Group Blog
 
All Blogs
 
สนทนา เรื่องศาสนา

ขอความสันติสุขจงมีแด่ทุกท่านครับ

อัลกุรอานได้กล่าวว่า " จงเชิญชวนสู่วิถีแห่งพระผู้อภิบาลของเจ้าด้วยวิทยปัญญาและการตักเตือนที่ดีและจงโต้แย้งพวกเขาด้วยวิธีที่ดียิ่ง" (กุรอาน 16:125 )

ด้วยจิตคารวะ




Create Date : 21 มกราคม 2549
Last Update : 21 มกราคม 2549 16:37:44 น. 27 comments
Counter : 519 Pageviews.

 
สวัสดีครับท่าน kheedes

ผมเป็นชาวพุทธครับ ได้อ่านเรื่องคริสต์มาสกับมุสลิมในห้องศาสนา เลยตามมาที่ blog ของท่านครับ

มีคำถามอยากถามท่าน วันก่อนผมได้ดูหนังเรื่องหนึ่ง เวลาที่ชาวมุสลิมทักทายกัน จะมีคนหนึ่งพูดประโยคหนึ่ง แล้วฝายตอบก็พูดประโยคหนึ่งกลับมา แล้วค่อยเริ่มบทสนทนา เค้าพูดว่าอะไรครับ แล้วมีความหมายอย่างไรครับ

โดย: ปวยพ้ง IP: 221.128.119.119 วันที่: 26 ธันวาคม 2548 เวลา:11:13:22 น.
--------------------------------------------------------------
ขอความสันติสุขจงมีแด่คุณ ปวยพ้ง ครับ

ผมไม่ทราบว่า ข้อความที่คุณได้ยินมามันกล่าวว่าอย่างไรนะครับ....แต่ถ้า ถามว่า ประโยคที่มุสลิมทักทายกันคืออะไรนั้น

โดยทั่วไปก็คือ "อัสสลามมุอะลัยกุม" แปลว่า ขอความสันติสุขจงมีแด่ท่าน...

และอีกฝ่ายก็จะตอบว่า "วะอลัยกุมมุสสลาม" แปลว่า ขอความสันติสุขจงมีแด่ท่านเช่นกัน"

ถือเป็นมารยาทบังคับแก่มุสลิมทุกคนครับ ที่ต้องกล่าวประโยคทักทายนี้แก่ใครก็ตามที่ได้พบ...และอีกฝ่ายที่ได้ยินจำเป็นต้องตอบรับการทักทายทันทีด้วยครับ...

ด้วยจิตคารวะ
โดย: kheedes
--------------------------------------------------------------

ใช่แล้วครับท่าน kheedes คือคำทักทายคำว่า "อัสสลามมุอะลัยกุม" กับ "วะอลัยกุมมุสสลาม"

ถามเพิ่มครับ ถ้าหากผมซึ่งเป็นคนศาสนาอื่นสามารถกล่าวคำทักทายนี้กับคนมุสลิมได้มั้ยครับ ถือว่าผิดมารยาทหรือเปล่าครับ

โดย: ปวยพ้ง IP: 61.47.109.11 วันที่: 19 มกราคม 2549 เวลา:15:46:10 น.
-------------------------------------------------------------

"ถ้าหากผมซึ่งเป็นคนศาสนาอื่นสามารถกล่าวคำทักทายนี้กับคนมุสลิมได้มั้ยครับ ถือว่าผิดมารยาทหรือเปล่าครับ"

ตอบ - ได้ครับ...

โดย: kheedes
-------------------------------------------------------------


โดย: kheedes วันที่: 21 มกราคม 2549 เวลา:16:54:38 น.  

 
สวัสดีครับท่าน kheedes

มาเยี่ยมเยียนกันอีกแล้ว มาทีไรก็มีคำถามทุกครั้งไป
ขอถามว่านิกายในศาสนาอิสลามมีกี่นิกายครับ ต่างกันอย่างไร แล้วสาเหตุของการแยกเป็นนิกายต่างๆครับ

ขอบคุณครับ


โดย: ปวยพ้ง IP: 61.47.109.11 วันที่: 25 มกราคม 2549 เวลา:15:42:07 น.  

 
ขอความสันติสุขจงมีแด่คุณ ปวยพ้ง ครับ

ขอถามว่านิกายในศาสนาอิสลามมีกี่นิกายครับ
>>> อิสลามมีหลายนิกายครับ แต่สรุปเป็นกลุ่มใหญ่ ๆ ได้ 2 นิกายครับ คือ1.ซุนหนี่ห์ 2.ชีอะห์ ส่วนอื่น ๆ นั้นทางหลักการอิสลามถือว่าเป็นเพียงแค่แนวทางครับ เช่นวะฮาบีย์ ซูฟี เป็นต้น...และในความเป็นจริงนั้นอิสลามห้ามแบ่งแยกเป็นนิกายต่าง ๆ ด้วยครับ

--------------------------------------------------------
ต่างกันอย่างไร
>>> ต่างกันในแนวคิดทางด้านการเมือง และข้อปฏิบัติปลีกย่อยครับ...แต่หลักศรัทธาพื้นฐานนั้น เหมือนกันหมดครับ คือศรัทธาในพระผู้เป็นเจ้า และศาสนาทูตของพระองค์

--------------------------------------------------------
แล้วสาเหตุของการแยกเป็นนิกายต่างๆครับ
>>>สาเหตุหลักของการแตกนิกาย...มาจากเหตุผลทางการเมืองครับ เนื่องจากอิสลามนั้นเป็นทั้งศาสนาและการปกครอง

แรกเริ่มอิสลามมีแนวทางเดียวครับ ต่อมาแตกแยกเป็นซุนนี่ห์กับชีอะห์ด้วยเหตุผลของการเลือกผู้นำอาณาจักร และแตกออกมาเป็นเคาะห์วาริจญ์ด้วยเหตุผลของการไม่ยอมรับผู้นำในขณะนั้นครับ

ส่วนซูฟีนั้น เป็นแนวทางการปฏิบัติตัวในด้านการขัดเกลาจิตใจครับ...ส่วนวะฮะบีย์เป็นขบวนการปฏิรูปศาสนาเพื่อขจัดสิ่งที่ไม่ใช่หลักการที่แท้จริงออกไป ครับ

ไปดูรายละเอียดที่ //www.pantip.com/cafe/religious/topic/Y4011950/Y4011950.html ครับ

ด้วยจิตคารวะ



โดย: kheedes (kheedes ) วันที่: 25 มกราคม 2549 เวลา:19:44:33 น.  

 
ขอบคุณครับ ตามลิงค์ไปอ่านแล้วได้ความรู้เพิ่มเติมเยอะเลยครับ



โดย: ปวยพ้ง IP: 61.47.109.11 วันที่: 26 มกราคม 2549 เวลา:11:34:16 น.  

 
อัสสลามุอลัยกุม

ชอบคำว่าด้วยจิตคารวะของคุณ เคยอ่านที่คุณตอบคำถามเกี่ยวกับศาสนาอิสลามมาโดยตลอด คุณได้ทำหน้าที่มุสลิมที่ดียิ่ง ขอชื่นชมค่ะ
ดิฉันเองไม่มีความรู้มากพอ จึงได้แต่ตามอ่านและนำเสนอในส่วนที่พอทำได้ กลัวผิดพลาดค่ะ นั่นคือเหตุผลสำคัญ ดิฉันได้ทำเรื่องเกี่ยวกับอิสลามไว้ที่บล็อก หากคุณมีเวลาช่วยดูว่ามีที่ต้องแก้ไขตรงไหนบ้าง
Islamic

ขออัลลอฮฺตอบแทนความดีค่ะ
วัสสลาม


โดย: Aisha วันที่: 26 มกราคม 2549 เวลา:19:41:21 น.  

 
สวัสดีครับ พอดีอ่านบทความที่คุณKheedsเขียนแล้วมีความชื่นชมในตัวคุณเป็นอย่างมากครับ ผมเองเป็นพุทธครับ แต่ไม่ใช่เฉพาะในทะเบียนบ้านอย่างข้างบนนะครับ ก็ศึกษาพอสมควร

ต่อมามีโอกาสไปปฏิบัติงานที่สามจังหวัดชายแดนใต้ เลยได้มีโอกาสศึกษาเกี่ยวกับอิสลามพอสมควร ได้รับรู้รับทราบหลายอย่าง อิสลามเป็นศาสนาแห่งสันติภาพ ไม่มีการบังคับในอิสลาม แม้จะมีความเชื่อทางศาสนาที่ต่างกัน ผมก็สามารถพูดคุยกับพี่น้องผู้บริสุทธิ์ได้อย่างสบายใจ ไม่มีอคติทางศาสนามาเกี่ยวข้อง

พี่น้องที่นี่ศรัทธาในองค์อัลเลาะห์อย่างบริสุทธิ์ แต่มีโจรบางพวกพยายามตีความสถานการณ์ให้เข้ากับศาสนา เพื่อนำไปใช้ประโยชน์กับพวกพ้องของตน

อิสลามที่แท้จริงรักสันติภาพ ผมพยายามจะต่อสู้ทางประเด็นนี้ครับ โจรเอาการญิฮาดมาอ้าง ใครขัดขืนไม่ทำตามโดนตราหน้าเป็นมุนาฟิก โดนทำร้ายไปด้วย

ผมเข้าใจถูกมั้ยครับที่ว่า การญิฮาดในเรื่องสงครามเป็นเพียงประเด็นเล็กๆของญิฮาด เงื่อนใขของการญิฮาดชนิดนี้คือ ถูกกดขี่ข่มเหงทางศาสนา ถูกขัดขวางการปฏิบัติศาสนกิจ ถูกขับไล่ จึงต้องญิฮาดเพื่อเอาสิทธิดังกล่าวคืนมา

อีกเรื่องคือการตัดสินเป็นมุนาฟิก สามารถกระทำได้หรือไม่ครับ ใครที่ตัดสินคนอื่นเป็นมุนาฟิกถือว่าเป็นการกระทำภาคีต่อพระเจ้าหรือเปล่าครับ

ก็คงต้องขออนุญาตมารบกวนสอบถามความกระจ่างอีกเรื่อยๆนะครับ ขอadd บล็อกไว้ด้วย คราวหน้าจะได้มาอ่านง่ายๆครับ


โดย: ใจกระบี่กระจ่างแจ้ง วันที่: 1 กุมภาพันธ์ 2549 เวลา:21:23:27 น.  

 
ขอความสันติสุขจงมีแด่คุณ ใจกระบี่กระจ่างแจ้ง ครับ

...รู้สึกยินดีที่คุณได้ไปปฏิบัติงานในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้อย่างเข้าใจในหลักการศาสนาครับ

...ที่คุณเข้าใจว่า "การญิฮาดในเรื่องสงครามเป็นเพียงประเด็นเล็กๆของญิฮาด เงื่อนใขของการญิฮาดชนิดนี้คือ ถูกกดขี่ข่มเหงทางศาสนา ถูกขัดขวางการปฏิบัติศาสนกิจ ถูกขับไล่ จึงต้องญิฮาดเพื่อเอาสิทธิดังกล่าวคืนมา"...เป็นความเข้าใจที่ถูกต้องแล้วครับ

...ทำไม อิสลามจึงอนุญาตเช่นนั้นครับ...คำตอบก็คืออิสลามถือว่า สิทธิเสรีภาพพื้นฐานของมนุษย์เป็นสิ่งที่ละเมิดไม่ได้...ดังนั้นอิสลามจึงสอนให้ มุสลิม "สู้" เพื่อรักษาสิทธิ...ไม่ใช่ "สู้" เพื่อละเมิดสิทธิครับ

...คำว่า มุนาฟิก แปลว่า สัปปลับ หรือกลับกลอก...อับดุลลอฮ์ อิบนิ อัมร์ รายงานว่า ท่านนบีมูฮัมหมัด ศ็อลล็อลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม กล่าวไว้ดังนี้

“สี่ประการด้วยกัน ที่ผู้ใดมีลักษณะดังกล่าวนี้เขาคือคนสับปลับจริงๆ และหากผู้ใดมีบางประการ ก็เท่ากับเขามีลักษณะของความสับปรับอยู่ในตัว จนกว่าเขาจะเลิกพฤติกรรมดังกล่าว นั่นคือ เมื่อได้รับความไว้วางใจก็บิดพลิ้ว, เมื่อพูดก็โกหก, เมื่อสัญญาก็ผิดสัญญา,และเมื่อเถียงกับใครก็ตะแบง” (บันทึกโดย บุคคอรีและมุสลิม)

นี่คือความหมายของมุนาฟิกครับ...และข้อปฏิบัติต่อพวกมุนาฟิก ก็คือ การออกห่างไม่คบค้าสมาคมด้วย..ไม่ใช่ฆ่าให้ตายนะครับ

และใครก็ตาม...ที่ไปกล่าวหาผู้บริสุทธิ์ว่าเขาเป็นมุนาฟิก...เช่นนี้มีความผิดครับ ถ้าเอาตามกฎหมายอิสลาม คือโบย 80 ทีนะครับ

ด้วยจิตคารวะ


โดย: kheedes IP: 58.11.74.134 วันที่: 1 กุมภาพันธ์ 2549 เวลา:23:43:59 น.  

 
Waalaikumussalam
แวะมารับสลามค่ะ ยินดีที่แวะไปที่บล็อก


โดย: Aisha วันที่: 2 กุมภาพันธ์ 2549 เวลา:20:25:18 น.  

 
ขอบคุณที่ให้ความกระจ่างครับ

ขอรบกวนถามอีกเรื่องครับ องค์ประกอบของรัฐอิสลามมีอะไรบ้างครับ ถึงจะเรียกว่ารัฐอิสลาม

ปัจจุบันมีรัฐใดบ้างครับที่ถือว่าเป็นรัฐอิสลามครับ ขอบคุณครับ


โดย: ใจกระบี่กระจ่างแจ้ง วันที่: 5 กุมภาพันธ์ 2549 เวลา:18:39:15 น.  

 
ขอความสันติสุขจงมีแด่คุณ ใจกระบี่กระจ่างแจ้ง ครับ

องค์ประกอบรัฐอิสลาม นั้นผมสรุปให้ดังนี้นะครับ

ระบบการเมืองของอิสลามนั้น วางอยู่บนหลักการ 3ประการ คือ
1.ความเชื่อในพระเจ้าองค์เดียว (เตาฮีด)
2.ความเป็นศาสดาของมุฮัมมัด (ริชาละฮฺ ) และ
3.การเป็นตัวแทน (คิลาฟะฮฺ )

อธิบายง่าย ๆ ก็คือ...รัฐอิสลามนั้นจะใช้กุรอานเป็นรัฐธรรมนูญ (ข้อ1) โดยมีซุนนะห์ท่านศาสดาเป็นกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญ(ข้อ2) และมีผู้ปกครองรัฐในระบบคอลีฟะห์(ข้อ 3)

*** นโยบายรัฐอิสลามโดยภาพรวม***
- รัฐจะต้องวางนโยบายการเมืองบนพื้นฐานแห่งความยุติธรรม บนความจริงและบนความซื่อตรง ไม่ว่าสถานการณ์จะเป็นอย่างไร

- รัฐอิสลามต้องใช้ความถูกต้องของหลักการทางศาสนา เป็นพื้นฐาน ไม่ใช่ผลประโยชน์ของผู้ปกครอง หรือกลุ่มคนใดๆเพียงกลุ่มเดียว

- ในสภาวะสงครามหรือ ในกรณีอื่น ๆ เลือดเนื้อของมนุษย์ถือเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่จะยอมเสียไม่ได้ถ้าหากปราศจากเหตุผลที่สมควรหรือสุดวิสัยจริงๆ

- รัฐ อิสลามห้ามกดขี่ประชาชน และประชาชนในรัฐจะต้องได้รับการปฏิบัติและดูแลรักษาอย่างทั่วถึงโดยไม่คำนึงถึงว่าเขาผู้นั้นจะเป็นคนในสังคมมุสลิมหรือคนที่อยู่ในหมู่ศัตรู

- รัฐต้องจัดสวัสดิการ และสิทธิอื่นอีกหลายประการตามที่ธรรมนูญแห่งอิสลามได้กำหนดให้รัฐต้องมอบให้แก่มนุษย์ทุกคน ไม่ว่าเขาจะมีเชื้อชาติอะไร สีผิวใด หรือเป็นชนชั้นไหนก็ตาม

-รัฐอิสลามได้กำหนดสิทธิบางประการให้แก่ผู้ที่มิใช่มุสลิมซึ่งอาศัยอยู่ในรัฐอิสลามเอาไว้ในรัฐธรรมนูญ กล่าวคือ * รัฐอิสลามมีพันธกรณีที่จะต้องให้หลักประกันและความคุ้มครองต่อชีวิตทรัพย์สินและเกียรติยศแก่พวกที่มิใช่มุสลิมชึ่งอาศัยอยู่ในรัฐอิสลาม เช่นเดียวกับพลเมืองมุสลิม ภายใต้กฎหมายอันเดียวกันด้วย*

- รัฐอิสลามไม่มีสิทธิอันใดที่จะไปแทรกแซงหรือก้าวก่ายสิทธิส่วนบุคคลของคนที่มิใช่มุสลิม รัฐอิสลามให้สิทธิเสรีภาพแก่คนที่มิใช่มุสลิมทุกคนในอันที่จะนับถือศาสนาและประกอบพิธีกรรมตามความเชื่อถือของตน

....ปัจจุบัน ไม่มีประเทศใดในโลกที่เป็นรัฐอิสลามถูกต้องตามรัฐธรรมนูญข้างต้น ครับ...เนื่องจากระบบการปกครองแบบคอลีฟะห์นั้นได้ถุกยกเลิกไปแล้ว...แม้ว่าประเทศอิหร่านจะอ้างว่าเป็นรัฐอิสลาม แต่ผู้นำของเขาเป็นระบบอิหม่าม ไม่ใช่ คอลีฟะห์ จึงไม่ใช่รัฐอิสลามที่ถูกต้องตามหลักข้างต้น ครับ

ด้วยจิตคารวะ


โดย: kheedes วันที่: 5 กุมภาพันธ์ 2549 เวลา:20:24:06 น.  

 
ขอบคุณที่ให้ความกระจ่างครับ


โดย: ใจกระบี่กระจ่างแจ้ง วันที่: 6 กุมภาพันธ์ 2549 เวลา:9:21:24 น.  

 
อัสลามมุอลัยกุม ต้องขอชื่นชมนะค่ะที่คุณ kheedes ทำหน้าที่มุสลิมได้ดีแต่จากคำตอบของคุณข้างต้น
-------------------------------------------------
ขอถามว่านิกายในศาสนาอิสลามมีกี่นิกายครับ
>>> อิสลามมีหลายนิกายครับ แต่สรุปเป็นกลุ่มใหญ่ ๆ ได้ 2 นิกายครับ คือ1.ซุนหนี่ห์ 2.ชีอะห์ ส่วนอื่น ๆ นั้นทางหลักการอิสลามถือว่าเป็นเพียงแค่แนวทางครับ เช่นวะฮาบีย์ ซูฟี เป็นต้น...และในความเป็นจริงนั้นอิสลามห้ามแบ่งแยกเป็นนิกายต่าง ๆ ด้วยครับ
----------------------------------------------------
ดิฉันว่าน่าจะอธิบายเพื่อนต่างศาสนิกเฉพาะประโยคสุดท้ายมากกว่านะค่ะว่าอิสลามไม่มีนิกาย


โดย: noo IP: 202.28.169.165 วันที่: 16 มีนาคม 2549 เวลา:13:16:51 น.  

 
วะอลัยกุมมุสสลามครับ คุณ noo

...ต้องขอขอบคุณที่ช่วยแนะนำนะครับ...เคยมีมุสลิมหลายท่านทักท้วงมาเหมือนกันครับ เรื่องเกี่ยวกับนิกายนี่...ซึ่งความจริงก็คืออิสลาม ห้ามการแบ่งแยกนิกายอยู่แล้ว นี่คือ "หลักการ"

...แต่ในความเป็นจริง และในทางปฏิบัติจะพบว่า โลกมุสลิมนั้น แตกแยกออกเป็นหลายมัซฮับ หลายแนวทาง ซึ่งทำให้คนต่างศาสนิก เข้าใจว่าอิสลามแตกออกเป็นหลายนิกาย ... เมื่อก่อน ผมเคยตอบว่า อิสลาม นั้นไม่มีนิกาย แต่เมื่อถูกถามกลับว่า แล้วชีอะห์ คืออะไร ซุนหนี่ห์ คืออะไร วะฮะบีย์คืออะไร ฯลฯ...ผมเคยถกเถียงกับผู้รู้ท่านหนึ่ง ว่า คำว่า "แนวทาง" หรือ "มัซฮับ" นั้นตรงกับศัพท์ใดในภาษาไทย ซึ่งคำตอบที่ใกล้เคียงที่สุด ก็คือคำว่า นิกาย ซึ่งคำนี้ ทางหน่วยงานอิสลามในประเทศไทยเองก็ใช้...

...ดังนั้นจึงเป็นการใช้ "ด้วยความจำเป็น"...ตามสภาพการณ์ที่เป็นอยู่...ตราบใดที่มุสลิมยังแบ่งเป็นพรรค เป็นฝ่าย เป็นพวก เราก้ไม่มีทางหลีกเลี่ยงคำที่ใช้แบ่งแยกโลกมุสลิม คำนี้ได้หรอกครับ

...ดังนั้นผมจึงเลือกที่จะอธิบายหลักการ ไปพร้อม กับความจริงที่เป็นอยู่ของโลกมุสลิม เพื่อแสดงให้เห็นว่า อิสลามนั้นไม่ได้ผิดที่หลักการ แต่ผิดที่คนนำไปใช้

...หวังว่าจะเข้าใจในเจตนาของผมนะครับ ขอบคุณเป็นอย่างมากในคำแนะนำครับ

ท่านนบีกล่าวว่า "แท้จริง ศาสนาคือการตักเตือนกัน"

ด้วยจิตคารวะ



โดย: kheedes วันที่: 18 มีนาคม 2549 เวลา:21:26:35 น.  

 
อืมม เข้าใจค่ะ


โดย: noo IP: 202.28.169.165 วันที่: 21 มีนาคม 2549 เวลา:16:07:20 น.  

 
อัสสลามมุอลัยกุมค่ะ
บูดูฯเล่นพันธุ์ทิพย์มานานหลายเดือนแล้ว แต่อยู่แค่จจ. กับสวนลุมฯ เพิ่งเคยเข้าห้องศาสนาครั้งแรกเจอล็อกอินของคุณตอบปัญหาต่างๆแทนพี่-น้องมุสลิมแล้วเป็นปลื้มเลยจิ้มเข้ามาดูบล็อกค่ะ บูดูฯไม่ได้เรียนทางสายศาสนาถึงจะรู้คำตอบที่มีคนต่างศาสนาถามมาก็ไม่กล้าเข้ามาตอบเพราะไม่สามารถยกอายะห์กุรอ่านหรือหะดีษมาอ้างได้ ก็เลยได้แต่แอบอ่านค่ะ ขอเชียร์คนที่เป็นตัวแทนมุสลิมค่ะ
ด้วยจิตคารวะ(อิอิ)


โดย: บูดูหวาน (บูดูหวาน ) วันที่: 7 ตุลาคม 2549 เวลา:10:43:22 น.  

 
สลามครับ คุณ บูดูหวาน

ขอบคุณที่แวะมาเยี่ยมเยียนครับ


โดย: kheedes วันที่: 9 ตุลาคม 2549 เวลา:2:13:33 น.  

 
ขอถามว่าการละหมาดวันศุกร์นั้น เมื่อมีสองมัสยิดในคอดีเยาะเดียวกัน แต่ละหมาดวันศุกร์ มัสยิดใครมัสยิดมัน มัสยิดใหนจะได้ผลบุญ เกี่ยวกับตักบีร่อตุ้ลเอี๊ยะรอมก่อนหลังหรือไม่


โดย: ดานิยาน IP: 58.147.75.12 วันที่: 14 กรกฎาคม 2550 เวลา:16:19:07 น.  

 
อยากรู้หลักฐานจากอัล-กรุอานที่บ่งชี้ถึงความสัมพันธ์ระหว่างมุสลิมกับชาวคัมภีร์


โดย: sky IP: 203.150.112.102 วันที่: 21 กรกฎาคม 2550 เวลา:11:35:23 น.  

 
ขอถามอีกคนนะครับ

ผมมีความสงสัยว่า หากในหมุ่บ้านหนึ่งๆ มีมุสลิมไม่ถึง 40 คน พวกเขาต้องละหมาดญุมอัตหรือไม่ จำเป็นแก่เขามั้ยที่ต้องไปทำการละหมาดที่อื่น หรือว่า ละหมาดเท่ากับจำนวนคนที่มี(ไม่ถึง40คน อาจแค่ 2-3 คน)

อีกข้อนะครับ
การขาดละหมาดญุมอัต ผมรู้มาว่าขาดได้ไม่เกินสามครั้ง
อยากทราบว่า สามครั้งในที่นี้ คือสามครั้งติดต่อกัน หรือ สามครั้งในชีวิต


โดย: Hafis วันที่: 9 สิงหาคม 2550 เวลา:11:46:02 น.  

 
Assalammualaikum

ตอบคุณ Hafis (เจ้าของบล็อคฝากมา)

ท่านร่อซูล ซล.กล่าวว่า "การนมาซวันศุกร์นั้นเป็นหน้าที่ซึ่งจำเป็นสำหรับมุสลิมทุกคนโดย (นมาซทำกันเป็น) ญะมาอะฮฺ (รวมกัน)"

จากฮะดีษข้างต้นมีทัศนะที่เห็นแตกต่างกันถึง 15 ทัศนะว่าด้วยจำนวนของบุคคลที่จะละหมาดวันศุกร์

ส่วนที่ได้มายินว่าการละหมาดวันศุกร์ต้องมีผู้นมาซครบ 40 คนบ้าง , 12 คนบ้างดั่งกล่าวเป็นเพียงทัศนะของนักวิชาการ ไม่ใช่ตัวบทหลักฐานฮะดีษ

เมื่อไม่มีหลักฐาน
ดังนั้นจึงไม่มีข้อชี้ขาดโดยเฉพาะถึงข้อแตกต่างกว่าละหมาดประเภทอื่นๆ เว้นไว้แต่จะต้องมีหลักฐานมายืนยันยกเว้นเท่านั้น แต่ก็ไม่ปรากฏหลักฐานที่ระบุถึงจำนวนของผู้ที่ร่วมละหมาดวันศุกร์ เกินกว่าที่ถูกพิจารณาไว้ในการละหมาดอื่นๆ เลย (นั่นหมายถึงอย่างน้อยคือ 2 คนขึ้นไป)

สรุปว่า หากมีมุสลิม 2 คนขึ้นไปก็สามารถละหมาดวันศุกร์ได้ โดยให้มีคุฏบะฮฺ และละหมาดวันศุกร์เหมือนที่กระทำกันทั่วไปๆ นั่นเอง

ส่วนการขาดละหมาดวันศุกร์ 3 เวลานั้น
ท่านร่อซูล ซล.กล่าวไว้ว่า “ บุคคลใดที่ละทิ้งการละหมาดวันศุกร์ 3 ครั้งในสภาพที่เพิกเฉย (ไม่สนใจ) พระองค์อัลลอฮฺ(จะ) ทรงประทับบนหัวใจของเขา (ให้เป็นผู้ที่หลงลืม) “ (บันทึกโดยบุคอรีย์,มุสลิม,ติรฺมิซีย์,อบูดาวูด และนะสาอีย์)
ขาด 3 ครั้งนี้ จะติดต่อ หรือไม่ติดต่อกัน ถ้าขาด 3 ครั้ง ทางแก้ไขให้เตาบะฮฺขออภัยต่อพระองค์ หากมุสลิมชายที่บรรลุศาสนภาวะทางศาสนา ที่มิใช่ผู้ป่วย หรือกรณีที่มิใช่บุคคลได้รับการยกเว้นทางศาสนาโดยไม่ต้องมาละหมาดวันศุกร์....

ด้วยความเคารพ
วัสลาม


โดย: muslim IP: 124.120.148.40 วันที่: 16 สิงหาคม 2550 เวลา:20:26:08 น.  

 
เอ่อ...
ประทานอภัยนะครับ

ในกรณีนี้ที่บอกว่าเพิกเฉยนั้น (ไม่สนใจนั้น)
หมายถึงว่า ไม่อยากไป หรือขีเกียจหรือเปล่าครับ

แล้วถ้าเขาคนนั้นมีจิตใจที่อยากจะไป
แต่ไปไม่ได้ เนื่องด้วยที่ว่าเขาต้องเดินทาง
ต้องเตรียมตัวออกเดินทาง
หรือถ้าหากเขาไปแล้ว ต้องมีผลเสียและนำมาซึ่งความลำบากใจในภายหลัง อย่างนี้รวมอยู่ในคำว่าเพิกเฉยหรือไม่




โดย: Hafis วันที่: 18 สิงหาคม 2550 เวลา:1:50:56 น.  

 
สวัสดีครับ แวะมาเยี่ยมเยียน

มาลองอ่านเรื่อง ศาสตร์แห่งจิต ของผมมั่งนะครับ


โดย: viroot วันที่: 30 สิงหาคม 2550 เวลา:9:45:20 น.  

 
สวัสดีค่ะ คุณ kheedes

เราเคยคุยกันทางพันทิพย์ ห้องศาสนา เมื่อนานมาแล้วค่ะ แต่ยังจำคุณ kheedes ได้ดี วันนี้มีเรื่องรบกวนถามไถ่ ค่ะ

ตอนนี้เราประสบปัญหาบางอย่างในแบบที่กำลังถูกมนุษย์คนหนึ่ง ใช้วิธีการที่ถูกต้องตามกฏหมาย รังแก และเอาเปรียบ ทำให้เราต้องเสียทั้ง เวลา เสียทั้งเงินจำนวนมากโขอยู่ ขณะนี้เรากำลังทำใจที่จะไม่โกรธ และไม่กระทำการใดๆ เพื่อโต้ตอบ แต่มันเป็นเรื่องที่ยากมากพอดูที่จะทำได้ เพราะเหตุการณ์นี้มันเกิดขึ้น และได้ยิน ทุกวันอย่างต่อเนื่อง ก็เลยจะรบกวนท่านให้ช่วยแนะนำ หรือให้ตัวอย่างเรื่องความอดทนและการให้อภัยของท่านนบี(ซล.) เพื่อให้เราได้มีแรงใจที่สู้กับความขุ่นมัวในใจเราขณะนี้

ขอบคุณคุณ kheedes ไว้ก่อนล่วงหน้าเลยค่ะ

สลามฯ ค่ะ


โดย: 2006 IP: 124.120.20.234 วันที่: 4 พฤษภาคม 2551 เวลา:20:18:37 น.  

 
ขอถามหน่อยค่ะ

คอลีฟะห์ที่เป็นผู้หญิงมีไหมค่ะ


โดย: อัยนา IP: 124.120.227.100 วันที่: 7 มิถุนายน 2551 เวลา:11:09:44 น.  

 
มาลาอีกะห์ ทาง ขวา และ ซ้าย


โดย: ฟารุก IP: 202.149.25.225 วันที่: 16 มิถุนายน 2551 เวลา:21:47:33 น.  

 
เราจะทำความดีต่อบิดามารดาได้อย่างไร


โดย: มู่ดีร IP: 124.120.146.139 วันที่: 5 กรกฎาคม 2551 เวลา:16:54:46 น.  

 
สลาม ค่ะ

ดีมากเลยที่รู้เรื่องศาสนา มากขึ้น
ขอบคุณมาก


โดย: ราตรี IP: 222.123.202.27 วันที่: 25 กรกฎาคม 2551 เวลา:16:43:48 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

kheedes
Location :
กรุงเทพ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]




Friends' blogs
[Add kheedes's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.