Group Blog |
สายพันธุ์กาแฟ
สายพันธุ์กาแฟ
กาแฟ เป็นเครื่องดื่มที่มีประวัติความเป็นมายาวนานย้อนไปหลายร้อยปี กล่าวกันว่าถูกค้นพบศตวรรษที่ 6 ราวปี ค.ศ. 575 หรือประมาณ พ.ศ. 1118 ในประเทศอาระเบีย (Arabia) แต่จากประวัติความเป็นมาที่ได้ยินกันทั่วๆไป มีการค้นพบในศตวรรษที่ 9 ว่าคนเลี้ยงแพะพื้นเมืองชื่อ นายคาลดี (Kaldi) สังเกตเห็นว่าบรรดาฝูงแพะที่เลี้ยงอยู่มีอาการคึกคะนอง กระโดดโลดเต้นหลังจากได้ไปกินผลสีแดงของพืชชนิดหนึ่ง ด้วยความแปลกใจ เขาจึงได้นำเรื่องนี้ไปปรึกษากับพระมุสลิม รูปหนึ่งชื่อว่า ฮะยี โอเมอร์ (Hadji Omer) พระผู้นี้มีความรู้ทางพืชสมุนไพรอยู่บ้างจึงได้ทดลองนำไปคั่วและต้มดื่ม แล้วพบว่าผลไม้ดังกล่าวช่วยให้เกิดความกระปรี้กระเปร่า ช่วยให้การสวดมนต์ไม่เป็นเรื่องที่น่าเบื่ออีกต่อไป แต่เรื่องราวของกาแฟที่ถูกค้นพบก็มีหลายตำนานเล่ากันมาหลายรูปแบบ แต่สาระสำคัญที่เล่าสู่ต่อกันมาก็คือ กาแฟเป็นพืชพื้นเมืองที่พบในแถบประเทศตะวันออกกลาง (Middle East) ราวศตวรรษที่ 9 และแพร่หลายไปสู่ยุโรปและทั่วโลก ในศตวรรษที่ 15 กาแฟได้กลายเป็นเครื่องดื่มที่ได้รับความนิยมกันอย่างแพร่หลายในบรรดาประเทศอาหรับทั้งหลายและมีเหตุการณ์สำคัญต่างๆเกี่ยวกับกาแฟได้เกิดขึ้นตามช่วงเวลา ต่อมาคร่าวๆดังนี้ ค.ศ.1600 กาแฟได้รับการนำไปเผยแพร่ ในอังกฤษ และเนเธอร์แลนด์ มีการตั้งร้านกาแฟขึ้นเป็นแห่งแรก (Coffee House or Coffee Shop) ซึ่งในฝรั่งเศส ที่เมืองมาเซย์ (Marseille) เรียกร้านกาแฟเหล่านี้ว่า Cafe มีการต่อต้านจากเกษตรกรผู้ปลูกองุ่นสำหรับทำไวน์ ด้วยเกรงว่าจะทำให้อุตสาหกรรมไวน์เสียหาย แต่การต่อต้านก็ไม่เป็นผล หลังจากเหตุการณ์ในครั้งนั้นได้มีการบริโภคกาแฟแพร่หลายไปทั่วยุโรป ในสมัยของพระเจ้าหลุยส์ที่14 พระองค์ทรงโปรดมากและกาแฟได้กลายเป็นเครื่องดื่มที่ได้รับความนิยมมากยิ่งขึ้น ค.ศ.1640 กาแฟได้ข้ามมหาสมุทรแอตแลนติก จากกรุงอัมสเตอร์ดัม ไปสู่กรุงนิวยอร์ก มีร้านกาแฟที่มีชื่อเสียงเปิดขึ้นหลายร้าน เช่น Burns Coffee House บริเวณทางด้านตะวันตกของถนนบรอดเวย์ และ ร้าน Green Dragon ในบอสตัน ค.ศ. 1785 ชาวสเปนได้นำกาแฟไปเผยแพร่และทำการเพาะปลูกในแถบละตินอเมริกา ซึ่งต่อมาได้กลายเป็นแหล่งผลิตที่สำคัญของโลก คือ บราซิล โคลัมเบีย คอสตราริกา คิวบา กัวเตมาลา ฯลฯ ซึ่งในกลุ่มนี้มีสองประเทศที่เป็นแหล่งผลิตที่สำคัญของโลกคือ บราซิล มาเป็นอันดับหนึ่ง และโคลัมเบีย เป็นอันดับต่อมา ประวัติความเป็นมาของกาแฟในประเทศไทย พ.ศ.2477 กาแฟสายพันธ์ที่ได้นำมาปลูกเป็นครั้งแรกคือ สายพันธ์โรบัสต้า โดยผู้ที่นำเข้ามาเป็นไทยอิสลามชื่อ นายดีหมุน ได้นำเมล็ดกาแฟติดตัวกลับมาหลังจากไปแสวงบุญ ณ เมืองเมกกะ ประเทศซาอุดิอาระเบีย ปลูกไว้ที่บ้านที่ ต.บ้านโหนด อ.สะบ้าย้อย จ.สงขลา ในปี ได้ผลผลิตดีพอสมควร จากนั้นได้มีการขยายพันธ์และส่งเสริม ออกไปอย่างกว้างขวางทั่วภาคใต้ พ.ศ.2493 กาแฟสายพันธ์ อาราบิก้า (C.arabica) ได้ถูกนำเข้ามาปลูกในไทยเป็นครั้งแรก ไม่ค่อยประสบความสำเร็จเท่าที่ควรเนื่องจาก กาแฟอาราบิก้า มีความต้องการสภาพอากาศและน้ำต่างจากกาแฟโรบัสต้า พ.ศ. 2516 โครงการปลูกพืชทดแทนและพัฒนาเศรษฐกิจชาวไทยภูเขา ได้มีการทดลองโครงการปลูกพืชทดแทนฝิ่น ซึ่งมีกาแฟอาราบิก้าเป็นพืชที่ได้รับการส่งเสริมเช่นกัน พ.ศ. 2520 โครงการปลูกพืชทดแทนและพัฒนาเศรษฐกิจชาวไทยภูเขา ได้เปลี่ยนชื่อเป็นโครงการปลูกพืชทดแทนและการตลาดที่สูง ได้พัฒนาการปลูกกาแฟอาราบิก้าได้ผลผลิตดีมากขึ้น และสามารถทดแทนการปลูกฝิ่นได้เป็นอย่างดีจึงมีการสนับสนุนกันต่อมา ชนิดสายพันธ์ปลูกของกาแฟอาราบิก้าถูกนำมาจากหลายๆแห่ง เช่น อินเดีย ฮาวาย และอมริกาใต้ รวมทั้งมีผู้เชี่ยวชาญจากต่างประเทศ เข้ามาให้คำปรึกษา สายพันธ์ที่สำคัญมีดังต่อไปนี้ 1.ทิปปิก้า (Tippica) 2.เบอร์บอน (Bourbon) 3.คาทูร่า (Catura) 4.คาทุย (Catuai) 5.เอส 228 (s-228) 6.เอส 795 (s-795) 7.เอส 1059 (s-1059) 8.คาร์ติมอร์ (Cartimor) (LC 1662, Progeny 86, 88, 90 และ สายพันธุ์อื่นๆ) ปัจจุบันกาแฟอาราบิก้าได้รับการสนับสนุนในการปลูกจากทั้งภาคราชการและเอกชน และยังมีการประกันราคาผลผลิตทำให้ได้รับความนิยมในการปลูกอย่างกว้างขวาง รวมทั้งกระแสของการดื่มกาแฟเพิ่มมากขึ้นในกลุ่มคนทำงานและทั่วไป ทำให้มีแบรนด์กาแฟทั้งไทยและเทศ เกิดขึ้นมากมายมีการกล่าวอ้างว่ากาแฟของตนดีกว่าผู้อื่น แต่ก็เป็นเพียงแค่องค์ประกอบบางส่วนเท่านั้น เพราะการที่จะได้กาแฟที่เรียกว่า Perfect Shot นั้นมีองค์ประกอบมากมายดังที่จะได้เรียนรู้ในหัวข้อต่อไป พันธุ์กาแฟ (Coffee Varieties) ในโลกของการปลูกและคัดเลือกพันธุ์กาแฟ นั้นมีหลายชนิด ซึ่งกาแฟเหล่านี้มีลักษณะแตกต่างกันมากมายทั้งลักษณะ ใบ ลำต้น คุณภาพการบริโภค ตลอดจนขนาดของสารกาแฟและความสามารถในการให้ผลผลิต ทำให้สามารถแบ่งได้เป็นกลุ่มใหญ่ๆ ได้ 4 กลุ่มดังนี้ 1. กาแฟอาราบิก้า (C.arabica) 2. กาแฟโรบัสต้าหรือคานิฟอรา (C.canephora var. robusta) 3. กาแฟเอ็กเซลซา (C.excelsa or C.liberica var.dewevrei) 4. กาแฟเอกเซลซ่า (C.liberica or C.liberica var. liberica) กาแฟอาราบิก้า (C.arabica, 2n=44) กาแฟชนิดนี้มีความสำคัญมากที่สุด ผลผลิตคิดเป็นจำนวนกว่า 80%ของผลผลิตกาแฟทั่วโลก ลักษณะ ลำต้น ใบ และเมล็ดเล็ก ให้ผลผลิตปานกลาง คุณภาพเมล็ดดีที่สุด รสชาติหอมชวนดื่ม เจริญเติบโตได้ดีที่อุณหภูมิระหว่าง 13-21 ซํ ปลูกบนพื้นที่สูงจากระดับน้ำทะเล ตั้งแต่ 800 เมตรขึ้นไป แต่ไม่เกิน 1800 เมตร แต่จะเจริญได้ดีที่1200 เมตรจากระดับน้ำทะเล ระยะเวลาตั้งแต่ติดดอก จนถึงเก็บเกี่ยวประมาณ 6-8 เดือน กาแฟโรบัสต้า (C.canephora var. ronusta, 2n=22) เป็นกาแฟชนิดดั้งเดิมของแถบศูนย์สูตร มีลักษณะ ลำต้น ใบ และเมล็ด ใหญ่กว่ากาแฟ อาราบิก้า และให้ผลผลิตสูงกว่า แต่คุณภาพเมล็ดด้อยกว่า เจริญเติบโตได้ดีที่อุณหภูมิ 20-32 ซํ ปลูกได้ตั้งแต่ระดับน้ำทะเล ไปจนถึง 1200 เมตรจากระดับน้ำทะเล ระยะเวลาตั้งแต่ติดดอกจนถึงเก็บเกี่ยว 9-11 เดือน กาแฟ 2 สายพันธุ์ที่เหลือคือ เอกเซลซ่า และ ลิเบอริก้า ไม่ค่อยมีความสำคัญทางเศรษฐกิจมากนักจะขอผ่านไปโดยไม่กล่าวถึง หนังสืออ้างอิง 1.การปลูกและผลิตกาแฟอาราบีก้าบนที่สูง (Highland Arabica Coffee Production) ผู้แต่ง รศ.ดร.พงษ์ศักดิ์ อังกสิทธิ์ , ผศ.ดร. บัณฑูรย์ วาฤทธิ์ หมายเหตุ บทความนี้เขียนขึ้นเพื่อใช้ในการฝึกอบรม หลักสูตรการชงกาแฟขั้นต้น ไม่อนุญาตให้คัดลอกไปใช้เพื่อการพาณิชย์ แต่ยินดีให้เผยแพร่เป็นความรู้ทั่วไป สนใจนำไปใช้ติดต่อที่ mailto:e21xwc@yahoo.com และ//www.twitter.com/nongyingcoffee หรือ //www.twitter.com/garlicwine
|
khudy
Rss Feed Smember ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?] ผู้ชายธรรมดา ที่ไม่ใช่ผู้วิเศษ มีอารมณ์ รัก โลภ โกรธ หลง บ้างตามประสา ชอบท่องเทียว ค้นคว้า หาเรื่องไปเรื่อยๆ เหนื่อยเมื่อไรก็หยุด Link |