Life on My Pace
Group Blog
 
All Blogs
 
+++ไหว้พระปีใหม่ที่อยุธยา+++

จริงๆแล้วยังมีทริปก่อนหน้านี้ที่ยังไม่ได้รีวิว คือไปชะอำมาช่วงวันหยุดคริสมาสต์ แต่ทริปนี้เพิ่งไปมาเมื่อวันปีใหม่ เลยเอามาลงก่อน

ออกจากกรุงเทพสายมากกก ถึงอยุธยาเที่ยงพอดี เลยวนหาข้าวเที่ยงกินก่อน สรุปว่าไปที่ร้านครัวแตนร้านดังติดอันดับในเกาะอยุธยา อาหารรสชาติเข้มข้นถึงใจมาก แต่เรากินไม่ค่อยได้เพราะกินเผ็ดไม่เก่ง สั่งมา 5 อย่างเป็นของเผ็ดหมด มีเมนูนึงชื่อประหลาดมาก "แสร้งว่ากุ้ง" ทำไมต้องแสร้งว่าด้วย ไม่ได้ใส่กุ้งจริงๆรึไง อันนี้ยังเป็นปริศนาคาใจอยู่

สรุปแล้วมันเป็นอาหารโบราณจ้า มามี๊เราบอกว่ามีชื่ออาหารชนิดนี้อยู่ในกาพย์เห่เรือด้วย นึกไม่ออกแฮะ... อาหารจานอื่นๆก็แนมด้วยเครื่องผักแปลกๆ เช่นยี่หร่า อืม..มัสหมั่นแกงแก้วตา หอมยี่หร่ารสร้อนแรง อันนี้มีในกาพย์เห่เรือแน่ๆ

มามี๊เราอยากไปพิพิธภัณฑ์เจ้าสามพระยาที่เก็บเครื่องทองวัดราชบูรณะ ซึ่งไม่เคยไปเลย แต่ปรากฎว่าปิด ให้ตายเถอะ ปิดวันหยุดที่คนเที่ยวกันตั้งเยอะเนี่ยนะ ทำงานตามระบบราชการกันจริงจริ๊ง ฉันจะไปเมนต์เรื่องนี้กับหน่วยราชการไหนได้ล่ะเนี่ย

ไม่ได้ดูก็ไม่ได้ดู ไปที่แรกกันเลยดีกว่า เริ่มต้นด้วยการไหว้หลวงพ่อโตพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์คู่เมืองอยุธยารับปีใหม่ ได้แต่ไหว้อยู่หน้าวิหารเพราะคนหนาแน่นมาก ขืนบุกเข้าไปอาจเป็นกล้วยทับ


จากนั้นซื้อบัตรคนละ 10 บาท เข้าไปชมอุทยานประวัติศาสตร์อยุธยาที่อยู่ติดๆกัน ภาพนี้คือวิหารพระศรีสรรเพชญ์ สมัยก่อนมีพระพุทธรูปประธานชื่อพระศรีสรรเพชญ์ ที่ถูกพม่าลอกเอาทองไปน่ะ ด้านหลังคือเจดีย์ที่มหาชนรู้จักกันดีอยู่แล้ว



ถ่ายจากมุมสูง ด้านล่างคือวิหารป่าเลไลก์ วิหารจะมี 3 หลังติดกัน มองจากรูปถัดไปทางซ้ายจะเรียงกันดังนี้ 1.วิหารป่าเลไลก์ 2.วิหารพระศรีสรรเพชญ์ 3.วิหารพระไตรโลกนาถ แต่ละวิหารมีจะพระประธานตามชื่อวิหาร (ซึ่งปัจจุบันไม่มีแล้ว) ส่วนสิ่งก่อสร้างที่เห็นอยู่ด้านหลังทางซ้ายสุดของรูปคือโบสถ์ อ่านจากป้ายเค้าบอกว่ามีความสำคัญเทียบเท่าโบสถ์ในวัดพระแก้วปัจจุบันเชียวนะ เพราะวัดนี้เป็นวัดในวัง



พระพุทธรูปในอาคารหลังหนึ่งซึ่งอยู่ถัดจากโบสถ์ ไม่มีชื่อติดไว้ มีแต่ป้ายบอกว่ากำลังบูรณะ ไม่มีกิจห้ามเข้า สุดท้ายอิชั้นก็เข้าไปหน้าตาเฉย เพราะเห็นคนอื่นเข้าไปกันเพียบ หากทำผิดกฎอันใดอิชั้นต้องขอโทษทางอุทยานไว้ณ ที่นี้ด้วยนะค๊า


อยุธยาเมืองเก่าของเราแต่ก่อน จิตใจอาวรณ์มาเล่าสู่กันฟัง...เห็นซากปรักหักพังแล้วก็รู้สึกว่าอะไรๆในโลกนี้ก็ไม่เที่ยงแท้




ตบท้ายด้วยมุมมหาชน ใครไม่ได้ถ่ายมุมนี้เหมือนมาไม่ถึงอยุธยา



มาต่อที่วัดธรรมิกราช เป็นวัดเก่าแก่สมัยก่อนกรุงศรีอยุธยา มีสิ่งที่โด่งดัง 3 อย่างคือพระนอน เจดีย์สิงห์ล้อม และโบสถ์ที่ประดิษฐานหลวงพ่อแก่ (ชื่อชาวบ้านเรียก)...พระนอนในวิหารนี้ มีตำนานว่า "พระราชมเหสีของพระองค์ (พระธรรมิกราช)ทรงมีพระราชธิดาประชวร ทรงอธิษฐานไว้ เมื่อพระราชธิดาหายแล้วจึงสร้างพระวิหารถวาย น้ำพระพุทธมนต์ในวิหารนี้กล่าวกันว่ามีความศักดิ์สิทธิ์มาก"

*หมายเหตุ* พระธรรมิกราชเป็นโอรสของพระเจ้าสายน้ำผึ้ง เราเพิ่งรู้เนี่ยแหละว่าเจ้าชายสายน้ำผึ้งในตำนานนางสร้อยดอกหมากมีอยู่จริง o__O คิดว่าเป็นนิทานมาตลอดเลยนะเนี่ย...

นายแบบในรูปคือป๊ะป๋าเราเอง เพิ่งมาเห็น ตอนแรกไม่ได้ตั้งใจจะแปะรูปนี้นะเนี่ย ฮี่ๆๆ


เจดีย์สิงห์ล้อม ไม่ใช่ช้างล้อมเหมือนที่สุโขทัยนะ


ซากโบสถ์ที่เคยเป็นที่ประดิษฐานหลวงพ่อแก่ ปัจจุบันเหลือแต่เศียร อยู่ที่พิพิธภัณฑ์เจ้าสามพระยา (ซึ่งวันนี้อดดู) แค่เศียรก็ใหญ่ตั้ง 2 เมตรแล้ว สันนิษฐานว่าถ้าเป็นพระนั่งจะสูงราวๆ 7.4 เมตร พระยืนก็ 14 เมตรแน่ะ นึกภาพตามแล้วองค์ใหญ่มากๆๆๆๆ o__O ที่ชาวบ้านเรียกหลวงพ่อแก่เพราะสัณฐานพระพักตร์เป็นสี่เหลี่ยม ท่านเลยดูดุ ตำนานบอกว่าท่านมีความศักดิ์สิทธิ์มาก หากใครมีความต่อกันแล้วมาสาบาน ฝ่ายผิดจะมีอันเป็นไป อันนี้เก็บความคร่าวๆจากประวัติที่ไปยืนอ่าน คลาดเคลื่อนประการใดต้องขออภัย


ไปต่อที่เพนียดคล้องช้าง ขับรถวนไปตามถนน 2 เลนรอบเกาะ ไม่นานเท่าไหร่ก็ถึง เราว่าจังหวัดนี้ร่มรื่นดีนะ ถนนใหญ่มีแค่บริเวณใจกลางเมือง แถมเป็นแค่สายสั้นๆ นอกนั้นต้องขับรถไปตามเวิ้งถนน 2 เลน ที่ข้างทางเต็มไปด้วยต้นไม้ บางช่วงก็ติดแม่น้ำ นับว่าบรรยากาศคลาสสิกสมกับเป็นเมืองประวัติศาสตร์เลยทีเดียว พื้นที่ส่วนใหญ่ก็สะอาดเรียบร้อยสมกับเป็นแหล่งท่องเที่ยวชื่อดัง จำได้ว่าตอนเด็กๆที่มาตัวเมืองยังไม่สะอาดสะอ้านเท่านี้เลย
แต่อืมมมมมเราว่าเพนียดทรุดโทรมไปหน่อยแฮะ เหลือแต่หญ้ารกๆ ดูรูปในแผนที่นำเที่ยวแล้วสวยเชียว

ช้าง ช้าง ช้าง น้องเคยเห็นช้างรึเปล่า มาถึงเพนียดก็ให้อาหารช้าง เป็นถุงกระดาษทำจากเยื่อไผ่ ข้างในใส่อาหารเสริมเม็ดๆ บริเวณที่ให้อาหารช้างเป็นจุดอภิบาลช้างแม่ลูกอ่อน ลูกช้างตัวเล็กน่าร้าก



ถึงลูกช้างจะน่ารักแต่แม่ช้างตัวโตไม่ใช่เล่น เห็นถุงอาหารล่ะรี่มาเชียว กรี๊ดดดดดงวงมาทางนี้แล้ว นู๋กัวง่า



ปิดทริปที่วัดไชยวัฒนาราม ใกล้ 5 โมงเย็นแล้ว แสงแดดส่องจนเห็นพระปรางค์และเจดีย์เป็นสีส้มๆทองๆ นับว่าเป็นวัดที่สวยงามสมคำร่ำลือจริงๆ


พระปรางค์องค์กลาง อยากปีนขึ้นไปแต่กลัวลงไม่ได้ บันไดชันมากไม่เหมาะกับคนเป็นโรคกลัวความสูงอย่างอิฉัน


พระพุทธรูปเก่า ดูๆแล้วเดาว่าโครงสร้างของที่ตั้งน่าจะคล้ายวัดโพธิ์ (ย้ำว่าเดา ห้ามนำไปอ้างอิง -_-") เดิมคงเป็นระเบียงมีหลังคาปิด มีพระพุทธรูปเรียงเป็นแถว และมีวิหารราย 8 หลัง 8 มุม แต่หลังคาปิดตรงทางเดินพังหมดแล้ว เหลือแต่วิหารรายเล็กๆ


พยายามหารูปพระพุทธรูปทรงเครื่องที่วิหารรายที่ว่า แต่หาไม่เจอ สงสัยคนถือกล้องไม่ได้ถ่ายมา เอาเป็นว่าแต่ละจุดจะมีพระพุทธรูปทรงเครื่อง 2 องค์ แกนในทำจากไม้ ที่รู้เพราะบางองค์อยู่ในสภาพไม่สมบูรณ์ แกนไม้โผล่ให้เห็นเลยอ่ะ โอ้exotic อะไรเช่นนี้

ริมแม่น้ำ ฝั่งตรงข้ามคือตำหนักของสมเด็จฯ แค่มองจากอีกฝั่งแม่น้ำก็รู้แล้วว่าบรรยากาศงดงามมาก แอบเห็นสวนดอกไม้สีสวยข้างในด้วย โอ๊ยยยยอยากมีบุญเข้าไปชมบ้างจัง


พระประธาน เห็นเด่นเป็นสง่าอยู่ริมแม่น้ำ ถ้าจำไม่ผิดตรงนี้เค้าใช้เป็นที่ถ่ายมิวสิคเพลงประกอบภาพยนตร์เรื่องสุริโยทัย ที่เจ๊แอน นันทนา บุญหลงไปยืนร้องเพลงบนนี้น่ะ (ที่ร้องประมาณว่า ไม่ว่าคราใด.....)



แสงอาทิตย์สุดท้าย


จบแระ
แต่กิจกรรมเดินสายของเรายังไม่หมดแค่นี้ พรุ่งนี้ (อ้าวไม่สิ วันนี้แหละ ตี 3 แล้วอ่ะ) จะไปทำบุญที่สมุทรสาคร เพื่อนโทรมาชวนตอนค่ำๆ เห็นว่ามีเลี้ยงพระเป็นร้อยรูปเลย แต่คงไม่มีโอกาสได้ถ่ายรูปมา ถ้าสลัดตัวขี้เกียจหลุดจะเอามาใส่เป็นคอมเมนต์เล็กๆ ปีใหม่นี้ได้ไหว้พระหลายที่ ขอบุญกุศลจงส่งให้เราและครอบครัว (รวมทั้งคนที่เข้ามาอ่านด้วยน๊า) ได้เจอแต่สิ่งดีๆตลอดปีจอด้วยเต๊อะ


Create Date : 03 มกราคม 2549
Last Update : 3 มกราคม 2549 3:27:40 น. 5 comments
Counter : 3247 Pageviews.

 
เอทำไมรูปมันใหญ่มั่งเล็กมั่งฟะ กลุ้มจังย่อรูปไม่ค่อยเป็น บางรูปใหญ่คับพื้นที่เชียว ถ้าเล็กกว่านี้ได้ก็คงจะดี


โดย: wantjam วันที่: 3 มกราคม 2549 เวลา:3:42:43 น.  

 


แวะมาสวัสดีปีใหม่ ครับ
ขอให้มีความสุข ความสมหวัง ตลอดไป ครับ



โดย: Zantha วันที่: 3 มกราคม 2549 เวลา:7:37:42 น.  

 
หุหุ แวะมาเยี่ยม ว่าแล้วเราก็ถ่ายรูปใช้ได้ งามงดไม่ใช่เล่น รูปพระทรงเครื่องน่ะถ่ายมานะ หาไม่เจอรึเปล่า แต่รู้ึสึกว่าอาจจะเป็นขาวดำัมั้งนะถ้าจำไม่ผิด

เี่ปลี่ยนสี blog เหอะจะได้สดใส มีสีสันบ้าง เอาลูกเ่่ล่นอะไรมาแปะๆด้วย


โดย: Chocolatelover IP: 158.34.240.23 วันที่: 3 มกราคม 2549 เวลา:10:57:22 น.  

 
สวัสดีปีใหม่เช่นกันค่ะคุณ Zantha ไปชมบล๊อกมาแล้วล่ะค่ะ ทำได้น่ารักมากมาย

ยัยคนข้างบน ฉันหารูปไม่เจอจริงๆย่ะ รูปเจดีย์ศรีสุริโยทัยก็ไม่มี ลืมเอาลงคอมอ๊ะป่าว สีบล๊อกถ้าไม่ปูพื้นแบบอื่นไปเลยก็คงใช้สีนี้อ่ะ สีอื่นมันแป๊ดไปนิด

ว่าแต่ชมตัวเองเฉยเรยนะหล่อน...


โดย: wantjam วันที่: 3 มกราคม 2549 เวลา:15:45:19 น.  

 
ขอบคุณนะครับ..ที่แวะไปชิมอาหารที่ร้านมา
ตอนนี้เปลี่ยนแปลงข้อมูลครับ ขออนุญาตเจ้าของกระทู้ด้วยครับ...
สำหรับร้านอาหาร "ครัวแตน" จ.พระนครศรีอยุธยา ตอนนี้ทางร้านได้ย้ายร้านและเปิดทำการเมื่อวันที่ 14 ม.ค. 2551 ที่ผ่านมา เพื่อขยายพื้นที่ ปรับปรุงบรรยากาศ เพื่อรองรับทุกๆ ท่าน ซึ่งย้ายจากร้านเดิมไปอยู่ซอย บ้านช้างและโชว์งู ทางไปวัดมเหยงค์ ทางเขตฝั่งที่ทำการอโยธยา ซึ่งถ้าเดินทางมาจาก กทม. ก่อนเข้าตัวจังหวัดจะพบกับเจดีย์วงเวียนเกาะกลางถนนให้ท่านเลี้ยวขวาไปทางวัดมเหยงค์ (ถ้าตรงไปจะข้ามสะพานปรีดีย์พนมยงค์ซึ่งเป็นทางไปร้านเดิม) จากเจดีย์วงเวียนไปประมาณ 400 เมตร ให้สังเกตทางขวามือ จะพบกับซุ้มบ้านช้างและโชว์งู ให้ท่านเลี้ยวเข้าไปแล้วจะพบกับร้านใหม่ มีที่จอดรถสะดวกสบาย หรือติดต่อสอบถามที่ 081-9428057, 086-533-1599 ตั้งแต่เวลา 09:30 am - 17:00 pm เป็นต้นไป หรือเยี่ยมชมตัวอย่างร้านอย่างคร่าวๆ ได้ที่ //paviliont.multiply.com/photos/album/4/Khua-Tan_Restaurant.


โดย: T IP: 116.12.231.222 วันที่: 29 มกราคม 2551 เวลา:16:30:30 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

wantjam
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Friends' blogs
[Add wantjam's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.