My Love ตอนที่ 7
"ลูกหายโกรธคุณแล้ว คุณยังไม่หายโกรธผมอีกเหรอ" เมฆาทักถาม เมื่อเห็นหญิงสาวนั่งเงียบไม่พูดไม่จา หลังจากที่ส่งชมพู่เข้าโรงเรียนไปแล้ว และได้อยู่กันตามลำพังในรถ
"ฉันรู้จากปรางว่าเรากำลังจะหย่ากัน" ชมดาวเอ่ยออกมาในที่สุด คิดว่าเธอควรจะมีเวลาตั้งรับสถานการณ์ อย่างน้อยๆ ถ้าคุยกันให้รู้เรื่อง เขาจะได้ไม่ต้องทำบ้าๆ อย่างเมื่อวานนี้อีก "ปรางบอกคุณเหรอ?" เมฆาทำเสียงประหลาดใจ แล้วตามมาด้วยน้ำเสียงประชด
"ผมนึกว่ามันเป็นเรื่องของเราสองคนเสียอีก"
"ก็ฉันบอกแล้วว่าจำไม่ได้"
"อ้อ ผมลืมไป" ชายหนุ่มทำท่าเออออ แล้วว่าต่อ
"นังปรางนี่ นอกจากจะสู่รู้ แล้วยังแสนรู้ขึ้นทุกวัน คุณว่าไหม?"
"อย่านอกเรื่องค่ะ ฉันรู้ว่าคุณอยากหย่า"
"ผมเคยบอกคุณอย่างนั้นเหรอ?"
"เปล่า คุณบอกคุณวี"
"เรื่องนี้เราตกลงกันแล้วนี่"
"เราตกลงกันว่ายังไงคะ คุณช่วยทวนอีกทีได้ไหม?" ชมดาวถามด้วยน้ำเสียงจริงจัง "ผมจะแบ่งสินสมรสให้คุณครึ่งหนึ่ง ส่วนเรื่องชมพู่ยังตกลงกันไม่ได้ เพราะคุณต้องการยึดลูกไว้คนเดียว แต่ผมไม่คิดว่าคุณจะเป็นแม่ที่ดีได้"
"แล้วถ้าฉันมีข้อเสนอใหม่ล่ะ"
"ข้อเสนออะไร?"
"ฉันขอบ้านสักหลัง ขอพบชมพู่อาทิตย์ละครั้ง แล้วก็ให้คุณช่วยดูแลค่ารักษาพยาบาลจนกว่าชมดาวจะหายเป็นปกติ ส่วนทรัพย์สินอื่น ฉันจะไม่แตะต้อง"
"คุณล้อเล่นหรือเปล่า?" เมฆาไม่อยากเชื่อหูตัวเอง "ฉันพูดจริง แต่วันหย่าต้องให้ฉันเป็นคนกำหนด" "ทำไม?" "ฉันยังไม่พร้อม"
"ผมจะแน่ใจได้ยังไง คุณอาจจะพร้อมอีกสักสิบยี่สิบปีข้างหน้า"
"ไม่ต้องห่วงค่ะ อย่างมากก็แค่คดีความฉันสิ้นสุด หรืออาจจะเร็วกว่านั้น" "ตกลง ผมหวังว่าคุณจะรักษาสัญญาที่เราพูดกันในวันนี้ด้วย"
เมื่อได้เคลียร์ทุกอย่างแล้วก็รู้สึกดีขึ้นนิดหน่อย อย่างน้อยๆ เธอก็มีที่ไป หากต้องติดคุกติดตารางจริงๆ ก็คิดว่าจะคืนอิสระภาพให้เขาก่อนหน้านั้น เพราะเขาอาจจะมีใครใหม่อยู่แล้วก็เป็นได้ ถึงได้ดูร้อนลนเรื่องนี้นัก
"คุณจะพาฉันไปไหน?" ชมดาวมองซ้ายมองขวา แม้จะไม่ค่อยรู้เรื่องเส้นทาง แต่ก็แน่ใจว่าเขาไม่ได้พาเธอกลับบ้าน ในใจพลางนึกกลัวว่าเมฆาจะทำอย่างเมื่อวานอีก ซึ่งเธอก็ไม่เข็ดเสียที ไม่มีอะไรติดตัวมาอีกเช่นเคย เพราะคิดว่ามาส่งชมพู่ที่โรงเรียนใกล้ๆ แค่นี้แล้วก็จะกลับ "อยุธยา" ชายหนุ่มตอบสั้นๆ
"คุณคงไม่ได้ตั้งใจจะพาฉันไปไหว้พระเก้าวัดใช่ไหม" ชมดาวว่าพลางนึกหวาด เมื่อวานเขาอาจคิดว่าปล่อยเธอใกล้เกินไป "หึ เดี๋ยวก็รู้" เมฆาหันมามองแล้วยิ้มขำ พอจะเดาได้ว่าหญิงสาวคิดอะไรอยู่ในใจ
"ทำไมคุณไม่บอกก่อน"
"รู้แล้วคุณจะไปตื่นเต้นอะไรล่ะ" ชมดาวทำหน้าบึ้ง คิดว่ายังไงเสีย เขาก็คงไม่ยอมบอก จะลงรถตอนนี้ก็คงตายเปล่าอยู่ดี ที่ไหนก็ไม่รู้ มีแต่ต้นไม้กับถนนนับสิบเลน อย่างมากคงถูกเอามาปล่อยแบบเมื่อวาน จะดีกว่าก็ตรงที่เธอรู้จักเขามากขึ้น และจะไม่ยอมหลงกลเขาง่ายๆ อีกเป็นอันขาด สักพักเมฆาก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาสั่งงาน ชมดาวนั่งฟังเงียบๆ พร้อมกับเฝ้ามองอากัปกิริยาเขาด้วยความสนใจ เพราะจนป่านนี้เธอยังไม่รู้เลยด้วยซ้ำว่าเขาทำมาหากินอะไร รู้เพียงว่าเขาต้องมีฐานะดีมากๆ จากบ้านที่ดูจะเป็นคฤหาสน์สำหรับเธอ รถหรู ของใช้ การแต่งตัว ดูดีไปหมด คิ้วเข้มๆ กับดวงตาคม ริมฝีปากหยักสวย รูปร่างสูงใหญ่สมชาย ทำให้เขาดูเท่ห์และฉลาดมากๆ ในสายตาเธอ "อยู่กันมาตั้งเจ็ดปี คุณคงไม่ค่อยได้มีโอกาสมองผมชัดๆ แบบนี้สินะ" พอวางโทรศัพท์ได้ เขาก็เหน็บเธอทันที "ฉันแค่อยากมองให้ชัดๆ เจ็ดปีมานี้ ฉันคงไม่เคยเห็นตัวตนที่แท้จริงของคุณ ไม่งั้นคงไม่ถูกคุณหลอกง่ายๆ" "ตั้งแต่ความจำเสื่อม ดูเหมือนเขี้ยวคุณจะคมขึ้นเยอะเลยนะ" "เขี้ยวอะไร?" "กัดเงียบแต่เจ็บลึก" เมฆาว่าแล้วหัวเราะ "นี่คุณหาว่าฉันเป็นหมาเหรอ?!" "เปล๊า! ผมคิดว่าคุณเป็นแวมไพร์สาวเจ้าเสน่ห์ต่างหาก" ชายหนุ่มแก้ตัวทันควัน "แล้วไปค่ะ" ชมดาวมองค้อนแล้วแอบยิ้ม แม้จะรู้ว่าเป็นการหลอกด่าดีๆ นี่เอง "คุณทำอาชีพอะไร?" "ผลิตเฟอร์นิเจอร์ส่งออก" "แล้วพ่อแม่คุณล่ะคะ ท่านอยู่ที่ไหน" "เสียชีวิตในอุบัติเครื่องบินเมื่อห้าปีก่อน" "คุณคงคิดถึงท่านมากสินะ" ชมดาวพูดด้วยความเห็นใจ ที่แท้เขาก็เป็นกำพร้าเหมือนเธอ ผิดกันตรงที่เธอไม่เคยรู้เลยว่าพ่อแม่ที่แท้จริงเป็นใคร "ก็คิดถึงเป็นบางอารมณ์ พ่อแม่ผมรักกันมาก ผมไม่เคยเห็นท่านทะเลาะกันเหมือน... ช่างเถอะ" "เหมือนคุณกับฉันเหรอ" "อืม" "งั้นเราเลิกทะเลาะกันดีไหม ไหนๆ เราก็จะเลิกกันแล้ว" "หึ เวลาไม่โกรธคุณก็พูดได้ แต่พอเวลาโมโหนี่สิ" "ฉันสัญญา ฉันจะไม่โมโห ฉันจะควบคุมตัวเอง" "เช่นตอนทะเลาะตบตีกับคนอื่นกลางงานเลี้ยง หรือขับรถไล่ชนคนจนตกน้ำตกท่าด้วยหรือเปล่า" "ฉันทำขนาดนั้นเลยเหรอ?" "นั่นยังน้อย" "อืม.. เอาเป็นว่าฉันจะไม่ทำอย่างนั้นอีก เราจะได้จากกันด้วยดี" "คุณอย่าดีแตกซะก่อนก็แล้วกัน" "ส่วนคุณก็ห้ามยั่วโมโหฉันก่อน ถึงจะฝึกมาดียังไง ความอดทนฉันก็มีขีดจำกัด" "ครับผม" เมฆารับไปอย่างนั้น เพราะไม่คิดว่าหญิงสาวจะทำได้ ชมดาวซักถามเขาไปเรื่อยๆ ทุกเรื่องที่อยากรู้ แล้วเขาก็เป็นฝ่ายตอบโดยไม่ตั้งคำถามกลับ คงเพราะคิดว่ารู้จักเธอดีในทุกแง่มุม ทั้งที่จริงแล้วเขาไม่รู้อะไรเลย "คุณจะแวะเข้าห้องน้ำ หรือซื้อของกินไหม มีปั้มน้ำมันอยู่ข้างหน้า" เมฆาถามเมื่อรถแล่นออกจากมอร์เตอร์เวย์แล้ว "ก็ได้ค่ะ" ชมดาวลังเลอยู่ชั่วครู่ เกรงว่าเขาจะมีแผนอะไรอยู่ในใจ
"คุณจะลงไปด้วยกันไหมคะ" หญิงสาวหันมาถามเมื่อรถจอดสนิทอยู่หน้าร้านสะดวกซื้อภายในปั้ม
"ไม่ต้องกลัวผมทิ้งคุณไว้ที่นี่หรอกน่า ผมจะรออยู่บนรถ"
"ฉันไม่มีเงินติดตัวมาเลย"
"นึกว่าอะไรเสียอีก" เมฆาล้วงหยิบกระเป๋าสตางค์ออกมา และถูกแย่งไปจากมือทันที
"รออยู่นี่นะคะ" ชมดาวได้ของต้องประสงค์แล้วจึงยอมลงจากรถ ปล่อยให้อีกฝ่ายนั่งขำ คิดว่าเธอคงจะไม่ไว้ใจเขาไปอีกนาน
"บ้านที่จะยกให้คุณหลังจากเราหย่ากัน" ชายหนุ่มคิดว่าต้องได้ยินเสียงกรี๊ดแน่ ภัสสรไม่เคยชื่นชอบธรรมชาติ เธอดูจะหลงติดกับวัตถุและความศิวิไลในเมืองหลวงมากกว่าจะชอบอยู่ที่แบบนี้ เขาก็เพียงต้องการทำตามที่เธอเสนอ เพราะคิดว่าพอเอาเข้าจริง เธอก็คงวิ่งกลับไปอยู่กับพ่อแม่ แล้วก็ผิดคาด...
"ไม่ได้ล้อเล่นใช่ไหมคะ" ชมดาวดวงตาเป็นประกาย เมื่อเห็นเรือนไม้สองชั้นมีบริเวณรั้วรอบขอบชิดแน่นหนา แถมมีศาลาท่าน้ำเหมือนในละครย้อนยุคที่เคยเห็น แม้จะดูรกร้างไปสักหน่อย แต่ถ้าได้เก็บกวาดคงน่าอยู่ทีเดียว
"บ้านคุณปู่ผม" เมฆามองไปรอบๆ บริเวณที่เคยมาวิ่งเล่นในวัยเด็ก สภาพเมื่อก่อนแตกต่างจากตอนนี้มาก
"ฉันชอบที่นี่ค่ะ ไม่คิดว่าคุณจะทำตามข้อตกลงได้รวดเร็วขนาดนี้"
"แน่ใจนะว่าคุณจะอยู่ได้"
"อยู่ได้สิคะ ฉันจะทำตรงโน้นเป็นแปลงผัก หาพวกไม้ดอกไม้ประดับมาลงเสียหน่อย ต้องน่าอยู่มากทีเดียว" หญิงสาววาดฝันไว้เสร็จสรรพ
"หึๆ พื้นที่เป็นไร่นะคุณ ไม่ได้ปลูกลงกระถาง"
"ฉันทำได้ค่ะ ฉันเคยทำ"
"แบบงานการกุศล พรวนดินสองทีก็เสร็จแล้วน่ะเหรอ" เมฆาหัวเราะ
"ฉันจะขอให้นายมดกับอนงค์มาช่วยค่ะ ตกลงตามนี้นะคะ" ชมดาวเริ่มเตรียมการไว้ในใจ เมื่อเธอเซ็นใบหย่าเมื่อไหร่ เธอก็พร้อมจะมาอยู่ที่นี่
"ผมจะโอนที่แปลงนี้ให้คุณ เมื่อเรื่องของเราเรียบร้อยแล้ว"
"ไม่ต้องหรอกค่ะ ฉันแค่ขออาศัย แต่อนาคตฉันหวังว่าคุณจะยกกรรมสิทธิ์ที่นี่ให้ชมพู่ เพราะต่อไปคุณอาจจะแต่งงานใหม่ แล้ว..."
"ผมสัญญา"
"ขอบคุณค่ะ"
"ไปดูข้างในบ้านกันดีกว่า" เมฆาชวนแล้วจูงมือหญิงสาวเดินนำ และนั่นทำให้ใจคนที่เดินเยื้องไปข้างหลังรู้สึกอบอุ่นจนร้อนเรื่อขึ้นมาได้ถึงใบหน้า
บ้านรูปทรงสี่เหลี่ยมกะทัดรัด มีระเบียงเล็กๆ เข้าสู่ตัวบ้านชั้นล่างซึ่งเป็นส่วนของห้องรับแขก และมีครัวอยู่ด้านหลัง ชั้นบนมีสองห้องนอน ข้าวของภายในทุกอย่างถูกเก็บรักษาไว้อย่างดี มีผ้าคลุมกันฝุ่นปกปิดมิดชิด ส่วนพื้นไม้โบราณยังคงสัมผัสได้ถึงความเรียบลื่นภายใต้ฝุ่นละอองที่โรยตัวลงปกคลุมทุกหนแห่ง "ยังสภาพดีอยู่เลยนะคะ" ชมดาวมองด้วยความพอใจ คิดว่าพื้นที่เท่านี้เธอคงดูแลคนเดียวได้สบายๆ
"ถึงจะปิดตายไว้ แต่ผมก็ให้คนดูแลเป็นอย่างดี ตอนเด็กๆ ผมชอบมาอยู่กับปู่ที่นี่" เมฆาว่าแล้วนั่งลงหน้าเปียโนขนาดย่อมตั้งอยู่ติดฝาใกล้หน้าต่างซึ่งมีม่านปิดไว้สนิท เขาจรดนิ้วเรียวยาวลงบนคีย์ คล้ายกำลังรื้อความทรงจำ ก่อนจะเริ่มเคลื่อนไหวนิ้วไปอย่างคล่องแคล่ว ขับเสียงใสกังวานราวร่ายมนต์สะกดให้หญิงสาวเดินเข้าไปนั่งลงข้างๆ เขาโดยไม่รู้ตัว ชายหนุ่มหันมาส่งยิ้ม แล้วพยักหน้าเชื้อเชิญให้เธอเล่นร่วมกับเขา ซึ่งเธอคนนั้นคงเคยทำเช่นนั้น แต่เธอคนนี้อย่าว่าแต่เล่นเลย ไม่เคยสัมผัสมันด้วยซ้ำ "ทำไมล่ะ?" เมฆาพยักหน้าเป็นการเชิญชวนอีกครั้ง เมื่อเห็นอีกฝ่ายส่ายหน้า "นี่เพลงโปรดคุณไม่ใช่เหรอ?" "เออ ฉันจำไม่ได้ ว่ามันเล่นยังไง" ชมดาวจำต้องแก้ตัวน้ำใสๆ
"งั้นมานี่" เขาให้หญิงสาวเลื่อนมานั่งตรงกลางพลางขยับไปนั่งซ้อนที่ด้านหลัง เกยคางไว้บนไหล่บอบบาง แล้วกุมมือเรียวเล็กให้ขยับตามไปทีละคีย์ ไล่โน้ตไปช้าๆ จนเริ่มชิน เสียงดนตรีผิดๆ เพี้ยนๆ ฟังไม่รื่นหู สร้างบรรยากาศเพลิดเพลินและเสียงหัวเราะให้เรือนร้างที่เงียบเหงามานานกลับดูมีชีวิตชีวาขึ้นมาอีกครั้ง
"ไม่เล่นแล้วเหรอคะ" ชมดาวเอียงหน้าขึ้นถามคนข้างหลัง เมื่อเขาขยับออกแล้วเลื่อนมือมาโอบกอดที่เอวแทน แววตาและรอยยิ้มสดใสของภรรยาสาวย้ำเตือนถึงภาพในอดีต แล้วความรู้สึกเหล่านั้นก็ซัดกลับเข้ามาราวระลอกคลื่น เมฆาขยับมือข้างหนึ่งล็อคเข้าที่ลำคอขาวนวลด้วยอารมณ์เผลอไผล แล้วโน้มลงจูบริมฝีปากบางระเรื่อแผ่วเบา หญิงสาวหลับตาลง รู้ว่าไม่อาจปฏิเสธเขาได้ ตั้งแต่วินาทีที่เห็นสายตาสะกดวิญญาณคู่นั้น
นิ้วเรียวเล็กทั้งสิบเกาะกุมลำแขนที่พาดผ่านบริเวณหน้าอกขึ้นมา สั่นสะท้านไปกับสัมผัสอ่อนโยนค้นหา หญิงสาวค่อยๆ เลื่อนมือขึ้นลูบไล้ที่ข้างแก้มเขียวขรึมด้วยไรหนวดเมื่ออารมณ์เริ่มเตลิดไปกับมนต์เสน่ห์แห่งจุมพิตและฝ่ามือใหญ่ที่เริ่มเคลื่อนไหวบนลำคอแผ่วเบา แล้วค่อยๆ ลูบไล้ต่ำลงเรื่อยๆ จนกระชับเข้าที่ทรวงอก เมื่อจุมพิตเพิ่มความดูดดื่มยิ่งขึ้น จากอารมณ์ที่ไม่อาจเก็บกักไว้ภายใน
"ออกไปสูดอากาศข้างนอกกันดีกว่านะคะ" ชมดาวถอนริมฝีปากออก พูดหายใจหอบ พลางจับมือซนของอีกฝ่ายกดลงบนตักตัวเอง
เมฆายิ้มแล้วกอดหญิงสาวกระชับเข้าอีกครั้ง กดปลายจมูกและริมฝีปากลงบนแก้มแดงเรื่อหนักหน่วง ตระหนักถึงอารมณ์ชั่ววูบของตน และคิดว่าที่นี่คงไม่เหมาะ
"รอด้วยสิ ภัส" ชายหนุ่มก้าวเร็วๆ ตามไปที่ศาลาท่าน้ำ เมื่อชมดาววิ่งออกไปยืนรับลมที่นั่น หญิงสาวสูดหายใจแรงจนรู้สึกหัวใจเริ่มเต้นช้าลง
"เป็นอะไรไป" เมฆาโอบกอดจากด้านหลังแล้วกระซิบถาม นึกประหลาดใจอาการเขินจนออกนอกหน้าของอีกฝ่าย
"อายชาวบ้านเขานะคะ" ชมดาวมองเรือนักท่องเที่ยวลำใหญ่ที่กำลังแล่นผ่าน พยายามจะคลายอ้อมแขนแข็งแรงออก
"คุณเคยชอบให้ผมทำแบบนี้ในที่สาธารณะจะตายไป" เมฆาว่าล้อแล้วหอมแก้มไปฟอดใหญ่ "นั่นมันก่อนที่ฉันจะความจำเสื่อมค่ะ" หญิงสาวหันมาดันอกเขาไว้ ไม่สามารถนำพาตัวเองหลุดพ้นจากอ้อมกอด
"งั้นเรามาฟื้นความจำกันหน่อย ดีไหม" เมฆายิ้มเจ้าเล่ห์ กระชับอ้อมแขนเข้าแล้วโน้มลงซุกไซร้ที่ซอกคอ
"ปล่อยฉันค่ะ คุณเมฆ" แต่ยิ่งห้ามก็เหมือนยิ่งยุ ยิ่งก้าวถอยเขาก็ยิ่งรุกตาม จนทั้งคู่มาหยุดอยู่ใกล้ขอบศาลาโดยไม่รู้ตัว
"บอกให้ปล่อย!" ชมดาวเริ่มโมโห ผลักชายหนุ่มอย่างแรง เขาจำต้องปล่อยมือ ส่วนตัวเธอกลับหงายหลังร่วงลงน้ำไป เมฆาตกใจไม่น้อยเพราะคว้าไว้ไม่ทัน แต่แล้วเขากลับหัวเราะจนตัวงอ เมื่อเห็นภรรยาสาวโผล่ขึ้นมาจากน้ำด้วยใบหน้าบึ้งตึง
ชายหนุ่มช่วยฉุดมือขณะปีนบันไดท่าน้ำจนกลับขึ้นมาบนศาลาได้ แล้วปล่อยมือบางออก พอเธอขยับเข้าใกล้เขากลับเป็นฝ่ายถอย เพราะกลัวจะเปียกไปด้วย หญิงสาวได้ที เดินรุกเข้าไปเรื่อยๆ "จะหนีไปไหน คุณเมฆ" ชมดาวออกวิ่งไล่ตามเขาไป จนสะดุดกอหญ้าล้มแทบหน้าทิ่ม "โอ้ย!" เสียงอุทานทำให้เมฆาต้องหันกลับมามอง มือเรียวเล็กกุมข้อเท้าด้วยความเจ็บปวด ไม่รู้ว่าเป็นวันอะไร ทำไมถึงได้เจอแต่เรื่องร้ายๆ "ซุ่มซ่ามจริงๆ เมียใครเนี่ย" ชายหนุ่มว่าล้อ แล้วนั่งลงช่วยดูอาการ แต่กลับถูกฟาดเพี้ยะเข้าที่แขน "ถ้าตีผมอีก จะแกล้งทำหลุดมือซะให้เข็ด" เขาอุ้มร่างเปียกปอนขึ้นจนตัวลอย แล้วพากลับเข้าบ้าน "คุณถอดเสื้อผ้าออกก่อนดีกว่า" เมฆาว่าหลังจากดูข้อเท้าที่เริ่มบวมช้ำ "นี่!" ชมดาวทำหน้าบึ้ง คิดว่าเวลาอย่างนี้ เขายังจะมีอารมณ์มา... "ตัวเปียกๆ แบบนี้ เดี๋ยวจะไม่สบาย ผมจะพาขึ้นไปข้างบน คงมีผ้าพอให้คุณใช้ห่มได้" หลังจากอธิบายเสร็จสรรพ หญิงสาวจึงยอมตามนั้น เมฆาถลกผ้าคลุมเตียงออก แล้วพยุงให้นั่งลง "คุณออกไปก่อนได้ไหม ฉันจะได้..." "อะไรภัส! คุณทำยังกับผมไม่เคยเห็น" ชมดาวอ้ำอึ้ง จะบอกเขาได้อย่างไรว่า อะไรที่เขาเคยเห็นน่ะ ตอนนี้มันเปลี่ยนมือไปแล้ว และเธอก็ไม่ชินที่จะให้เขาเห็น "แค่ยืนหันหลังก็ได้ ฉันถอดเองได้จริงๆ" "ตามใจ" เมฆาถอนหายใจ แล้วมองออกไปนอกหน้าต่าง ไม่รู้ว่าภรรยาเขาเกิดจะมาเขินอายอะไรตอนนี้ สายตาเขามองเพลินไปยังต้นมะม่วงที่เคยปลูกเองกับมือ มาบัดนี้ สูงใหญ่เท่าตัวบ้านทีเดียว ชิงช้าไม้ที่เคยนั่งแกว่งไกวหันออกสู่วิวแม่น้ำ เก่าจนสนิมเกาะโซ่เหล็กและโครง ลีลาวดีลำต้นใหญ่ที่เคยปีนเล่น ก็ยังออกดอกสวยงาม ท่ามกลางต้นหญ้าแห้งๆ ในฤดูร้อนเช่นนี้ หลังจากผ่านไปเกือบห้านาที หันกลับมาหญิงสาวก็ยังคงยักแย่ยักยันกับกางเกงยีนส์ขาลีบเล็กแนบตัว ที่เพิ่งดึงลงมาถึงใต้สะโพก พร้อมกับร้องอุทานเบาๆ เมื่อพยายามดึงมันออกจากเท้าด้วยความยากลำบาก "พอได้แล้ว" เมฆาเดินเข้ามาใกล้แล้วจับหัวกางเกงดึงลงมาจึงถึงเข่า "คนบ้า!" ชมดาวรีบดึงผ้าห่มมาปิดต้นขา ขณะที่อีกฝ่ายยกปลายเท้าเธอขึ้น เพื่อรูดกางเกงออกไป
"เสื้อ" ชายหนุ่มยื่นมือมาตรงหน้า หญิงสาวมุดเข้าไปใต้ผ้าห่มแล้วถอดยื่นให้ เขาตากไว้ที่ขอบหน้าต่างเรียบร้อยก็หันกลับมาอีก
"อีกสองชิ้น"
"นี่! ไม่ต้องแล้วค่ะ ฉันทำเองได้" ชมดาวว่าหน้าเรื่อ "งั้นเดี๋ยวผมจะออกไปซื้อยากับอาหาร คุณรออยู่นี่นะ"
"คุณจะทิ้งฉันไว้ที่นี่คนเดียวเหรอคะ?"
"เดี๋ยวผมจะล็อคประตูข้างล่างไว้ ไม่มีอะไรหรอกน่า ผมไปแป๊บเดียวก็กลับ"
"รีบกลับมานะคะ" ชมดาวรู้สึกกลัว แต่ก็จำต้องให้เขาไป
Create Date : 28 เมษายน 2555 |
Last Update : 2 พฤษภาคม 2555 18:27:18 น. |
|
60 comments
|
Counter : 781 Pageviews. |
|
|