วีซ่าไปเรียนอินเดียจ๋า
หลังจากที่ตัดสินใจได้แล้วว่าจะไปอินเดีย ขั้นตอนต่อไปก็คือ การทำวีซ่าซึ่งปัจจุบันสถานทูตอินเดียมี 2 ที่ค่ะ1 อยู่ใน ซ สุขุมวิท 23 ค่ะ 2 อยู่ปาก ซ สุขุมวิท 25วิธีการทำวีซ่าจึงต้องวิ่งเข้า-ออก ซ 23 กะ ซ 25 ค่ะโดยเริ่มต้นของการทำวีซ่าท่องเที่ยวหรือว่าวีซ่านักเรียนจะต้องไปเอาใบขอวีซ่าที่สุขุมวิท 25 อาคาร Glas Haus ชั้น 15 ค่ะ ซึ่งที่นี้จะเปิดทำการตั้งแต่9.00-16.00 น ค่ะ พอได้ใบยื่นขอวีซ่าเสร็จก็กรอกให้เรียบร้อยค่ะเพราะที่นั่นจะมีพนักงานค่อยสอบถามและตรวจสอบเอกสารต่าง ๆ ที่จำเป็นต้องใช้ในการขอวีซ่าค่ะ อยากให้ทุกท่านลองไปดูค่ะ เพราะที่นี่ทำเหมือนเราอยู่ในเคาน์เตอร์เซอร์วิสค่ะ ตอนแรกที่เข้าไปนะ นึกว่าอยู่ในศูนย์บริการ AIS หรือธนาคารประมาณนั้นเลยค่ะ พอกรอกเอกสารเสร็จแล้วก็สามารถเดินกลับมา ซ สุขุมวิท 23 ได้เลยเพราะที่ ซ 23 ซึ่งมีท่านทูตทั้งหลายอยู่จะเปิดทำการตั้งแต่ 9.00 - 16.00 นเช่นกันค่ะ จากปาก ซ 23 จะต้องนั่งรถเข้าไปค่ะ แค่ 10 บาทค่ะ แป็บเดียวเองพอเข้าไปสถานทูตอินเดีย ท่านก็จะพบยาม ชาย นั่งเฝ้าประตูค่ะและพอเดินเข้าไปอีกก็จะมียาม ญ คอยตรวจกระเป๋าอย่างละเอียดยิบค่ะจากนั้นก็เข้าไปในสถานทูตก็จะเจอทั้งไทยและเทศที่มาทำเอกสารกันพอควรพอดีว่าวันที่เราไปทำวีซ่าเป็นวันศุกร์ที่ 28 ธค 50 คนเลยม่ะเยอะมากจากนั้นเราก็ไปถามเค้าเตอร์ว่าจะไปทำวีซ่าต่อที่ไหน สาวอินเดียคนนั้นก็บอกว่าขึ้นไปที่ห้องสมุดชั้น 2 เพื่อทำการตรวจเอกสารทั้งหลายค่ะ โดยเอกสารที่ต้องใช้คือ1 Passport ตัวจริงและสำเนาอีก 2 ฉบับ2 สำเนาบัตรประชาชน 2 ฉบับ3 หนังสือรับรองสถานที่เรียน ตัวจริงและสำเนา 2 ฉบับ4 สำเนาทะเบียนบ้าน 2 ฉบับซึ่งเท่าที่จำได้ก็มีเท่านี้นะ จากนั่นก็ให้พี่บรรณารักษ์เค้าตรวจให้ค่ะ พอตรวจเสร็จก็ต้องรอสัมภาษณ์ต่ออีก ระหว่างรอก็นั่งอ่านหนังสือในห้องนี้ไปพลาง ๆ มีทั้งหนังสือท่องเที่ยวและหนังสือที่เป็นภาษาฮินดีเยอะค่ะ แถมยังมี Com ให้ Searchหาข้อมูลด้วยค่ะ หลังจากที่นั่งรอประมาณ 30 นาที พี่บรรณารักษ์ก็เรียกให้ลงไปข้างล่าง เพื่อทำการสอบสัมภาษณ์ที่ห้อง 104 ค่ะ ซึ่งก็เป็นอันโชคดีคะ ที่บังเอิญว่าคนสอบสัมภาษณ์กำลังติดธุระกับผู้ใหญ่อีกท่าน เราจึงไม่ต้องตอบคำถามใด ๆเพราะท่านก็อ่านเช็คเอกสารว่าเราจะไปเรียนภาษาที่บังกาลอร์ ท่านจึงเซ็นต์แกร็กเดียวเสร็จค่ะ อิอิอิจากนั้นเราก็ต้องไปจ่ายเงินที่ ซ สุขุมวิท 25 ต่อค่ะ ซึ่งเราก็ต้องนั่งรถกลับไปยังปากซอย 23 แล้วก็เดินไปที่อาคาร Glas haus ชั้น 15 ค่ะ เพื่อไปชำระเงินที่เคาน์เตอร์เซอร์วิสค่ะ ชึ่งจำนวนเงินที่ใช้จ่ายค่าวีซ่าคือ 1700 บาท + 35 บาท (ค่าแลกเป็นดราฟท์) + 482 บาท (ค่า Service charge)รวมแล้วก้อประมาณ 2200 บาทค่ะ พอจ่ายเงินเสร็จก็ยื่นวีซ๋าตัวจริงให้ที่เคาน์เตอร์เพราะพี่เค้าจะเอาไปทำเรื่องให้ค่ะ พอยื่นเสร็จพี่เค้าจะบอกให้มาเอาวีซ่าได้เมื่อไหร่ซึ่งของเราก็ได้วีซ่าวันจันทร์ที่ 31 ธค 50 ค่ะ (สถานทูตเปิดค่ะ ทำเรางง ไปเลย ขนาดวันสิ้นปียังทำงานกันอีก) 555 พอวันจันทร์ เราก็มาเอาวีซ่าค่ะ แต่ต้องมาเอาวีซ่าได้ช่วงหลัง 15.30 น ไปแล้วนะค่ะด้วยความไม่รู้เรื่องของเรา เราก็ไปเอาตั้งแต่ 9 โมงเช้าโน่น หน้าแตกเลยเรา เราก็เลยต้องกลับมาเอาอีกทีตอน 15.30 น ซึ่งพอพี่เค้าให้ซองขาวมาก็ต้องรีบแกะออกทันที เพื่อตรวจเช็ครายละเอียดต่าง ๆ ซึ่งเค้าก็จะช่วยดูให้ว่าขาดตกบกพร่องตกไหนจะได้รีบถามรีบแก้กันค่ะ ตอนนั้นก็เห็นหนังสือที่เกี่ยวกับสิกขิม เราก็ถามพี่ ๆ เค้าว่าน่าไปไหมและต้องทำอย่างไร พี่เค้าก็แจ้งว่าถ้าจะไปสิกขิมก็ต้องระบุไว้ตั้งแต่กรอกวีซ่าแล้วนะน้อง แต่ถ้าอยากไปจริงก็ไปขอวีซ่าที่เมืองใกล้ ๆ กับสิกขิมได้เลย ม่ะมีปัญหาค่ะ เราก็เลยรีบกลับบ้านเพราะพี่เค้า ๆ เตรียมตัวจะกลับบ้านกันแล้วค่ะ เกรงใจมากเลย ขนาดว่าวันหยุดสถานทูตอินเดียยังเปิด แต่ว่าคนก็ยังมาทำวีซ่ากันค่ะ ม่ะน่าเชื่อเลยอ่ะถ้าอยากรู้ไรก็ติดต่อได้ที่//www.ivac-in.th หรือ //www.ivac-th.com โทร 02-6652968-69