Group Blog
 
All blogs
 

ก่อนจะมาเป็น "เนี๊ยบ"




8 มีนาคม 53


     เป็นกำหนดคลอดของน้อง "เนี๊ยบ" ชื่อเนี๊ยบนี่เป็นชื่อที่พ่อน้องเนี๊ยบตั้ง เราเองก็ไม่รู้หรอกว่า คำว่า "เนี๊ยบ" เนี่ยมันหมายถึงอะไร(ใครรู้ช่วยบอกทีนะคะ) และมีรากศัพท์มาจากภาษาใด เราเข้าใจเอาเองว่า "เนี๊ยบ" ก็มีความหมายตรงกับคำว่า "Perfect" ในภาษาอังกฤษ ซึ่งแปลเป็นไทยว่า สมบูรณ์แบบ,ไม่มีที่ติ รู้สึกว่าชื่อนี้แหละดีแล้ว เพราะอะไรที่พ่อเค้าตั้งย่อมดีเสมอ อย่างน้อยมันก็ทำให้เห็นว่าเค้ามีความตั้งใจ และสนใจกับลูกคนนี้มากพอ



ย้อนกลับไปวันที่ 1 มีนาคม 2553


     วันนี้ท้องเราไม่ปกติมาตั้งแต่เช้า คือปวดท้องหน่วงๆ เหมือนตอนที่ผู้หญิงมีประจำเดือน พ่อน้องเนี๊ยบเลยไม่กล้าปล่อยเราไว้ที่ห้องคนเดียว เค้าก็พาเราไปเปิดท้ายขายของที่ตลาดนัดกับเค้าด้วย อาการปวดท้อง ท้องมีมาเป็นระยะๆ อยู่อย่างนั้นทั้งวัน จนขายของเสร็จเก็บร้านกลับมาถึงห้องก็ 2 เกือบ 3 ทุ่ม อาการก็ยังไม่ดีขึ้น พ่อน้องเนี๊ยบเลยให้อาบน้ำแต่งตัว ไปหาหมอกัน แต่ด้วยความที่ตอนนั้นยังไม่มีอะไรผิดปกติไปจากเมื่อกลางวันมาก พ่อน้องเนี๊ยบก็เลยพาเราไปแวะบ้านเพื่อนเค้าก่อน จนช่วงเวลาใกล้ๆ 5 ทุ่ม ก็มีน้ำใสๆ เหนียวๆ ไหลออกมาจนเปียก เรา 2 คน พ่อแม่ เห็นท่าไม่ค่อยดี ก็เลยรีบพากันไปโรงพยาบาล


     5 ทุ่มครึ่ง(โดยประมาณ) คุณพยาบาลดูประวัติการฝากครรภ์ ชั่งน้ำหนัก และวัดความดัน ปรากฏว่าตอนนั้นความดันเริ่มผิดปกติ คุณพยาบาลจึงบอกให้เปลี่ยนชุดแล้วไปนอนรอ(ขึ้นเขียง)ที่ห้องรอคลอด ความวิตกกังวลวิ่งพล่านอยู่ในหัว กลัวไปต่างๆ นาๆ อาการปวดท้องน้อยเหมือนตอนมีประจำเดือนยังไม่หายไป สักพักคุณพยาบาลก็เอาเครื่องฟังเสียงการเต้นของหัวใจลูกมาคาดที่เอว แล้วบอกว่าหัวใจลูกเต้นเป็นปกติดียังไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง(แง้..แต่ฉันปวดท้องใจจาขาดอ่ะ) เวลาเกือบๆ ตีหนึ่งก็มีเลือดไหลออกมาปนกับน้ำใส่ๆที่มีในตอนแรก เราก็ตกใจมากเพราะนี่คือการท้องครั้งแรก เลยร้องเรียกพยาบาล เค้าก็ว่าไม่มีอะไรไม่ต้องตกใจ ให้ใส่ผ้าอนามัยที่เตรียมไว้ให้(ใส่ก็ไม่ค่อยจะเป็นเพราะมันเป็น ห่วงๆ 2 อันอ่ะดูแล้วงง) แล้วยังบอกให้เรานอนไปได้เลย กำ..จะให้นอนหลับได้ไงฟะ ปวดท้องก็ปวด เลือดก็ไหล ระหว่างนั้นรู้สึกว่าปวดฉี่บ่อยมากคุณพยาบาลเลยเอาที่รองฉี่มารองไว้ให้เรานอนแล้วก้อฉี่ไปได้เลยห้ามลุก(ใครจะไปฉี่ออกหละ) ในที่สุดคืนนั้นเราแม่ลูกก็นอนฟังเสียงหัวใจกันทั้งคืนเพราะปากมดลูกเพิ่งเปิดแค่ 2 เซ็นฯ คุณพยาบาลเข้ามาวัดความดันทุกๆ ชั่วโมง ความดันยังคงไม่มีทีท่าว่าจะลดลง คนที่เค้ามาที่หลังเราเค้าคลอดกันไปหมดแล้ว ฮื่อๆๆ แล้วฉันหละ!


วันที่ 2 มีนาคม 53    


     8 โมงครึ่ง(โดยประมาณ) คุณหมอมาดูอาการ แล้วบอกกับเราว่าความดันเราขึ้นสูงผิดปกติ หรือเรียกง่ายๆว่าเป็นครรภ์พิษ(แล้วสิ่งที่คุณแม่ทุกคนกลัวก็มาเกิดกะเราจนได้ แง๊!!) เราต้องผ่าตัดคลอดด่วน เพราะหากรอให้คลอดเองคุณแม่อาจเสียชีวิต เนื่องจากความดันขึ้นสูงมาก เส้นเลือดในสมองอาจจะแตกในขณะออกแรงเบ่ง (ปัดโธ่! คุณหมอขา..า..า จะซีซ่า จะผ่าอะไรก็ทำไมไม่ทำตั้งแต่เมื่อคืนหละคะ ปล่อยตูปวดอยู่ได้ทั้งคืน..อันนี้คือความคิดของเรานะ) เราเลยบอกกับคุณหมอว่ารีบๆ เลย ผ่าเลยค่ะ หมอบอกว่าต้องแจ้งญาติก่อนเพราะมันมีค่าใช้จ่าย ป๊าด!! คุณหมอขาอิชั้นรู้ว่าจะคลอดอิชั้นก็ต้องเตรียมทุกอย่างไว้แล้วหละค่ะ ไม่ต้องห่วงเรื่องค่าใช้จ่าย สักพักฉันก็ได้ยินคุณพยาบาลโทรไปหาคุณพ่อ(กลับไปนอนอุตุ อยู่ที่ห้อง)


     9 โมงครึ่ง(โดยประมาณ) ฉันพร้อมเข้าห้องผ่าตัด หลังจากที่คุณพยาบาล 3 -4 คนรุมทำอะไรต่อมิอะไรกับฉัน ทั้งสอดท่อปัสสาวะอันแสนเจ็บปวด ทั้งShaveซะโล้นเป็นแม่ชีเลย แล้วชั้นก็ถูกเข็นเข้าห้องผ่าตัด ทีมแพทย์และพยาบาล(มีนักศึกษาแพทย์อีก 2-3 คน) ที่ทำการผ่าตัดก็มารุมล้อมที่ชั้นอีกครั้งเพื่อจะทำการบล็อคหลังโดยการที่ให้ชั้นงอตัวแบบสุดๆ ให้หัวกับเข่าติดกันได้ยิ่งดี(โอ้ จะทำได้ไงท้องใหญ่ออกปานนี้) คุณหมอบอกว่าอย่าเกร็งเพราะจะทำให้ยาไม่เข้าหรืออะไรซักอย่าง และต้องทำใหม่ซึ่งอาจจะเจ็บหลายครั้ง แค่ได้ยินเท่านี้ชั้นก็เทคเดียวผ่านซิคะ คุณหมอชมว่าเก่งมาก แต่ชั้นว่าคุณหมอน่ะเก่งกว่าที่หวาดล้อมคนหัวแข็งขวางโลกแบบชั้นได้ บล็อคหลังเสร็จ ช่วงล่างของชั้นก็ชาไร้ความรู้สึกจนคิดว่าตัวเองลอยอยู่ในอากาศ มันหวิวๆ ไงชอบกล 


     9โมง 51 นาที คุณหมอผ่าเอาเด็กน้อยในท้องของเราออกมาได้สำเร็จและปลอดภัย(ไม่มีรูป เพราะตอนผ่าคุณพ่อยังมาไม่ถึงโรงพยาบาลเลย) ที่เค้าว่ากันว่าเห็นหน้าลูกครั้งแรกแล้วน้ำตาจะไหลน่ะ ของฉันมันไหลมาตั้งแต่เห็นมีดหมอกรีดลงไปที่ท้องละ การผ่าของหมอทุกขั้นตอนเราเห็นหมดเพราะมองผ่านฐานหลอดไฟที่มันเป็นเหมือนกระจกที่อยู่บนเพดาน(ไม่รู้เค้าเรียกอะไร) ซึ่งชั้นก็ไม่เข้าใจว่าเค้าจะเอาผ้ากั้นไปทำไม ดูไปก็รู้สึกใจสั่นไป ไม่รู้ว่าเพราะเสียเลือดมาก หรือเพราะกลัว อยากดูจนต้องขอให้ทีมพยาบาลเอา ออกซิเจนมาครอบให้หน่อยหายใจไม่ค่อยทั่วท้อง การผ่าตัดดำเนินไปได้กี่นาทีเราเองก็ไม่รู้ รู้แต่ว่าตอนมองนาฬิกาในห้องผ่าตัดครั้งสุดท้าย คือ 9 โมง 40 จากนั้นไม่นานเราก็ได้เห็นหน้าของเด็กน้อยหน้าตาน่าเกลียดน่าชังที่เราเรียกเค้าตั้งแต่ในท้องว่าน้องเนี๊ยบ คุณพยาบาลให้นักศึกษาแพทย์อุ้มลูกชายตัวน้อยมาให้เราดูหน้าพร้อมทั้งบอกกับเราว่า คุณแม่ได้ลูกผู้ชายนะครับ วินาทีนั้นตื้นตันแต่ก็ร้องไห้ไม่ออกเพราะความรู้สึกมันมากกว่านั้น เราบอกกับลูกว่า "ได้เจอกันซะทีนะ"


จากนั้นเค้าก็พาลูกเราไปอาบน้ำ แล้วก็เข็นเราไปห้องหลังคลอดได้เจอหน้าคุณสามี เค้าบอกเราว่าเห็นหน้าลูกแล้ว ปากแดงมาก ไม่มีดั้งเหมือนแม่เลย ฮ่าๆๆๆ คุณพ่อของลูก หรือ คุณสามีของเราบอกว่าเราหน้าซีดมาก คำแรกที่เราพูดก็คือ "เจ็บอ่ะ" แล้วก็ทำน้ำตาคลอๆ เพราะฤทธิ์ยาชาเริ่มหมด ความเจ็บปวดก็เริ่มมาเยือน(เจ็บกว่าตอนผ่าใส้ติ่งอีกแฮะ) แต่มันก็เป็นความเจ็บปวดที่คุ้มค่า เพราะแลกมาด้วยเด็กน้อยที่ทำให้ชีวิตเรารู้สึกว่าสมบูรณ์ นี่แหละ"น้องเนี๊ยบ" perfect ที่สุด






 

Create Date : 13 กรกฎาคม 2553    
Last Update : 9 สิงหาคม 2553 9:57:26 น.
Counter : 907 Pageviews.  

คนที่ทำให้อยากมี Blog



ความรักสร้างเธอ ส่งเธอให้ฉันคุ้มครองตลอดไป




ก่อนอื่นต้องออกตัวก่อนว่า ไม่มีความรู้เรื่อง Blog เลย
ทุกอย่างมันเริ่มต้นมาจาก ศูนย์


แต่แรงบันดาลใจที่ทำให้อยากลุกขึ้นมาทำ Blog
ก็คือเจ้าตัวน้อยในรูปนี่แหละ


เราทำเพราะอยากเล่าเรื่องลูก
อยากบอกให้ใครรู้ว่า เด็กคนนี้ที่ชื่อ "น้องเนี๊ยบ"
มีตัวตนบนโลกใบนี้

ต่างจากเราที่เป็นแม่ของเค้า
แต่เป็นคนที่ไร้ตัวตน เพราะเริ่มต้นมาจากคนที่มาทีหลัง
หรือเรียกง่ายๆ ว่า แฟนเก็บ,เมียน้อย,กิ๊ก หรืออะไรก็แล้วแต่คนจะเรียก

เอาหละ เรามาว่าเรื่องของน้องเนี๊ยบกันดีกว่า


6 สิงหา 52


"ห๊า!...นี่ชั้นท้องหรือนี่" เป็นคำอุทานในใจ เพราะไม่รู้จะบอกกับใครในเวลานั้นเพราะอยู่คนเดียว ตอนนั้นบอกไม่ถูกว่าจะดีใจหรือเสียใจดี แต่น้ำตามันเริ่มไหลพราก
มือก็ลูบท้องและบอกกับคนในนั้นว่า "ทำไมหนูมาตอนนี้หละลูก ทำไมมาตอนที่พ่อเค้าหมดใจกับแม่แล้ว"


"พี่...หนูท้อง" ไม่สัญญาณตอบรับกลับมาว่าจะยังไง มีแต่ใบหน้าที่เคร่งเครียด
บ่งบอกว่าผู้ฟังช่างหนักใจเหลือเกิน
เรา..ซึ่งเป็นผู้พูดน้ำตาก็ไหลเป็นทางอีกแล้ว "หนู! จะไปเอาออก"
ความคิดชั่วๆ บอกให้เราพูดคำเลวๆ นี้ออกมา
ผู้ฟัง,สามีหรือพ่อของลูกก็ตอบกลับมาทันทีว่า
"เมิง จาบ้าหรือ E คนบาปหนา"
ตั้งแต่วันนั้นมาเราก็ตัดสินใจที่จะเก็บเด็กไว้ เพราะไม่อยากบาปหนา
แต่ตลอดเวลาเราก็แอบน้อยใจ นอนร้องให้กับลูกในท้องอยู่ตลอดเวลา
คิดว่าเค้าคงไม่รักลูกของเราเท่ากับลูกที่เกิดกับเมียเก่าเค้า
เพราะลูกของเราเกิดมาจากความไม่ได้ตั้งใจ
ต่างจากเด็กคนนั้นที่เค้ากับเมียเก่าตั้งใจอยากจะสร้างมันขึ้นมา


"ไม่เป็นไรนะลูก..ถึงใครจะไม่ตั้งใจ หรือไม่รัก แต่แม่รัก
จากนี้ไป แม่จะตั้งใจทำทุกอย่างเพื่อลูก ลูกของแม่ต้องเกิดมาเป็นเด็กน่ารัก ใครๆ ก็รัก
แม่จะสร้างลูกด้วยมือของแม่เอง สร้างให้ลูกของแม่เป็นคนที่น่าภูมิใจ
ไม่ใช่อะไรที่ไม่มีตัวตน จนใครๆ รวมทั้งพ่อของลูกเค้ามองไม่เห็น"
นี่เป็นสิ่งที่เราบอกกับลูกทุกครั้งที่เราคุยกับเค้าตอนเค้าอยู่ในท้อง"





แล้วแก้วตา ดวงใจของแม่ ก็ลืมตามาดูโลก





เราคงทำผิดอย่างมหันต์ หากเราได้ตัดสินใจทำให้เด็กคนนี้ไม่ได้เกิดมา
ดูซิ...มองตาเค้าซิ ดูหน้าเค้าซิ เค้าน่ารักขนาดไหน น้องเนี๊ยบครับ "แม่ขอโทษ ที่เคยคิดจะทำให้ลูกไม่ได้เกิดมาดูโลกใบนี้
วันนี่แม่อยากบอกว่าแม่ดีใจ และภูมิใจมากที่แม่มีลูก ที่เป็นทั้งแก้วตาดวงใจ
ของพ่อและแม่ และที่ลืมไม่ได้แม่ขอบคุณพ่อของลูก ที่ทำให้แม่มีสติคิดได้
ทำให้เรามีวันนี้ วันที่เรา 2 คนได้พบหน้ากัน" ..."แม่รักเนี๊ยบที่สุดในชีวิต
เนี๊ยบทำให้แม่รู้ว่า แม่จะต้องมีชีวิตอยู่ และรู้ว่าต้องทำเพื่อใคร
แม่จะทำทุกอย่างเพื่อให้ลูกของแม่ เป็นคนที่ดี คนเก่ง และเป็นที่รักของทุกคน"
...แม่สัญญา





จากดวงดาว แห่งความศรัทธา กำเนิดเจ้ามาด้วยความรักยิ่งใหญ่ เจ้าคือแก้วตาดวงใจ สายใยลูกโซ่แห่งชีวิต




 

Create Date : 13 กรกฎาคม 2553    
Last Update : 5 สิงหาคม 2553 14:58:48 น.
Counter : 714 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  

konmeechai
Location :
สมุทรปราการ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]





ถ้าชีวิต ได้ทุกอย่าง ดั่งที่หวัง
สิ้นชีวิต จะเอาของ กองไว้ไหน
ได้บ้าง เสียบ้าง ช่างประไร
ได้แค่ไหน เอาแค่นั้น แลท่านเอย.

Blog นี้ทำขึ้นเพื่อบันทึกเรื่องราว
ของน้องเนี๊ยบกับน้องนิ้ง ลูกๆ สุดที่รัก
ของพ่อชัยกะแม่หนู รวมทั้งเป็นการแชร์ประสบการณ์
ที่ผ่านมาของเจ้าของ Blog เอง

เจ้าของ Blog ขอขอบคุณทุกท่าน
ที่แวะเข้ามาเยี่ยมชม ไม่เม้นส์ ไม่เป็นไร
แต่ขอให้ผู้ที่เข้ามาอ่าน ทำใจให้เป็นกลาง
เพราะบางเรื่อง-บางครั้งสิ่งที่เล่าลงไป
อาจจะไม่ถูกใจใครเท่าไหร่นัก

และสุดท้ายเจ้าของ Blog ขอขอบคุณ
ทุกๆ ของแต่ง Blog ที่ได้ไปหยิบยืมมาใช้
Blog ของเราคงเป็น Blog ที่ถูกใจไปไม่ได้
หากไม่ได้โค๊ด หรือ ของแต่งจากพวกคุณ
ขอบคุณจริงๆ ค่ะ




New Comments
Friends' blogs
[Add konmeechai's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.