เรื่องที่สอง คือ สาเหตุที่ว่า..(ทำไม) ต้องกราบแม่...
+++ สิ่งที่เห็นจนเป็นเรื่องชินตา...คือภาพที่แม่จ๋าไปกราบยายอยู่บ่อยครั้ง โดยเฉพาะในวันเกิดของแม่จ๋า แม่จะเตรียมดอกมะลิ กับข้าวและขนมไปส่งที่บ้านยาย เราต้องไปด้วยทุกครั้งเพราะเป็นหน้าที่ +++
ลูกจ๋า : แม่ทำไมต้องไปกราบยายด้วย (ถามตลอด...ขอให้ได้ถาม)
แม่จ๋า : เพราะยายคือแม่ของแม่ไงล่ะ (แม่ตอบสั้นๆ)
ลูกจ๋า : เท้ายายสกปรกอ่ะแม่ (เราทำเสียงงอแง ไม่อยากไปบ้านยาย)
แม่จ๋า : ยังงั้นหน้าที่ของเราก็คือ..ไปล้างเท้าให้ยาย(แม่ตอบเบาๆ ระหว่างทาง ที่เดินไปบ้านยาย)
* ตอนนั้นเราสังเกตเห็นว่าเท้ายายมีรอยเหี่ยวย่น และมีรอยแผลเป็น..เราคิดว่าคงเป็นเพราะคุณยายไม่ค่อยชอบใส่รองเท้าเวลาเดิน (ตอนนั้นคิดว่าเรานี่ฉลาดจัง) *
ลูกจ๋า : ทำไมเท้ายายถึงหยาบกระด้างอย่างงี้ค่ะ เราถามขณะที่เอามือลูบเท้ายายเพื่อทำความสะอาด)
ยายจ๋า : "ยายเดินมาไกล...แล้วก็เดินมานานนะจ๊ะ" (ยายยิ้มอบอุ่น แล้วลูบหัวเราเบา ๆ)
** พอล้างเท้าและเช็ดเท้าให้ยายเสร็จ แม่ปูผ้าขนหนู ที่แม่ใช้เช็ดหน้าประจำมารองเท้ายาย แล้วก้มกราบ **
แม่จ๋า : ลูกขอกราบในบุญคุณของแม่...ที่ให้กำเนิดลูกมาและลูกขอกราบเพื่อขมาต่อแม่ที่ลูกได้กระทำสิ่งอันใดที่ทำให้แม่เจ็บปวดเสียใจไม่ว่าทางกายทางวาจาและทางใจ ขอให้แม่อโหสิให้ลูกด้วยเถิด
ยายจ๋า : แม่อโหสิให้ลูกในทุกสิ่ง และขอให้ลูกมีความสุขความเจริญ (แม่ยกเท้ายายให้สำผัสกับศรีษะของแม่ แล้วแม่ก็ก้มกราบยายอีกครั้ง)
*** แม่จ๋าตอนเด็ก...ภาพที่ลูกเห็น...แม่กราบยายในวันนั้นลูกยังไม่เข้าใจในสิ่งที่แม่ทำและยังไม่รู้ซึ้งถึงความหมายในบทสนทนาระหว่างแม่กับยาย... ***
แต่ในวันนี้...ในวันที่ลูกโตขึ้น...ลูกถึงได้รู้แล้วว่า (ทำไม) ต้องกราบแม่.....กว่าจะรู้ตัวก็เกือบจะสายไป "เกือบต้องเสียใจไปทั้งชีวิต"
ลูกต้องกราบขออมาต่อแม่...เพราะลูกเอง...ลูกลืมคำสอนของแม่ที่สอนลูกว่า..อย่าใช้เพียงแค่สมองจำ..แต่ให้ใช้ความรู้สึกช่วยจำ...จะได้ไม่ลืม...