All Blog
คิดถึงเดนมาร์ค

และแล้ววันที่รอคอยก็มาถึง 

เพราะว่าทุก ๆ วันต้องนั่งรอ แล้ว รอเล่า รอว่าเอกสารที่ทำส่งไป เมื่อใดจะมาซักที

สุดท้าย ท้ายสุด เอกสารจากเดนมาร์คก็มา  ประเทศนี้ทำอะไรเร็วทันใจจริง ๆ หรืออาจจะเป็นเพราะว่าประชากรในประเทศมันมีน้อยมาก เชื่อไหม มีประมาณ หกล้านคน 

นั่นไง เขาเลยดูแลประชากรทั่วถึง  แล้วการทำเอกสารต่าง ๆ ปัจุบัน เดนมาร์คเขาออกกฏให้ฟรีแล้ว  โอ้ววว ช่างประเสิรฐแท้

พอเห็นเอกสารจากเดนมาร์คก็ทำให้นึกถึงวันเก่า ๆ กับ โฮสและ เพื่อน ๆ

พอวันศุกร์ จะโทรนัดกันว่าจะไปไหนดี 

สุดท้ายก็มาจบที่ไป Lyngby เพราะว่าอยู่ใกล้บ้านฉันค่ะ  เสร็จก็กลับมานอนห้องน้อยของฉันนั่นเอง  จากบ้านไปก็แค่สี่กิโลนะคะ  นั่งแทกซี่เสียเงินตั้ง ร้อยหกสิบโครน  รถไม่ติดซักเเอะ

ลืมบอกไปค่ะ ที่เดนมาร์คส่วนใหญ่เขาจะใช้รถจักรยานกันคะ  ขนาดโฮสเรา หน้าร้อนนะ โฮสแม่ปั่นจักรยานไปโคเปน  ประมาณ แปดกิโลค่ะ  โฮสพ่อก็วิ่งไปค่ะ  คือเขาเป็นอะไรที่สมถะมาก ๆ 

ทั้ง ๆ ที่โฮสพ่อเงินเดือนเยอะสุด ๆ (ประมาณล้านบาทไทย ต่อ เดือน)  เขาใช้ชีวิตสมถะมาก ๆ

ในบ้านมีทีวีเเค่สองเครื่องนะ  คือ ห้องดิฉัน กับห้องรับแขก 

โฮสบอกว่าทำไมเราจะต้องการอะไรไปมาก มีแค่นี้ก็พอแล้ว ที่มีทีวีในห้องเรา เพราะว่าเผื่อเราอยากดูรายการอะไรที่ไม่ตรงกับพวกเขาค่ะ 

จะบอกว่าโฮสบ้านนี้เป็นบ้านที่ประเสิรฐมาก ๆ เลย  เราอยู่บ้านหลังนี้ เหมือนเราอยู่บ้านเราค่ะ  ให้ความรู้สึกว่าโฮสเหมือนญาติ เหมือนเพื่อนเลย  เล่าได้ทุกอย่าง เผลอ ๆ สบายกายและใจกว่าอยู่บ้านเราเองอีกค่ะ 

อย่างที่เคยบอกว่า เหมือนจ้างมาอยู่บ้านเฉย ๆ ฮ่าฮ่าฮ่า  จริง ๆ แล้ว เขาน่ะต้องการคนไปรับลูก แล้วก็อยู่กับลูกในช่วงที่เขาไปทำงานจนกว่าเขาจะกลับน่ะค่ะ  เราก็ช่วยงานบ้านเขา ก็เหมือนกับเราอยู่บ้านเราเลย เขาให้เงินเดือนเรามากกว่าเรทออแพร์ปกตินะคะ  แล้วระหว่างวัน เขาจะเอาเงินใส่กระเป่าน้อยไว้ในห้องครัว  บอกเราว่า หากอยากกินไรให้เอาเงินนี้ไปซื้อของกินนะ (บางครั้งเราก็ใช้ค่ะ  แต่บางครั้งก็ไม่ใช้ เพราะว่าเกรงใจ ยิ่งเขาดีเท่าไหร่ เราก็เกรงใจเขามากเท่านั้น)

วันเสาร์อาทิตย์หากเราไม่อยู่ เขาก็ยังมาเอาเสื้อผ้าเราไปซักให้  เป็นอะไรที่น่ารักที่สุด  ว่าแล้วก็คิดถึงมาก  ทุกวันศุกร์ เราจะช่วยกันทำซูชิ  ถ้าเหนื่อย โฮสก็ไปซื้อจากร้านญี่ปุ่นในเมืองมากินกัน (น้องคนโตชอบกินซูชิมาก) เราจะบอกว่าใครได้ไปอยู่กับโฮสเราคนนี้ เป็นอะไรที่สบายจริง ๆ

ก่อนหน้านี้เขาก็จะเอาออแพร์คนไทยค่ะ จากที่ไทย  ก็ตกลงดิบดี  แต่สุดท้ายเด็กที่ไทยก็ปฏิเสธเขาค่ะ ทั้ง ๆ ที่ส่งเอกสารมาแล้ว  ถึงสองคน  ด้วยกัน  เขาก็มาถามเราว่า  ทำไมเด็กไทย ปฏิเสธเขาหมดเขาดูเลวร้ายขนาดนั้นเหรอ  เราก้ยังคิดเลยค่ะว่า คนดี ๆ ไม่เลือกกัน เราก็เลยบอกโฮสไปว่า คนดี ต้องได้สิ่งที่ดีสิ ฮ่าฮ่าฮ่า   เขาก็เลยตัดสินใจหาเด็กที่อยู่ที่โน่นค่ะ ก็ได้เด็กไทยมาค่ะ  แต่อยู่แค่สองสามเดือนก็มีเหตุให้โฮสต้องเลิกจ้างค่ะ (เรื่องนี้มันยาวค่ะ และไม่น่าเกิดขึ้น ) ใครทราบเรื่องก็สงสารโฮสเราทุกคนเลย  สุดท้ายโฮสก็เลยตัดสินใจเอาเด็กฟิลิปปินส์ค่ะ 

เราเสียดายแทนเด็กไทยคนอื่นที่อาจจะพลาดโอกาสได้โฮสดี ๆ โฮสดี ๆ อย่างนี้หายากมาก (น้องไทยคนนั้นไม่น่าเลย)

เป็นออแพร์ที่เดนมาร์ได้วันหยุดถึง 5 สัปดาห์ต่อปี  แต่เรานี่ได้ประมาณแปดได้  เพราะว่าเวลาที่โฮสไปต่างประเทศกันทั้งหมด  ถ้าไปไม่เกินสามสัปดาห์ เขาให้เราเป็นวันหยุดไปเลย  แล้วเขาก็จ่ายเงินด้วยนะ  แต่ถ้าเขาไปเกิสสามสัปดาห์ เขาขอให้เราใช้อาทิตย์หนึ่งเป็นวันหยุด ก็เหมือนว่าถ้าเขาไปสาม  เราได้ฟรีสองสัปดาห์ สับดาห์ที่สามเป็นวาเคชั่นเรา อย่างนี้นี่แหละค่ะ  เห็นไหม  อะไรมันจะสบายอย่างนี้

ว่าด้วยเรื่องรองเท้ากันหิมะ โฮสซื้อมาให้  เพราะว่าเราต้องไปรับเด็กช่วงหน้าหนาวด้วย  การทำให้ท้าวอบอุ่นนี่สำคัญ  เขาซื้อให้ค่ะ  ใส่แล้วมันอุ่นสุด ๆ ผิดกับอันของเราที่ซื้อเองอ่ะ  มันแบบ แค่สามชั่วโมงนิ้วก็เริ่มชาแล้ว  ส่วนพวกถุงมือไรงี้เรามีค่ะ  แต่ของโฮสก็สามารถเอามาใส่ได้  ไม่ได้ลามปามนะ เขาให้ใส่จริง ๆ อย่างหมวกไรงี้ เราก็เอาของโฮสมาใส่  เขาเห็นเขาก็ยิ้มนะ ไม่ได้ว่าไร  เขาก็บอกว่าใส่ได้ ใส่ได้

บางทีตอนเย็นหลังจากกินข้าวเสร็จเราจะเข้าห้องเลยก็ได้  แต่บางครั้งเราก็จะไปนั่งเล่นกับน้องค่ะ  เราชอบมัน มันน่ารักดี  หน้าเหมือนสติ๊ต แต่บอกว่าหน้าเหมือนไม่ได้นะ  จะงอน  เขาบอกว่าเขาตัวเล็กน่ารักกว่าสติ๊ตตั้งเยอะ 

อีกอย่างเราก็จะชอบทำผมให้น้องมาก ๆ เลย  (คนเล็ก) คนโตไม่ชอบให้จับผมค่ะ  เขาจะออกแบบการแต่งตัวของตัวเอง  ถ้าวันไหนจะให้ทำผม ถึงจะยอมให้จับ  คนเล็กนี่  นั่งให้ทำเลย  น่ารักมาก

ตัวอย่าง

 นี่แหละมันก็เป็นความทรงจำดี ๆ ที่มีให้กัน  ก็จะยังจดจำอยู่เสมอ

 

ช่วงเดือนนี้เขาก็จะซื้อตั๋วให้เราไปเที่ยวเดนมาร์คอีกค่ะ  แต่ว่าเราติดที่ต้องทำเอกสารของเเคนาดา   แต่ก็คิดถึงน้องมาก โฮสก็เล่าว่าน้องบ่นว่าอยากย้ายมาอยู่ไทย  คือพอหลังจากเรากลับมา  เขาก็มาเยี่ยมที่ไทย  น้องก็มาค่ะ  แล้วไอ้เด็กคนโตก็แปลกมันติดพ่อเราค่ะ เลยอยากมาอยู่เมืองไทย

ว่าแล้วก็คิดถึง  โฮสส่งรูปน้องมาให้ดู โตขึ้นกันเยอะเลย  เฮ้อ หากมีเวลาอยากกลับไปอีก

พอใกล้เสาร์อาทิตย์ ช่วงซัมเมอร์  ก็จะคิดแพลนกันแล้ว ว่าไปเที่ยวไหนกันดี  ปิ๊คนิคไหม  ถ้าปิ๊คนิคก็ทำอาหารไปกินกันที่ทะเล  บางครั้งก็ไปบ้านเพื่อน ส่วนใหญ่เป็นบ้านเรา  เพราะว่าโฮสเราใจดี อิอิ

ตกดึก ก้ไปเที่ยว  แต่เราไม่เที่ยวเยอะนะ ส่วนใหญ่ก็แค่ตามเทศการต่าง ๆ เราชอบอยู่ในห้อง นั่งฟังเพลง  หรือไม่ก็หาทำอะไรกินกันมากกว่าค่ะ

ช่วงวาเคชั่นก็แสนดี  ประเทศยุโรปมันติดกัน ไปเที่ยวที่ไหนก็ได้  ตั๋วมันก็ไม่แพงเลย  ก็ทำให้ได้กำไรชีวิต ได้ไปประเทศในฝันมากมายเลย

เพื่อน ๆ บางคนก็ยังคงอยู่ที่เดนมาร์ค บางคนกลับแล้วก็กระจายกันไป  ว่าแล้วก็คิดถึงบรรยากาศเก่า ๆ ซะมากมาย  เลยทำให้เราได้รู้ว่า

อดีต เราไม่สามารถย้อนกลับไปได้  ดังนั้นเราควรจะทำปัจจุบันให้ดีที่สุด  เพื่อจะได้มีอดีตที่ดี และน่าจดจำให้เราได้ย้อนกลับไปนึกถึงอยู่เสมอ

เราขอเอาภาพเมืองต่าง ๆ ที่เดนมาร์คมาโพสแชร์

ถนนแถวบ้านที่ต้องเดินทุกวัน

 

แม่น้ำเริ่มแข็งตัว ทำเป็นลานเสก็ตน้ำแข็งได้แล้ว

 

มันหนาวจับใจจริง ๆ

 

 

ท่าเรือในโคเปน

 

 

เมืองออหูส(น่าจะเป็นที่ว่าการอำเภอ เราเดาน่ะ)

 

นี้เป็นช่วงแฟชั่นวิค  ซึ่งเป็นแคทวอล์คที่ยาวที่สุดในโลก ที่ถนนสตอยส์

 

 

Copenhagen Beach Party (นี่เป็นช่วงเย็น ๆ คนทะยอยกันมาค่ะ)

 

Copenhagen Beach Party (ตอนเย็น มีดีเจ มาเล่นแผ่นค่ะ แดนซ์กันกระจาย)

 

เรามาดูช่วงสปริงกันบ้าง

 

เราได้มีโอกาสไปดูคอนเสิร์ตนักร้องดังของเดนมาร์ค Ramus

 

วันหยุดไปทะเลกับเพื่อนในห้องเรียน(ฟิลิปินส์ อินโด อาฟริกาใต้ พวกเขาหน้าเหมือนคนบ้านเราเป๊ะ +เด็กน้อยของเพื่อนฟิลิปินส์ด้วย สองคน )

 

งานเทศการเผาแม่มด

 

 

 




Create Date : 19 กรกฎาคม 2555
Last Update : 20 กรกฎาคม 2555 9:39:24 น.
Counter : 1217 Pageviews.

2 comment
Fashion and I #1

ก็อย่างที่ได้กล่าวเกริ่น ๆ ไปว่า เรารอเอกสารจาก FBI อยู่  ก็ว๊างว่าง  เลยไม่มีอะไรทำ  เริ่มเรื่องขอเล่าเลย 

 

เมื่อก่อนตอนอยู่เดนมาร์ค ว่างมาก ๆ เพราะว่าที่บ้านไม่ค่อยมีงานให้ทำ เหมือนจ้างไปอยู่บ้านเฉย ๆ กว่าน้องจะกลับก็บ่ายสาม  เราไม่ยอมไปเรียน  คือ เราขี้เกียจเรียนน่ะ  เพราะว่าเราคิดว่าเราเอาแค่พูดได้  สื่อสารกับเด็กรู้เรื่องก็พอ  เราก็เลยอัดวิดิโอไว้เยอะเลยล่ะ  ทำเล่นทำหัวไปวัน ๆ  บางทีก็เข้าไปลบออกบ้าง บางทีก็ใส่ลงไปใหม่ (จิตนิดหน่อย ย้ำคิดย้ำทำ)  คือเวลาที่เราไม่มีไรทำ เราจะอัดวิดีโอ  

 

ก็อย่างที่บอกว่าว่างมาก เลยทำวิดีโอเกี่ยวกับเสื้อผ้ามาให้ดูกัน  แต่ไม่ค่อยชัดเท่าไหร่ คราวหน้าจะปรับปรุงนะคะ 

 

 

จริง ๆ ก็อายนะคะ ไม่ค่อยอยากออกสู่สาธารณะชนเท่าใดนัก (นี่ขนาดไม่ชอบออกสู่สาธารณะ )  คือเป็นคนชอบแต่งตัวน่ะค่ะ  ถ้าดีไม่ดีอย่างไรก็ขออภัยด้วยนะคะ  ติเตียนได้  แต่อย่าด่าว่าด้วยถ้อยคำรุนแรง  ขอร้อง(เราขี้น้อยใจน่ะค่ะ  อิอิ )

 

 

 เราไปเจอ การตัดเสื้อในยูทูปค่ะ น่าสนใจ เลยเอามาฝากนะคะ

 

 

ตัดด้านหลังค่ะ แต่ถ้าเป็นเราเราจะทำเป็นเอวลอย แล้วก็ทำด้านหน้าด้วยค่ะ  ท่าทางจะเก๋น่าดู แล้วก็ใส่กับเลกกิ้งค่ะ หรือไม่ก็กางเกงขาสั้น หรือกระโปรงสั้น

 

 

อันนี้ทำเป็นเสื้อกล้ามค่ะ




Create Date : 12 กรกฎาคม 2555
Last Update : 20 สิงหาคม 2555 22:33:09 น.
Counter : 1518 Pageviews.

1 comment
ทำ FBI Criminal Record Check

ว่าแล้วก็หาข้อมูลต่าง ๆ ว่าถ้าเราทำ FBI Criminal Record Check ที่ไทย มันจะยุ่งยากไหมหนอ  เราก็จัดการเข้าไปในเว็บของ FBI ไปดาวน์โหลดฟอร์มต่าง ๆ มา เอ แต่มีช่องให้กรอกค่ะ  เราก็เริ่มจัดการกรอกไปงู ๆ ปลา ๆ ค่ะ  แต่เอ๊ะ  มีช่องให้ใส่ SSN ช้อค ค่ะ ช้อค  เพราะว่าเราคืนอำเภอไปแล้วค่ะ ก่อนที่กลับจากเมกา  เราก็จะหาได้จากที่ไหนน้อ  ด้วยความร้อนใจ  ในเว็บของ FBI มีสาขาที่ไทยด้วย  เราก็คลิกเข้าไปดู  ปรากฏว่าเป็นสถานทูตอเมริกาประจำประเทศไทยค่ะ  เราก็โทรไปด้วยจิตใจยิ้มแย้ม  คิดว่าก็ดีวะ อย่างน้อยเราก็ได้พูดภาษาไทย เข้าใจง่าย  พอโทรไป โอเปอร์เรเต้อรับ  เราก็บอกว่าขอติดต่อฝ่ายเอฟบีไอค่ะ  เขาก็โอนสายไปให้  มีผู้หญิงรับ พูดภาษาอังกฤษ เราถามว่า ยูพูดไทยได้ไหม  เขาก็ตอบกลับมาว่าไม่  เราก็เริ่มใช้ภาษาอังกฤษความรู้ ป. สาม อันจิ๊ดริดจ้อยร่อยของเรา สปี๊คกับเขาไป  เราบอกว่า SSN เราหายจะทำไง  เขาก็บอกว่า รอซักครู่นะ จะโอนสายให้  เราก็คิดว่า แหม ฟังสำเนียงฉันไม่รู้เรื่องล่ะสิ ถึงต้องโอนสายให้คนไทยมารับ  พอมีคนมารับ  ก็พูดภาษาอังกฤษอีกแระ  สิ่งแรกที่เราต้องถามคือ คุณพูดไทยได้ไหม  คำตอบคือ Sorry Mamm....อีกแระ  ต้องขุดเอารากศัพท์ที่อยู่ก้นซิลิบั้มใต้สมองออกมาโต้ตอบทันที  เขาก็ถามเราว่าจะทำไปทำไม เราก็บอกว่าจะใช้ขอวีซ่าเข้าแคนาดา  เขาบอกว่าทำไมต้องใช้ SSN เป็นคนเมกันเหรอ  เราบอกว่าเปล่า เขาถามว่าเป็นชาติไร  เราบอกไทย  เขาบอกว่าทำไมมี SSN เราเลยบอกว่าฉันเคยไปอยู่โน่นมาสองปี  ตอนนี้ต้องทำ FBI Criminal Record Check แล้วไม่มีมัน ฉันจะทำได้ไหม(แสดงความอ่อนแอใส่ฝรั่งหนุ่มเต็มที่) เขาก็บอกว่า ขอโทษจ๊ะ ฉันไม่รู้จริง ๆ เดี๋ยวนะรอซักครู่จะหาเบอร์ติดต่อให้นะ  แล้วก็ปล่อยให้เราฟังเพลง ต๊ะอ่อนโยน ต๊ะอ่อนโยนเป็นเวลานานมาก  แล้วก็กลับมาพร้อมกับให้เบอร์โทรที่ศูนย์ใหญ่ที่อเมริกา  แล้วบอกว่า เวลาบ้านเราเร็วกว่า 11 ชั่วโมง  เธอต้องโทรไปถามตามเวลาเมกานะ  แล้วก็บอกให้เราโชคดี  เเล้วจากนั้นเราก็ร้างลากันไป แหม่ ยังกับมิวสิควิดีโอ

สี่ทุ่ม เราก็ทำการโทรไปยังอเมริกา(ในใจก็คิด ตูจะคุยกับเขารู้เรื่องไหม หากเขาเป็นคนผิวดำ เพราะว่าคนผิวดำ ชอบพูดเหมือนร้องเพลงแร๊พน่ะ เข้าใจยากมาก)  พอรับเรื่องผ่านระบบ  ก็กดไปต่าง ๆ ตามคำบอกกล่าวของระบบอัตโนมัติ  ติ๊ด ติ๊ด(นี่คือเสียงกดของเรา ฮ่าฮ่า)  แล้วก็มีคนรับ  เราก็ถามว่าเราน่ะ อยากจะทำ FBI Criminal Record Check แต่เราไม่มีโซเชี่ยลนัมเบอร์  เขาบอกว่าไม่ต้อง ใช้ฟอร์มแค่สองอัน คือฟอร์มขอ กับฟอร์มพิมพ์ลายนิ้วมือ แล้วก็ส่งเงิน  เราบอกว่าเราเห็นในช่องน่ะ ให้กรอก  ชีก็ตอบกลับมาง่าย ๆ ว่า ไม่มีก็ไม่ต้องใส่  ว่างไว้ ก็เท่านั้น  เราก็เฮ้ย  มันง่ายอย่างงั้นเลยเหรอ  นี่ฉันโทรมาจากประเทศไทย เพื่อได้ยินคำว่าไม่รู้ก็ให้ว่างไว้ แค่นั้นเหรอ  แต่ก็ขอบคุณเขา  แล้วก็วางสายจากกันไป

วันต่อมา

ปริ๊น ใบต่าง ๆ ทำการกรอกอย่างละเอียด  ด้วยความที่จิตนิด ๆ ก็ปริ๊นออกมาถึงสามสี่ชุด  กลัวว่าจะทำหายบ้าง กรอกผิดบ้าง ต่าง ๆ นานา

นั่งมอไซด์ออกไปสถานีตำรวจใกล้บ้าน  คุณพี่ตำรวจก็ใจดีปั๊มให้  โดยไม่คิดเงิน  นี่ไง นี่ไง  ตำรวจดี ๆ ก็ยังมีอีกเยอะ

หลังจากนั้นต้องไปทำ แคชเชียร์เช็ค  แชะ มันนี่ออเดอร์สั่งจ่าย 18 เหรียญ

ไปธนาคารแรก  ไทยพานิชย์แถวบ้าน ขอไม่บอกแล้วกันว่าสาขาอะไร  เข้าไปถามก็งงกันยกใหญ่  อ๋อ สั่งจ่ายเช้ค  แล้วเขียนเป็นเงินไทย บอกว่านี่ใช้ได้เฉพาะประเทศไทย  อ้าว แล้วถ้าฉันจะใช้ต่่างประเทศจะต้องทำอย่างไร  เขาก็มองหน้ากันแบบไม่ทราบ  เราก็ เอาวะ

ไปธนาคารกรุงเทพ สาขาใกล้บ้านอีกเช่นเดิม  ไปถามก็มองหน้ากันงง งง แค่เขามองตากัน ฉันก็รู้ถึงความคิดภายในของเขา ๆ แล้ว  แต่ก็ยังรอคอยเพื่อเป็นมารยาท ซักพัก เขาไปถามนายใหญ่ นายใหญ่บอกว่า ต้องไปสาขาใหญ่  เราก็โอเค  เหนื่อย ต้องรีบไปจ่ายค่าไฟอีก  ก็เลยคิดว่าวันรุ่งขึ้นแล้วกันค่อยไป

วันรุ่งขึ้น

ไปธนาคารกรุงเทพสาขาใหญ่ในตัวเมือง ตั้งแต่เช้า  ไปถึง เขาบอกว่ามีแต่ดราฟ เราก็โอวว์ ใช้ไม่ได้ ไม่เอาดีกว่า 

ไปกศิกร แข็งขันเป็นกระดูกสันหลังของชาติ ต้องมีแน่ เคยอ่านในเน็ต เขาใช้กัน เราก็ยิ้มปริ่ม  ไปสอบถาม  ปรากฏว่าต้องฝากเงิน เปิดบัญชีใหม่ แต่ก็เป็นดราฟอีกเช่นกัน  เราก็เลยเลยถามเขาว่าที่ไหนน่าจะมีบ้าง เขาบอกว่า OUB น่าจะมี แต่ถ้าไม่มีกลับมาทำที่นี่ก็ได้นะ เขาก็บอกทางเสร็จสรรพ เดินไม่ไกลหรอกจากตรงนี้ แค่หัวมุมถนนเท่านั้น เราก็โอเว้ย  เดินก็เดิน  เดินหลายซอยมาก ๆ ก็ไม่พบเลย  เหนื่อยมาก ๆ ก็ยังเดินต่อ นี่ถ้าเอารอยเท้าที่เราเดินวันนี้มาต่อกัน  ก็คงพบว่าเราได้เดินรอบประเทศไทยไปเเล้วมั้ง  เหนื่อยที่สุด  เจอห้าง ไปพักที่ห้างดีกว่า ก็ไปนั่งพัก กินอาหาร  เจอหนุ่มลูกครึ่งน่ารัก มาพักซัมเมอร์ที่ไทยกับครอบครัว  แหม่ น่ารักจิ๊งพ่อคุณ (ในความโชคร้ายก็ยังมีความโชคดี) พักซักครู่ก็โทรให้พี่ออกมารับ  ขณะรอพี่อยู่หน้าห้าง  ดันเจอ ธนาคาร ก็ดีใจ ตรงรี่เข้าไปถาม ปรากฏว่าไม่มีการรับทำ  สุดท้ายต้องไปทำที่กศิกรเหรอ  เราก็ไปอีกครั้งพร้อมด้วยเปิดบัญชีใหม่  แล้วก็ขึ้นไปทำ  ด้วยความซวยหรืออะไรไม่ทราบ ผู้จัดการใหญ่ด้านต่างประเทศ ไปสาขาที่อุบล กว่าจะกลับมาก็ให้เรามาใหม่วันจันทร์  เราก็เฮ้ย ธนาคารกรุงเทพก็มีดราฟนี่  เรากลับบ้านไปเอาสมุดบัญชีดีกว่า  ไม่อยากเปิดอีก เพราะว่ามีบัญชีกับธนาคารกรุงเทพถึงสามบัญชีด้วยกันเข้าไปแล้ว  ก็ขับรถกลับบ้าน ไปเอาสมุดบัญชีมา  เพื่อจะมาทำดราฟ พอมาบอกว่าขอซื้อดร๊าฟ  เขาบอกว่าทำไม่ได้ เครื่องปริ๊นพัง  ต้องพิมพ์กับเครื่องนี้เท่านั้น  มาวันจันทร์ได้ไหม

อารมณ์นั้นเราอยากจะทรุดเข่าที่เดินมากจนขาใกล้ขาดให้แตะพื้น พร้อมกับร้องโอ้กออกมา  อยากจะกรี๊ด น้ำตาคลอ  สิ่งที่ฉันพยายามที่สุดในวันนี้ มันหมดสิ้นแล้ว มันหมดจริง ๆ เราพยายามมาสองวัน  แต่สิ่งที่ฉันได้รับตอบแทนกลับเป็นอย่างนี้เชียวเหรอ  ระหว่างทางกลับบ้าน ก็แวะร้านเสื้อผ้า  เพื่อกระจายรายได้สู่ท้องถิ่นและลดการระคายเคืองในจิตใจ  ก็เข้าไปหาซื้อ เราก็ได้เอี๊ยมกระโปรงมา สวยมาก ทำให้เรารู้สึกดีขึ้น แล้วก็ซื้อของกลับไปกินบ้าน  เป็นอันว่าวันนี้จบลงโดยการได้ชุดและของกิน  สุดท้าย ใบ เอฟบีไอ ก็ยังไม่ได้ส่งเหมือนเดิม ต้องรอจันทร์นี้นั่นเอง เฮ้อ

วันจันทร์

วันนี้เริ่มต้นด้วยการไปธนาคาร  ทำดราฟทั้งหมด เสร็จแล้ว แล้วก็ทราบมาว่าธนาคารกศิกร จะเริ่มยกเลิกการทำดราฟไปต่างประเทศ  เราก็สอบถามเรื่องการจ่ายเงินผ่านบัตรเครดิต เพราะว่าหากทำการยกเลิกดราฟแล้ว  คนที่จะทำ FBI record check จะทำอย่างไรเล่า  ธนาคารก็ได้บอกว่า หากจะชำระด้วยบัตรเครดิตก็ได้  แต่ต้องติดต่อกับทางธนาคาร  หรือไม่ก็ไปแก้บัตรทางตู้เอทีเอ็มก็ได้  แต่เราก็จำไม่ได้ว่าไปแก้ตรงไหน พอดีหิวข้าว เลยเบลอ ๆ  ถ้าหากเขายกเลิกดราฟ แล้วใครอยากที่จะจ่ายผ่านบัตรเครดิต ก็ติดต่อธนาคารเจ้าของบัติได้เลยค่ะ  เพื่อความสะดวกรวดเร็ว โทรไปทำก็ได้ค่ะ 

พอเราได้ดราฟมา เราก็ไปหาซื้อแฟ้มพลาสติกเพื่อกันน้ำ เพราะว่าไปที่ไปรษณีย์ เขาไม่มีซองกันน้ำค่ะ  หลังจากนั้นก็ส่งเป็นอีเอ็มเอส  ทางไปรษณีย์ก็บอกว่าประมาณสี่วันก็จะถึงแล้ว  เราก็ได้แต่ภาวนาขอให้ทุกอย่างสำเร็จได้โดยง่ายดาย  และได้เจ้าใบประวัติอาชญากรรมนี้มาโดยเร็ว  เพราะโฮสบอกว่า LMO ประมาณสามอาทิตย์ก็น่าจะได้แล้วล่ะ  ก็คิดว่าน่าจะยื่นวีซ่าเร็ว ๆ นี้ 

สิ่งที่ต้องใช้ในการขอ FBI

1. แบบฟอร์มการยื่นขอ Application Information Form.

2. ใบพิมพ์ลายนิ้วมือ Finger Printed Form
พิมพ์ลายนิ้วมือ สามารถทำได้ที่สถานีตำรวจใกล้บ้านได้ค่ะ

3.หลักฐานในการจ่ายเงิน
-ทางบัตรเครดิต ซึ่งบัตรของไทยจะใช้ไม่ได้ ถ้าบัตรต่างประเทศ ให้ใช้ Credit Card Payment Form ส่งไปด้วย
-ทำ money order หรือ cashier’s check for $18 U.S. dollars ทำได้ที่ธนาคาร สั่งจ่าย The Treasury of the United States.

การที่เราไปซื้อ money order หรือ cashier’s check ให้ไปที่ธนาคารที่มีสาขาอยู่ที่ต่างประเทศ หรือไม่ก็สาขาใหญ่ ๆ ค่ะ อย่างกรุงเทพ หรือ กสิกรก็ได้นะคะ ส่วนตัวเราซื้อดราฟค่ะ  ลักษณะคล้ายเช็ค เพราะว่าธนาคารไม่รับทำ money order หรือ cashier’s check แล้วน่ะค่ะ


4. มีเช็คลิสให้เราเช็คด้วยว่าเอกสารครบไหม FBI Identification Record Request Checklist

5. ส่งจดหมายโดยเอกสารที่ระบุข้างบนค่ะ ไปตามที่อยู่นี้ค่ะ

FBI CJIS Division – Record Request
1000 Custer Hollow Road
Clarksburg, WV 26306 USA.

เพื่อความรวดเร็ว ให้เขียนมุมซองว่าสำหรับวีซ่าแคนาดา แล้วก็ระบุวันที่ที่จะใช้ไปด้วยนะคะ จะทำให้ได้เร็วขึ้น สิบห้าวันค่ะ




ส่วนตัวอย่างการกรอกเอกสารใบพิมพ์ลายนิ้วมือนะคะ ตัวอย่างการกรอกใบพิมพ์นิ้วมือ


ข้อมูลเพิ่มเติมที่ FBI Website

ส่วนตัวเราทำส่งไปแล้ว วันที่ 9 กค. 2555 ส่งแบบอีเอ็มเอส คาดว่าหนึ่งอาทิตย์คงถึงที่นั่น  ประมาณวันที่ 17 สิงหาคม 2555  เราได้เขียนอีเมลล์ไปสอบถามที่ do@leo.gov  แต่เมลล์ถูกตีกลับค่ะ  เราคาดว่าเขาคงเลิกใช้ระบบสอบถามผ่านเมลล์แล้ว   เราจึงโทรไปสอบถามที่หมายเลข 1-304-6255590 นะคะ  จะมีเสียงตอบรับอัตโนมัตินะคะ กดหมายเลขตามสิ่งที่เราอยากรู้ค่ะ  ปรากฏว่าเขาส่งเอกสารมาให้เราแล้วค่ะ  ตั้งแต่วันที่ 16 สิงหา คาดว่าอีกสองอาทิตย์ก็คงจะได้รับค่ะ  โดยรวมแล้วใช้เวลาประมาณเดือนกว่า ๆ ค่ะ (รวมการขนส่งด้วย)




Create Date : 06 กรกฎาคม 2555
Last Update : 12 กันยายน 2555 14:19:25 น.
Counter : 4018 Pageviews.

1 comment
การสัมภาษณ์จากโฮส

วันแรก

ตื่นตั้งแต่ 6 โมงเช้า รีบ รีบ รีบ ออกไปเช็ค เช็คอีเมลล์ดูซักหน่อย  ก็ไม่มีเมลล์จากโฮสมาเลยค่ะ  เราก็แบบ เหนื่อย และเซ็งค่ะ ตามประสาคนว่างงาน (สงสัยเวลาทำบุญจะทำบุญด้วยอาหารว่างน่ะค่ะ  บุญก็เลยส่งผล  ว่าง....ตลอดเลย)

ไม่มีไรทำ เดินไปดูโทรศัพท์  เอ๊ะ! มีใครโทรมา  รหัส 1 เฮ้ย เบอร์จากเมกานี่ เราก็คิดว่าเพื่อนโทรมาน่ะค่ะ  เพราะว่าไม่ทราบจริง ๆ ว่าที่เเคนาดาใช้รหัสโทรศัพท์เดียวกับที่เมกา 

เราก็เห็นข้อความในโทรศัพท์ Are you still looking for a job? เราแบบ เว้ย เฮ้ย  นี่มันโฮสนี่หว่า แต่ก็ยังสงสัยว่า โฮสที่เมกาแน่เลย เราก็รีบเลย เปิดเน็ต เช็ครหัสต่าง ๆ ว่ามาจากที่ไหน บร๊ะเจ้า  โฮสจากแคนาดาซะด้วย  ก็เลยรีบตอบกลับไปอย่างดีใจว่า สนใจม๊าก มาก  แล้วถ้าอย่างไรคุยกันได้ที่สไกป์นะ   เราก็รีบไปออนสไกป์อย่างเร่งรีบ เพื่อรอเขาคนนั้น  เขาก็เข้ามาออนจริง ๆ แล้วก็สอบถามว่าเราอยู่ที่ไหนตอนนี้  (แอบทำหน้าเซ็ง เพราะว่าถ้าตอบว่าอยู่ที่ไทย เขาก็คงจะไม่สนใจใยดีเราเป็นแน่แท้) เราก็แบบ อยู่ที่ไทยค่ะ  เขาก็ถามเรื่องเราแพ้อะไรบ้างไหม  , เราอยู่กับหมาแมวได้ไหม(จริง ๆ ชอบมาก เป็นคนชอบแมว ก็ตอบแบบเวอร์เกินจริงว่า บ้านฉันไม่เคยขาดแมว) , เราก็ถามเรื่องลูกเขา ก็คุยไปคุยมาหลายอย่างเรื่องพิกัดบ้าน ใกล้ร้านค้าไหม  โน่นนี่นั่น

เขาก็บอกเราว่าตอนนี้เขามีตัวเลือกอยู่สาม สี่ คน  เราเป็นคนเดียวที่อยู่นอกสายตา เอ้ย ไม่ใช่ อยู่นอกแคนาดา  (เราก็นะ ชวดแน่ ๆ เรา) เขาบอกว่าพรุ่งนี้จะมีสาวที่อยู่แคนาดามาสัมภาษณ์ที่บ้าน  เราก็รู้สึกอึดอัดในใจ  แต่ก็คุยต่อไปน่ะค่ะ  และแล้วก็ลากัน เขาบอกว่าพรุ่งนี้สัมภาษณ์อีก ที่สไกป์นะ  เธอต้องเข้าใจฉัน  ฉันต้องการคนที่อยู่กับครอบครัวฉันได้จริง ๆ

วันที่สอง

ก็ทักทายกันตามประสา  คำถามที่ได้คือ เธอนับถือศาสนาอะไร (เราก็คิดในใจ  ไรว้า ทำไมถามกันแบบนี้  เขาจะเป็นมุสลิม หรือยิวไหม เรากลัวเขาไม่ให้เอาพระพุทธรูปเข้าบ้านน่ะค่ะ)  เราก็ตอบ เป็นพุทธ  เขาก็บอกว่า เขาก็เป็นพุทธเหมือนกัน  ว้าวว มันช่างเหมาะเหม็ง เราก็เลยถามว่าเขาชอบนั่งมาธิไหม  เขาก็บอกว่าเขานั่ง  เราก็เข้าทาง คุยเรื่องนั่งสมาธิ  คุยโวไปเรื่อยเปื่อย เหมือนจะเข้ากันได้ดี  แบบว่าคุยนานมาก  เราก้ถามเขาว่า ยูแมทกับฉันหรือยัง  เขาก็ตอบว่ายัง  เขาต้องการคนที่เข้ากับเขาได้จริง ๆ  เราก็เฮ้อ  ชวดแน่ ๆ ตรู แต่ว่าเขาก็คุยสนุกน่ะ เราก็เลยคิดเอาว่า อย่างน้อยก็ได้เพื่อนใหม่  เราก็บอกเขาว่า ถ้าคุณกับฉันไม่ได้แมทกัน ก็ไม่เป็นไรนะ  ฉันยินดีส่งซีดีนั่งสมาธิไปให้  เรายังเป็นเพื่อนกันได้(นางเอกมากอ่ะ)  แล้วก็ลาจากกัน

 

วันที่สาม

เราก็คุยกันที่สไกป์อีก  วันนี้เขาขอเรฟเฟอร์เรนซ์เรา  ไอ้ด้วยความที่เพิ่งกลับจากเดนมาร์คและโฮสก็เพิ่งมาเยี่ยมเราที่ไทย  เราก็คิดว่าเรามีมิตรภาพที่ดีต่อกันเราก็เลยให้เบอร์โฮสที่เดนมาร์คกับเขาไป และอีเมลล์ 

เขาก็บอกว่าเวลามันต่างกัน คงเขียนไปหาได้เฉพาะอีเมลล์เท่านั้น  เเล้วโฮสเธอที่เมกาล่ะ (ลืมบอกไปว่า เราก็ยังคงติดต่อกับโฮสทั้งเมกาทั้งเดนมาร์คอยู่เสมอ ตีเนียน เหมือนว่าเป็นคนดี ฮ่าฮ่าฮ่า)  เราก็มีแต่อีเมลล์ ส่วนใหญ่ฉันก็คุยกับเขาผ่านเฟสบุ้ค  เขาก็ขอเบอร์โทร  เราก็ตอบไปว่า ฉันต้องหาโทรศัพท์เครื่องเก่าก่อนนะ เพราะว่าเบอร์มันอยู่ในนั้น  เราก็ไปหา ก็หาไม่เจอ จนสุดความสามารถ  เขาก็บอกว่าไม่เป็นไร อีเมลล์ก็ได้ หลังจากนั้นก็ลากันไปนอน

คืนนั้นเราก็คิดว่า เราต้องหาเบอร์โฮสให้ได้ ก็เขียนไปหาโฮส ขอเบอร์โทรมา  โฮสก็ให้มา  เราก็เลยส่งไปให้เขา  พร้อมทั้งส่งรูปกิจกรรมที่เราทำยามว่าง รูปเรากับครอบครัวที่เมกา  ครอบครัวที่เดนมาร์ค ครอบครัวที่ไทย ภาพวาดของเรา ประมาณนั้นไปให้เขา  แล้วก็เขียนว่าหวังว่าจะได้เป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวเขา

วันที่สี่

โฮสที่เมกาเขียนเมลล์มาบอกว่า โฮสบ้านนั้นโทรมาแล้วนะ  เขาดูเป็นคนดี  ฉันก็พูดถึงเธอในด้านดีนะ ดูเขาสนใจเธอมาก(ตูมีด้านร้ายด้วยเหรอ เราคิดในใจ) มีความคืบหน้าอย่างไรบอกฉันด้วยนะ

โฮสที่แคนาดาเมลล์มาหาเรา  ฉันโทรไปหาโฮสเธอที่เมกาแล้วนะ  เขาพูดถึงเธอในแง่ดี เราขอสไกป์กับเธอแบบเห็นหน้าได้ไหม เพราะว่าลูกสาวฉันอยากเจอเธอ เขาชอบภาพวาดของเธอมาก  ฉันก็ดีใจจริง ๆ ก็รีบตอบกลับไปว่าได้ ๆ

เปิดวิดีโอสไกป์

เขาก็เข้ามาสวัสดีกันหมด ยกเว้นไอ้ตัวเล็ก หลับไปแล้ว เขาก็ดูใจดี น่ารักสุด ๆ ลูกสาวคนโตชอบวาดภาพ แล้วก็ชอบร้องเพลงมาก เขาชอบภาพวาดของเรามาก เขาเลยอยากเจอ (ในใจเราคิด อยากเจอแค่นี้น่ะนะ ฮ่าฮ่าฮ่า)  ก็คุยกับพวกเขาสักพัก เขาก็บอกเรื่องค่าจ้างต่าง ๆ ก็เป็นเศษก็จะปัดเศษให้  เราก็ดีนะ เพราะว่าตอนอยู่เมกานี่ ได้เศษเท่าไหร่ก็เท่านั้น คิดกันเป็นจุดทศนิยมเลยทีเดียว 

เขาก็บอกว่าห้องมีไรบ้าง ถ้ามาแล้วเขาจะจองคอร์สไรให้เราบ้าง  ในเมืองมีไรบ้าง เราก็คิดในใจ  นี่แมทแล้วเหรอ  เราก็ถามเขา  เขาบอกว่า ยัง  เขายังคงมองหาคนที่เข้ากับครอบครัวเขาได้จริง ๆ

แล้วเขาก็บอกว่า โฮสเธอเล่าว่าเธอชอบเล่นกับลูกชายเขา ตอนนี้อายุสิบขวบแล้ว เธอชอบเล่นเกมส์วีใช่ไหม  แล้วเธอก็เล่นกันทั้งวันทั้งคืน (ตกลงนี่คือด้านดีเหรอ  ดูไร้สาระมาก ๆ ฮ่าฮ่าฮ่า) แต่โอ้วว บร๊ะเเล่ว บร๊ะแล่ว  เกมส์ที่เราเล่นดันเป็นเกมส์ที่ลูกเขาก็ชอบเล่นเหมือนกัน  ก็เลยยิ่งคุยกันถูกคอเข้าไปใหญ่  แต่คำตอบก็คือ ยังต้องดูกันต่อไป

วันที่ห้า

เปิดเมลล์มา  ลูกสาวเขาวาดรูปให้เรา  เราก็ดีใจ ขอบคุณเขา  แล้วก็กิจกรรมเดิม คุยสไกป์  ก็คุยกัน น้องก็มาคุยด้วย บอกว่าปิดเทอมแล้ว เดี๋ยวจะไปเล่นกับเพื่อนพรุ่งนี้  ก็ตามประสาเด็ก คุยกับโฮสแม่ โฮสพ่อ คือ แทบครบกันทั้งบ้าน ก็ยังคงเหมือนเดิม ยังคงค้าง ๆ คา ๆ เหมือนอกหัก รักคุด ตุ๊ดเมิน เดินตกท่อ  ดูสับสน แต่ก็คุย  เหมือนได้เพื่อนใหม่ เหมือนแชทกับเพื่อนฝรั่ง  ก็เหมือนเดิม  เขาบอกว่าเขาสนใจเรามาก ๆ ให้ปฏิเสธบ้านอื่นเลยนะ หากว่าคุยอยู่  แต่ก็ยังคำตอบเดิมว่ายังไม่แมท  บอกว่าเดี๋ยวเราคุยสไกป์กันอีกนะ วันพรุ่งนี้  (เราก็คิด ไม่ได้แน่ ถ้าคุยนานอย่างนี้ เราก็มองหาบ้านอื่นอีกเหมือนกัน)

วันที่หก

เมื่อมีโฮสติดต่อมา ก็มักจะมีโฮสอิจฉาเข้ามารุมมาตุ้ม สามบ้านเลยทีเดียว  แต่ส่วนใหญ่จะคุยทางเมลล์ซะมากกว่า  ก็ยังคงคุยสไกป์กับบ้านนี้บ้านเดิม 

แต่เอ๊ะ วันนี้ทำไมเธอไม่มาออน  ฉันรอเธออยู่นะ  รอไม่ไหวแล้ว โอ้ย ยิ่งกว่ามีแฟนซะอีก  สุดท้ายเราก็ตัดสินใจส่งเมลล์ไปว่า เธอไม่ออนฉันจะไปแล้วนะ (ตัดพ้อสุด ๆ)  จะว่าไปก้ตายยาก  ออนไลน์บึ๋งขึ้นมาเลย  เราก็บอกเขาว่าฉันกำลังเขียนจดหมายไปหานะ  เขาก็บอกว่าตลกดี  วันนี้ลูกสาวก็วาดรูปมาให้เราอีกละ  เราก็บอกเลยว่า  น้อง น้อง ให้เอาไปใส่ห้องนอนแขกนะ  เเขวนไว้  แล้วห้ามไปนอน ฉันจองแล้วห้องนี้  โอเคปะ  เขาก็ขำกัน แล้วเขาก็บอกว่า ห้องน่ะ จะเก็บไว้ให้เธอ  เธอจองแล้วนี่  โอ้วว นี่คือแมทใช่ไหม  มันจริง ใช่ไหม  การคุยที่ยาวนาน มันก็สำเร็จได้  ก็ยิ้มสนุกสนานหัวเราะกันไป  หลังจากปิดสไกป์  เราก็รีบไปร้องเพลงในยูทูปเลย แบบตะโกนให้ดัง โดยที่ไม่สนใจข้างบ้านล่ะ  ก็มันสะใจนี่ สิ่งที่รอคอย มันสำเร็จแล้ว (ปกติคุยกับโฮสแค่สองวันก็แมทแล้ว นี่มันเป็นสิ่งที่ยาวนานสำหรับเราน่ะ เลยอัดอั้นเป็นพิเศษ)

เมื่อได้โฮสแล้ว เราก็ต้องมาศึกษาการทำเอกสารต่าง ๆ จริง ๆ เราก็ศึกษานะ อ่านมาเรื่อย ๆ ตั้งแต่ที่เราสนใจอยากจะไปที่แคนาดา  แต่ตอนนี้มันต้องจริง จังมากขึ้น  เราก็ต้องทำประวัติอาชญากรรมจากอเมกา  จากเดนมาร์ค  และของไทย  นี่มันเป็นอะไรที่เยอะแยะมากสำหรับเรา  แต่เอาน่า  แค่นี้เอง  หาโฮสยังยากกว่าอีก ว่าไหม  สู้ ๆ คร้าบ




Create Date : 06 กรกฎาคม 2555
Last Update : 12 กันยายน 2555 14:18:35 น.
Counter : 1489 Pageviews.

0 comment
หาโฮสเอง กับโครงการ Live in CaregiveR.

สวัสดีค่ะ  ว้า ในที่สุดเราก็ได้มีโอกาสมาเขียนในบล๊อกแก๊งซักทีน้อ(ขอแทนตัวเองว่าเราแล้วกันนะ) คือ งัวอยู่นานมากค่ะ  ไม่กล้าโน่น ไม่กล้านี่ค่ะ คือใจเนี่ย อยากสมัครมาก  แต่ก็กลัวที่ต้องส่ง ID ให้ใครก็มะรู้น่ะ  เราก็เลยล้าหลังอยู่แบบนี้น่ะค่ะ  

ว่าด้วยเรื่องการหาโฮสเองกับโครงการ Live in CaregiveR

เราก็เป็นคนหนึ่งที่มีประสบการณ์เป็นออแพร์ที่อเมริกามาเป็นเวลาถึงสองปี  แล้วก็ยังโบยบินไปสู่ถิ่นแสกนดิเนเวียมาเป็นเวลาปีครึ่ง  ถึงเวลาแล้วทีเราจะต้องคิดทำอะไรเป็นหลักแหล่งซักที 

กลับมาไทย ก็เริ่มจากการขายกระเป๋า ไม่เวิร์ค รายได้ไม่ดี เอ แล้วเราจะทำไรดี เป็นไกด์ดีไหม เราก็ไปเป็นไกด์ฟรีแลนซ์ค่ะ เริ่มจากเป็นไกด์พาคนไทยเที่ยวเมืองไทยก่อน พอเหนื่อย ก็เปลี่ยนบริษัทเป็นพาคนไทยเที่ยวต่างประเทศ ก็ดีค่ะได้ไปเที่ยวฟรีไม่เสียเงิน แต่ทำไมได้ไปเดือนละครั้ง หรือสองเดือนครั้ง(คิดว่าประสบการณ์ยังไม่มี) ก็ไม่ไหว เงินก็ต้องใช้นะ เราก็เลยมานั่งคิดแล้วเริ่มนึกถึงการเป็นออแพร์อีกครั้ง คราวนี้มุ่งเป้าไปไกลถึงดินแดนแถบอเมริกาเหนือกันเลยทีเดียว

ทำไงดีล่ะทีนี้  เอเจนซี่เราก็ไม่อยากเสียเงิน  เพราะว่าค่าเอเจนซี่ที่ไทยมันแพงมาก ๆ สามารถเอาไปดาวน์บ้านดาวน์รถได้เลย  อ้อ เราลืมบอกไป  ตอนที่เราไปเดนมาร์คเราก็หาโฮสเอง  มันเลยทำให้เราคิดไปเองว่าตนเก่งกล้าสามารถ  เมื่อมีความตั้งใจดังนั้น  ก็หาโฮสเองซะเลย

เราก้เริ่มจัดแจงหาข้อมูลเว็บฟรีต่าง ๆ ในอินเตอร์เน็ต  ไม่ว่าจะเป็นเว็บฮิต ๆ ติดอันดับเราก็สมัครมาหมดแล้ว  แล้วจะทำไง  เพราะว่าตัวโฮสที่โน่น ก็คงจะมีตัวเลือกเยอะ  แต่ก็มีนะ มีบ้านทึ่ติต่อมาทำให้เรากระชุ่มกระชวยก็มี  แล้วก็หายไปกับสายลมและแสงแดด เนื่องด้วย เขาให้เหตุผลว่า เราอยู่ไกล  เดินเรื่องคงนาน  ไม่อยากรอ  ค่าใช้จ่ายเยอะบ้างอะไรบ้าง

เราก็เลยคิดแผนใหม่ เสิร์ชกูเกิ้ลของแคนาดาดูว่ามีประกาศจ้างงานหรือไม่ ก็ได้อีเมลล์นายจ้างมา ก็กราดส่งประวัติตัวเองไป แต่ก็เงียบค่ะ บางบ้านใจดีก็ตอบกลับมาว่า ฉันได้คนแล้ว แต่ถ้าเขาไม่เวิร์คเขาจะติดต่อกลับมาหาเราอีกที (เราก็รู้นะ นี่คือสิ่งที่ปลอบใจเรา)

เราก็เริ่มจิตตกค่ะ  ในใจก็ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไร  เราเริ่มสับสน หรือไปกับเอเจนดี  ไม่นะ เราต้องหาได้สิ (แฟรี่ กับ เดวิล ในหัวมันคิดน่ะค่ะ ) 

ด้วยจิตใจที่สับสนกระวนกระวาย  ก็ไปเอาเหรียญอี้จิง มาพยากรณ์ค่ะ  ปรากฏว่าออกมาในทางดีว่า ภายในเดือนนี้จะได้แมทกับโฮส  เราก็ฮึดขึ้นมาเลยค่ะ  ทำการเสิร์ชกูเกิ้ลก่อน  คราวนี้ได้เว็บเเจ่มแจ๋วมากค่ะ  เราก็ทำการโพสโพรไฟล์ไปค่ะ

แต่เพื่อให้การหาโฮสเป็นไปด้วยความสะดวกราบรื่น  ก็ต้องเติมบุญให้ตัวเองก่อน แล้วก็ตามด้วยนั่งสมาธิเรียกวิญญาณ เอ้ย ไม่ใช่ เรียกโฮส ค่ะ  นั่งสมาธิหายใจเข้าเป็นโฮส หายใจออกเป็นโฮส ซักพักแล้วก็เผลอหลับไป




Create Date : 05 กรกฎาคม 2555
Last Update : 12 กันยายน 2555 14:14:09 น.
Counter : 4889 Pageviews.

7 comment
1  2  3  4  5  6  

Nualtar
Location :
Ontario  Canada

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 12 คน [?]



เป็นคนไทยที่อาศัยอยู่ที่ประเทศแคนาดากับโครงการ(Live in caregiver) จัดทำบล๊อกเพื่อเปรียบเหมือนสมุด ใช้บันทึกเรื่องราวดี ๆ ที่น่าสนใจและน่าจดจำ ขอแชร์เรื่องราว ที่ได้ประสบพบเจอ อาจจะเวิ่นเว้อบ้างไรบ้างในบางคราว ขอจงเห็นใจ อย่าใจไม้ไส้ระกำ ปล่อยให้คนตัวดำตาดำ ต้องโดดเดี่ยวลำพังในโลกอันแสนจะกว้างใหญ่แห่งนี้ :-D