"คุณภัสหาอะไรครับ ให้ผมช่วยไหมครับ" มดง่ามเดินผ่านมาเห็นเข้า
"หาเจอพอดี" หญิงสาวชูโทรศัพท์ สีและเครื่องเหมือนที่เธอใช้อยู่ไม่ผิดเพี้ยน
"ทำหล่นตั้งแต่เมื่อไหร่ครับเนี่ย ผมล้างรถตั้งหลายทียังมองไม่เห็นเลยครับ" คนรับใช้หนุ่มถามสงสัย เพราะไม่เห็นนายสาวใช้รถคนนี้ไปไหนมาไหนเพียงลำพังมานานแล้ว
"ก็ตั้งแต่เกิดอุบัติเหตุนั่นแหละ ฉันเพิ่งนึกได้น่ะ"
"แสดงว่าคุณภัสเริ่มจำอะไรๆ ได้แล้วใช่ไหมครับ"
"เออ ก็ทำนองนั้นแหละ ฉันไปล่ะ" ชมดาวว่าแล้วเดินกลับเข้าบ้านไป
"หาเจอไหมดาว?" หญิงสาวในรถเข็นนั่งอยู่ริมหน้าต่างห้อง หันมาถามทันทีเมื่อประตูห้องเปิดออกอีกครั้ง
"เจอค่ะ" ชมดาวยื่นโทรศัพท์ในมือให้
"โชคดีนะ ที่มันยังอยู่ที่เดิม" ภัสสรรับมาแล้วยิ้มดีใจ
"นี่กระเป๋าถือของคุณค่ะ ฉันไม่ได้แตะต้องของข้างใน"
"นับว่าเธอยังรู้กาลเทศะอยู่บ้าง" ภัสสรว่าประชดแทนคำขอบคุณ พลางหยิบกระเป๋าสตางค์รูปทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้าออกมา ภายในบรรจุบัตรประเภทต่างๆ ไว้มากมาย
"นี่ของเธอ" หญิงสาวยื่นบัตรประชาชนให้ เพราะคิดว่าคงไม่มีความจำเป็นอีกต่อไป
"ขอบคุณค่ะ" ชมดาวรับมาถือไว้
"พรุ่งนี้วันเสาร์ เธอต้องพาชมพู่ไปค้างบ้านคุณแม่"
"แล้วคุณเมฆ..."
"เมฆต้องอยู่ที่นี่ เข้าใจใช่ไหม"
"ค่ะ" ชมดาวขบริมฝีปาก เพราะเธอคงต้องเป็นฝ่ายหาเหตุอีกเช่นเคยที่จะไม่ให้เมฆาตามไปด้วย รู้สึกทรมานไม่น้อยที่ต้องตกอยู่ในสถานการณ์เช่นนี้ แต่คงอีกไม่นาน... และเมื่อเวลานั้นมาถึง เธอเองก็ไม่แน่ใจว่าจะรู้สึกดีไปกว่านี้หรือไม่
"สวัสดีค่ะคุณแม่ คิดถึงที่สุดเลยค่ะ" เสียงใสๆ ดังมาตามสาย ด้วยวิธีการพูดที่คนฟังคุ้นเคย แต่เสียงกลับไม่คุ้นหู
"นั่นลูกเหรอ ยัยภัส" คุณนวลเนตรถามให้แน่ใจ
"ภัสเองค่ะ คุณแม่จำเบอร์ไม่ได้เหรอคะ"
"นี่มันเบอร์เก่าไม่ใช่เหรอ?" คุณนวลเนตรทักท้วง
"ค่ะ ถึงคุณแม่อยากลบออกจากเครื่อง ก็คงลบไม่เป็นใช่ไหมคะ" ภัสสรว่าล้อ แล้วหัวเราะ
"แกก็รู้นี่ว่าแม่โลว์เทค ว่าแต่โทรมา มีอะไรหรือเปล่า ยัยภัส"
"ภัสก็แค่คิดถึง แล้วคุณพ่อสบายดีไหมคะ"
"อะไรของลูก พูดเหมือนไม่ได้เจอกันนานแล้วงั้นแหละ พ่อเขาก็สบายดีอย่างที่เห็นนั่นแหละ"
"ภัสจะพาชมพู่ไปค้างด้วยพรุ่งนี้นะคะแม่"
"เอาสิ แม่จะให้เด็กมันจัดห้องไว้ให้"
".............."
".............."
หญิงสาวชวนพูดคุยอีกเกือบชั่วโมงจึงยอมวางสาย อยากจะบอกเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นทั้งหมด หากแต่คิดว่ายังไม่ถึงเวลาอันควร
"คุยกับใครอ่ะคุณ ผมเห็นนั่งเม้าท์มาเป็นชั่วโมงแล้ว" คุณวิสิตนั่งลงข้างๆ ภรรยาภายในห้องรับแขกแล้วถาม
"ก็ยัยภัสน่ะสิคะ ชวนคุยโน่นคุยนี่เป็นวรรคเป็นเวร ปกติเจอหน้ากันฉันถามคำก็ตอบคำ จนฉันขี้เกียจจะถาม" คุณนวลเนตรยิ้มส่ายหน้า
"ลูกคงนึกได้แล้วมั้ง ว่าตัวเองเคยพูดมาก" คุณวิสิตว่าแล้วหัวเราะ
"คงงั้นมังคะ"
"แม่ลูกจะเก็บเสื้อผ้าไปไหนกัน" เมฆาทักถาม เมื่อเห็นทั้งสองสาละวนช่วยกันจัดของลงกระเป๋า
"คุณแม่จะพาไปค้างบ้านคุณยายพรุ่งนี้ค่ะ" เด็กหญิงในชุดนอนสีชมพูหวานแหววรายงาน
"แล้วพ่อละคะ" ชายหนุ่มถามพลางทิ้งตัวลงบนที่นอน ข้างๆ ลูกสาวตัวน้อยที่กำลังนั่งจัดตุ๊กตาใส่กระเป๋าใบเล็ก
"ก็ไปด้วยกันสิคะ" ชมพู่ยิ้มกว้าง
"งั้นเดี๋ยวเสร็จแล้ว คุณช่วยจัดให้ผมด้วยนะ" เมฆาหันบอกภรรยาสาว แต่กลับเห็นสีหน้าลังเลฉายชัด เริ่มไม่เข้าใจมากขึ้นทุกวันว่าเธอมีอะไรในใจกันแน่ และเขาจะไม่ทนเก็บความสงสัยอีกต่อไป
"ผมไปอาบน้ำก่อนดีกว่า" ชายหนุ่มเด้งตัวขึ้นจากที่นอน ออกจากห้องลูกสาวตัวน้อยไปโดยไม่รอฟังคำตอบ
"เย้! คุณพ่อจะไปด้วย" เด็กหญิงร้องดีใจ ส่วนชมดาวกลับมีสีหน้าเครียด ด้วยไม่รู้จะพูดอย่างไรให้เขาเข้าใจ
"ชมพู่นอนไปก่อนนะลูก แม่มีธุระจะคุยกับคุณพ่อหน่อย" หญิงสาวปิดกระเป๋า แล้ววางลงข้างเตียงนอน
"ค่ะ" เด็กหญิงรับคำ ชมดาวจึงรีบเดินตามชายหนุ่มไปยังห้องฝั่งตรงข้าม
หญิงสาวปิดประตูห้องลง แต่พอหันมาเห็นหน้าชายหนุ่มที่กำลังยืนกอดอกมองเธอนิ่ง ก็ถึงกับพูดไม่ออก
"คือฉัน..."
"ภัสจะพูดอะไร" เมฆามองด้วยสายตารู้ทัน
"ถ้าเราไปกันหมด แล้ว..เออ ดาวจะอยู่กับใครล่ะคะ"
"แค่นี้ใช่ไหม ที่คุณห่วง"
"ค่ะ"
"ถึงเราสามคนไม่อยู่ ก็ยังมีคนอีกเต็มบ้าน ถ้าไม่พอ ผมจะโทรเรียกหมอก้องมาอยู่เป็นเพื่อนอีกคน"
"ไม่ได้นะคะ" ชมดาวรีบค้าน
"ถ้าคุณเป็นล็อตตารี่ ผมคงถูกรางวัลที่หนึ่งไปแล้ว" ชายหนุ่มเหน็บแนมด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย แต่แววตากลับสื่ออารมณ์ขุ่น
ชมดาวเม้มริมฝีปาก พยายามสะกัดกลั้นน้ำตาที่กำลังจะเอ่อขึ้นมา ไม่รู้ว่าเธอควรทำตัวเช่นไร
"ถ้ารู้ว่ารับดาวมาอยู่ที่นี่ แล้วคุณจะผลักภาระให้ผมเป็นพี่เลี้ยงเด็กล่ะก็ ผมไม่มีวันยอมตั้งแต่แรก"
"ฉันไม่ได้หมายความอย่างนั้นนะคะ"
"หรือไม่จริง? ตั้งแต่เด็กนั่นย้ายมา คุณก็เปลี่ยนไป คุณตั้งใจจะทำอะไรกันแน่?"
"ฉัน..."
"ถ้าคุณไม่เต็มใจ ก็ไม่เป็นไรค่ะ" ชมดาวหันหลังกลับ
"เดี๋ยวภัส! มาพูดกันให้รู้เรื่องก่อน" เมฆาคว้าแขนแล้วรวบเอวเล็กเข้ามาแนบชิด
"ฉันก็แค่ห่วงว่าดาวจะคิดมาก" หญิงสาวว่าพลางหลบสายตาคมส่อแววจับผิด
"หมายความว่าต่อจากนี้ เราจะไปไหนมาไหนด้วยกันไม่ได้แล้วใช่ไหม"
"ก็แค่ชั่วคราวเท่านั้น"
"ผมรักคุณนะภัส มีอะไรพูดกับผมตรงๆ ได้ไหม ผมไม่อยากให้เราทะเลาะกันเหมือนเมื่อก่อน" เมฆาเลื่อนฝ่ามือขึ้นประคองใบหน้าหญิงสาว
ชมดาวได้แต่เม้นริมฝีปาก คิดว่าสิ่งที่เธอกำลังทำนี่ไง เป็นการเปิดโอกาสให้เขาได้เริ่มต้นใหม่กับคนที่เขารัก และหวังว่าเขาคงจะรู้สึก...ขอบคุณเธอในภายหลัง
"ฉันเคยบอกแล้วไงคะ ว่าฉันจะไม่ทะเลาะกับคุณอีก" หญิงสาวขยับตัวเข้ากอดคนตรงหน้าไว้แน่น เป็นสัมผัสที่ทำให้ชายหนุ่มรู้สึกสบายใจขึ้น และตัดความคิดระแวงในพฤติกรรมของเธอไปได้ เมฆาขยับออกโน้มริมฝีปากเข้าหา แต่อีกฝ่ายกลับเอียงหลบ
"คุณไปอาบน้ำเถอะค่ะ ชมพู่รอฉันอยู่ ฉันจะไปอ่านนิทานให้ลูกฟัง" ชมดาวขยับออกจากอ้อมแขน เดินตรงไปที่ประตู เมฆามองตามแล้วยักไหล่ ยังไม่ล้มเลิกความตั้งใจ
"ดาว!" เสียงเรียกจากหน้าห้องอีกฝั่ง
"คุณภัส" ชมดาวมองหญิงสาวที่กำลังเคลื่อนรถเข้ามาใกล้
"เธอเข้าไปทำอะไรในห้องเมฆ"
"พรุ่งนี้คุณเมฆจะตามไปด้วย ฉันเลยไปคุยกับเขาค่ะ" ชมดาวบอกออกไปตามตรง ขณะที่อีกฝ่ายมองเธอด้วยสายตาไม่ไว้ใจ
"ที่ผ่านมาฉันจะไม่ถือสา แต่นับจากนี้ ฉันขอห้ามไม่ให้เธอเข้าใกล้เมฆอีก"
"ฉันรู้ค่ะ" ชมดาวว่าแล้วเดินตรงไปที่ห้องชมพู่ แต่แล้วฝีเท้าก็มีอันเสียจังหวะ เมื่อเสียงสั่งการดังตามมา
"ล็อคประตูด้วย"
หญิงสาวไม่ตอบ แต่ก็ไม่ได้ฝืนคำสั่ง นึกขันประชดตัวเองที่มีแม่ขึ้นมาพร้อมๆ กันถึงสองคน
"ดาวมานั่งทำอะไรที่นี่" เมฆาเดินผิวปากออกมาจากห้องนอนตน พบหญิงสาวกำลังนั่งอยู่แถวนั้น
"นอนไม่หลับค่ะ พี่เมฆนั่งเป็นเพื่อนดาวหน่อยได้ไหมคะ"
"เออ.. คือพี่ง่วงมากเลยอ่ะวันนี้" เมฆาทำท่าง่วงหาวทันที
"งั้นพี่เมฆไปนอนเถอะนะคะ ดาวจะนั่งอยู่นี่อีกสักพัก"
"โอเค" ชายหนุ่มตรงไปที่ห้องลูกสาวตัวน้อย แต่ปรากฏว่าประตูล็อคไว้
"ภัส.. ภัส" เขาเคาะเรียกเบาๆ อยู่สองสามครั้ง ก่อนจะหันไปมองหญิงสาวที่กำลังจ้องมองเขาด้วยใบหน้ายิ้มเยาะ หากแต่เปลี่ยนสีหน้าเป็นเห็นอกเห็นใจได้อย่างทันท่วงที
"ภัสคงจะเผลอกดล็อคประตูไว้น่ะ" เมฆาหันมายิ้มแก้เก้อ พลางนึกเคืองภรรยาสาว นี่คงเป็นแผนของเธออีกตามเคย
"คงไม่ได้ทะเลาะกันใช่ไหมคะ?"
"เปล่านี่" เมฆาเดินมาทรุดตัวลงนั่งบนโซฟา
"ดาวมาอยู่ที่นี่ คงทำให้พวกพี่ลำบากใจ" หญิงสาวเคลื่อนรถเข้ามาใกล้ พลางทำหน้าเศร้า
"ถ้าไม่ใช่เพราะเรา ดาวก็คงไม่ต้องมาอยู่ในสภาพนี้ พี่กับภัสต่างหากที่ทำผิดต่อดาว" เมฆากุมมือหญิงสาว ทำให้อีกฝ่ายน้ำตารื่นขึ้นมา นานเพียงใดแล้วที่เขาไม่เคยจับมือแล้วพูดกับเธอดีๆ แบบนี้
"เล่าเรื่องพี่กับพี่ภัสให้ดาวฟังหน่อยได้ไหมคะ"
"เรื่องมันยาวน่ะ"
"ถ้าไม่อยากเล่าก็ไม่เป็นไรค่ะ"
"มานั่งฟังตรงนี้ดีกว่า" เมฆาลุกออกอุ้มร่างบางวางลงบนโซฟา ให้นั่งเยียบขาในท่าสบาย แล้วขยับลงนั่งข้างๆ พาดเท้าไว้บนโต๊ะ
ชายหนุ่มเริ่มเล่าเรื่องราวรักแรกพบของเขาและเธอตั้งแต่สมัยเรียนมหาวิทยาลัย ทั้งสองพบกันในวันรับน้อง ขณะที่หญิงสาวเพิ่งเข้าเรียนในปีแรก ส่วนเขาอยู่ปีสุดท้ายพอดี เป็นภาพความทรงจำที่ภัสสรยังจดจำได้ดีเช่นกัน และเพิ่งรู้ว่าเขายังไม่เคยลืมวันเวลาเหล่านั้น
"เมื่อก่อนภัสเป็นคนขึ้หึงมากๆ เวลาโมโหมักจะควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่อยู่ อาจเป็นเพราะเราไม่ค่อยได้พูดกันดีๆ ก็เลยทำให้รอยร้าวมันบานปลายขึ้นเรื่อยๆ"
"แสดงว่าพี่เมฆต้องเจ้าชู้สิคะ พี่ภัสถึงได้หึง"
"พี่ไม่เคยนอกใจภัสสักครั้ง ตั้งแต่ที่เราพบกันจนถึงเดี๋ยวนี้ ภัสก็ยังเป็นผู้หญิงคนเดียวที่พี่รัก"
"แล้วถ้า.. พี่ภัสถูกสาปให้เป็นแมวล่ะคะ" ภัสสรถามด้วยสายตากระตือรือร้น
"อะไรกันดาว" เมฆามองหน้าหญิงสาวแล้วหัวเราะ
"พี่เมฆจะยังรักอยู่ไหม"
"อืม.. พี่คงเอาไปปล่อยวัด แล้วหาเมียใหม่มั้ง"
"ไหนบอกว่ารักไงคะ" ภัสสรทุบเข้าที่ต้นแขน แล้วทำหน้างอ
"ภัสคงดีใจนะ ที่มีคนโกรธแทนแบบนี้" เมฆาว่าแล้วยิ้มขำ แล้วชวนเปลี่ยนเรื่อง
"แล้วดาวล่ะ คิดยังไงกับหมอก้อง พี่ว่าเขาเป็นคนดีนะ"
"เป็นคนดีแล้วไงคะ"
"พี่ดูออกนะว่าเขาชอบดาวอยู่ เท่าที่ผ่านมาเขาก็ดูแลดาวมาตลอด ดาวไม่คิดจะ..."
"ไม่คิดค่ะ"
"ไม่เป็นไร เดี๋ยวว่างๆ พี่จะให้ไอ้มดมันตอกคานที่บ้านเพิ่มอีกสักอัน" เมฆาว่าหน้าตาเฉย
"ดีค่ะ รับรองว่าไม่เสียเปล่า" ทั้งสองมองหน้ากันแล้วหัวเราะ
".............."
".............."