น่าสนุก น่าติดตาม และน่าค้นหา
 

Part3ของเรื่องจริงยิ่งกว่าละคร(น้ำเน่า)

ทุกๆเย็นของวันศุกร์ฉันจะชวนน้องสาวหนีออกจากบ้านไปหาพี่ซึ่งทำงานอยู่แถวๆอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิเพื่อให้พี่พาไปหาย่า แล้วฉันค่อยโทรศัพท์กลับมาบอกคุณตาของฉันเมื่อฉันไปถึง สาเหตุที่ต้องหนีไปเพราะทุกครั้งที่ฉันขอไปหาย่าคุณตาของฉันจะไม่ให้ไปพร้อมทั้งจะดุด่าว่าทุกครั้งจนทำให้ฉันต้องเลือกทำแบบนี้ เมื่อไปถึงบ้านย่าฉันก็เล่าถึงสิ่งที่พวกบ้านคุณตาทำกับฉันแล้วก็น้องสาวให้ย่าและญาติๆของฉันทุกคนฟัง ทุกคนต่างพากันว่าบ้านคุณตาและพยายามบอกให้กลับมาอยู่กับย่าแต่คุณตาก็ไม่ยอมพอพูดเรื่องนี้กันทีไรเป็นต้องตวาดดุด่ากันทุกครั้งจนฉันไม่เข้าใจว่าเลี้ยงฉันกับน้องแบบนี้แล้วจะเลี้ยงต่อไปทำไม


พอเย็นวันอาทิตย์พี่ๆที่บ้านย่าก็จะพามาส่งที่บ้านตา ตาของฉันก็จะดุด่าว่าพี่ของฉันจนพี่ๆของฉันต่างพากันระอาและขยาดที่จะต้องมาส่งฉัน พอวันจันทร์ตอนเช้าก่อนที่ตาจะให้เงินไปโรงเรียนฉันกับน้องก็จะต้องถูกตีก่อนจะได้เงินไปโรงเรียน เป็นอยู่อย่างนี้เกือบ2-3เดือนจนตาฉันเลิกตีและเลิกห้ามจนเป็นที่รู้กันว่าเย็นวันศุกร์ถ้าไม่เห็นฉันกับน้องแสดงว่าฉันกับน้องหนีไปหาย่าอีกตามเคย


เมื่อเวลาผ่านไปจนถึงเวลาที่ต้องจ่ายค่าเทอมในแต่ละเทอมพ่อของฉันยังไม่มีตังค์มาจ่ายค่าเทอมให้ คุณตาซึ่งมีฐานะค่อนข้างดีเลยทีเดียวกลับไม่เคยช่วยออกให้ก่อนเลยสักครั้งทำให้คุณครูต้องทวงถามทุกครั้งฉันอายเพื่อน อายคุณครู แต่ก็ไม่รู้จะทำยังไงพอขอตาตาก็บอกว่าให้พ่อกับแม่มารับผิดชอบเอง แต่กว่าพ่อจะหาเงินมาจ่ายให้ได้ก็กินเวลาเกือบจะเข้าไปเทอมใหม่ ฉันกับน้องเรียนโรงเรียนเอกชนเป็นโรงเรียนที่ตาให้น้าหาให้ ค่าเทอมค่อนข้างแพงในตอนนั้น ฉันเรียน2คนกับน้องค่าเทอมก็ย่อมไม่ใช่ถูกๆ


พ่อของฉันในตอนนั้นทำงานคนเดียวเป็นแค่ข้าราชการยศเล็กๆในต่างจังหวัดมีลูก4คน พ่อฉันจึงต้องรับภาระหนักยิ่งขึ้นกว่าเดิมเสียอีก ฉันต้องทนในสภาวะแบบนี้จนกระทั่งจบป.6 แต่ฉันยังโชคดีที่มีคุณครูและคุณครูใหญ่ที่เข้าใจปัญหาของฉันตลอดเวลาจึงมีคุณครูคอยช่วยเหลือและอะลุ่มอะหล่วยช่วยโดยตลอด ทนทั้งที่บ้านที่ตลอดเวลาคอยหาเรื่องทะเลาะเบาะแว้งกับฉันจนฉันเข้าใจแล้วว่าพวกเค้าเอาฉันมาอยู่ไม่ต่างกับเด็กรับใช้ในบ้านต่างกันตรงที่เด็กรับใช้ในบ้านอาจจะได้เงินเดือนสูงกว่าฉันเพราะฉันได้แค่วันละ6บาท แต่ใช้งานหนักพอๆกันเลยมิหนำซ้ำยังถูกดุด่า ถูกดูถูกสารพัด เป็นอยู่อย่างนี้ซ้ำๆซากๆ


เอาไว้Partต่อไปฉันจะเล่าถึงเมื่อตอนฉันต้องเข้ามัธยม พร้อมกับความกดดันที่ทวีมากขึ้นกว่าเดิม เชิญติดตามนะคะ




 

Create Date : 14 พฤษภาคม 2555    
Last Update : 14 พฤษภาคม 2555 11:55:29 น.
Counter : 710 Pageviews.  

Part2ของเรื่องจริงยิ่งกว่าละคร(น้ำเน่า)

    เริ่มตั้งแต่วันแรกที่ฉันกับน้องสาวได้ก้าวเข้ามาอยู่ที่บ้านคุณตาเป็นวันแรก ฉันรู้สึกได้ถึงความว้าเหว่ เหงา และหวาดกลัว เมื่อพ่อกับแม่ส่งฉันที่บ้านคุณตาแล้วทั้ง2คนกลับไปสิ่งที่ฉันได้รับรู้คือ ทุกคนในบ้านไม่มีใครพอใจที่จะให้ฉันกับน้องสาวมาอยู่ในบ้านหลังนี้ ต้องท้าวความกันนิดนึงค่ะว่าคุณตาของฉันแต่งงานใหม่อยู่กับภรรยาคนใหม่และมีลูกด้วยกัน3คน นั่นหมายความว่าแม่ของฉันเป็นลูกพ่อเดียวกันแต่คนละแม่เรียกว่าภรรยาใหม่คือแม่เลี้ยง คุณตาของฉันมีลูกกับภรรยาคนเก่า4คน และลูกกับภรรยาใหม่3คน แม่ฉันเป็นพี่คนโต ก่อนที่ฉันกับน้องจะเข้ามาอยู่ยายเลี้ยงรวมทั้งลูกๆทั้ง3คนของเขาไม่พอใจอย่างมากโดยเฉพาะยายเลี้ยงถึงกับมีปากเสียงกับคุณตาของฉันแรงพอสมควร เขาไม่ชอบฉันกับน้องสาวถึงขนาดไม่อยากให้มีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้านแต่สุดท้ายฉันกับน้องสาวก็มีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้านนั้นจนได้

   ทุกวันฉันกับน้องสาวถูกยายเลี้ยงและลูกๆทั้ง3คนคอยแกล้งอยู่ตลอดเวลาโดยที่คุณตาเองก็ไม่รู้หรือว่าอาจจะรู้แต่ทำอะไรไม่ได้เพราะไม่อยากมีปัญหากับยายและก็ลูกๆของเขา ฉันเลิกเรียนเวลาประมาณ15.30น.ต้องเดินกลับบ้านทุกวันระยะทางก็ไกลพอสมควรคุณตาให้เงินฉันไปโรงเรียนวันละแค่6บาทแค่กินข้าวเที่ยงที่โรงเรียนพอดีไม่เคยได้เงินเผื่อไว้เป็นค่าขนม พอกลับมาถึงบ้านก็เข้าบ้านไม่ได้เพราะกุญแจบ้านไม่มีทุกคนบอกแต่ว่ายังไม่มีเวลาไปปั๊มกุญแจให้ พอฉันขอกุญแจไปปั๊มเองทุกคนก็ปฏิเสธที่จะให้ยืมไปปั๊ม กว่าคุณตายายและลูกๆของเขาจะกลับมาถึงบ้านก็มาณ20.30-21.00น.ฉันกับน้องสาวก็ได้แต่ยืนรออยู่ที่หน้าประตูรั้วบ้านมืดก็มืดเพราะบ้านปิดไฟหมดต้องยืนอยู่ริมถนนริมรั้วบ้านอยู่อย่างนั้น พอเข้าบ้านได้ก็ต้องหุงข้าวให้สุนัขเอาข้าวให้สุนัขและอุ่นอาหารที่ยายทำไว้ทั้งอาทิตย์ให้กินเพราะยายจะไม่ทำกับข้าวอย่างอื่นให้กินนอกจาก แกงส้มและต้มผักกาดดอง ให้อุ่นกินอยู่2อย่างนี้ตลอดเวลาเกือบ2ปี ฉันต้องยืนอยู่นอกรั้วแบบนี้จนเกือบ1เดือนฉันจึงตัดสินใจปีนข้ามรั้วบ้านเข้ามาคอยในบ้านแต่ก็อีกนั่นและเข้ามาได้แค่ในรั้วบ้านของตัวเองแต่ก็เข้าบ้านไม่ได้เพราะไม่มีกุญแจอีกเหมือนกัน รั้วบ้านเป็นเศษแก้วที่ทำให้แตกแล้วเอามาเสียบๆไว้บนกำแพงทำเป็นรั้ว คุณลองนึกภาพของเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ2คนซึ่งน้ำหนักและส่วนสูงต่ำกว่ามาตรฐานเด็กไทยที่ต้องใส่ชุดนักเรียนปีนข้ามรั้วบ้านข้ามเศษแก้วพวกนั้น บางครั้งก็มีพลาดบาดเจ็บแต่ก็ต้องเข้ามาให้ได้เพราะยืนรออยู่อย่างนั้นไม่ไหว รถราที่วิ่งกันขวักไขว่หน้าถนนก็มองฉันกับน้องสาวเหมือนเป็นขโมยยังไงหยั่งงันเลย

     พอทุกคนกลับมาก็สงสัยว่าฉันกับน้องสาวเข้ามาในรั้วบ้านได้ยังไงฉันก็บอกความจริงกับพวกเขาว่าปีนรั้วเข้ามาจนคุณตาต้องสั่งให้ยายเอากุญแจให้ฉันไปปั๊มเพื่อไว้ไขเข้ามาในบ้าน วันรุ่งขึ้นฉันเอากุญแจไปปั๊มจนเข้ามาในบ้านได้แต่ก็ยังไม่มีไฟอยู่ดีเพราะฉันไม่รู้ว่าบ้านหลังนี้เค้าติดเซฟทีคัท ถ้าเอาคัตเอาท์ลงไฟก็จะดับทั้งบ้านซึ่งตอนนั้นทั้งฉันและก็น้องสาวไม่รู้ว่าเซฟทีคัทคืออะไร ติดไว้ตรงไหน จนกระทั่งวันหนึ่งเห็นลูกสาวคนเล็กของยายเอาคัตเอาท์ลงถึงได้รู้ว่ามันอยู่ตรงนี้และต้องเอาขึ้นแบบนี้ ทุกอย่างต้องสังเกตุเอาเองเพราะไม่มีใครบอก นี่แค่จุดเริ่มต้นที่ฉันและน้องสาวถูกพวกเขากระทำยังเข้มข้นขึ้นไปเรื่อยๆและทวีความรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆตามอายุของฉันเช่นกันเอาไว้ฉันจะเขียนซีรีย์นี้ในตอนต่อไปค่ะ




 

Create Date : 12 พฤษภาคม 2555    
Last Update : 15 พฤษภาคม 2555 12:39:33 น.
Counter : 727 Pageviews.  

เรื่องจริงยิ่งกว่าละคร

ชีวิตของฉันมันเริ่มต้นการเปลี่ยนแปลงมาตั้งแต่ฉันเริ่มเรียนหนังสือชั้นป.4ฉันถูกพ่อกับแม่ส่งมาให้เรียนหนังสือในกรุงเทพฯกับคุณตามากันสองคนกับน้องสาวของฉันจากเด็กที่ใช้ชีวิตอยู่ต่างจังหวัดกับครอบครัวหนังสือที่เรียนมาก็ไม่ค่อยรู้เรื่องสักเท่าไหร่เพราะโรงเรียนต่างจังหวัดก็รู้ๆกันอยู่ในสมัยก่อนไม่ค่อยได้พัฒนาเท่าไหร่เมื่อเทียบกับสมัยนี้แต่ตอนนี้ต้องยอมรับเลยว่าเด็กต่างจังหวัดเรียนหนังสือได้ดีและเก่งมากๆเลยทีเดียว ฉันกับน้องสาวมาเข้าโรงเรียนเอกชนแห่งหนึ่งที่โรงเรียนนี้ทุกคนเรียนหนังสือเก่งๆกันทั้งนั้นโดยเฉพาะวิชาภาษาอังกฤษ แน่นอนนั่นเป็นปัญหาของฉันกับน้องสาวเพราะตั้งแต่เรียนหนังสือมาไม่เคยได้เริ่มเรียนภาษาอังกฤษเลยแม้แต่ตัวเดียวหรือแม้แต่ A,B,Cก็ยังไม่เคยรู้จัก เรียนหนังสือไม่เคยทันเพื่อนเลย เพราะความที่ไม่ได้อยู่กับพ่อและแม่จึงไม่มีใครจะมานั่งสอนการบ้าน เพราะฉะนั้นการเรียนของฉันกับน้องสาวจึงไม่ค่อยดีนักในช่วง1-2ปีแรก ต้องพยายามปรับตัวพยายามเรียนเอง อ่านหนังสือเองมากๆและพยายามท่องศัพท์ภาษาอังกฤษให้ได้มากที่สุด สิ่งที่คิดไว้ว่าการที่ได้มาอยู่กรุงเทพฯกับคุณตา การได้มาอยู่โรงเรียนดีดีน่าจะเป็นสิ่งที่ดีที่สุดแต่..ทุกอย่างผิดคาดไม่เป็นไปอย่างที่คิดไว้เลยแม้แต่นิดเดียว ยิ่งตรงกันข้ามชีวิตเริ่มน้ำเน่ายิ่งกว่าละครเรื่องดาวพระศุกร์หรือนางทาสหรือนิยายน้ำเน่าเรื่องไหนๆที่เคยมี เอาไว้ฉันจะเขียนเล่าให้ฟังในครั้งต่อไปว่ามันจะเข้มข้นมากขึ้นไปถึงไหน ลองติดตามดูนะคะ




 

Create Date : 11 พฤษภาคม 2555    
Last Update : 12 พฤษภาคม 2555 19:37:35 น.
Counter : 926 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  
 
 

Money-Banks
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Money-Banks จะเล่าถึงความสนุกหลายๆรูปแบบ หลายๆแนว แล้วพบกันนะคะ ความสนุกกำลังมาเยือนคุณ
[Add Money-Banks's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com
pantip.com pantipmarket.com pantown.com