Group Blog
 
All blogs
 

lovE-lovE ตอนที่ 36 (จบ)

ลิลลี่มองตัวเองในชุดเจ้าสาวแสนสวย ซึ่งครั้งหนึ่งโรสเคยสวมเพื่อทำหน้าที่แทนเธอ มาวันนี้ ถึงคราวเธอจะรับหน้าที่นั้นแทนพี่สาวบ้าง

"สวยจังเลยลี่ พี่จำไม่ได้เลยนะว่าตัวเองเคยสวยขนาดนี้" โรสว่าล้อ ขณะช่วยน้องสาวแต่งตัว

"ลี่ตื่นเต้นจังเลยค่ะ" หญิงสาวว่าด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม มีความสุขจนเก็บอาการไม่อยู่

"พี่ดีใจนะ ที่เห็นลี่มีความสุข" โรสวางมือบนไหล่น้องสาวแล้วส่งยิ้มให้ผ่านกระจกเงา

"ลี่ก็ดีใจค่ะ ที่คนที่ลี่รักทั้งสองคนได้อยู่ด้วยกัน" หญิงสาวหันกลับไปจับมือพี่สาว




ส่วนอีกฝั่งในห้องแต่งตัวเจ้าบ่าว กลับคึกคักเฉพาะพี่ชายและเพื่อนซี้

"ดีใจด้วยนะวิน เป็นฝั่งเป็นฝาแล้ว อีกหน่อยจะได้เลิกหาเรื่องปวดหัวให้ฉันเสียที" เวรุตแกล้งประชดโอบไหล่น้องชายในชุดสูท ใบหน้าเกลี้ยงเกลาเพราะถูกลิลลี่จับขัดสีฉวีวรรณไปเมื่อวานนี้

"ทำหน้าให้มันสดชื่นหน่อยสิว่ะ เดี๋ยวเกิดเจ้าสาวเปลี่ยนใจ แล้วแกจะหนาว" เทวินทร์ผสมโรงด้วย

วินระวีฝืนยิ้ม รู้สึกเกลียดหน้าพี่ชายขึ้นมาตะหงิดๆ ที่ทำเป็นทองไม่รู้ร้อน ไม่มีทีท่าสลดแม้แต่น้อยที่ลูกเมียตน กำลังจะเป็นของคนอื่น




ภายในงานเลี้ยงมงคลสมรสที่รวมเอาความหลากหลายทุกอย่างไว้ด้วยกัน ตามแต่ใจผู้จัด เพราะธีมของงานคือ Quick & Simple อะไรก็ได้ขอให้ผ่านไปโดยเร็วอย่างที่โรสและวินระวีเคยตั้งใจไว้ และลิลลี่ก็ไม่ได้อยากจะเปลี่ยนแปลงอะไร ความรักเป็นเรื่องของคนสองคน เธอเพียงอยากมีโอกาสได้สวมชุดเจ้าสาวในงานวิวาห์กับชายคนรักสักครั้งก็เท่านั้น...


แขกเกลื่อที่มาร่วมในงานมีเฉพาะญาติและเพื่อนสนิท บรรยากาศจึงเป็นแบบเรียบง่ายเป็นกันเอง ต่างคนต่างแวะเวียนเข้าแสดงความยินดีกับบ่าวสาว ไม่เว้นแม้กระทั่งสามสาวคู่อริเก่า

"ยินดีด้วยนะ ยัยดอกไม้ไฮโซ" ชบาเริ่มก่อน แม้จะยอมแพ้แล้วแต่ก็ยังอดแขวะลิลลี่ไม่ได้

"ใครกันคะวิน" หญิงสาวตะลึงเล็กน้อยที่ถูกทักเช่นนั้น วินระวีกลั้นยิ้ม คิดว่าจะพูดเสียทีเดียว ทั้งสามสาวจะได้หน้าแตกพร้อมๆ กัน

"ดีใจจนจำพวกฉันไม่ได้หรือไงยะ ไม่เจอกันแค่เดือนสองเดือน" ราตรีถามสงสัย ลิลลี่ไม่น่าจะลืมพวกเธอได้ลงคอ เพราะเคยโดนเล่นงานจับมัดตากฝนเสียขนาดนั้น

"ยินดีด้วยนะคะพี่วิน ลิลลี่" บุษบาซึ่งดูจะน่าคบที่สุดในกลุ่ม จับมือแสดงความยินดีกับทั้งสอง

"ถ้าเธอไม่กลับมาหาพี่วิน พวกฉันจะไม่อภัยให้เธอเด็ดขาด" ชบาว่า

"ใช่ งั้นต่อไปเราคงเป็นเพื่อนกันได้นะ" ราตรียื่นมือให้

ลิลลี่ส่งมือให้งงๆ ตกลงทั้งสามจะมาแสดงความยินดีหรือหาเรื่องกันแน่ หันไปมองหน้าชายหนุ่ม เขาก็เอาแต่กลั้นยิ้ม

"นี่โรสนะ ไม่ใช่ลิลลี่ เขาจำพวกเธอไม่ได้หรอก" วินระวีช่วยไขข้อสงสัย

"อ้าว! แล้วทำไม?" บุษบาชี้ไปที่หญิงสาว ทำหน้าเหรอ

แล้วทั้งสามก็ต้องงงหนักเข้าไปอีก เมื่อเห็นหนุ่มสาวอีกคู่เดินเข้ามาหา หน้าตาเหมือนบ่าวสาวราวกับแกะ




ลิลลี่ยิ้มปลื้มหากแต่ต้องเก็บอาการไม่ให้เยอะ เพราะเกรงวินระวีจะจับได้ เมื่ออยู่ต่อหน้าพัดชา ดาราที่เธอชื่นชอบมานาน และติดตามผลงานละครแทบทุกคืน

"ยินดีด้วยนะคะ พีชกับเทวินทร์ทะเลาะกันแทบแย่ โชคดีที่เรื่องจบลงด้วยดี งานแต่งเราสองคน ต้องไปให้ได้นะคะ" พัดชารู้สึกถูกชะตากับหญิงที่มีกรณีพิพาทกับเธอขึ้นมาตั้งแต่แรกเห็น อาจเป็นเพราะแววตาชื่นชมเปิดเผยนั้นก็ได้ คิดว่าต่อไปคงเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันได้

"ขอบคุณครับ" วินระวีว่า

"ช่วงนี้คงยุ่งเรื่องจัดงานอยู่ใช่ไหมคะ?" ลิลลี่ถาม

"ก็ฉุกละหุกน้อยกว่านี้หน่อยค่ะ ขอโทษนะคะ กี่เดือนแล้วคะ?" พัดชาชวนคุยเรื่องที่เธอกำลังสนใจ เกี่ยวกับพัฒนาการเด็กในครรภ์

"เออ ซักเดือนกว่าๆ มั้งคะ" ลิลลี่นึกด่าตัวเองที่ลืมถามพี่สาวไว้ เทวินทร์กลั้นยิ้มรู้ว่าเจ้าสาวไม่ใช่โรส

"พีชชวนคุยเรื่องอะไรก็ไม่รู้ ไปหาของกินกันดีกว่า" เทวินทร์ดุนหลังหญิงสาวเดินห่างออกไป

"อะไรของคุณนะ" พัดชาหันมองทั้งสอง รู้สึกเสียมารยาทที่คุยค้างไว้แบบนั้น ส่วนลิลลี่ถอนหายใจเฮือก นึกว่าจะหลุดเสียแล้ว





และแล้วก็มาถึงไฮไลท์ของงานซึ่งจะขาดเสียมิได้ แม้เจ้าสาวจะท้องแล้วก็ตามที นั่นก็คือการจุมพิตต่อหน้าแขกเกลื่อที่มาร่วมเป็นสักขีพยานความรักของทั้งคู่ เทวินทร์ประกาศให้ทุกคนมารวมตัวกัน ก่อนที่เจ้าสาวจะส่งมอบช่อดอกไม้ให้หญิงสาวผู้โชคดีรายต่อไปโดยการเสี่ยงโยน

วินระวีกระอักกระอ่วนใจขึ้นมาทันที เพราะเขาไม่ได้รู้สึกกับโรสในทำนองชู้สาว และเมื่อคิดว่ามีสายตาของลิลลี่และเวรุตมองอยู่ก็ยิ่งทำให้อึดอัด ส่วนลิลลี่กลับตื่นเต้นไม่หาย ไม่รู้ว่าเขาจะจูบเธอแบบไหน หรือถ้าเขาจูบเธอแล้ว เขาจะแยกแยะได้ไหมว่าเธอไม่ใช่โรส

หลังจากทนการรบเร้าของคนรอบข้างไม่ไหว จึงจำต้องทำตามเสียงเรียกร้อง วินระวีรวบเอวหญิงสาวเข้ามาใกล้ มองสบตาเธอแม้จะเห็นเพียงภาพมัวๆ ไม่ชัดเจนนัก การเคลื่อนไหวเชื่องช้าลังเลของชายหนุ่มทำให้แขกเกลื่อถึงกับกลั้นหายใจไปด้วย เสียงทุกเสียงเงียบกริบ เพียงเพื่อรอนาทีพิเศษของคนทั้งสอง ขณะที่ริมฝีปากกำลังจะประทับลงบนกลีบปากบางใส ชายหนุ่มหลับตา แล้วกดจุมพิตลงบนแก้มนวลเรื่อแทน เสียงโห่ร้องดังขึ้นระงมด้วยความผิดหวัง หากพอเห็นสีหน้าเครียดๆ ของเจ้าบ่าว เทวินทร์จึงขอให้เกมนี้ยุติลงเพียงเท่านี้ ก่อนจะเริ่มเกมโยนดอกไม้กันต่อไป




พอผู้ใหญ่และแขกทยอยกันกลับจนหมด ทุกอย่างก็กลับเข้าสู่สภาพปกติ แม้ป้าแต้วกับจันทร์แรมอาจต้องเก็บกวาดกันอีกเป็นวัน เวรุตและโรสตัดสินใจอยู่ต่ออีกคืนและจะกลับกรุงเทพในวันรุ่งขึ้น

วินระวีออกมายืนที่ระเบียงบ้านเพียงลำพัง ขณะที่ลิลลี่ไปอาบน้ำผลัดเสื้อผ้า และโรสขอนอนพัก เวรุตจึงออกมาคุยกับน้องชาย

"ทำไมแกไม่จูบเจ้าสาวว่ะ?" เวรุตตบไหล่น้องชาย

วินระวีไม่ตอบ ได้แต่ขบกรามแน่น อยากจะชกหน้าพี่ชายให้รู้แล้วรู้รอด ที่ยังมีหน้ามาถามเขาแบบนี้

"จูบไปเถอะ นั่นน่ะลิลลี่นะ ไม่ใช่โรสหรอก" เวรุตบอกความจริง เมื่อเห็นว่าความอดทนของวินระวีกำลังจะสิ้นสุดลง

"พี่ว่าไงนะ!!"

"อย่าบอกลี่นะว่าฉันบอกแก ถ้าไม่เห็นว่าเป็นน้องชาย ฉันจะปล่อยให้ลี่แกล้งแกเสียให้เข็ด ลี่คงยังเคืองเรื่องที่แกทำกับเขาไว้ ถึงจะจำอะไรไม่ได้ แต่ลี่กลับไม่เคยลืมความรักที่มีให้แก น่าทึ่งจริงๆ"

"ขอบใจนะเว!!" วินระวีกระโดดกอดคอพี่ชาย แล้วรีบกลับไปหาเจ้าสาวของเขาทันที








ชายหนุ่มเปิดประตูห้องออก แล้วตรงไปหาหญิงสาวที่กำลังยืนใจลอยอยู่ที่ระเบียงห้องในชุดเดิม เธอหันมามองหน้าเขา ปราศจากคำพูดใดๆ วินระวีรั้งร่างหญิงสาวเข้ามาจูบ ค้นหาสัมผัสบนริมฝีปากและวิธีจูบตอบที่เขารู้จัก มือพลางลูบไล้แผ่นหลังบอบบาง สูดกลิ่นกายหอมละมุมคุ้นเคย แล้วรอยยิ้มก็ปรากฏบนใบหน้าชายหนุ่ม คิดว่าเขาช่างโง่เหลือเกินที่จำเธอไม่ได้ ทั้งที่เธอวนเวียนอยู่ใกล้เขาทั้งวัน

"ลี่จริงๆ ด้วย" วินระวีกอดหญิงสาวแนบชิด แล้วกระซิบที่ข้างหู

"รู้ได้ยังไงคะ ว่าเป็นลี่?" ลิลลี่ขยับออกแล้วถาม เพราะเธอกำลังกังวลว่าหากเขาไม่รู้เธอจะทำอย่างไร

"แค่จูบเดียวก็รู้แล้วล่ะ เสียดายที่ไม่ได้ทำเมื่อตอนกลางวัน"

"งั้นถ้าไม่จูบ คุณคงคิดว่าลี่เป็นพี่โรสไปตลอดล่ะสิ"

"ลี่อดใจไม่ไหวหรอก ผมรู้" ชายหนุ่มแกล้งยั่วแล้วหัวเราะ

"คนบ้า!" ลิลลี่ยิ้มเขิน ทุบอกกว้างเข้าให้

"แล้วนี่ทำไมยังไม่อาบน้ำ อย่าบอกนะว่ารอผมอยู่"

"ลี่รอคุณอยู่ค่ะ.."

"งั้นมาเริ่มกันเลยดีไหม?" ชายหนุ่มโน้มริมฝีปากเข้าใกล้

"ลี่จะให้คุณช่วยปลดกระดุมเสื้อต่างหากล่ะคะ" ลิลลี่หัวเราะแล้วรีบหันหลังให้

"ปลดก็ได้ แต่แบบนี้ไม่ถนัดอ่ะ" วินระวีจับไหล่หญิงสาวให้หมุนตัวกลับ รั้งเธอเข้ามาในอ้อมแขน

กระดุมบนแผ่นหลังถูกปลดออกทีละเม็ดแบบไม่เร่งร้อน ขณะที่จมูกและริมฝีปากชายหนุ่มเริ่มเคลื่อนไหวบนลำคอและไหล่ขาวนวลซึ่งเผยผิวสัมผัสมากขึ้น เมื่อสิ่งพันธนาการเลื่อนหลุดออกไปทีละนิด ลิลลี่หวั่นไหวไปกับลมหายใจอุ่นๆ บวกกับจังหวะเนิบๆ ที่มือและริมฝีปากเขาลากไล้ไปถึง จนกลัวว่าตัวเองจะสำลักความวาบหวิวและขาดอากาศหายใจตายก่อนที่เขาจะปลดเปลื้องชุดเจ้าสาวออกไปได้

หญิงสาวโอบกอดแผ่นหลังชายหนุ่มและเบียดกายเข้าหาทุกครั้งที่เขาทำให้เธอขนลุก จนกระดุมเม็ดสุดท้ายคลายออก เธอถึงกับถอนหายใจ คิดว่าช่วงเวลาที่รับลมไม่เต็มปอดคงสิ้นสุดลงเสียที และเพียงเสี้ยวนาทีที่ชุดวิวาห์เลื่อนหลุดออกจากร่าง เธอก็รู้ว่าตัวเองคิดผิด...

วินระวีสะกดหญิงสาวด้วยจุมพิตอ่อนโยน ฝ่ามืออบอุ่นเริ่มเคลื่อนไหวไปทั่วร่างกายบอบบางโหยหาการสัมผัส กว่าจะรู้ตัวอีกที เขาก็ไม่ได้เหลืออาภรณ์มากชิ้นไปกว่าเธอ

"ไปอาบน้ำกันดีกว่า" ชายหนุ่มเสนอชิดริมฝีปาก พร้อมๆ กับประตูห้องน้ำที่ปิดตัวลงนิ่งนาน..... เพื่อรอการใช้งานอีกครั้ง

ไฟรักลามเลียทั่วผิวกายเปลือยเปล่าภายใต้ผ้าห่มหนานุ่ม ปลุกความรู้สึกหวั่นไหวไปกับทุกสัมผัสที่ทั้งสองส่งผ่านถึงกัน ค่ำคืนอันยาวนานจึงงดงามด้วยบทรักอ่อนหวานละมุมละไม แม้หญิงสาวจะลืมอดีต ขณะที่ชายหนุ่มมองเห็นเพียงเลือนลาง หากแต่ความรักที่ทั้งสองสื่อถึงกันในเวลานี้กลับชัดเจนกว่าภาพใดๆ ที่ตาจะมองเห็น และฝังลึกกว่าความทรงจำใดๆ เคยจดบันทึกไว้






ครึ่งปีต่อมา...


เวรุตทำสิ่งที่เคยตั้งใจไว้ โดยการโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินให้กับวินระวีและลิลลี่เป็นของขวัญในการใช้ชีวิตคู่ของคนทั้งสอง พร้อมกับจดทะเบียนสมรสกับโรสให้ถูกต้องตามกฏหมายเพื่อลูกที่กำลังจะเกิดมา ส่วนวินระวีเข้ารับการรักษาดวงตาอย่างจริงจังเพื่อจะได้กลับมาดูแลไร่อีกครั้ง ลิลลี่คอยเป็นกำลังใจให้เขาเสมอและช่วยปิดประตูความสิ้นหวังทุกบาน จนกระทั่งเขาพบกับแสงสว่างและกลับมามองเห็นอีกครั้ง พร้อมกับข่าวดี ที่ตามกันมาติดๆ เริ่มจากโรสคลอดลูกชาย ไล่เลี่ยกับที่พัดชาคลอดลูกสาว พร้อมๆ กับที่ลิลลี่อัลตร้าซาวด์แล้วพบลูกแฝด... เป็นต้น










The End


















 

Create Date : 22 มกราคม 2555    
Last Update : 23 มกราคม 2555 11:11:37 น.
Counter : 3477 Pageviews.  

loVe-loVe ตอนที่ 35

เวรุตและลิลลี่กำลังพูดคุยถึงแผนการร้ายกันอย่างสนุกสนาน เมื่อโรสและวินระวีกลับมาถึงเรือน เสียงหัวเราะของทั้งสอง ทำให้คนที่เพิ่งมาถึงรู้สึกแย่ได้มากทีเดียว โรสทักทายทั้งคู่ก่อนจะขอตัวเข้าห้องพัก

"ช่วงนี้โรสง่วงนอนบ่อยๆ คงเพราะกำลังท้อง" วินระวีว่าแล้วนั่งลงร่วมวงด้วย ทั้งที่ใจจริง อยากจะหลบเลี่ยงเหมือนกัน แต่หาข้ออ้างไม่ได้

"บ้านน่าอยู่ดีนะ ฉันเดินดูรอบๆ หน่อยดีกว่า" เวรุตเป็นฝ่ายหาข้ออ้างผละไปเสียเอง เพราะใจเขาตามหญิงสาวเข้าไปในห้องนั่นแล้ว

โรสนึกได้ว่าลืมลงกลอน เพราะมัวแต่ใจลอย แต่ยังเดินกลับไปไม่ถึงประตู ร่างของเวรุตก็เข้ามาอยู่ในห้องเสียแล้ว เขาหันกลับไปใส่กลอนให้เรียบร้อย

"ออกไปนะเว ที่นี่ไม่ใช่บ้านคุณ" โรสนึกโกรธว่าเขาจะมาทำบ้าอะไรอีก เธอจะแต่งงานอยู่มะรอมมะร่อแล้ว

"ใครว่าล่ะ ที่ดินแปลงนี้ผมยังไม่ได้โอนให้วิน" เวรุตยิ้มแล้วเดินรุกเข้าหา

"งั้นฉันออกไปเองก็ได้" หญิงสาวตั้งท่าจะเดินไปที่ประตู แต่ลำแขนแข็งแรงของชายหนุ่มรวบเอวเธอไว้ทันควัน

"ผมไม่ให้ไปไหนทั้งนั้น"

"ปล่อยฉันนะ! เลิกยุ่งกับฉันเสียที"

"ไม่ได้หรอก โรสเป็นเมียผม แล้วในท้องนั่นก็ลูกผม"

"แล้วไงคะ?"

"แล้วผมก็จะมารับโรสกลับบ้านไงล่ะ เราจะได้อยู่ด้วยกัน พ่อ แม่ ลูก ดีไหม?"

"ฉันกำลังจะแต่งงาน" โรสเน้นเสียง

"ไหนๆ โรสก็เคยแต่งแทนลี่แล้ว คราวนี้ให้ลี่แต่งแทนโรสบ้างจะเป็นไรไป?"

"พูดอะไรของคุณ?"

"ลี่กับวินรักกัน... โรสคงไม่อยากทำให้น้องเสียใจใช่ไหม?" คำพูดนั้นทำให้หญิงสาวหยุดต่อต้านไปทันที

"คุณรู้ได้ยังไง?" หญิงสาวเงยหน้าขึ้นถาม

"ลี่เป็นคนบอก โรสรู้ใช่ไหมว่าสองคนนั้นเคยอยู่ด้วยกันที่นี่"

"แล้วไงคะ?" หญิงสาวกลั้นยิ้ม

"แล้วไงเหรอ.. แล้วไงนะ.." เวรุตพูดหยอกล้อ โน้มลงซุกไซ้ที่ซอกคอ แล้วค่อยๆ เดินต้อนหญิงในอ้อมแขนจนไปถึงเตียง ขยับร่างบางเอนกายลงบนที่นอนนุ่ม ใช้ข้อศอกยันร่างตนเองไว้ไม่ให้น้ำหนักกดทับลงไป

"ผมรักโรส.. เสร็จงานแต่งแล้วเรากลับบ้านด้วยกันนะ" เวรุตไล้นิ้วไปบนแก้มนวลใส

"แล้วคุณไม่รักลี่แล้วเหรอคะ?"

"รักสิ..." ชายหนุ่มรีบพูดต่อ เมื่อเริ่มเห็นแววไม่พอในดวงตาคู่สวย

"love you, love your dog อ่ะผมพูดผิดตรงไหน" เวรุตดึงจมูกเล็กส่ายไปมา

"โรสล่ะ รักวินไหม?" เขาแกล้งถามกลับบ้าง

"รักสิ รักมากด้วย"

"รักมากกว่าผมอีกเหรอ?" เวรุตทำหน้าประหลาดใจ

"ใช่สิ เขาขอโรสแต่งงาน ตอนที่ไม่มี 'ใคร' ต้องการโรสแล้ว"

"ผมขอโทษ พอใจหรือยัง?"

"ยังค่ะ" โรสมองเมิน ยังไม่หายเคือง

"สงสัยแค่พูดคงไม่พอ ต้องเทคแอคชั่นกันหน่อยแล้ว" เวรุตยิ้มเจ้าเล่ย์ ซุกไซ้แรงขึ้นแล้วแกล้งขบเม้มไปที่ติ่งหูและลำคอ โรสกลั้นหัวเราะดิ้นขลุกขลัก

เขาขยับขึ้นสบดวงตากลมโตเต็มไปด้วยรอยยิ้มและความสุขอีกครั้ง แล้วโน้มลงจูบริมฝีปากสวยราวกลีบกุหลาบอ่อนโยนถนุถนอม ส่งผ่านความรู้สึกให้โรสรับรู้ว่าเธอมีค่ากับชีวิตเขามากเพียงใด





"เห็นแรมบอกว่าคุณไปหาหมอ หมอว่าไงบ้างคะ?" ลิลลี่ถามด้วยความห่วงใย

"ก็เหมือนเดิมแหละ" วินระวีว่า ไม่คิดว่าแสงสีที่มองเห็นมากขึ้นจะสลักสำคัญอะไรแล้วตอนนี้ ชีวิตเขาเหมือนคนที่ขาดเป้าหมายยึดเหนี่ยว

"ถึงจะมองไม่เห็นไปตลอด ก็ไม่เป็นไรค่ะ" ลิลลี่กุมมือชายหนุ่มให้กำลังใจ เพราะไม่ว่าเขาจะเป็นอย่างไร เธอก็ยังรักเขาอยู่ดี

"ลี่คงไม่เป็นอะไรหรอก ผมห่วงก็แต่โรส ที่ต้องดูแลผมไปตลอดชีวิต" วินระวีแกล้งพูดเล่น แต่อีกฝ่ายกลับไม่ขำไปด้วย

"คุณรักพี่สาวลี่จริงๆ หรือเปล่าคะ หรือแค่เห็นเป็นเงาของแฟนเก่า?" ลิลลี่ถามด้วยน้ำเสียงจริงจัง จนทำให้อีกฝ่ายนิ่งเงียบไป

"ลี่ก็รู้ว่าผมมองไม่เห็น 'แม้แต่เงา'" ชายหนุ่มพูดเบนประเด็น เพราะจริงๆ แล้วส่วนหนึ่งลิลลี่อาจพูดถูก เขาคงมีความสุขอยู่บ้างหากวันใดที่มองเห็นขึ้นมา และพบแม้เพียงเงาของเธอ..อยู่ในชีวิตเขา

"แล้วถ้าวันนึง แฟนเก่าของคุณกลับมาล่ะ คุณจะว่าไง?" ลิลลี่ถามใหม่อีกครั้ง

"ผมก็คงจะแนะนำให้ลูกจักกับภรรยาและลูกของผม" วินระวีก็ยังตอบไม่ตรงประเด็นเหมือนเดิม

"ลี่จะคอยดูค่ะ ว่าคุณจะทำอย่างนั้นไหม"

"ดูลี่เป็นห่วง เรื่องผมกับแฟนเก่าจังเลยนะ"

"ลี่ห่วงพี่โรสต่างหาก"

"ไม่ต้องห่วงนะ ผมจะดูแลให้เป็นอย่างดี"

"ชิส์" ลิลลี่แอบทำเสียงเบาๆ ด้วยความหมั่นไส้ เพราะทีกับเธอ เขากลับรีบยัดเยียดให้พี่ชาย

"ที่นี่มีดอกปีบด้วย" ลิลลี่เปลี่ยนเรื่อง มองไปตรงลานระเบียงคุ้นๆ

"คุณเคยออกมานอนดูดาวตอนกลางคืนไหมคะ?"

"นอนตรงที่มีดอกปีบร่วงนั่นแหละ ลี่จะเห็นดาวเต็มท้องฟ้าเลยล่ะ"

"จริงอ่ะ? งั้นคืนนี้ออกมานอนดูด้วยกันไหมคะ" ลิลลี่เอ่ยชวนตื่นเต้น ที่จะได้สัมผัสบรรยากาศที่เธอนึกฝันไว้

"เอาสิ หลังละครจบ กำลังดีเลย"

"สัญญาแล้วนะคะวิน" ลิลลี่จับมือเขาเขย่าเหมือนเด็กๆ ทำให้ชายหนุ่มอดยิ้มไม่ได้




เวรุตและโรสปฏิเสธที่จะดูละครด้วย เพราะไม่เคยชื่นชอบอยู่แล้ว ลิลลี่จึงต้องเข้ามานั่งดูในห้องนอนของวินระวีเพียงลำพัง เพราะทั้งเรือนมีทีวีอยู่เครื่องเดียว ส่วนเวรุตขอกางมุ้งอยู่หน้าห้องโรส เนื่องจากทั้งเรือนมีอยู่เพียงสองห้อง โดยอ้างว่าไม่ชอบเสียงรบกวนเวลานอน หากพอเอาเข้าจริง ก็มีเพียงหมอนข้างที่นอนเฝ้ามุ้ง เพราะเจ้าตัวหายเข้าไปในห้องของหญิงสาวเรียบร้อยแล้ว

ทั้งสองนั่งดูละครทีวีอยู่บนที่นอน รู้สึกราววันเวลาเก่าๆ หวนคืนกลับมา

"คุณว่าพัดชาจะมางานแต่งเราไหมคะ" ลิลลี่ดูละครเพลินแล้วหลุดปากถาม

"งานแต่งเราเหรอ?" วินระวีถามย้ำล้อเลียน คิดว่าหญิงสาวคงไม่ได้ตั้งใจ

"หมายถึงงานคุณกับโรสน่ะ" ลิลลี่ยิ้มเขินแล้วรีบแก้

"น่าจะมานะ คงมาพร้อมเทวินทร์ ทำไม? ลี่อยากขอลายเซ็นเหรอ"

"ถ้าเป็นพี่โรสคงไม่ทำ" หญิงสาวรำพึง

"เกี่ยวอะไรกับโรส?"

"ไม่มีอะไรหรอกค่ะ โฆษณาแล้ว หยิบหน้งสือมาค่ะ ลี่จะอ่านให้ฟัง" ลิลลี่กดรีโมทปิดเสียง แล้วให้ชายหนุ่มส่งหนังสือปกแข็งเล่มหนาหนักให้

ทั้งสองดูทีวี พูดคุยกัน อ่านหนังสือ สลับกันไปมาจนกระทั่งละครจบ ไม่รู้ว่าได้สาระอะไรบ้าง หากแต่เป็นช่วงเวลาแห่งความสุขที่โหยหามานาน แม้ชายหนุ่มจะคิดว่านี่อาจเป็นคืนสุดท้ายของเขาและเธอ แต่สำหรับลิลลี่ เป็นเพียงการเริ่มต้นเท่านั้น และมั่นใจว่านับจากนี้เธอจะรักเขาได้อย่างเต็มหัวใจ ขอเพียงมีเขาร่วมทาง เธอคงไม่ต้องการความทรงจำเก่าๆ อีกต่อไป








แม้จะแทบมองไม่เห็นอะไรเลยในยามค่ำคืน แต่วินระวีก็พอจะจินตนาการได้ เพราะเป็นภาพที่เขาเห็นมาจนเจนตา

"พระจันทร์สวยมากเลยค่ะวิน" ลิลลี่มองดวงจันทร์ที่ขึ้นไปถึงเกือบกึ่งกลางท้องฟ้า ทอแสงเจิดจ้ารายล้อมด้วยหมู่ดาวนับล้านดวงบนผืนฟ้ามืดสนิท คละคลุ้งกลิ่นดอกปีบ หญิงสาวสูดหายใจลึกรู้สึกราวเป็นสวรรค์บนดิน

"หนาวไหมลี่?" วินระวีเอื้อมไปกุมมือเย็นเฉียบใต้ผ้าห่มที่ใช้ร่วมกัน ลิลลี่หันมองหน้าที่รกไปด้วยหนวดเครา คิดว่าพรุ่งนี้เธอต้องกำจัดออกจากใบหน้าเขาเสียที เพราะมะรืนก็จะถึงวันงานแล้ว

"พอทนค่ะ" ลิลลี่ตอบพลางกระชับฝ่ามือเข้า แล้วซบหน้าลงบนต้นแขนชายหนุ่ม อีกมือขยับออกหยิบดอกไม้ที่หล่นลงบนอกกว้าง นำมาแหย่ใบหน้าชายหนุ่มเล่น พอเขาทำท่าจักจี้ ก็หัวเราะคิกคัก

"ลี่!" วินระวีขยับขึ้น กดมือซนไว้ข้างศีรษะหญิงสาว แล้วหยุดค้างอยู่อย่างนั้น

"จูบลี่แบบวันนั้นอีกซักครั้งนะคะวิน" ลิลลี่มองใบหน้าเข้มด้วยความหวัง

"ไม่ ผมทำไม่ได้" ชายหนุ่มขยับออก

"ไม่เป็นไรค่ะ ลี่หน้าไม่อายเองที่อยากให้คุณทำอย่างนั้น" หญิงสาวแกล้งว่าเสียงเศร้าตามบทบาทที่ซึมซับมาจากละคร พลางปลายตามองคนที่กำลังลังเลใจ

"ผมขอโทษ.."

"ชาตินี้ลี่คงไม่ได้รู้สึกอย่างนั้นอีกแล้ว..ลี่ไปนอนก่อนนะคะ" ลิลลี่กำลังจะลุกยืน หากแต่ถูกฉุดจนเซล้มลงบนตักในอ้อมแขนอีกฝ่าย วินระวีจูบเธอด้วยความรู้สึกทั้งหมดที่เขามี รู้ว่ามันไม่ใช่ครั้งสุดท้ายสำหรับเธอเพียงฝ่ายเดียว...





















 

Create Date : 21 มกราคม 2555    
Last Update : 22 มกราคม 2555 9:29:39 น.
Counter : 382 Pageviews.  

lOve-lOve ตอนที่ 34




เวรุตนั่งพิงขอบเตียงในความมืดสลัว สายตาจับจ้องภาพวิวกรุงเทพยามราตรีผ่านผนังกระจกบานใหญ่ แต่ใจกลับคิดถึงหญิงเพียงคนเดียว ภายในห้องพักที่เธอเป็นคนออกแบบ ภาพความทรงจำและกลิ่นอายรักยังคงอบอวลในความรู้สึก แต่นับจากนี้ เขาคงไม่มีโอกาสได้สัมผัสความอบอุ่นเหล่านั้นอีกแล้ว

ชะตากรรมคงเล่นตลกกับชีวิตเขา ทั้งที่มีทรัพย์สินมากมาย มีคนรัก มีลูกที่กำลังจะเกิดจากความรัก หากแต่เขาไม่สามารถอยู่ร่วมกับเธอได้ ใจหวนคิดไปถึงเมื่อครั้งที่วินระวีขอร้องเขาไม่ให้ขายที่ดินแปลงนั้น เขากลับใจแข็งไม่ฟังเสียง ถึงเวลานี้ฟ้าดินก็คงไม่ใจอ่อนกับเขาเช่นกัน บทเรียนที่ได้รับ ประเมินค่าไม่ได้เลยจริงๆ

ชายหนุ่มนั่งพลิกโทรศัพท์กลับไปกลับมาบนฝ่ามือ และจ้องมองมันอยู่นาน หากเขาส่งข้อความไป โรสก็คงไม่ตอบกลับ เขาอยากจะพูดกับเธอซักครั้ง ทั้งที่ไม่รู้ว่าจะพูดอะไร เพราะสิ่งที่หลุดจากปากเขาในตอนนี้ คงฟังดูไร้ค่า...



เสียงเรียกเข้าจากโทรศัพท์ปลุกหญิงสาวที่กำลังนั่งใจลอยอยู่บนเตียงนอนโบราณที่ไม่เคยคุ้น กำลังคิดถึงเรื่องที่เธอเพิ่งตอบตกลงแต่งงานกับวินระวี โดยไม่รู้ว่าการใช้ชีวิตร่วมกันโดยไม่มีพื้นฐานของความรักฉันชู้สาวจะเป็นอย่างไร มันอาจจะดีก็ได้ อย่างน้อยๆ เธอก็มีตัวแทนของคนที่รักอยู่แล้ว หญิงสาวคิดพลางลูบหน้าท้องตัวเอง เป็นสิ่งเดียวที่ทำให้เธอยังยิ้มได้ทั้งน้ำตา

โรสมองใบหน้าคนที่โทรเข้ามาอยู่นาน และกดรับในวินาทีสุดท้าย หากแต่ต่างฝ่ายต่างเงียบ มีเพียงเสียงหัวใจเต้นเร็วรัว เมื่อรอให้อีกฝ่ายพูดก่อน

"โรส สบายดีใช่ไหม?"

เสียงที่อยากได้ยินมาตลอดระยะเวลาเกือบเดือน ทำให้หญิงสาวถึงกับน้ำตาร่วง

"ค่ะ โรสอยู่กับวินที่ไร่"

ถึงตอนนี้เขาคงไม่มีสิทธิ์จะถามเธอว่าไปทำไม แม้จะอยากรู้มากก็ตาม

"แล้ว เมื่อไหร่จะกลับ?"

"โรส...จะแต่งงานกับวิน" หญิงสาวคิดว่าจะต้องบอกให้เขารู้ เพราะนี่คงเป็นการตัดสายใยเส้นสุดท้ายระหว่างเธอกับเขา

เวรุตนิ่งเงียบไป ราวกับถูกชกเข้าที่ใบหน้าอย่างจัง น้ำตาลูกผู้ชายล้นทะลักออกมาเป็นครั้งแรก เมื่อรู้ว่าไม่มีความหวังใดๆ เหลืออยู่แล้วในตอนนี้

"เมื่อไหร่?"

"อาทิตย์หน้าค่ะ"

"ทำไมเร็วนักล่ะ"

"คุณก็รู้ว่าทำไม.. มาให้ได้นะคะ"

โรสว่าแล้วกดวางสายไปทันที เพราะเธอเองก็รับแรงกดดันจากภายในไม่ไหวแล้วเหมือนกัน หญิงสาวปล่อยให้น้ำตาไหลริน ตั้งใจจะปลดปล่อยความรู้สึกออกมาให้หมด เพื่อจะได้ไม่ต้องร้องไห้อีกต่อไป แต่ดูเหมือนน้ำตาเจ้ากรรมจะไม่หมดไปง่ายๆ

เวรุตเองก็แทบคลั่ง เขาไม่เคยรู้สึกท้อแท้ สูญเสีย และสิ้นหวังเท่านี้มาก่อนในชีวิต หากเป็นวินระวี เขาคงจะวางแผนลักพาตัวเธอในวันวิวาห์ โดยไม่ใส่ใจว่าใครจะเป็นยังไงหรือคิดยังไง แต่เพราะเขาไม่ใช่ เขากล้าไม่ได้ครึ่งของน้องชายเลยซักนิด ชายหนุ่มนึกด่าตัวเองในใจ




ลิลลี่นั่งซึมอยู่บ้านลำพังตั้งแต่บ่าย เมื่อคุณวันเพ็ญโทรมาบอกเพื่อให้เตรียมตัวไปช่วยงานมงคลของพี่สาว เธอไม่ได้ฟังด้วยซ้ำว่าต้องเตรียมอะไรไปบ้าง ได้แต่ตอบรับมารดาอย่างขาดสติ หญิงสาวไม่เข้าใจตัวเองว่าทำไมถึงรู้สึกราวกับเป็นวันสิ้นโลก ทั้งที่เพิ่งรู้จักวินระวีได้ไม่นาน เธอน่าจะยินดีกับคนทั้งสองไม่ใช่เหรอ แต่ทำไมถึงเจ็บลึกราวหัวใจจะแตกออกเป็นเสี่ยง เป็นความรู้สึกที่ไม่อาจบอกเล่าให้ใครฟัง จึงได้แต่นั่งกอดเข่าร้องไห้คนเดียว ต่อหน้าละครโปรดที่ดูไม่รู้เรื่องตั้งแต่ต้นจนจบ



เวรุตสังเกตเห็นว่าลิลลี่มีอาการหดหู่ซึมเศร้าในช่วงสองสามวันที่ผ่านมา หากแต่เขากลับไม่มีกำลังใจที่จะไถ่ถามหรือปลอบประโลมเธอ เพราะเขาเองก็ย่ำแย่พอๆ กัน จนกระทั่งคืนก่อนวันที่ทั้งสองต้องออกเดินทางไปเพชรบูรณ์ ลิลลี่ออกมานอนเล่นที่สนามหญ้าหน้าบ้าน มองขึ้นไปบนฟ้าที่มีดาวเพียงไม่กี่ดวง แม้จะเป็นช่วงสามทุ่มแล้วก็ตาม

"คืนนี้ไม่ดูละครเหรอลี่" เวรุตเดินมาทิ้งตัวนอนลงข้างๆ

"ลี่ดูไม่รู้เรื่องค่ะ" หญิงสาวบอกด้วยสีหน้าเศร้า

ทั้งสองนิ่งเงียบไปซักพัก ใช้เวลาอยู่กับความคิดของตัวเอง ลิลลี่หงายฝ่ามือขึ้นไปบนอากาศ ราวกับรอรับอะไรอยู่

"ทำอะไรอ่ะ"

"รับดอกปีบค่ะ"

"มีที่ไหนล่ะ"

"ไม่รู้สิ ลี่รู้สึกเหมือนมันเคยมี แล้วท้องฟ้านั่นก็มีดาวเต็มไปหมด"

เวรุตหันมองหน้าหญิงสาว คิดว่าในความทรงจำของเธอคงไม่มีเขาอยู่ในนั้น ทุกคนต่างเจ็บปวดเพื่อเธอ เขาอยากรู้ว่าจริงๆ แล้วเธอมีความสุขหรือไม่ หากคำตอบคือมี นั่นก็คงคุ้ม แต่ถ้าคำตอบคือไม่ล่ะ? เพราะตัวเขาเองยังไม่เคยมั่นใจว่าจะเติมเต็มความสุขที่ลิลลี่ต้องการได้

"ลี่อยู่ที่นี่ มีความสุขไหม?" เวรุตหันมองหน้าด้านข้างของหญิงสาว แต่กลับเห็นน้ำตารื่นออกมาจากหางตา

"ลี่อยากจะความจำเสื่อมอีกครั้ง"

"ทำไมถึงพูดแบบนั้น?"

"เผื่อลี่จะจำได้บ้างว่าเคยรักคุณขนาดไหน ลี่จำความรู้สึกเหล่านั้นไม่ได้เลย ขอโทษนะคะเว" หญิงสาวสารภาพ เพราะทนปิดบังไว้ไม่ไหว

"เพราะใจลี่มีคนอื่นใช่ไหม?" เวรุตถามด้วยน้ำเสียงปกติ

ลิลลี่ตกใจกับคำถาม แต่ก็ไม่อยากโกหก เพราะเวรุตดีกับเธอมาก เธอเองต่างหากที่เป็นฝ่ายทรยศเขาอย่างน้อยๆ ก็ทางใจ หญิงสาวลุกนั่งใช้มือปิดหน้าแล้วร้องไห้

"ไม่เป็นไรนะลี่" เวรุตโอบไหล่หญิงสาวเข้ามากอดปลอบ

"ลี่ขอโทษ.." หญิงสาวพูดไปสะอื้นไป

"บอกได้ไหมว่าเป็นใคร?" เวรุตขยับร่างบางออก แล้วเริ่มถามด้วยแววตาเป็นประกาย

"รู้แล้วคุณจะไม่โกรธลี่เหรอ?"

"ไม่ ผมสัญญา!" เวรุตแทบจะรอคำตอบไม่ไหว

"วิน.." ลิลลี่ตอบแล้วหลบตา

เวรุตดึงหญิงสาวเข้ามากอดแล้วหัวเราะดีใจจนลิลลี่งงนึกว่าเขาจะโกรธ หรือเขาจะเพี้ยนไปแล้ว??

"ผมไม่รู้จะขอบคุณลี่ยังไง!" เวรุตขยับออกแล้วหอมแก้มหญิงสาว

"เป็นอะไรไปคะเว?" ลิลลี่เริ่มมองขยาดๆ หรือว่าเขาจะเป็นเกย์จริงๆ เธออุตส่าห์คิดในทางที่ดีขึ้นหลังจากเทวินทร์ประกาศแต่งงาน

"เอาล่ะ ทีนี้ผมจะบอกความลับของผมบ้าง" เวรุตยิ้มกว้างเป็นคนละคนกับที่เธอเห็นเมื่อหลายวันก่อนทีเดียว

"เออ ลี่คิดว่าลี่รู้แล้ว แต่ถ้าคุณอยากบอกอีกก็ได้ค่ะ" หญิงสาวคิดว่าดีเหมือนกัน เผื่อเขาอยากไปตามเส้นทางที่ตนเองเลือก เธอก็ยินดีจะเปิดทางให้

"ลี่รู้แล้วเหรอ? รู้ได้ยังไง??" เวรุตทำหน้าสนเท่ห์สุดๆ

"ก็จากรูปในมือถือพี่โรสไงค่ะ ชัดเจนจะตายไป" ลิลลี่กลั้นยิ้ม

"รูปเหรอ?" ชายหนุ่มพยายามนึกว่ามีรูปอะไรในมือถือโรส ที่ทำให้ลิลลี่รู้ถึงความสัมพันธ์ระหว่างเขาและโรสได้ชัดเจนขนาดนั้น

"แล้วจะแกรนด์โอเพ่นนิ่งเมื่อไหร่ล่ะคะเว" ลิลลี่ทำตาโตเป็นประกายล้อเลียน

"ในงานแต่งที่เพชรบูรณ์เลยเป็นไง?" เวรุตว่า

"บ้า! คุณจะทำงานเขาพังน่ะสิ" ลิลลี่ฟาดเข้าที่ต้นแขนแล้วหัวเราะ

"หรือลี่ไม่อยากให้พัง??"

"ไม่ค่ะ"

"งั้นเอางี้" เวรุตกระซิบแผนการที่ข้างหู เกรงว่าจะมีคนแอบได้ยิน



"นี่คุณไม่ได้เป็นเกย์หรอกเหรอ!!??" ลิลลี่ถามซะเสียงดัง เพราะเข้าใจผิดมาตลอด ส่วนเวรุตนั้นกลับตะลึงกับคำถามยิ่งกว่า ไม่รู้ว่าลิลลี่คิดได้อย่างไร

"ผมจะเป็นเกย์ได้ยังไงกัน!" เวรุตหัวเราะเพิ่งเข้าใจว่าพูดกันคนละเรื่องมาตลอด

"งั้นคุณกับพี่โรส..."

"เรารักกัน" เวรุตสารภาพบ้าง

"ช่วยเล่าความจริงทั้งหมดได้ไหมคะ ลี่งงไปหมดแล้ว" หญิงสาวว่าเสียงเข้ม เพราะเธอคงจะถูกหลอกอยู่หลายเรื่อง

ชายหนุ่มใช้เวลาอีกเกือบชั่วโมงเล่าต้นสายปลายเหตุ ทำให้เธอนึกโกรธวินระวี ที่ตัดสินใจแทนเธอทุกเรื่อง ตั้งแต่ลักพาตัวเธอไป จนกระทั่งนำเธอกลับมายัดเยียดให้เวรุต ในขณะที่เธอจำอะไรไม่ได้ และคนรักเก่าที่เขาพูดถึง ก็คงจะหมายถึง...

"เราจะทำตามแผนของคุณค่ะ" ลิลลี่ว่าแล้วลุกขึ้นยืน ตั้งใจจะรีบไปเก็บเสื้อผ้าเพราะคงต้องขนของไปหลายอย่าง

"รีบนอนก็ดีเหมือนกันนะ พรุ่งนี้จะได้ออกแต่เช้า" เวรุตลุกตาม แล้วทั้งสองก็เดินเข้าบ้านไปด้วยกัน อย่างมีความสุข






โรสพาวินระวีไปตรวจตา เพราะชายหนุ่มเริ่มมองเห็นแสงมากขึ้นจากที่เห็นเพียงรางๆ หมอยืนยันว่าอาการเขาดีขึ้น และจะมีโอกาสหายเป็นปกติในไม่ช้า

"ดีใจด้วยนะคะวิน อีกหน่อยคุณก็เห็นชัดเหมือนเดิมแล้ว" โรสให้กำลังใจ

"ผมก็อยากให้เป็นอย่างนั้น แต่จะว่าไปก็เริ่มชินกับมันแล้วล่ะ"

"ชินยังไง โรสก็อยากให้คุณมองเห็นค่ะ"

"นั่นสิ ไม่งั้นไหนจะต้องเลี้ยงลูก แล้วยังต้องมาดูแลคนบอดอีก"

"รู้ไว้ก็ดีค่ะ รีบหายนะคะ"

"ครับผม"

"หาอะไรทานที่นี่ก่อนดีไหมคะ แล้วค่อยกลับ"

"แต่ป้าแต้วเตรียมอาหารไว้แล้วนะ"

"ฝีมือป้าแต้ว ดีกว่าโรสแค่นิดเดียวเอง"

"ตามใจ" วินระวียิ้มขำ



เวรุตและลิลลี่มาถึงไร่ช่วงเที่ยงวันพอดี เพราะมัวแต่เก็บข้าวของราวกับจะย้ายบ้าน ทั้งชุดเจ้าบ่าวเจ้าสาว ชุดไทย ที่เวรุตและโรสเคยสวมเมื่อไม่กี่เดือนก่อน เนื่องจากฉุกละหุกและทั้งสองก็ไม่อยากเรื่องมาก เพียงต้องการให้ทุกอย่างผ่านไปโดยเร็วที่สุด

"นั่นรถใครว่ะนังแรม เองไปดูซิ คุณวินไม่อยู่ซะด้วย" ป้าแต้วชะเง้อมองมาจากครัว

"เดี๋ยวหนูไปดูเองป้า" จันทร์แรมรีบวิ่งออกไปต้อนรับ



"โอ้โห คุณวิน โกนหนวดโกนเคราออก ทำเอาแรมจำแทบไม่ได้" เด็กสาวว่าล้อ ลิลลี่ยิ้มขำก่อนจะถูกทักบ้าง

"ไปหาหมอกลับมาเร็วจังเลยนะคะคุณโรส"

"ฉันชื่อลิลลี่"

"คุณลี่!" จันทร์แรมแทบจะกระโดดเข้ากอด ยิ่งทำให้ลิลลี่งงเข้าไปใหญ่

"แล้วนั่นคุณเวนะ ไม่ใช่คุณวินเหรอ"

"อ้าว..." จันทร์แรมเริ่มยกมือขึ้นเกาหัว

"เอาล่ะ สรุปว่าเจ้านายไม่อยู่ใช่ไหม ฉันกับลี่จะขึ้นไปรอข้างบน หาอะไรมารองท้องด้วยนะ เรายังไม่ได้กินข้าวเช้ากันเลย" เวรุตสั่งเสร็จสรรพ

"ลี่ไปช่วยดูดีกว่าค่ะ ว่ามีอะไรทานบ้าง"

"งั้นผมไปรอข้างบนนะ"

"แล้วเธอชื่ออะไร..."

"คุณลี่จำแรมไม่ได้เหรอคะ?"

"คุ้นๆ เหมือนกันนะ"

ทั้งสองเดินคุยกันไปจนถึงครัว แล้วก็ถึงตาป้าแต้วประหลาดใจบ้างในคราวนี้


























 

Create Date : 20 มกราคม 2555    
Last Update : 22 มกราคม 2555 7:31:47 น.
Counter : 355 Pageviews.  

Love-Love ตอนที่ 33

ข่าวที่แพร่กระจายออกไปนั้นเกินกว่าจะทำให้เป็นเพียงเป็นเรื่องในครอบครัว เพราะทุกคนกำลังจับตามอง โรสเอาแต่เก็บตัวเงียบ และนับแต่วันนั้นเวรุตก็ไม่ติดต่อ และไม่ส่งข้อความหาเธออีกเลย เขาคงเชื่อภาพและเรื่องเล่าปากต่อปากเหล่านั้นว่าเป็นความจริง และนั่นก็ดีแล้ว หญิงสาวบอกตัวเอง มันเป็นทางออกที่ดีสำหรับทุกฝ่าย

ในที่สุดโรสก็ตัดสินใจจะบอกทุกคนที่เกี่ยวข้องถึงเรื่องที่เกิดขึ้น หลังจากไตร่ตรองอยู่นาน หากเธอไม่พูดอะไรเลย เทวินทร์คงต้องเดือดร้อนที่สุดทั้งที่ช่วยเธอไว้แท้ๆ โรสชำเลืองมองเวรุตซึ่งนั่งอยู่ข้างๆ น้องสาว เป็นครั้งแรกที่ได้เห็นหน้าเขาในรอบสองอาทิตย์ตั้งแต่ไปทำงานที่หัวหิน เขาไม่มองหน้าเธอด้วยซ้ำ หญิงสาวขบริมฝีปาก พยายามกลั้นน้ำตาที่เอ่อมาถึงเบ้าตาแล้ว

"ว่าไปยัยโรส พ่อกับแม่ให้อภัยลูกได้เสมอ ขอเพียงพูดความจริงออกมา" คุณกิตติให้กำลังใจลูกสาว

"นั่นน่ะสิ ป้าเตรียมขันหมากขบวนใหญ่ไว้แล้วนะจ๊ะ ไม่ต้องห่วง" คุณแสงรวีว่าด้วยความมั่นใจ จนลูกชายต้องรีบสะกิด เพราะเกรงมารดาจะหน้าแตกครั้งมโหฬาร

"โรสไม่ได้ท้องกับเทวินทร์ค่ะ..เราเป็นแค่เพื่อนกัน" คนฟังต่างหันมองหน้ากันเพราะไม่เป็นไปดังคาด

"แล้วหนูท้องกับใครล่ะ" คุณรัศมีร้อนตัวขึ้นมาบ้าง เพราะถ้าไม่ใช่ลูกชายคุณแสงรวีก็อาจเป็น...

เวรุตมองหน้าหญิงสาว แต่คราวนี้เธอกลับเป็นฝ่ายเมินเสียเอง

"..วินค่ะ" พอจำใจโกหกออกไป น้ำตาก็ร่วงลงบนหลังมือทันที

"ตายจริง! แล้วตาวินไปอยู่เสียที่ไหนล่ะเนี่ย?" คุณรัศมีหันไปถามเวรุตและลิลลี่

"เออ เขากลับไปอยู่ที่ไร่แล้วล่ะค่ะ" ลิลลี่ช่วยตอบ ในใจรู้สึกชาไปหมด ไม่อยากเชื่อว่าเขากับพี่สาวตนจะ...

"เจอตัว พ่อต้องชกหน้ามันซักทีแล้ว ทำเรื่องแล้วหนีหน้าไปได้ยังไง" คุณอดุลย์ทำเสียงฮึดฮัด แต่แอบพอใจไม่น้อยเพราะหวังจะได้ลูกสาวบ้านนี้เป็นลูกสะใภ้อยู่แล้ว

"ดิฉันต้องขอโทษแทนลูกชายด้วยนะคะ ส่วนเรื่องขันหมากไม่ต้องห่วงค่ะ ทางเราจะจัดให้ใหญ่พอๆ กับที่คุณแสงรวีเตรียมไว้เลยค่ะ" คุณรัศมีเหน็บเพื่อนด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม

คุณแสงรวีนั่งหน้าบึ้งพูดอะไรไม่ออก ได้แต่กางพัดออกโบกเร็วๆ เพื่อดับไฟในทรวง

"ไม่เป็นไรนะครับคุณแม่ ขันหมากที่เตรียมไว้ได้ใช้แน่ๆ" เทวินทร์แอบกระซิบแล้วยิ้มขำ





โรสคิดว่าต้องไปขอโทษวินระวีด้วยตัวเองซักครั้ง หลังจากนั้นเธอตั้งใจจะย้ายไปอยู่ต่างประเทศ มิฉะนั้นเขาคงต้องเดือดร้อนเพราะเธอเป็นแน่ เธอยอมให้ทุกคนตราหน้าว่าโกหกหรือท้องไม่มีพ่อเด็ก ยังดีเสียกว่าจะให้ใครมารับเคราะห์กับเรื่องนี้อีก

"คุณลี่! ป้าดูสิคุณลี่มาจริงๆ ด้วย" จันทร์แรมร้องเสียงหลง เมื่อเห็นโรสลงจากรถ

"จริงด้วย!" ป้าแต้วว่าตื่นเต้น แล้วทั้งสองก็รีบวิ่งตรงไปหาหญิงสาว

"คุณลี่ ทำไมไม่กลับมาพร้อมคุณวินล่ะคะ?" จันทร์แรมทักถาม

"ฉันไม่ใช่.." โรสมองทั้งสองงงๆ

"รีบไปดูคุณวินเถอะค่ะ เดี๋ยวป้ากับนังแรมยกกระเป๋าไปเก็บให้ค่ะ" ป้าแต้วดุนหลังหญิงสาว

"เดี๋ยวๆๆ ลี่เคยมาที่นี่ด้วยเหรอ?" โรสถามประหลาดใจสุดๆ

"คุณลี่ทำไมถามแปลกๆ อย่างนั้นล่ะคะ ก็คุณมาอยู่ที่นี่เป็นเดือนๆ จำไม่ได้เหรอคะ" จันทร์แรมย่นหน้าสงสัย

"คุณวินอยู่ไหน" โรสคิดว่าต้องถามให้รู้เรื่อง ถ้าจริงอย่างสองคนนี้ว่า แสดงว่าทั้งสองต้องรู้จักกันมาก่อนที่ลิลลี่จะความจำเสื่อม

"เอาแต่เก็บตัวอยู่ในห้องค่ะ ป้าไม่เคยเห็นคุณวินแย่อย่างนี้มาก่อนเลย"

"เอาล่ะ เดี๋ยวฉันขึ้นไปดูเอง"

"คุณลี่กลับมาคราวนี้แปลกๆ ไปนะ ป้าว่าไหม" จันทร์แรมหันไปกระซิบถามคนข้างๆ

"ช่วยขนกระเป๋า อย่าพูดมาก" ป้าแต้วเอ็ดเด็กสาว ก่อนจะช่วยกันยกกระเป๋าลง



โรสเดินขึ้นไปบนเรือนไม้ไม่คุ้นตา ผ่านระเบียงโล่งๆ ดอกปีบส่งกลิ่นหอมคละคลุ้ง ไม่อยากเชื่อว่าลิลลี่อยู่ที่นี่ตลอดระยะเวลาที่หายตัวไป หญิงสาวตรงไปยังประตูที่คิดว่าเป็นห้องนอน

"ห้องนี้ใช่ไหม?" โรสหันไปถามเมื่อเห็นป้าแต้วกับจันทร์แรมตามขึ้นมา

"ค่ะ" ป้าแต้วว่า

"วางกระเป๋าไว้นี่แหละ เดี๋ยวฉันจัดการเอง"

"คุณลี่ทานอะไรมาหรือยังคะ ป้าไปเตรียมอาหารให้นะคะ"

"ขอบคุณค่ะป้า" โรสว่า แล้วทั้งสองก็รีบจากไปอย่างกระตือรื้อร้น

โรสเคาะประตูแล้วเปิดเข้าไปภายในห้องกว้างขวาง ไม้ขัดมันจนเป็นเงา ผ่านเตียงนอนรกด้วยกองผ้าห่ม และเห็นวินระวียืนอยู่นอกระเบียง ท่ามกลางสีเขียวสดของแมกไม้ และท้องฟ้าสดใส เพียงแต่เขาจะมีโอกาสมองเห็นมันอีกครั้ง

"วินคะ" โรสเดินเข้าไปใกล้แล้วเรียก ชายหนุ่มหันกลับทันที เห็นเพียงเงารางๆ ของคนที่ยืนอยู่ตรงหน้า หัวใจเขากระตุกเต้นแรงขึ้นมาทันที

"โรสเองค่ะ"

หากพอรู้ว่าไม่ใช่คนที่กำลังคิดถึง ชายหนุ่มก็แอบเก็บซ่อนความผิดหวังไว้ทันที

"โรสมาหาผมถึงนี่ได้ยังไง?" น้ำเสียงเขาฟังดูประหลาดใจ

"คุณพ่อคุณให้ที่อยู่มาค่ะ" โรสตอบไปแต่คิดว่าคงไม่ใช่ประเด็นที่เขาอยากรู้

"มีอะไรหรือเปล่า คงไม่ใช่แค่อยากมาเที่ยวใช่ไหม?"

"โรสอยากจะมาขอโทษ แต่พอมาถึง..คิดว่าเราต้องคุยกันยาวแล้วล่ะค่ะ"




โรสบอกเล่าต้นสายปลายเหตุที่เธอต้องการจะมาขอโทษชายหนุ่มในวันนี้ เนื่องจากเธอถือวิสาสะแอบอ้างชื่อเขาเป็นพ่อของเด็กในท้อง แต่นั่นกลับทำให้เกิดคำถามขึ้นมาว่า

"เวใช่ไหม?"

หญิงสาวไม่ตอบ หากแต่อาการนิ่งเงียบนั้นสื่อความหมายได้ชัดเจน หัวใจวินระวีแทบจะหยุดเต้น นี่เขาทำอะไรลงไป ถ้าเขารู้แต่แรกว่าโรสและเวรุตมีสัมพันธ์กันลึกซึ้งถึงขั้นนี้ เขาคงไม่มีวันยัดเยียดลิลลี่ให้พี่ชายรับผิดชอบเด็ดขาด

"โรสบอกเวหรือเปล่า?"

"โรสไม่ได้ต้องการให้เขารับผิดชอบ คนที่เขาต้องรับผิดชอบแต่แรกคือลี่ต่างหาก"

"แล้วคิดจะทำยังไงต่อไป"

"โรสจะไปอยู่อเมริกากับลูก จะไม่กลับมาที่นี่อีก คุณก็จะได้ไม่ต้องเดือดร้อนด้วย"

ทั้งสองนิ่งเงียบไปพักใหญ่ แล้วโรสก็ต้องตกใจกับข้อเสนอของชายหนุ่ม ไม่คิดว่าเขาจะพูดออกมาเช่นนี้

"แต่งงานกับผมนะโรส" วินระวีดึงหญิงสาวเข้ามากอด อย่างน้อยๆ เขาก็อยากมีส่วนรับผิดชอบบ้าง เพราะถ้าจะหาคนผิดจริงๆ ก็คงเป็นตัวเขาที่นำชีวิตทุกคนไปสู่หายนะเช่นนี้

"คุณไม่เห็นต้องรับผิดชอบแทนเวเลยนี่คะ"

"มันยังน้อยเกินไปด้วยซ้ำ" วินระวีขยับตัวออก นั่งเหยียดขาที่พื้นพิงขอบเตียง

"เล่าให้โรสฟังได้ไหม มันเกิดอะไรขึ้น" หญิงสาวนั่งลงข้างๆ

"ลี่ไม่ได้หนีงานแต่งหรอก ผมเป็นคนพาลี่มาอยู่ที่นี่เอง เธอไม่ได้สมัครใจ"

"ทำไมคุณต้องทำอย่างนั้น?" โรสขมวดคิ้วถาม และนั่นคือคำตอบว่าทำไมป้าหลานสองคนนั้น ถึงนึกว่าเธอคือลิลลี่

"เวจะขายไร่นี่ ผมแค่อยากเอาลี่มาเป็นข้อแลกเปลี่ยน"

"แสดงว่าเวรู้เรื่องนี้มาตลอดน่ะสิ" โรสนึกเคืองที่เขาปกปิด แถมยังโยนว่าเป็นความผิดลิลลี่อีก

"ถ้าผมไม่มีความคิดบ้าๆ แบบนั้น เวกับลี่ก็คงใช้ชีวิตคู่กันปกติ โรสก็คงไม่ต้องมาอยู่ในสภาพนี้ ส่วนที่ผมตาบอดก็คงเป็นเพราะเวรกรรมที่ก่อขึ้นกับทุกคน"

โรสเห็นสภาพวินระวีตอนนี้ก็น่าสงสารพอแล้ว เธอโกรธเขาไม่ลงเลยจริงๆ

"ช่างมันเถอะค่ะวิน ถึงตอนนี้คงแก้ไขอะไรไม่ได้แล้ว"

"ขอให้ผมได้ทำปัจจุบันเพื่อโรสบ้างได้ไหม?"

หญิงสาวหันมองคนข้างๆ ชั่งใจว่าเธอจะตอบรับเขาดีไหม ในใจรู้สึกเหน็ดเหนื่อยกับเรื่องวุ่นวายนี้เต็มทน เธอจะหนีไปให้ไกลสุดฟ้า หรือจะจบปัญหาลงที่นี่ดี...





เวรุตนั่งหมุนปากกาใจลอย รู้สึกราวชีวิตไร้จุดหมาย คิดว่าซักวันเขาและโรสจะมีโอกาสได้อยู่ร่วมกันอย่างเปิดเผย แต่การณ์กลับไม่เป็นเช่นนั้น แม้เขาจะเคยโกรธที่คิดว่าหญิงสาวแอบมีสัมพันธ์กับเทวินทร์ แต่การออกมาประกาศบอกทุกคนว่าเธอท้องกับวินระวีกลับทำให้เขาเจ็บยิ่งกว่า

"เป็นไงบ้างว่ะ?" เทวินทร์มาเยือนถึงออฟฟิส หากแต่เวรุตไม่มีกระจิตกระใจจะต้อนรับ

"มีธุระอะไรหรือเปล่า" เวรุตเหลือบมองเพื่อนเพียงแว้บเดียว แล้วกลับไปสนใจปากกาต่อ

"นี่การ์ดเชิญ งานแต่งฉันกับพีช ไปให้ได้นะ" เทวินทร์ยื่นซองสีครีมสวยสดไปตรงหน้าชายหนุ่ม

"ยินดีด้วยนะ" เวรุตว่า ทั้งที่น้ำเสียงหมดอาลัยตายอยากสุดๆ

"ฉันถามจริงๆ เถอะ แกรักโรสบ้างหรือเปล่า?" เทวินทร์เริ่มเหลืออดและคันปาก

"รัก" เวรุตตอบไปสั้นๆ

"แล้วแกมานั่งเบื้ออยู่นี่ทำไม ทำอะไรบ้างสิ แกปล่อยเขาผจญชะตากรรมคนเดียว แล้วแกก็หลบอยู่ในมุมสงบอย่างนี้น่ะเหรอ?"

"เขาท้องกับวินระวี แกได้ยินไหม" เวรุตพูดชัดทุกคำ

"หรือเขาควรจะบอกทุกคน ว่าท้องกับแก ถ้าเขารักแกน้อยกว่านี้ซักนิด หรือรักตัวเองมากกว่านี้ซักหน่อย ก็คงพูดไปแล้ว" เทวินทร์เน้นเสียงให้เพื่อนได้ยินชัดเจนไม่แพ้กัน

"แต่แกสบายใจได้นะ ถ้าเด็กออกมาแล้วหน้าตาเหมือนแกเป๊ะ ก็คงไม่มีใครสงสัยอะไร"

เวรุตทำปากกาในมือหล่นทันที พลางคิดว่าอะไรทำให้ตนใจบอดถึงเพียงนี้ ถูกของเทวินทร์ ที่ผ่านมาเขาไม่เคยปกป้องโรสเลย มีแต่เธอเสียอีกที่คอยปกป้องเขา เธอจะท้องกับวินระวีได้อย่างไร ในเมื่อวันๆ แทบจะไม่ได้เจอกัน ส่วนกลางคืนเธอก็อยู่กับเขาแทบทุกคืน ทำไมเขาถึงได้โง่อย่างนี้นะ!!



















 

Create Date : 19 มกราคม 2555    
Last Update : 20 มกราคม 2555 8:58:38 น.
Counter : 393 Pageviews.  

lOve-lOve ตอนที่ 32





วินระวีรู้สึกว่าลิลลี่คอยหลบหน้าเขาบ่อยครั้งในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ทั้งที่ปกติเธอเป็นคนช่างพูดและจะคอยวนเวียนอยู่ใกล้เขาตลอด มาตอนนี้เธอกลับปล่อยให้เขานั่งทานข้าวคนเดียว มีข้ออ้างทำโน่นทำนี่ตลอดเวลา ส่วนเวรุตก็กลับบ้านดึกบ้างไม่กลับบ้าง

"คือลี่.." หญิงสาวกำลังจะหาทางปฏิเสธที่จะนั่งดูละครกับเขา เพราะเริ่มรู้สึกแปลกๆ ที่เธอเฝ้ามองเขาเงียบๆ ตลอดหลายวันที่ผ่านมา และรู้ว่าหัวใจตนเองกำลังคิดไม่ซื่อ

"นั่งลงก่อนได้ไหม ผมมีเรื่องจะพูดด้วย"

"ค่ะ" ลิลลี่นั่งลงข้างๆ

"ขอบคุณนะที่ดูแลผมมาตลอด ลี่คงลำบากใจและอึดอัดที่ต้องอยู่กับคนพิการอย่างผมทั้งวัน" วินระวีกุมมือหญิงสาวซึ่งทำหน้าประหลาดใจ เพราะเธอไม่ได้คิดอย่างนั้น หากไม่มีเขาเสียอีกเธอคงต้องเหงาตายในบ้านนี้เพียงลำพัง ทว่ายังไม่ได้ตอบอะไร เขาก็พูดต่อ

"ผมจะกลับไปอยู่ที่ไร่"

ลิลลี่อึ้งไปชั่วครู่ ก่อนจะขมวดคิ้วถาม

"คงมีใครคอยคุณอยู่ที่นั่นใช่ไหม"

"ใช่ มีตั้งสองคนแน่ะ ป่านนี้คงคอยแย่แล้ว" ชายหนุ่มยิ้มเมื่อคิดถึงป้าแต้วกับจันทร์แรมขึ้นมา ทั้งสองคงตกใจน่าดู ถ้าเห็นเขากลับไปลำพังในสภาพนี้

หญิงสาวเงียบไปอีกพักใหญ่ ฝ่ามือเล็กเริ่มสั่นเทาด้วยความรู้สึกหลายอย่าง แล้วจู่ๆ เสียงสั่นเครือก็ดังขึ้น

"ไปเลย! ไปกันให้หมด!" หญิงสาวใช้หลังมือเช็ดน้ำตา ลุกยืนแล้วพยายามดึงมืออีกข้างออกจากการเกาะกุม

"ลี่มันไม่มีความหมายอะไรกับใครทั้งนั้น!"

วินระวีลุกตามแล้วดึงหญิงสาวเข้ามากอด ยอมรับว่างง ไม่รู้ลิลลี่คิดอะไรอยู่กันแน่ เธอทำเป็นไม่สนใจเขา แต่พอเขาบอกว่าจะไป เธอกลับตีโพยตีพายร้องไห้ยกใหญ่

"ไปสิ! จะอยู่ทำไมอีก" ลิลลี่ออกปากไล่แล้วดันอกชายหนุ่มราวนางแมว

"เราพูดกันดีๆ ก่อนได้ไหม? ผมไม่อยากให้ลี่ไม่สบายใจ"

"ไม่!" คำตอบสุดท้ายนั้น ทำให้อีกฝ่ายหมดทางเลือกเมื่อหญิงสาวดิ้นรนรุนแรงขึ้น เขาสอดฝ่ามือเข้าที่ข้างแก้มเปียกชื้นด้วยคราบน้ำตา ส่วนแขนอีกข้างยังรวบเอวเล็กไว้แน่นหนา แล้วโน้มลงจูบเธอหนักหน่วง ลิลลี่ตกใจและหยุดต่อต้านไปพักใหญ่ ไม่แน่ใจว่าเธอจูบตอบเขาไปบ้างหรือเปล่า ในช่วงเวลาที่ความคิดพร่าเลือนไปหมด หัวใจสั่นระทึกราวโลกกำลังจะถล่ม หรือมันอาจจะหยุดหมุนไปแล้วก็เป็นได้

วินระวีถอนริมฝีปากออกหลังจุมพิตดูดดื่มยาวนานปลดปล่อยความรู้สึกที่มีต่อหญิงสาว เขากอดร่างบอบบางไว้แนบแน่น รู้ตัวว่าพลาดไปแล้ว แม้จะเป็นสิ่งที่อยากทำมาตลอดเวลาที่ได้อยู่ใกล้ลิลลี่ แต่เขาไม่ควรจูบเธอเลยจริงๆ บ้าชะมัด!

ลิลลี่หลับตาซบหน้าลงกับอกกว้าง ไม่อยากรับรู้ว่าเขาเป็นใครและเธอเป็นใคร แต่แล้วสิ่งที่เข้ามากระทบโสติประสาท กลับกระชากเธอกลับเข้าสู่โลกแห่งความเป็นจริงอย่างไร้ปรานี

"ผมขอโทษ ที่หลงนึกว่าลี่เป็น..."

"คนรักเก่าของคุณใช่ไหม?" ลิลลี่ขยับออกมองคนตรงหน้า หากเพียงเขาจะเห็นแววเจ็บปวดในตาเธอ

"ใช่.." คำตอบนั้นฟังดูเยือกเย็นเหลือเกิน แต่เขากลับพูดออกมาง่ายดาย เพราะมันเป็นความจริง เขามีเพียงเธอตลอดมา และจะเป็นเช่นนี้ตลอดไป

เพี่ยะ!

"ไปให้พ้นเลย! คนเลว" ลิลลี่สุดยับยั้งอารมณ์โกรธปนความอับอายที่พุ่งปี๊ดขึ้นมา หญิงสาวผลักเขาเต็มแรง แล้ววิ่งขึ้นชั้นบนไป

วินระวีทิ้งตัวลงบนโซฟาน้ำตาซึม คงถึงเวลาเสียทีที่เขาต้องออกจากชีวิตเธอ ในเมื่อเขาส่งเธอมาถึงจุดนี้แล้ว ก็ไม่ควรฉุดเธอลงมาอีก





"เป็นไงบ้างครับ คนขยัน" เสียงชายหนุ่มเอ่ยทักดังมาจากด้านหลัง ขณะที่โรสกำลังยืนอยู่กลางแดด ดูคนงานเก็บรายละเอียดรอบตัวบ้าน

"เทวินทร์! มาได้ไงคะเนี่ย" หญิงสาวหน้าตาอิดโรย หันมายิ้มประหลาดใจ

"ก็มาดูน่ะสิ ว่าทำงานไปถึงไหนแล้ว โรสคงไม่ค่อยได้พักผ่อนล่ะสิท่า"

"อีกสองสามวันก็เสร็จแล้วค่ะ" หญิงสาวว่าพลางปาดเหงื่อบนหน้าผาก รู้สึกหน้ามืดขึ้นมากะทันหัน

"พีชท้องแล้ว ถ้าผมไม่รีบจัดการเรื่องนี้ ชีต้องอาละวาดผมแน่" เทวินทร์ทำท่าหวาดเสียว

"ดีใจด้วยนะคะ คุณจะเป็นพ่อคนแล้วเหรอนี่" โรสชกเบาๆ เข้าที่ท้องชายหนุ่ม

"ว่าแต่ เวยังตามมากวนใจอีกหรือเปล่า"

"เขาส่งข้อความมาทุกวันค่ะ แต่โรสไม่ได้ตอบ"

"ถ้างั้นมันคงใกล้คลั่งแล้วล่ะ" เทวินทร์ว่าล้อ

"ก็คงแค่ช่วงแรกๆ" หญิงสาวทำหน้าเศร้าขึ้นมา เพราะเธอก็ทรมานไม่น้อยเช่นกันที่ต้องตัดใจจากเขา ทำให้เทวินทร์หุบยิ้มไปทันที

"แล้วโรสคิดจะทำไงต่อ"

"คงกลับไปช่วยงานพ่อค่ะ โรสจะย้ายกลับไปอยู่ที่บ้าน"

"แล้วนี่คุณมาคนเดียวเหรอคะ" หญิงสาวชวนเปลี่ยนเรื่อง

"ครับผม มาตามใบสั่งมารดาน่ะ พรุ่งนี้ก็กลับแล้วล่ะ"

"งั้นให้โรสเลี้ยงข้าวคุณซักมื้อนะคะ"

"ไปกันเลยไหม โรสดูหน้าซีดๆ นะ ไม่สบายหรือเปล่า?่"

"คงนอนน้อยค่ะ ข้าวก็ทานไม่ค่อยเป็นเวลา"

หญิงสาวว่าแล้ววูบไปเลย โชคดีที่เทวินทร์คว้าตัวไว้ได้ทัน

"โรส! โรส!" ชายหนุ่มอุ้มร่างบางขึ้น หันมองไปรอบๆ มีแต่คนงานผู้ชายสองสามคน ที่เหลือคงไปพักกลางวันหมดแล้ว เขาจึงรีบตรงไปที่รถ จำได้ว่ามีโรงพยาบาลอยู่ไม่ไกล



"คุณเคยบอกว่าโรสไว้ใจคุณได้ อย่าบอกเรื่องนี้กับใครนะคะเทวินทร์ โรสขอร้อง" หญิงสาวว่าน้ำตาซึม หลังกลับมาถึงบริเวณระเบียงหน้าบ้านพักหันออกสู่วิวทะเล

"แต่เวควรมีส่วนรับผิดชอบบ้าง" เทวินทร์นึกโกรธแทน แม้เขาจะไม่ได้ดีเลิศเหมือนเวรุต แต่ก็ไม่เคยคิดปัดความรับผิดชอบที่มีต่อพัดชา

"แล้วมันจะได้อะไรขึ้นมาคะ รังแต่จะขายหน้ากันทั้งตระกูล โรสยอมรับไว้คนเดียวดีกว่า"

"อีกหน่อยทุกคนก็ต้องรู้อยู่ดี"

"โรสคงต้องไปให้ไกลกว่าที่ตั้งใจไว้ค่ะ"

"ให้สุดขอบโลกเลยเป็นไง?"

"ถ้าจะมีที่ยืนเพื่อเริ่มต้นชีวิตใหม่ ก็ต้องไปค่ะ"

เทวินทร์มองหญิงสาวด้วยความสงสาร และนึกอยากจะซัดหน้าเวรุตขึ้นมาทันที อยากจะรู้ว่ามันจะทำหน้ายังไงถ้ารู้เรื่องนี้ แต่เขาก็จำต้องรักษาสัญญาที่ให้ไว้

"ผมรับปาก" ชายหนุ่มว่าพลางดึงร่างหญิงสาวเข้ามากอดปลอบ รู้ว่าสภาพจิตใจของเธอตอนนี้คงย่ำแย่

"ขอบคุณค่ะ"



หากแต่เพียงชั่วข้ามคืน ข่าวการตั้งครรภ์ของโรสก็แพร่สะพัดออกไป ทั้งทางอินเตอร์เน็ท และสื่อต่างๆ มีภาพเธอกับเทวินทร์ทั้งที่ไซต์งาน โรงพยาบาล และที่ระเบียงห้องพักในหัวหิน ล้วนเป็นช็อตเด็ดที่แสดงถึงความสนิทสนมของทั้งคู่ จนเป็นท้อคออฟเดอะทาวน์ไปทันทีเมื่อโยงใยเข้ากับความสัมพันธ์ระหว่างชายหนุ่มและพัดชา และต่างคาดการณ์กันว่าดาราสาวคงถึงคราวรักล่ม ส่วนชายหนุ่มคงประกาศงานวิวาห์สายฟ้าแลบกับคู่รักไฮโซสาวไปตามระเบียบ


"ฝีมือแม่ใช่ไหมครับ" เทวินทร์หัวเสีย ที่คุณแสงรวีล้ำเส้นไปมากในคราวนี้

"ก็แกทำเขาท้อง ก็รับผิดชอบสิ ไม่เห็นจะมีปัญหาอะไร" คุณแสงรวีนั่งตะไบเล็บอารมณ์ดี ที่แผนการณ์เธอไปได้สวย

"แม่รู้ไหมว่าทำอะไรลงไป นี่มันเรื่องคอขาดบาดตายนะครับ"

"แกนี่ปากเสียอีกแล้วนะ แม่กำลังจะมีหลาน เรื่องน่ายินดีจะตายไป"

"ผมเคยคิดเสมอว่าแม่เป็นหงส์ ที่ไหนได้ กาดีๆ นี่เอง" เทวินทร์ว่าประชด

"ฉันจะเป็นกาได้ยังไง?"

"ก็ชอบฟักไข่ให้ชาวบ้านไงครับ" ชายหนุ่มว่าแล้วผละไปทันที

"ไอ้ลูกคนนี้นี่ พูดอะไรก็ไม่รู้!?"





















 

Create Date : 18 มกราคม 2555    
Last Update : 3 กุมภาพันธ์ 2555 20:37:58 น.
Counter : 297 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  

Kim-Ha
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




จิ้นกระจาย ^^


Smileymissmynovel@gmail.com






Friends' blogs
[Add Kim-Ha's blog to your web]
Links
 

MY VIP Friend


 
 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.