DIY มาทำถุงผ้าหน้าเหมียวกันดีกว่า
วันว่าง ๆ มองซ้ายก็เจอแมว มองขวาก็เจอแมว เลยเอาแมวนี่แหละมาเพ้นท์ลงกระเป๋ากันดีกว่า อันดับแรกก็ต้องเลือกนายแบบก่อน เหยื่อของเราคือ "โอเลี้ยง" (เพราะวาดง่ายที่สุด แหะ แหะ)อุปกรณ์ไม่มีอะไรมาก ถุงผ้าที่เขาขายกัน (ถ้าใครสามารถก็เย็บเองก็ได้นะค่ะ) สีAcrylic พู่กัน นั่ง ๆ วาด ๆ ออกมาก็กลายเป็นแบบนี้เอานายแบบตัวจริงมาเทียบให้เห็นกันจะจะดูสิว่าใครหล่อกว่ากัน
ห้องน้ำแมวแบบบ้านๆ สบายกระเป๋า
อุปกรณ์ที่ใช้ก็มีแค่1. ฟิวเจอร์บอร์ด (สีตามชอบ) 4 แผ่น2. คัตเตอร์3. เทปปิดกล่องแบบใส4. กะบะทรายแมว (ซื้อตามตลาดนัด อันใหญ่)เสร็จแล้วก็ประกอบทั้งหมดเข้าด้วยกันตกแต่งลายการ์ตูนเพื่อความสวยงามเป็นแบบเปิดโล่ง เพื่อความสะดวกในการเก็บได้รับการรับรองจากผู้ใช้ว่า สะดวกค่ะแมวหนัก 6.5 โล ก็รับรองว่า สามารถรองรับกับก้นใหญ่ๆได้เยี่ยมใช้สบายค่ะ สามารถวางหางพาดกับขอบกะบะได้เลย
เรื่องเล่าของไมโล 2 : อาลัยไมโล
ต่อไปนี้ไมโลไม่ต้องอดๆ อยากๆ อีกแล้วแต่แล้วเดือนสิงหาคม 52 ไมโลเป็นหวัดจนตาปิดไปข้างหนึ่ง ผอมจนเห็นกระดูกอีกแล้วด้วยความเป็นเด็ก จึงทำฟื้นตัวได้เร็ว เดือนต่อมาไมโลก็กลับมาเป็นเหมือนเดิมตอนนี้ไมโลกับโกโก้ได้ย้ายขึ้นมาอยู่บนโรงแรมแมวซะที ข้างบนนี้ ไมโลได้เจอเพื่อนเยอะแยะไมโลเริ่มมีความสุขขึ้น ไมโลเข้ากับแมวตัวอื่นๆ ได้ดี แม้กระทั่งเจ้าถิ่น ไมโลก็เล่นกับเขา"ภราดร" แมวตัวอ้วนหน้าคล้ายไมโล จนนึกว่าเป็นพี่ชายไมโลซะอีก ไมโลเริ่มรังแกโกโก้ คุณหมอจึงทำหมันให้เห็นไหม! ไมโลโตเป็นหนุ่มแล้วนะครับ แต่แล้วเมื่อปลายเดือนพฤษภาคม 53 คุณหมอโทรมาแจ้งว่าไมโลไม่สบายสงสัยว่าจะเป็นโรค "FIP" เราได้แต่ภาวนาว่าคงไม่ใช่หรอก เพราะไมโลไม่ได้ไปไหน จะไปติดกับใครมาได้แต่สุดท้ายคำภาวนาไม่เป็นผล ไมโลเป็น "FIP" จริงๆ ไมโลผอมลงๆ ส่วนท้องก็บวมมีแต่น้ำ ไม่ยอมกินอะไรเลย เราบอกให้คุณหมอรักษาให้เต็มที่ และฝากวิตามินให้คุณหมอป้อนด้วยแต่สุดท้าย ไมโลก็จากเราไปเมื่อวันที่ 11 มิถุนายน 2553 คุณหมอบอกว่าไมโลไปสบาย ไม่ทรมาน หลับไปเฉยๆ เราเลยให้คุณหมอฝังไมโลข้างๆ พี่สาวเขา ต่อไปนี้เขาก็อยู่กับพี่สาวเขาตลอดไปภาพสุดท้ายในความทรงจำของเราคือ แมวตาเหล่ หัวโต หูใหญ่ ที่มอบความสุขให้เราในระยะสั้นๆ แต่มันจะฝังอยู่ในความทรงจำตลอดไป
เรื่องเ่ล่าของไมโล
ทุกครั้งที่เดินผ่านจะเห็นแมวตัวใหญ่กับแมวตัวเล็ก คาดว่าน่าจะเป็นพี่น้องกัน ทั้งสองมักจะอยู่เคียงข้างกันเสมอ แต่ตัวทั้งสองผอมมากๆเพราะสถานที่สองเหมียวอยู่ ไม่ค่อยมีอะไรกิน มีแต่เศษขยะ ก้างปลา หรือไม่ก็กระดูกไก่ แมวพี่มักจะให้น้องกินก่อน ตัวพี่จะยืนคร่อมน้องเอาไว้ ไม่ให้ใครเข้ามาใกล้หรือทำร้ายน้องได้วันที่ตัดสินใจจับสองพี่น้อง คือวันอังคารที่ 11 สิงหาคม 2552 เราเอาอาหารเม็ดมาล่อ ตัวพี่ก็ยังให้น้องกินจนอิ่มก่อน แล้วค่อยกินทีหลังเหมือนทุกครั้ง หลังจากนั้นจึงจับตัวน้องไว้ แต่ตัวพี่วิ่งหนีไปแอบอยู่ไม่ไกล แต่สายตายังมองดูตัวน้องอยู่ตลอดเวลา อาจจะเป็นเพราะห่วงน้อง หรือตัวพี่ไม่มีแรง ทำให้วิ่งตามไปจับได้หลังจากนั้นก็พาขึ้นรถเพื่อไปหาหมอ ทั้งสองผอมมากๆ สามารถกำมือได้รอบตัวพอถึงร้านหมอ คุณหมอให้ทั้งคู่อยู่กรงเดียวกัน เราตั้งชื่อให้ตัวพี่ว่า “ไมโล” และเรียกตัวน้องว่า “โอวัลติน”ไม่ว่าจะให้อะไร ไมโลก็จะให้โอวัลตินกินจนอิ่มก่อนเสมอ ไมโลกินอาหารนิดเดียว ดูไม่มีแรงเลย วันๆเอาแต่นอนอย่างเดียว วันศุกร์ที่ 14 สิงหาคม 2552 เราไปเยี่ยมไมโลกับโอวัลติน แต่คุณหมอบอกว่าไมโลจากไปแล้ว เนื่องจากในตัวไมโลผมมีแต่พยาธิกับปรสิต ขาดน้ำและอาหารอย่างรุนแรง โอวัลตินมีอาการซึม คงรับรู้ว่าพี่สาวคนดีจากไปแล้ว ต่อไปนี้ต้องอยู่คนเดียวตลอดไป เราจึงเปลี่ยนชื่อให้เป็น “ไมโล” แทน เพื่อให้พี่สาวยังคงอยู่ด้วยกัน เจ้าเหมียวกรงข้างๆ ก็พยายามชวนไมโลเล่น ช่วยให้ไมโลหายเศร้าได้บ้าง แต่ถึงอย่างไร พี่สาวไมโลก็ได้เสียสละให้ไมโลได้อยู่ต่อไปเราสัญญากับพี่สาวไมโลว่าถ้าไมโลหายแล้วจะพาไปอยู่ด้วยกันเราตัดสินใจรับเลี้ยงเพื่อนไมโลที่อยู่กรงข้างๆ ไปด้วย เพราะเขาก็ถูกทิ้งไว้ที่ร้านหมอเหมือนกัน และตั้งชื่อว่า "โกโก้" ตั้งใจว่าจะให้ไปอยู่เป็นเพื่อนกับไมโลแทนพี่สาวเขา