|
เรียนรู้วิธีง่าย ๆ กับการโกนหนวดเพื่อไม่ให้มีแผล
เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
หากจะพูดถึงเรื่องของการดูแลตัวเองสำหรับคุณผู้ชายแล้วล่ะก็ "การโกนหนวด" ถือเป็นการดูแลในลำดับต้น ๆ ที่หนุ่ม ๆ หลายคนให้ความสำคัญอย่างมาก ทั้งนี้ทั้งนั้น ในการโกนหนวดแต่ละครั้ง ก็มีไม่น้อยเลยทีเดียวที่มีดโกนสัมผัสผิวหน้าเมื่อไหร่ "เลือด" เจ้ากรรมต้องได้ออกจากใบหน้าอันหล่อเหลาไปซะทุกที สำหรับใครที่เคยเกิดเหตุการณ์ดังกล่าวอยู่เสมอ ๆ ลองมาดูขั้นตอนง่าย ๆ ที่เรานำมาฝากเกี่ยวกับการโกนหนวดแบบง่าย ๆ และถูกวิธีนี้กันสักหน่อย ดังนี้
เปลี่ยนใบมีดใหม่ทุกครั้ง
อย่าไปรู้สึกเสียดายว่าใบมีดอันเดิมยังคมอยู่หรือเพิ่งเปลี่ยนมาได้ไม่นาน เพราะการใช้ใบมีดซ้ำ ๆ เดิม ๆ บ่อย ๆ จะมีแต่ผลเสียต่อใบหน้าคุณอย่างจัง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของความคมที่ลดน้อยลงไป รวมไปถึงเรื่องของสิ่งสกปรกที่มักจะปนอยู่บนใบมีดได้ง่าย ทางที่ดีคุณควรจะเปลี่ยนใบมีดใหม่ทุกครั้งที่จะโกนหนวด ก็จะช่วยได้มากเลยทีเดียว
เตรียมอุปกรณ์ต่าง ๆ ก่อนโกนเสียหน่อย
จู่ ๆ จะจับใบมีดโกนบรรจงโกนหนวดเลย เห็นทีดูจะไม่เข้าท่าสักเท่าไหร่นัก เพราะการทำแบบนั้นมีความเสี่ยงสูงมาก ๆ ที่ใบมีดอาจไปกรีดเนื้อของคุณจนเลือดออกเข้าอย่างจัง คุณควรเตรียมความพร้อมให้กับใบหน้าและหนวดเฟิ้ม ๆ ของตัวคุณเองเสียก่อน เช่น การล้างหน้าให้สะอาด เตรียมครีมที่จะใช้ หรืออาจลองทาน้ำมันมะกอกสักเล็กน้อยลงบนหนวด ให้มีความมันนิด ๆ แล้วค่อยเริ่มโกนหนวด ก็จะช่วยให้โกนได้ง่ายขึ้นอย่างมากเลยล่ะครับ
ใช้น้ำอุ่น ๆ
หากหนวดของคุณมีความแข็งซะเหลือเกิน ก็ให้หาน้ำอุ่น ๆ มาชะโลมให้หนวดของคุณอ่อนตัวลงสักหน่อย หรือนำสบู่มาผสมให้เป็นน้ำสบู่อ่อน ๆ มาช่วยด้วยก็ได้ วิธีนี้จะช่วยให้หนวดที่แข็งกระด้างของคุณอ่อนตัวลง และสามารถโกนออกได้อย่างง่ายดายมากขึ้น เพียงเท่านี้คุณก็ไม่ต้องทนกับการฝืนโกนหนวดแบบแข็ง ๆ อีกต่อไปแล้ว
เริ่มต้นให้ถูกต้อง
วิธีโกนให้ถูกนั้น คุณควรจะเริ่มจากตามแนวขนจากด้านข้างใบหน้าเข้าหาจมูก แล้วโกนที่คาง จากนั้นให้โกนย้อนขึ้น อย่าโกนที่เดิมเกิน 3 ครั้ง เพราะอาจทำให้ผิวหนังอักเสบได้ ที่สำคัญ ต้องใช้แรงกดน้อย ๆ อย่าใจร้อนเด็ดขาด ไม่อย่างนั้นใบหน้าของคุณจะอาบเลือดไปโดยไม่รู้เนื้อรู้ตัวเลยทีเดียวเชียว เมื่อทำการโกนเสร็จแล้ว ให้ใช้ "อาฟเตอร์เชฟ" ชโลมเพียงเล็กน้อย เพื่อทำให้ผิวสดชื่นและลดการอักเสบหากเกิดแผลระหว่างการโกนนั่นเอง
Create Date : 30 มิถุนายน 2555 | | |
Last Update : 30 มิถุนายน 2555 0:38:26 น. |
Counter : 1057 Pageviews. |
| |
|
|
|
|
ดื่มชาเกินวันละ 7 ถ้วย เสี่ยงมะเร็งต่อมลูกหมากมากขึ้น
เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
สำหรับคุณผู้ชายคนไหนที่ชื่นชอบกับการดื่มชาซะเหลือเกิน ไม่ว่าจะด้วยติดใจในรสชาติหรือความหอมของใบชา ขอให้ระวังและลดจำนวนการบริโภคลงสักหน่อย เพราะมีผลวิจัยล่าสุดยืนยันว่า หากดื่มชาเกินวันละ 7 ถ้วย จะมีความเสี่ยงเป็นโรคมะเร็งต่อมลูกหมากได้ขึ้น
ผลวิจัยที่ว่านี้เป็นผลงานของทีมนักวิทยาศาสตร์จากมหาวิทยาลัยกลาสโกว์ (University of Glasgow) ในประเทศสก็อตแลนด์ ซึ่งได้ทำการสำรวจจากผู้ชายกว่า 6,000 คน ที่มีช่วงอายุระหว่าง 21-75 ปี ตลอดระยะเวลากว่า 40 ปีที่ผ่านมา ซึ่งผลที่พวกเขาได้พบว่า จาก 1 ใน 4 ของผู้ที่ทำการสำรวจ ซึ่งดื่มชาเกินวันละ 7 ถ้วย มีโอกาสเป็นโรคมะเร็งต่อมลูกหมากได้มากกว่าคนที่ดื่มน้อยกว่า หรือไม่ดื่มชาเลยถึง 50% เลยทีเดียว
เกี่ยวกับเรื่องนี้ ทางด็อกเตอร์คาชิฟ ชาฟิก (Dr. Kashif Shafique) ผู้ซึ่งเป็นหัวหน้าการวิจัยครั้งนี้ ได้เริ่มเก็บข้อมูลต่าง ๆ มาตั้งแต่ช่วงทศวรรษที่ 70 ได้กล่าวอธิบายว่า "เคยมีการสำรวจก่อนหน้านี้บอกไว้ว่า การดื่มชาช่วยลดความเสี่ยงเรื่องของโรคมะเร็งได้ แต่สำหรับเราแล้ว กลับได้ผลที่ตรงกันข้ามอย่างสิ้นเชิง"
"ทางเราเองยังไม่สามารถชี้ชัดได้ว่า ชาจะเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้เกิดความเสี่ยงเป็นโรคมะเร็งต่อมลูกหมากตรง ๆ เลยหรือเปล่า เพราะยังมีปัจจัยอื่น ๆ ที่มีความเป็นไปได้เหมือนกัน อย่างเช่น การดื่มชาช่วยให้สุขภาพดีขึ้นได้ จนกระทั่ง ดื่มมาจนถึงช่วงวัยที่ผู้ชายโดยส่วนใหญ่มักจะเกิดโรคนี้กันมากขึ้นนั่นเอง" ด็อกเตอร์ชาฟิก กล่าวเสริม
อย่างไรก็ดี ทางด็อกเตอร์เคท โฮล์มส (Dr. Kate Holmes) หัวหน้าศูนย์การกุศลมะเร็งต่อมลูกหมาก (The Prostate Cancer Charity) ก็ได้กล่าวแย้งกับผลการวิจัยครั้งนี้ว่า จากผลที่ได้ไม่น่าจะเป็นความจริง เพราะมีผู้ป่วยโรคนี้มากมาย สามารถหายขาดหรือรักษากับโรคนี้ด้วยการดื่มชาในปริมาณมาก ๆ ได้ไม่มีปัญหา
"นี่เป็นผลวิจัยที่ไม่ค่อยจะชัดเจนสักเท่าไหร่นัก เพราะยังมีข้อมูลและข้อเท็จจริงบางประการที่ขัดแย้งในตัวเองอยู่ สิ่งหนึ่งที่สามารถบอกได้ว่าผลวิจัยนี้ไม่น่าจะเป็นไปได้ คือ จริงอยู่ที่ชาอาจมีส่วนทำให้เกิดโรคนี้ แต่นั่นเพียงแค่ผลกระทบเล็กน้อยเท่านั้น"
"ลองดูได้ง่าย ๆ จากอุตสาหกรรมการผลิตชาของชาวอังกฤษที่ทำเงินได้มากกว่า 700 ล้านปอนด์ต่อปี (35,000 ล้านบาท) ซึ่งนั่นเป็นตัวเลขที่แสดงให้เห็นว่า ชาวอังกฤษนิยมดื่มชากันเป็นประจำ แถมยังดื่มในปริมาณที่มากกว่า 7 ถ้วยต่อวันด้วยซ้ำ แต่ทว่าก็ยังไม่เคยมีรายงานใด ๆ บ่งชี้ว่า เป็นเพราะชาที่ทำให้พวกเขาจะเป็นมะเร็งต่อมลูกหมากกันซะทั้งหมด" ด็อกเตอร์โฮล์มส กล่าวเสริม
ตามข้อมูลสุขภาพระบุว่า ในแต่ละปี จะมีผู้ชายชาวอังกฤษที่ป่วยเป็นโรคมะเร็งต่อมลูกหมากอยู่ราว ๆ 40,000 คน และกว่า 10,000 คนนั้นก็จะเสียชีวิตด้วยโรคนี้ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น สาเหตุการเสียชีวิตก็ไม่ได้มีปัจจัยมาจากชาอย่างเดียว หากแต่มีเรื่องของการบริโภคสิ่งอื่น ๆ อย่างกาแฟ หรือแอลกอฮอล์ในจำนวนเยอะ ๆ เข้ามาเกี่ยวข้องด้วย
Create Date : 26 มิถุนายน 2555 | | |
Last Update : 26 มิถุนายน 2555 1:57:31 น. |
Counter : 883 Pageviews. |
| |
|
|
|
|
สูตรสวยจากก้นครัว
สูตรสวยจากก้นครัว (คู่หูเดินทาง)
น้ำชาฉีดหน้า : เจสซิก้า อัลบ้า มักจะแช่ขวดชามินต์เอาไว้ในตู้เย็น แล้วฉีดลงบนผิวหน้าให้ผิวดูสดใสมีชีวิตชีวา ชาเปปเปอร์มินต์นอกจากจะช่วยผ่อนคลายร่างกายและจิตใจแล้ว ยังช่วยเติมความชุ่มชื้นให้ผิวดูสดใสขึ้นด้วย
วิธีทำคือ แช่ถุงชาเปปเปอร์มินต์ 1 ถุงในน้ำร้อน แล้วทิ้งไว้ให้เย็น จากนั้นก็เทใส่ขวดสเปรย์แล้วนำไปแช่ในตู้เย็น น้ำชาขวดนี้มีอายุการใช้งานประมาณ 2 สัปดาห์เท่านั้น อย่างกเก็บไว้นานเกินควรเพราะอาจทำให้แบคทีเรียไปอาศัยอยู่บนผิวแทน
ขัดฟันด้วยสตอเบอรี่ : เคล็ดลับฟันขาวส่องประกายสดใสของ แคเธอรีน ซีต้า - โจนส์ คือการใช้เนื้อสตอเบอรี่ ซึ่งมีกรดมาลิคที่ช่วยขจัดคราบต่าง ๆ บนผิวฟันออกไปได้
วิธีทำคือ หลังจากที่แปรงฟันเสร็จแล้ว ก็ใช้สตรอเบอรี่ที่สุกได้ที่ถูฟันจนกระทั่งฟันดูขาววิ้ง ทำบ่อย ๆ รับรองว่าฟันจะขาวสดใสสไตล์ฮอลลีวูดเลย
น้ำตาลทรายแดงช่วยกระชับรูขุมขน : เพียงนำน้ำตาลทรายแดง 1 ช้อนชา ผสมกับโยเกิร์ตรสธรรมชาติ 2 ช้อนชา ผสมให้เข้ากันเป็นเนื้อเดียว จากนั้นนำมาพอกบนใบหน้าและนวดเบา ๆ เป็นวงกลมไปทีละส่วน น้ำตาลทรายแดง จะช่วยขจัดเซลล์ผิวที่เสื่อมสภาพให้หลุดออก พร้อมทำให้ผิวรู้สึกชุ่มชื่น กระจ่างใส เมื่อล้างหน้าออกคุณจะรู้สึกได้ว่าผิวนุ่มขึ้น
ข้าวโอ๊ตเพื่อผิวสะอาดเปล่งปลั่ง : เพียงนำข้าวโอ๊ตผสมกับน้ำผึ้งในอัตราส่วนที่เท่ากัน คนให้เข้ากันจากนั้นนำมาพอกลงบนผิวหน้าที่สะอาด วิธีนี้จะช่วยให้ผิวสดใสเปล่งปลั่ง พร้อมลดเลือนริ้วรอยต่าง ๆ ให้จางลง เมื่อทำเป็นประจำผิวหน้าจะเกลี้ยงเกลา สดใส หรือจะนำข้าวโอ๊ตผสมกับนมสดคนให้มีความหนืดพอสมควร แล้วนำมาพอกหน้าก็ได้เช่นกัน
Create Date : 26 มิถุนายน 2555 | | |
Last Update : 26 มิถุนายน 2555 1:50:12 น. |
Counter : 1060 Pageviews. |
| |
|
|
|
|
| |
|
|