ดีว่าการจะเป็นเจ้าของกล้องถ่ายรูปนั้น สิ่งที่องคิดไว้ตั้งแต่เริ่มคือเรื่องนี้ แต่ไม่คิดเลยว่า การได้กล้องเป็นของตัวเองอันแรกนั้น ฉันได้มาจ่ากการติดสินบนจากบุพการี ที่บ้านฉันคงเหมือนอีกหลายคนที่เมื่อลูกๆสอบเข้าเรียนได้มักจะมีสิ่งล่อใจเป็นรางวัล แล้วในที่สุดวันนั้นก็เดินทางมาถึง เมื่อครั้งที่บังเอิญสอบโควต้าภาคเหนือได้ เลยมีโอกาสลั่นวาจากับบุพการีว่า ถ้าบังเอิญว่าสอบได้ขอกล้องถ่ายรูปแบบ Single Lens ให้สักหนึ่งตัว ในที่สุดฉันก็เป็นเจ้าของ Nikon รุ่น FM 2 เป็นของตัวเองจนได้ เป้นกล้องที่ได้รับเพราะติดสินบนกับบุพการีเสียด้วย ความผุกพันระว่างฉันกับกล้องจึงแนบแน่นมาเสมอ เพราะเบื้องหลังกล้องอันนั้นมีทั้งความเพียรพยายาม เป็นความทรงจำที่มีมากกว่ากล้องถ่ายรูปธรรมดาเพราะนับว่าเป็นสิ่งที่ตามมาจากความพากเพียรให้ได้มาถึงสิ่งที่มนุษย์เราจะสัมผัสได้ในระดับหนึ่งของชีวิตทีเดียว ไม่เป็นเพียงกล้องอันหนึ่งเท่านั้น แม้ว่าวันที่ได้มาเป็นวันที่ต้องออกจากการเป็นนักเรียนมัธยมปลายแล้ว ในระหว่างที่เรียนฉันได้เป็นสมาชิกชมรมถ่ายถาพกับทางโรงเรียนด้วย ด้วยเหตุนี้เองทำให้ต้องใช้กล้องอันเก่าของที่บ้านก่อนในระหว่างนั้น เริ่มรุ้แล้วว่าค่าใช้จ่ายของผู้ที่ริเริ่มใช้กล้องไม่น้อยเลย ยังโชคดีที่โรงเรียนได้มีห้องอัดล้างฟิล์มให้นักเรียนไว้ด้วย พอจำได้ว่าเมื่อ้างรูปจะต้องใช้ไฟสีแดงๆเมื่อเราต้องล้างรูป กระดาษที่ใช้ล้างก็แสนจะแพง ถูกแสงไม่ได้เลย ไม่งั้นกระดาษจะเสีย ใช้ไม่ได้เลย
ความรักในการถ่ายภาพ เริ่มเข้ามาสู่ชีวิตของฉัน อย่างไม่รู้ตัว รู้แต่เพียงว่าตัวเองเพลิดเพลินทุกครั้งที่จดจ่อต่อสิ่งที่ตนถ่ายอยู่ บางรูปแทบจะหยุดหายใจเลยทีเดียว เพราะกลัวว่าตัวแมลงที่เข้าไปใกล้จะบินหนีไปก่อนที่จะได้ภาพงามๆตามธรรมชาติ นับว่าเป็นงานอดิเรกที่สนุกสนาน บังเอิญว่าเรื่องดูแลงบประมาณที่มีอันจำกัดไปด้วย ฉันไม่เคยหลงระเริงกับสิ่งเหล่านี้อยู่แล้ว จะว่าไปชีวิตในช่วงที่เรียนมหาวิทยาลัยตั้งหน้าตั้งตาเรียนพอสมควร ไม่ได้หยิบฉวยกล้องที่ได้มาใช้งานนาน ด้วยเหตุผลเกี่ยวกับงบประมาณที่มีจำกัดนั่นเอง มาเป็นส่วนหนึ่งที่กีดกันการนำกล้องมาถ่ายรูปได้มากเท่าที่ใจคิด เวลาเดินทางของมันอย่างไม่เคยคดโกงใคร วันหนึ่งจากกล้องที่เคยใช้ฟิล์มเข้าสู่ยุคสมัยของโลกดิจิตอล ความห่างเหินกับกล้องถ่ายรูปยังดำเนินต่อไป อีกนานหลายปีกว่าที่ฉันจะเดินหน้าไขว่คว้ากล้องดิจิตอลมาเป็นของตัวเอง เมื่อสังเกตดูพฤติกรรมบางอย่างของตัวเอง และพบว่า ถ้าไม่จำเป็นนักที่จะเร่งรัดใช้สิ่งใด เมื่อถึงเวลา คนเราอาจมีเจ้าสิ่งนั้นได้ ครั้นพอถึงเวลาอันสมควร ฉันจึงมีโอกาสได้เป็นเจ้าของกล้องดิจิตอลเสียที อีกอย่างเจ้าของทุกอย่างที่เกี่ยวกับโลกล้ำยุคนี้มักจะมีราคาลดลงเรื่อยๆ
ก่อนที่กล้องตัวใหม่จะเดินทางมาให้ฉันได้รู้จักกัน เป้นเพียงช่วงก่อนหน้าที่จะเดินทางไปญี่ปุ่นได้เพียงไม่น่าน ความสนุกเดินทางเข้ามาหาฉันอีกครั้ง ฉันเริ่มต้นจับกล้องตัวใหม่นี้ด้วยการถ่ายรูปกรรมกรที่ทำงานในโกดังของตัวเอง
ในเมื่อเราไม่อาจไปไหนได้จึงใช้เวลาและโอกาสที่มีทำงานไปด้วยและได้ถ่ายรูปที่ฉันชอบไปในเวลาเดียวกันซะเลย ไม่เห็นจะแปลกใช่ไหม ไม่ว่าเรื่องไหน ในยามนั้นฉันคิดๆได้ว่า ถ้ารอเวลาไปเที่ยวจึงจะได้เก็บสิ่งต่างๆลงในกล้อง ไม่รุ้ว่าเมื่อไหร่จะได้ไป จึงคว้ากล้องไปเก็บสิ่งแวดล้อมที่อยู่รอบๆตัวในชีวิตประจำวันวะเลย ได้ทำงานไปด้วยเพลินกับการถ่ายรูปไปด้วย นับว่าไม่เลว
ในชีวิตของคนเรานั้น เวลาที่เดินผ่านไม่เคยหยุดนิ่งเลย สิ่งที่ผ่านเข้ามาในชีวิตย่อมต่างกันไปด้วย
มนุษย์เราสามารถทำงานไปด้วยและทำในสิ่งที่ตนรักไปด้วยเช่นกัน ตอนนั้นเริ่มอยากเรียนรู้การแต่งเพลงขึ้นมาอีกหนึ่งอย่าง ไม่รู้เหมือนกันว่า อนาคตจะเป็นนักเขียนเพลงได้ไหม แต่อีกฝั่งของใจบอกว่า " ได้ซิ ถ้าคิดว่าทำได้ ทุกวันนี้เลยเขียนหลายๆสิ่งที่อยู่รอบตัวเองไปก่อน ไม่แน่นะจินตนาการเหล่านั้น อาจเป็นเสียงเพลงที่เขียนขึ้นมาเองก็ได้ ใครจะรู้ " ฉันอาจได้ทำงานที่ชอบ อย่างเพลิดเพลินใจ ผสมผสานไปกับธุรกิจที่ต้องดูแลไปแด้วย อย่างไม่อาจแยกกันได้เลย ในอนาคต " ความสุขเกิดขึ้นได้เสมอหากเราจะทำและคิดสนุกกับมัน " เขียนโดย
KorP@ i
Free TextEditor
Create Date : 07 พฤศจิกายน 2553 | | |
Last Update : 3 มกราคม 2554 21:38:08 น. |
Counter : 295 Pageviews. |
| |
|
|
|