Group Blog
 
All Blogs
 

ประวัติลิบอง



ลิบอง (Lu Meng) ชื่อรอง จื่อหมิง (Ziming) ชาวตำบลฟู้พอในเมืองยีหลำ ในวัยเด็ก ลิบองเดินทางลงใต้ไปพักอยู่กับ Deng Dang พี่เขยของเขา Deng Dang เป็นแม่ทัพในสังกัดของซุนเซ็กและได้เข้าร่วมในการต่อสู้กับชนเผ่า Shanyue อยู่หลายครั้ง ลิบองอายุได้ 15-16 ปีในตอนนั้น เขาแอบลอบติดตาม Deng Dang เข้าโจมตีโจรผู้รายด้วย เมื่อ Deng Dang รู้เข้า เขาตกใจมาก อย่างไรก็ตาม Deng Dang ก็ไม่อาจห้ามให้เปลี่ยนใจลิบองให้เลิกเข้าร่วมในกองทัพ เมื่อพวกเขาเดินทางกลับ Deng Dang บอกเรื่องลิบองลอบติดตามเขาไปกับมารดาของลิบอง นางโมโหมากและทำโทษลิบอง ลิบองกล่าวตอบว่า คนจนย่อมไม่ปรารถนาอยู่อย่างแร้นแค้นตลอดไป เมื่อมีโอกาสที่ข้าจะทำความดีความชอบ เมื่อนั้นลาภยศชื่อเสียงย่อมตามมา อย่างที่โบราณว่าไว้ ไม่เข้าถ้ำเสือ จะจับลูกเสือได้เช่นไร มารดาของเขาปลาบปลื้มดีใจที่ลิบองคิดได้เช่นนี้

ครั้งหนึ่งลิบองถูกนายทหารคนหนึ่งในสังกัดของ Deng Dang ดูถูกตัวเขา เนื่องจากว่าเขาอายุน้อยเกินไป นายทหารคนนั้นกล่าวว่า ไอ้ไก่อ่อนตัวนี้จะทำอะไรได้ การมีเขาอยู่ในกองทัพไม่ได้ต่างอะไรกับการยื่นเนื้อให้เสือกิน เมื่อนายทหารนั้นพบกับลิบองอีก เขาก็ดูถูกลิบองอีกครั้ง ลิบองโกรธแค้นมาก เขาชักดาบออกมาฆ่านายทหารผู้นั้นเสีย แล้วจึงหลบหนีไปที่บ้านของ Zheng Zhang ผู้เฒ่าของหมู่บ้าน หลังจากนั้นเขาก็ย้ายตัวเองไปอยู่ในสังกัดของแม่ทัพ Yuan Xiong ซึ๋งเป็นคนแนะนำเขาแก่ซุนเซ็ก ซุนเซ็กจึงให้ลิบองเข้าพบ เมื่อได้พบซุนเซ็กพอใจในตัวลิบองมาก เขาจึงตั้งให้ลิบองเป็นนายทหารในสังกัดของเขา

สองสามปีต่อมา เมื่อ Deng Dang เสียชีวิต เตียวเจียวเสนอให้ลิบองได้รับตำแหน่งของ Deng Dang ลิบองจึงได้เป็นนายทหารยศสูงขึ้น เมื่อซุนกวนต้องการตรวจตรากองทัพ เพื่อยุบกองทหารเล็ก ๆ เข้ารวมกัน เมื่อลิบองทราบเรื่อง เขาก็ยืมเงินเป็นการลับนำเงินนั้นไปตัดเครื่องแบบใหม่รวมทั้งซื้ออาวุธใหม่ให้กับทหารของเขา ในวันที่ซุนกวนตรวจตรากองทัพ เครื่องแบบทหารและอาวุธยุทโธปกรณ์ใหม่นั้นทำให้กองทหารของลิบองนั้นเด่นเป็นที่สะดุดตาในการสวนสนามและซ้อมรบ ซุนกวนประทับใจมาก เขาแต่งตั้งให้ลิบองมีอำนาจควบคุมทหารเพิ่มมากขึ้น ต่อมาลิบองได้ตามซุนกวนไปโจมตีเมืองตันเอี๋ยง เขาทำความดีความชอบจนได้รับแต่งตั้งเป็นขุนพล

ลิบองยังได้ร่วมในศึกสู้กับหองจอ หองจอสั่งให้ตันจิ๋วนำทัพเรือออกต่อสู้กับฝ่ายง่อ ลิบองซึ่งเป็นแม่ทัพหน้านั้นได้ตัดหัวตันจิ๋วด้วยตนเอง เมื่อลูกน้องของลิบองเห็นดังนั้น ก็มีขวัญกำลังใจเร่งรีบยกทัพไปล้อมเมือง เมื่อหองจอได้ข่าวการตายของตันจิ๋วก็หลบหนีออกจากเมือง ทัพของซุนกวนไล่ตามไปและจับตัวมาได้ ซุนกวนบอกว่าความสำเร็จในการศึกครั้งนี้มาจากการจับตัวตันจิ๋วได้ในเวลารวดเร็ว ซุนกวนจึงแต่งตั้งลิบองเป็นแม่ทัพและให้เงินรางวัลมากมายแก่ลิบอง

ในปีเดียวกัน ลิบองโจมตีโจโฉพ่ายแพ้ไปที่อู่หลิน และล้อมทัพโจหยินที่ลำกุ๋น เมื่อ Xi Su แม่ทัพจากจาก Yizhou ได้แปรพักตร์มาอยู่ฝ่ายง่อ จิวยี่นั้นให้กองทหารของ Xi Su นั้นไปอยู่ในสังกัดของลิบอง แต่ลิบองนั้นชื่มชมในความกล้าหาญของ Xi Su เขาให้เหตุผลว่า Xi Su นั้นดั้นด้นเดินทางมาจากดินแดนที่ห่างไกล ควรที่จะปฏิบัติต่อเขาอย่างนี้ ควรมอบอำนาจในการควบคุมทหารเพิ่มแทนที่จะยึดกองทหารของเขา ซุนกวนเห็นด้วยกับลิบองและมอบหมายให้ Xi Su มีอำนาจควบคุมทหารของเขาตามเดิม

หลังจากนั้นจิวยี่ส่งกำเหลงเดินทัพเข้ายึดอิเหลง โจหยินแบ่งทัพเขาส่วนหนึ่งเข้าโจมตีกำเหลงทำให้ทัพของกำเหลงที่มีทหารน้อยกว่าตกอยู่ในวงล้อมของทหารโจหยิน กำเหลงจึงส่งพลนำสารไปขอกำลังเสริม เหล่าแม่ทัพต่าง ๆ ของง่อต่างพากันคิดว่าฝ่ายง่อไม่มีกำลังทหารมากพอที่จะแบ่งกำลังทัพออกเพื่อยกไปช่วยกำเหลง แต่ลิบองพูดกับจิวยี่และเทียเภาว่า ปล่อยให้เล่งทองรักษาการณ์อยู่ที่นี่ ข้าและพวกท่านยกทัพไปเพื่อช่วยเหลือกำเหลง กองทัพของกำเหลงนั้นไม่สามารถป้องกันได้นานไปกว่านี้แล้ว ในระหว่างที่เรายกทัพไป ข้ามั่นใจว่าเล่งทองสามารถรักษาค่ายนี้ได้ภายใน 10 วัน ลิบองยังแนะนำให้จิวยี่ส่งทหารสามร้อยนายไปตัดต้นไม้ขวางทางเดินทัพของศัตรู เมื่อศัตรูหนีไป ม้าของพวกเขาก็สามารถไปได้ ศัตรูต้องทิ้งม้าและเดินเท้ากลับ จิวยี่ทำตามคำแนะนำของเขา กองทัพฝ่ายง่อทำการโจมตีทัพโจหยินที่อิเหลง สังหารทัพศัตรูกว่าครึ่ง ส่วนที่เหลือลอบถอยทัพในคืนนั้น แต่ทหารไม่สามารถเดินทางต่อเนื่องจากไม้ที่ถูกตัดขวางทางต้องเดินเท้ากลับ ฝ่ายง่อไล่ตามไปยึดม้าของทัพโจหยิน เมื่อฝ่ายง่อได้ชัย ทหารก็มีกำลังใจที่จะสู้ศึก กองทัพง่อสร้างป้อมขึ้นที่อีกฝั่งแม่น้ำประจันหน้ากับทัพโจหยิน ทำให้โจหยินถอยทัพในทันที พวกเขาจึงยึดครองลำกุ๋นและแคว้นเกงจิ๋ว ทำให้ลิบองรับการแต่งตั้งเป็นนายพล

เมื่อโลซกได้สืบทอดตำแหน่งจากจิวยี่ เขาเดินทางไปลกเค้าและผ่านป้อมของลิบอง โลซกนั้นมีความรู้สึกไม่ประทับใจในตัวลิบอง แต่มีคนแนะนำเขาว่า แม่ทัพลิบองนานวันยิ่งมีชื่อเสียงและเกียรติยศมากขึ้นเรื่อย ๆ เขาไม่ควรได้รับการดูถูก นายท่านเองก็ควรที่จะไปเยี่ยมเยี่ยนเคารพแม่ทัพลิบองบ้าง โลซกจึงเดินทางไปเยี่ยมลิบอง หลังจากที่ทั้งสองพูดคุยพลางร่ำสุรา ลิบองถามโลซกว่า ท่านโลซก ตัวท่านนั้นได้รับมอบหมายหน้าที่อันสำคัญในการรักษาการณ์เมืองติดกับเมืองของกวนอู ท่านมียุทธวิธีใดในใจบ้างเผื่อว่ามีสถานการณ์ที่ไม่คาดคิดเกิดขึ้น โลซกตอบอย่างไม่ใส่ใจว่า ข้าจะทำสิ่งที่ควรทำแล้วแต่สถานการณ์ ลิบองจึงบอกว่า แม้ว่าตะวันออก(ง่อ)และตะวันตก(จ๊ก)เป็นครอบครัวเดียวกันแล้ว แต่กวนอูนั้นเหมือนกับเสือร้าย ทำไมถึงไม่มีแผนการรองรับสถานการณ์เฉพาะหน้า แล้วลิบองก็บอกเล่ายุทธวิธีห้าอย่างที่เขาคิดไว้แก่โลซก เมื่อได้ยินโลซกก็ลุกเดินไปจับมือลิบอง พูดว่า ลิบอง ข้าไม่รู้เลยว่าท่านจะก้าวหน้าอย่างรวดเร็วในการยุทธและความรอบรู้ต่าง ๆ หลังจากนั้นโลซกก็ให้ความเคารพแก่มารดาลิบองและกลายเป็นเพื่อนสนิทของเขา

ก่อนหน้านั้นซุนกวนเคยพูดกับลิบองและเจียวขิมว่า บัดนี้ท่านทั้งสองก็ได้รับมอบหมายหน้าที่รับผิดชอบที่สำคัญยิ่ง ท่านควรจะหาเวลาศึกษาตำราเพื่อพัฒนาตัวเอง ลิบองจึงว่า ในการบริหารกองทัพมีภาระหน้าที่มากมายที่ต้องสะสาง ข้ากลัวว่าจะไม่อาจหาเวลาว่างมาศึกษาตำราได้ ซุนกวนจึงตอบว่า ข้าพูดรึไงว่าข้าต้องการให้เจ้าศึกษาตำราจนเก่งเหมือนบัณฑิต ข้าต้องการให้เจ้าศึกษาผลลัพท์จากสถานการณ์ต่างในประวัติศาสตร์เท่านั้น เจ้าบอกว่าตัวเจ้ายุ่งจนไม่มีเวลา แต่เจ้าคงไม่ยุ่งเกินไปกว่าข้าหรอก เมื่อข้ายังเยาว์
โคลงกลอน ซือจิง Shih Ching (The Book of Odes โคลงกลอนสมัย 1000-500 ปีก่อนคริสตศักราช)

ประวัติศาตร์ ซูจิง Shu Ching (The book of Historical Records หนังสือที่รวบรวมบันทึกประวัติศาสตร์และคำพูดต่าง ๆ ของคนในสมัยราชวงศ์โจวตอนต้นและก่อนหน้านั้น)

พิธีการต่าง ๆ หลี่จี้ Li Ki( The book of Rites ธรรมเนียม มารยาทปฏิบัติและพิธีการต่าง ๆ ทำขึ้นแทน คัมภีร์ Lijing ซึ่งสูญหายไปเมื่อสามร้อยปีก่อนคริสต์ศักราช)

หนังสือประวัติศาสตร์ชุนชิว Zuo Zhuan (Zuo Commentary เรื่องเล่ารัฐต่าง ๆ The Spring and Autumn Annals aka Lin Jing)

(สี่คัมภีร์ในอู่จิง คัมภีร์ทั้งห้าที่ถูกลัทธิขงจื้อนำมาใช้ในการเรียนการสอน)

มีแต่เพียงอี้จิง I Ching (หนังสือแห่งการเปลี่ยนแปลง ศาสตร์การทำนาย พยากรณ์ หยั่งรู้ดินฟ้า)
ที่ข้าไม่ได้ศึกษา เมื่อข้าขึ้นเป็นผู้นำตระกูลซุน ข้าศึกษาประวัติศาสตร์ทั้งสามเช่นเดียวกับประวัติศาสตร์สงครามต่าง ๆ จากหลาย ๆ ผู้แต่ง ข้ารู้สึกว่าข้าได้รับความรู้มากมายจากหนังสือพวกนี้ เจ้าทั้งสองเป็นคนฉลาด เมื่อได้เรียนรู้หนังสือเหล่านี้ ก็คงจะเข้าใจได้ไม่ยาก ทำไมถึงไม่สนใจที่จะเรียนรู้ ข้าแนะนำให้เจ้ารีบศึกษาพิชัยสงครามซุนจื่อ หนังสือกลยุทธทั้งหก หนังสือบันทึกประวัติศาสตร์ชุนชิว เรื่องเล่าของรัฐต่าง ๆ และประวัติศาสตร์ทั้งสาม ท่านขงจื้อเคยกล่าวไว้ว่า แม้ว่าข้าจะไม่กินข้าวหรือนอนหลับ เผ้าพยายามครุ่นคิดแก้ปัญหา แต่ไม่มีสิ่งใดดี ๆ ออกมาเป็นแน่แท้ ควรที่จะศึกษาหาความรู้เพิ่มเติม ฮ่องเต้ฮั่นกองบู๊ แม้ว่าเวลาที่ทำสงครามแต่เขาก็มีหนังสือติดมือไว้อ่านอยู่เสมอ โจโฉมักจะพูดว่า เขาเองหลงไหลในการเรียนรู้แม้ว่าเขาจะแก่ชราแล้ว แล้วตัวเจ้าเองจะไม่พยายามพัฒนาตัวเองหรือ หลังจากนั้น ลิบองก็เริ่มศึกษาตำรา และไม่เคยเหนื่อยล้าจากการศึกษา ในที่สุดสิ่งที่เขาศึกษานั้นมากเกินกว่าที่บัณฑิตธรรมดาคนหนึ่งจะศึกษาเสียอีก

ต่อมา โลซกได้ขึ้นแทนตำแหน่งของจิวยี่ เขามักจะแวะไปหาลิบองและสนทนากับเขาหลายครั้ง ในการสนทนาครั้งหลัง ๆ ลิบองมักจะมีเหตุผลที่ดีกว่าในการโต้แย้งกัน โลซกตบหลังลิบองแล้วพูดว่า ข้ามักจะคิดถึงท่านว่าเป็นชายชาตินักรบอยู่เสมอ น้องชาย แต่เวลานี้ การเรียนรู้ของท่านนั้นหลากหลายและรู้ลึกอย่างยิ่ง ท่านเปลี่ยนไปเป็นคนละคนทีเดียว ลิบองตอบว่า เมื่อท่านจากสุภาพชนผู้ใดเกินกว่าสามวัน ท่านควรจะมองเพื่อตัดสินคนผู้นั้นใหม่ พี่ชาย แผนที่ท่านเสนอนี้ยากที่จะทำให้ท่านเป็นพระยา Rang (ผู้ช่วยเหลืออ๋องฉินในสมัยสงครามเจ็ดรัฐ) เวลานี้ พี่ชายท่านได้ตำแหน่งแทนท่านกงจิ้น (จิวยี่) ซึ่งมีความสามารถยากหาใครเทียบ ยิ่งไปกว่านั้น ดินแดนที่ท่านดูแลก็ยังติดกับกวนอูผู้ซึ่งรักในการศึกษาแม้ว่าจะเข้าสู่วัยชราแล้วก็ตาม เขากลับสามารถท่องจำเหตุการณ์สมัยชุนชิวได้ เขาเป็นคนที่เที่ยงธรรมมีคุณสมบัติของวีรบุรุษ แต่อย่างไรก็ดี กวนอูนั้นมีนิสัยหยิ่งยโสและชอบดูแคลนผู้อื่น เวลาฝ่ายเราเผชิญหน้ากับเขา เราต้องการแผนการสองสามอย่างเพื่อรองรับเหตุการณ์เฉพาะหน้าและแผนการสำหรับเหตุสุดวิสัยเมื่อสถานการณ์เลวร้ายขึ้น แล้ว ลิบองก็ร่างแผนการสามอย่างให้โลซกฟัง โลซกรับฟังอย่างตั้งใจและเก็บแผนการนั้นเป็นความลับ

ซุนกวนมักจะพูดว่า ในบรรดาคนที่เป็นผู้ใหญ่แล้วและต้องการพัฒนาตัวเอง ไม่มีใครเทียบได้กับลิบองและเจียวขิม แม้ว่าพวกเขาจะได้รับลาภยศตำแหน่งใหญ่โตแล้ว แต่พวกเขาก็ยังถ่อมตัวตั้งใจใฝ่ศึกษา หาประโยชน์จากตำราประวัติศาสตร์ และยังใฝ่ในคุณธรรมไม่ใส่ใจลาภยศสรรเสริญมากนัก การประพฤติของพวกเขานั้นควรค่าแก่การเป็นแบบอย่าง เวลานี้ข้ามีพวกเขาเป็นขุนนางหลักของง่อ แล้วข้าจะต้องการสิ่งใดอีก

ในเวลานั้น ลิบองรักษาการณ์เขตแดนติดกับนายทหารง่อสามคนคือ Cheng Dang Song Ding และ Xu Gu ต่อมาแม่ทัพทั้งสามตาย เหลือเพียงบุตรและน้องชายที่ยังอยู่ในวัยเยาว์ ซุนกวนจึงสั่งการให้กองทหารของทั้งสามขึ้นตรงต่อลิบอง แต่ลิบองปฏิเสธ ย้ำว่า Xu Gu และแม่ทัพอีกสองคนได้ทำคุณงามความดีให้แก่ง่อก๊ก และแม้ว่าคนในตระกูลพวกเขาจะยังเยาว์วัย แต่สิทธิ์ในกองทัพของตระกูลพวกเขาไม่ควรเรียกกลับคืน ลิบองเขียนจดหมายถึงซุนกวนหลายครั้งจนซุนกวนยอมรับเขา ลิบองยังช่วยฝึกสอนเหล่าทายาทของแม่ทัพเหล่านั้น แสดงให้เห็นว่าลิบองนั้นห่วงใยพวกเขามากแค่ไหน

วุยส่งชีกี๋แห่งโลกั๋งมาเป็นขุนนางดูแลการเกษตรของกีชุน เพื่อสร้างเขตเพาะปลูกในดินแดนอ้วนเซีย เขามักจะรุกรานดินแดนง่ออยู่เสมอ ลิบองส่งคนไปเกลี้ยกล่อมให้เขามาเป็นพวก แต่เขาไม่ยอมรับ แล้วลิบองก็รอคอยโอกาส แล้วก็ทำการจู่โจมอย่างรวดเร็ว ชีกี๋พ่ายแพ้ต้องถอยหนี ลูกน้องของชีกี๋ Sun Zicai Song Hao และคนอื่นพาครอบครัวมาสวามิภักดิ์ต่อลิบอง หลังจากนั้นลิบองติดตามซุนกวนไปรับต้านทัพโจโฉที่ยี่สู ลิบองได้เสนอแผนการที่ชาญฉลาดแก่ซุนกวนหลายต่อหลายครั้ง

เขายังแนะนำให้ซุนกวนสร้างป้อมรักษาการณ์ทุกฝั่งของท่าเรือ (ซุนกวนเคยปรึกษาเหล่าแม่ทัพถึงเรื่องการสร้างป้อมรักษาการณ์ แต่แม่ทัพทั้งหมดไม่เห็นด้วยพากันพูดว่า เรามักจะโจมตีศัตรูบนพื้นดิน ไม่ก็ล่องเรือโจมตีศัตรู แล้วป้อมรักษาการณ์จะมีประโยชน์อันใด แต่ลิบองแย้งว่า กองทัพก็มีช่วงเวลาที่เข้มแข็งและอ่อนแอ ไม่มีสิ่งใดรับประกันชัยชนะที่แน่นอน ถ้าเราเผชิญหน้ากับศัตรูโดยบังเอิญ ทหารม้าและพลเดินเท้าล้วนแต่ถูกกดดัน เราจะมีเวลาเตรียมตัวลงน้ำได้อย่างไร ซุนกวนจึงพูดว่า ทำทุกอย่างตามสมควรเถิด แล้วเขาก็สร้างป้อมปราการ) ทำให้ง่อก๊กมีการเตรียมการเป็นอย่างดี โจโฉถอยทัพกลับในที่สุดเนื่องจากไม่สามารถฝ่าแนวป้องกันไปได้

โจโฉส่งจูกวงมาเป็นเจ้าเมืองโลกั๋ง และสร้างป้อมที่อ้วนเซียเพื่อขยายพื้นที่ทำไร่นาที่นั่น เขายังส่งสายลับลอบติดต่อกับหัวหน้าโจรใน Poyang และชักจูงให้พวกเขาเข้าร่วมกับฝ่ายวุยเป็นฝ่ายสนับสนุนภายในเขตแดนง่อ ลิบองพูดว่า ดินแดนอ้วนเซียนั้นอุดมสมบูรณ์ และถ้าพวกเขาเริ่มเพาะปลูกพืชผลสำหรับเสบียงอาหาร กองทัพพวกเขาย่อมแข็งแกร่งขึ้น สองสามปีมานี่ การเกษตรของโจโฉประสบผลยิ่งนัก เราควรจะโจมตีพวกเขาแต่เนิ่น ๆ แล้วเขาก็ส่งรายงานให้ซุนกวน หลังจากนั้นซุนกวนนำทัพด้วยตัวเองและเรียกแม่ทัพทั้งหมดให้ไปเขาที่นั่นเพื่อให้คำปรึกษา
ซุนกวนนำทัพเข้าโจมตีเมืองฮวน ขุนนางของเขาต้องการสร้างเนินดินให้สูง และเครื่องยิงเพื่อโจมตีเมือง แต่ลิบองพูดว่า ถ้าเราสร้างเครื่องยิงและเนินดิน ต้องใช้เวลาหลายวันกว่าที่จะเสร็จ ตอนนั้นในเมืองก็เตรียมการป้องกันแล้ว กองทัพช่วยเหลือก็จะมาถึง เราก็จะไม่ประสบผลสำเร็จ ยิ่งกว่านั้น ฝนและน้ำหลากนั้นช่วยให้เรานำทัพมาได้ แต่ถ้าเราทำศึกยืดเยื้อเกินไป เมื่อระดับน้ำลดลง แล้วการเดินทางกลับก็จะยากลำบากยิ่งนัก ในความเห็นอันต่ำต้อยของผู้น้อยคิดว่าสถานการณ์เราก็จะอันตรายยิ่งนัก

ขอให้นายท่านจงพิจารณาเมืองให้ดี เมืองนี้ไม่มั่นคงแข็งแรงเท่าไหร่นัก ถ้าเราโจมตีอย่างหนักทุกด้าน เราจะยึดเมืองได้โดยง่าย แล้วเราก็สามารถยกทัพกลับในขณะที่น้ำยังท่วมสูงอยู่ได้ นี่คือแผนที่จะได้ชัยชนะ

ซุนกวนอนุญาตตามแผนของเขา ลิบองเสนอกำเหลงให้เป็นแม่ทัพที่นำทหารเข้าล้อมและโจมตีกำแพงเมือง ลิบองคอยสนับสนุนกำเหลงด้านหลังด้วยทหารที่คัดมาเป็นอย่างดี ลิบองตีกลองศึกด้วยตัวเอง ทหารง่อต่างปีนกำแพงอย่างกล้าหาญ พวกเขาเริ่มโจมตีตั้งแต่รุ่งสาง ในเวลาเที่ยงพวกเขาก็ยึดเมืองได้ พวกเขาจับตัวจูกวงและเชลยศึกชายหญิงหลายพันคน เมื่อเตียวเลี้ยวมาถึงเจียชิ เขารู้ว่าเมืองถูกยึดไป เขาจึงยกทัพกลับ ด้วยความดีความชอบของลิบอง ซุนกวนแต่งตั้งลิบองให้เป็นเจ้าเมืองโลกั๋ง และให้เชลยและม้าศีกอยู่้ในกองทัพของเขา ซุนกวนยังให้คนหกร้อยคนจากพื้นที่เกษตรกรรมในซุนหยางและขุนนางสามสิบคนเป็นรางวัลแก่เขา เมื่อลิบองอยู่ในระหว่างทางกลับไป Xunyang โจรกบฏใน Luling ได้ก่อกบฏขึ้น ไม่มีแม่ทัพคนใดสามารถปราบพวกเขาได้ ซุนกวนจึงพูดว่า ร้อยอีกาที่ดุร้ายก็ไม่อาจเทียบกับหนึ่งพญาเหยี่ยวได้ แล้วซุนกวนก็ส่งลิบองไปโจมตีเหล่าโจร ทันทีที่ลิบองไปถึง เขาเอาชนะได้อย่างรวดเร็ว เขาฆ่าผู้ยุยงให้ก่อการกบฏและปล่อยเชลยศึกที่เหลือ

ในเวลานั้น เล่าปี่ได้มณฑลเอ๊กจิ๋วแล้ว ซุนกวนส่งจูกัดกิ๋นไปขอหัวเมืองเกงจิ๋วกลับคืน เล่าปี่ไม่เห็นด้วยอธิบายว่า ข้ากำลังวางแผนที่จะยึดมณฑลเลียงจิ๋ว เมื่อข้าได้ดินแดนนั้นแล้ว ข้าก็จะคืนมณฑลเกงจิ๋วทั้งหมดให้แก่ท่าน

ซุนกวนจึงพูดว่า นี่เป็นการยืมไม่ใช่การคืน เล่าปี่ต้องการยืดเวลาไปด้วยการขอโทษที่ไร้สาระ ซุนกวนแต่งตั้งขุนนางสำหรับสามหัวเมืองคือ เตียงสา เลงเหลงและฮุยเอี๋ยง แต่กวนอูขับไล่พวกเขาไป ซุนกวนโกรธมาก เขาส่งลิบองนำทัพสองหมื่นนายเข้ายึดสามหัวเมืองนั้น

ลิบองส่งจดหมายไปยังสามหัวเมืองนั้น ขุนนางที่รู้ว่าเหตุการณ์ผันเปลี่ยนไปเช่นไรล้วนแต่ยอมจำนนแต่โดยดี มีเพียงโฮเภาเจ้าเมืองเลงเหลงที่ยังรักษาเมืองโดยไม่ยอมจำนน

เล่าปี่รู้สถานการณ์จึงนำทัพด้วยตัวเองจากจ๊กมากังอั๋น เขาส่งกวนอูนำทัพมาชิงสามหัวเมืองกลับคืน ซุนกวนมาที่ลกเค้าเพื่อบัญชาการทัพเอง โลซกถูกสั่งให้นำทัพหมื่นนายไปตั้งค่ายที่ Yiyang เพื่อเผชิญหน้ากับกวนอู ในขณะเดียวกันซุนกวนก็ส่งจดหมายด่วนไปหาลิบองบอกให้เขาทิ้งเมืองเลงเหลงกลับมาช่วยโลซกโดยเร็ว

เมื่อลิบองได้รับจดหมาย เขาไม่แพร่งพรายคำสั่งนั้น ในคืนนั้นเขาเรียกขุนนางของเขามาบอกแผนการ ตอนรุ่งเช้าเขาโจมตีเมืองเลงเหลงอีก แล้วก็ไปหาเตงซวนจี๋แห่งลำเอี๋ยงลูกน้องเก่าของโฮเภา พูดว่าโฮเภานั้นได้ยินเรื่องของความซื่อสัตย์และมีเกียรติ เขาหวังว่าตัวเองจะสามารถทำตามอย่างได้ แต่เขาไม่รู้ตัวว่าต้องรับมืออยู่กับอะไร

เวลานี้ เล่าปี่แม่ทัพซ้ายได้ถูกปิดล้อมที่ฮันต๋งโดยแฮหัวเอี๋ยน กวนอูอยู่ที่เมืองลำกุ๋น และนายของเราก็คุมทัพสู้กับเขาอยู่ ทั้งสองที่นั้นยังไม่ตัดสินผลแพ้ชนะ กำลังทั้งสองฝ่ายยังสูสีกันอยู่ ทั้งเล่าปี่และกวนอูต่างก็พยายามหากำลังพลมากเท่าที่จะมากได้เพื่อทำการรบ แล้วพวกเขาจะหาทหารส่งมาช่วยที่นี่ได้อย่างไร

ข้าได้คำนวณจากกำลังทหารของฝ่ายเราและได้วางแผนการที่รัดกุมเพื่อโจมตี รับรองได้ว่าเมืองนี้ต้องถูกยึดภายในเวลาไม่ถึงวัน เมื่อเมืองถูกยึดและโฮเภาถูกสังหาร แล้วจะมีประโยชน์แก่ผู้ใด แต่มันต้องเป็นเรื่องเศร้าของมารดาเขาซึ่งมีอายุใกล้ร้อยปีแล้ว ซึ่งอาจจะสิ้นใจทันทีที่รู้ข่าวว่าบุตรของนางเสียชีวิต

ข้าไม่เชื่อว่าคนของเขาจะรู้เรื่องจากภายนอก พวกเขาคิดว่าจะมีทัพมาช่วยเหลือ แต่เวลานี้เขาได้มาเผชิญกับสถานการณ์ที่ไม่มีทางออก ท่านจงไปหาเขาแล้วอธิบายให้เขาเข้าใจ

เตงซวนจี๋เข้าพบโฮเภา แล้วอธิบายสิ่งที่ลิบองบอกมา โฮเภากลัวมาก เขาจึงออกจากเมืองมายอมจำนน ลิบองต้อนรับเขา กุมมือของเขาแล้วพาลงเรือไปด้วยกัน เมื่อพวกเขาประชุมกันเสร็จสิ้น ลิบองจึงนำจดหมายจากซุนกวนให้เขาดู ตบมือและหัวเราะชอบใจ เมื่อโฮเภาได้เห็นจดหมายและรู้ว่าเล่าปี่อยู่ที่กังอั๋น และกวนอูอยู่ที่ Yiyang เขาโกรธมากและละอายใจ ปรารถนาให้พื้นธรณีสูบตัวเขาไป ลิบองแต่งตั้งให้ซุนเกียวมีอำนาจควบคุมหัวเมืองนั้นและในวันเดียวกันเขาได้นำทัพกลับหงีเอี๋ยง ต่อมา เล่าปี่ร้องขอทำสัญญาสงบศึก ซุนกวนจึงคืนตัวโฮเภาและคนอื่น ๆ ให้กับเล่าปี่ และกำหนดชายแดนใหม่บนแม่น้ำเซียงซุย และมอบเลงเหลงกลับให้เล่าปี่ ซุนหยางและหยางซิ่นถูกมอบเป็นศักดินาให้แก่ลิบอง

กองทัพง่อก๊กถอยกลับไปทำการโจมตีหับป๋า เมื่อไม่สามารถโจมตีได้ ฝ่ายง่อจึงทำการถอยทัพแต่โดนซุ่มโจมตีโดยเตียวเลี้ยว ลิบองและเล่งทองต่อสู้ป้องกันซุนกวนด้วยชีวิตพวกเขา เมื่อโจโฉส่งทัพใหญ่มาที่ยี่สูอีกครั้ง ซุนกวนแต่งตั้งลิบองเป็นผู้บัญชาการกองทัพ ลิบองป้องกันป้อมรักษาการณ์ที่ได้สร้างขึ้นและวางพลธนูหมื่นนายไว้ป้องกันโจโฉ แล้วลิบองก็โจมตีทัพหน้าของโจโฉพ่ายแพ้ไปก่อนที่พวกเขาจะสามารถตั้งค่ายได้ โจโฉถอยทัพไป ซุนกวนแต่งตั้งลิบองเป็นผู้บัญชาการทัพซ้ายและ แม่ทัพที่มีความเหี้ยมหาญดั่งเสือ

ตอนที่โลซกเสียชีวิต ลิบองได้รักษาการณ์ที่ลกเค้า ทหารหมื่นนายและม้าศึกของทัพโลซกได้ถูกมอบหมายให้อยู่ในสังกัดของลิบอง ลิบองได้ถูกแต่งตั้งเป็นเจ้าเมือง Hanchang และได้รับศักดินาที่ดินใน เซี่ยจุ้น เล่าเอี๋ยง ฮานฉาง และโจวหลิง ทำให้ดินแดนที่ลิบองดูแลติดกับกวนอู ลิบองรู้ดีว่ากวนอูนั้นเป็นทะเยอทะยานและต้องการรุกรานดินแดนง่อ และกวนอูเองก็ในดินแดนต้นน้ำของง่อ สมดุลอำนาจที่คอยถ่วงกันอยู่คงไม่อาจรักษาได้นาน แต่แรกนั้น โลซกและคนอื่นต้องการให้ผูกมิตรกับกวนอูเพราะว่าโจโฉทางเหนือนั้นมีอันตรายมากกว่า ดังนั้นทางที่ดีคือการร่วมมือกับกวนอูต่อสู้กับศัตรูร่วมกัน ลิบองได้ทำการเสนอแผนลับต่อวุนกวน ให้ตั้งซุนเกียวป้องกันลำกุ๋น พัวเจี้ยงรักษาการณ์ Baidi เจียวขิมนำทหารหมื่นนายลาดตระเวณตามแม่น้ำและสนับสนุนจุดยุทธศาสตร์ที่เผชิญหน้ากับศัตรู และข้าจะเดินทัพไปยึดซงหยง แล้วเราก็จะไม่มีเหตุผลที่ต้องกลัวโจโฉ หรือต้องพึ่งพากวนอูอีกต่อไป ยิ่งกว่านั้น กวนอูและเล่าปี่นายของเขาเป็นคนที่หยิ่งยะโสและเป็นคนเจ้าเล่ห์กลับกลอกไปมา พวกเขาเปลี่ยนใจอยู่ตลอดเวลา เราไม่สามารถถือว่าพวกเขาเป็นเพื่อนสนิทได้ เหตุผลเดียวที่กวนอูยังไม่รุกรานเราเพราะว่าความชาญฉลาดของนายท่าน และเพราะว่าข้าและแม่ทัพคนอื่นต่างยังมีชีวิตอยู่ ทันทีที่พวกเราจากไปแล้ว เขาจะสามารถยึดดินแดนเราโดยการยกทัพเพียงครั้งเดียว ถ้าท่านไม่ลงมือในขณะที่เรามีโอกาส แล้ววันหนึ่งเมื่อเราอ่อนแอลง ถ้าท่านต้องการรวบรวมกำลังโจมตี ท่านก็ไม่มีทางทำได้แล้ว ซุนกวนเห็นด้วยกับเขาอย่างมาก

แล้วซุนกวนถามขึ้นว่า ข้าตั้งใจที่จะยึดมณฑลชีจิ๋วก่อนแล้วค่อยจัดการกับกวนอู ท่านมีความเห็นอย่างไร

ลิบองตอบว่า ในเวลาโจโฉนั้นอยู่ไกลไปทางเหนือของแม่น้ำเหลือง เขารวบรวมกำลังของมณฑลกุนจิ๋วและกิจิ๋ว และยังไม่มีเวลามาดูแลดินแดนตะวันออก ข้ารู้ข่าวมาว่ากองทัพที่ป้องกันมณฑลชีจิ๋วนั้นน้อยเกินกว่าที่จะต่อกรกับเราได้ ถ้าท่านยกทัพไปที่นั่น ท่านต้องสามารถยึดดินแดนนั้นได้แน่ แต่มณฑลชีจิ๋วนั้นเป็นที่ราบ เชื่อมต่อด้วยถนนมากมาย ม้าศึกชั้นดีสามารถเคลื่อนทัพได้อย่างสะดวก

ถ้าท่านยึดมณฑลชีจิ๋วในตอนนี้ มั่นใจได้เลยว่าไม่กี่วันโจโฉต้องยกทัพมาสู้กับเราแน่ แม้ว่าท่านจะทิ้งทหารไว้คอยรักษาเจ็ดแปดหมื่นคนก็ยังน่าวิตกอยู่ดี

ทางที่ดีที่สุดคือการจัดการกวนอูและยึดดินแดนแม่น้ำแยงซี ขยายดินแดนของเรายาวไปตลอดแม่น้ำทั้งสาย ท่านจะสามารถขยายดินแดนได้ดีกว่าการยึดมณฑลชีจิ๋วแน่ และดินแดนแถบแม่น้ำแยงซีนั้นสามารถป้องกันได้ง่ายกว่า ซุนกวนคิดว่าแผนของลิบองนั้นยอดเยี่ยมมาก เมื่อลิบองแทนที่โลซกและไปอยู่ที่ลกเค้า เขาได้พยายามเป็นมิตรกับกวนอูให้มากกว่าเดิม

ต่อมา กวนอูได้โจมตีอ้วนเซีย ลิบองได้ส่งสารมาหาซุนกวนว่ากวนอูยกทัพขึ้นเหนือไป แต่เขายังทิ้งทหารรักษาการณ์อย่างแน่นหนาไว้ที่กองอั๋นและลำกุ๋น เขาเป็นกังวลว่าข้าจะโจมตีเขาจากด้านหลัง

เป็นที่รู้กันว่า ข้ามักจะล้มป่วยอยู่เสมอ ข้าจะขออนุญาตนำทหารบางส่วนกลับไปรักษาตัวที่เกี๋ยนเงียบ แล้วเราค่อยปล่อยข่าวไปว่าสุขภาพข้าไม่ดี เมื่อกวนอูรู้ข่าวเขาจะต้องถอนกำลังไปยังซงหยง ถ้าเรานำทัพใหญ่แล่นเรือทั้งกลางวันและกลางคืน และโจมตีในจุดที่เขาคาดไม่ถึง เราต้องยึดเมืองลำกุ๋น และจับตัวกวนอูได้แน่

แล้วลิบองจึงปล่อยข่าวว่าเขาล้มป่วยหนัก ซุนกวนส่งคำสั่งให้เขากลับมารักษาตัวที่เกี๋ยนเงียบ แต่จริง ๆ แล้วทั้งสองได้ลอบวางแผนกันอย่างลับ ๆ

กวนอูหลงกลพวกเขาและนำทหารบางส่วนของลำกุ๋นไปช่วยแนวหน้าที่เมืองห้วนเสีย

ทันทีที่ลิบองมาถึงงอฮู ขุนพลผู้ส่งเสริมความภักดี ลกซุนได้พูดกับเขาว่า ท่านนั้นรักษาชายแดนต่อการคุกคามของกวนอู เหตุใดท่านจึงมายังที่นี่ แล้วนี่จะไม่เป็นเกิดก่อปัญหาในเราในเร็ววันนี้หรอกหรือ

ท่านพูดได้ถูกต้องแล้ว ลิบองตอบแต่ว่าข้านั้นเจ็บป่วยหนักจริง ๆ

กวนอูนั้นโอ้อวดในความกล้าหาญของเขา ลกซุนพูด และเขาก็ยังดูถูกผู้อื่น ความสำเร็จใหญ่ที่เขาพึ่งได้รับ ทำให้เขาภูมิใจในความฉลาดของตนและทำให้ยิ่งทะเยอทะยาน เขานำทัพใหญ่ขึ้นโจมตีทางเหนือ แต่ยังระแวงสงสัยในรัฐเราอยู่บ้าง เมื่อเขารู้ว่าท่านล้มป่วย เขาย่อมต้องเหลือทหารป้องกันเพียงน้อยนิด ถ้าเราโจมตีเขาในตอนนี้ เขาย่อมคาดไม่ถึง แล้วเราก็สามารถจัดการเขา เมื่อท่านลงใต้ไปหานายท่าน ท่านควรจะวางแผนการให้ดี

กวนอูนั้นกล้าหาญและแข็งแกร่ง ลิบองตอบ ดังนั้นเป็นการยากที่จะจัดการเขา เขาได้ยึดครองมณฑลเกงจิ๋วและปกครองมณฑลอย่างดี เวลานี้ความพยายามของเขาเริ่มสัมฤทธิ์ผลแล้ว ขวัญกำลังใจและความแข็งแกร่งก็ทวีมากขึ้น มันไม่ง่ายที่จะจัดการกับเขา

เมื่อลิบองมาถึงเมืองเกี๋ยนเงียบ ซุนกวนถามเขาว่า ใครที่ท่านคิดว่าเหมาะสมควรไปทำหน้าที่แทนท่าน

ลิบองตอบว่า ลกซุนนั้นคิดการณ์ไกลและลึกซึ้ง เขาสามารถรับผิดชอบงานที่ใหญ่โตได้ ข้าเคยเห็นเขาวางแผนการต่าง ๆ เขามีความสามารถที่จะได้รับตำแหน่งใหญ่ได้ และเขายังไม่เป็นที่รู้จักนัก ดังนั้นกวนอูย่อมไม่สงสัยในตัวเขามากนัก เขาเป็นตัวเลือกที่เหมาะสม ถ้าท่านเลือกใช้เขา บอกเขาอย่าทำการใดให้น่าสงสัย แต่ให้แอบลาดตระเวนอย่างลับ ๆ แล้วเราจะชนะในที่สุด แล้วซุนกวนก็เรียกตัวลกซุนมาและแต่งตั้งเขาเป็นแม่ทัพรองและผู้ควบคุมกองทัพฝ่ายขวา แทนที่ลิบอง

วุยส่งแม่ทัพอิกิ๋มมาช่วยเหลือเมืองห้วนเสีย แต่กวนอูจับตัวอิกิ๋มและแม่ทัพคนอื่นได้ กวนอูได้เชลยศึกหลายหมื่นและม้าศึกจำนวนมาก เสบียงอาหารจึงร่อยหรออย่างรวดเร็ว กวนอูอ้างว่าพวกเขาขาดแคลนเสบียงจึงยึดคลังเสบียงของซุนกวนที่เซียงกวน โดยไม่ขออนุญาตจากซุนกวน เมื่อซุนกวนรู้ข่าว เขาจึงนำทหารไปโจมตีกวนอู โดยส่งลิบองเป็นคนนำทัพหลัก เมื่อลิบองมาถึงซุนหยาง เขาซ่อนทหารของเขาในท้องเรือและให้คนอื่นแต่งกายคล้ายกับพ่อค้า ล่องเรือทั้งกลางวันและกลางคืน พวกเขายึดหอสังเกตการณ์ของกวนอูที่คอยรักษาการตามแม่น้ำ ทีละหอ ๆ ดังนั้นกวนอูจึงไม่รู้ข่าวเกี่ยวกับเรื่องนี้

บิฮองและเปาสูหยินนั้นไม่พอใจในการปฏิบัติที่กวนอูทำต่อพวกเขา เมื่อกวนอูยกทัพไป เขาทิ้งให้สองคนนี้คอยคุมการขนส่งเสบียง แต่การขนส่งเสบียงก็ล่าช้ากว่ากำหนด กวนอูจึงพูดว่า เมื่อข้ากลับไป ข้าจะไปลงโทษพวกเขา บิฮองและเปาสูหยินจึงหวาดกลัวมาก

ลิบองสั่งให้ยีหวนอดีตผู้บัญชาการทหารม้าเขียนจดหมายไปหา เปาสูหยินที่กองอั๋น อธิบายสถานการณ์ เปาสูหยินยอมจำนนทันที ยีหวนพูดกับลิบองว่า การศึกครั้งนี้ต้องอาศัยการลงมืออย่างรอบคอบ เราควรจะทิ้งทหารไว้รักษาเมืองและนำตัวเปาสูหยินไปกับเราดังนั้น พวกเขาจึงนำตัวเปาสูหยินไปเมืองลำกุ๋นด้วย

บิฮองรักษาเมืองกังเหลงเมืองหลวงของลำกุ๋น แต่เมื่อลิบองนำตัวเปาสูหยินให้เขาเห็น บิฮองก็เปิดประตูยอมแพ้ทันที

(อีกบันทึกหนึ่งกล่าวว่า เกิดเพลิงไหม้ในเมืองลำกุ๋น และอาวุธยุทโธปกรณ์ของกองทัพต่างเสียหายจำนวนมาก กวนอูจึงคาดโทษเขา ทำให้บิฮองกลัวมาก เมื่อเขาได้ข่าวว่าซุนกวนมาถึง เขาก็เตรียมการที่จะยอมจำนน เมื่อทัพลิบองมาถึง เขาก็เปิดประตูเมืองต้อนรับพร้อมด้วยสุราและอาหารและยอมจำนน)

ดังนั้นลิบองจึงยกทัพเข้าเมืองกังเหลง ปล่อยตัวอิกิ๋มและจับตัวคนในครอบครัวและผู้อาศัยของกวนอูและลูกน้องของเขา ลิบองปฏิบัติต่อพวกเขาอย่างดี และสั่งการทหารห้ามปล้นสะดมและทำร้ายชาวเมืองอย่างเด็ดขาด

ทหารคนหนึ่งของลิบองซึ่งเป็นคนจากเมืองเดียวกับเขา ได้ยึดเอาหมวกฟางกันฝนมาป้องกันชุดเกราะของกองทัพ แม้ว่าชุดเกราะนั้นจะเป็นสมบัติของกองทัพ ลิบองก็ยังตัดสินว่าทหารคนนั้นไม่เชื่อฟังคำสั่ง เขาไม่ยอมยกโทษให้แม้ว่าทหารคนนั้นจะเป็นคนเมืองเดียวกับเขา ลิบองร่ำไห้และสังหารเขา ในกองทัพจึงเกิดความกลัวและหวั่นวิตก ไม่มีทหารคนใดกล้าหยิบแม้แต่สิ่งของที่ตกอยู่ตามท้องถนน

ตั้งแต่เช้ายันค่ำลิบองส่งขุนนางคนสนิทของเขาไปถามสิ่งของต่าง ๆ ที่ชาวเมืองขาดแคลนจากผู้เฒ่าของเมือง เขามอบยาให้กับคนเจ็บป่วย เสื้อผ้าและอาหารให้กับคนที่หิวโหยและหนาวเหน็บ ทรัพย์สมบัติของครอบครัวกวนอูนั้นถูกปิดตายไว้รอการมาถึงของซุนกวน

เมื่อกวนอูยกทัพกลับ เขาได้ส่งคนนำสารไปหาลิบองหลายครั้งเพื่อสอบถามสถานการณ์ และลิบองได้รับรองคนเหล่านั้นอย่างนี้ ลิบองนำพวกเขาไปรอบเมืองและชาวเมืองต่างก็ฝากจดหมายคนนำสารให้ช่วยนำไปยังญาติพวกเขาที่อยู่ในทัพของกวนอู บางคนเขียนด้วยลายมือตัวเองเพื่อแสดงความน่าเชื่อถือ เมื่อคนนำสารของกวนอูกลับมาที่ค่ายของกวนอู เหล่าทหารในทัพกวนอูต่างลอบไปพาคนนำสาร และพวกเขาจึงรู้ว่าครอบครัวของเขานั้นไม่ตกอยู่ในอันตรายและพวกเขาได้รับการปฏิบัติดียิ่งกว่าในเวลาสงบสุขเสียอีก ทหารของกวนอูจึงไม่มีใจอยากที่จะต่อสู้

กวนอูรู้แล้วว่าเขาถูกตัดขาด เขาจึงมุ่งหน้าไปตะวันตกรักษาเมือง เป๊กเสีย ซุนกวนส่งฑูตไปหาเขาให้ยอมจำนน กวนอูแสร้งทำเป็นว่าเขายอมตกลง แต่เขากลับตั้งธงศึกบนกำแพงเมืองให้ดูเหมือนมีทหารมากมายแล้วหลบหนีไป ทหารของเขาต่างกระจัดกระจายกันไปจนเขามีทหารม้าติดตามไม่ถึงสิบสองคน

ซุนกวนส่งจูเหียนและพัวเจี้ยงให้ไล่ติดตามถนนทุกสาย ในเดือนที่สิบสอง ม้าตง นายทหารของพัวเจี้ยงได้จับตัวกวนอูและกวนเป๋งบุตรชายเขาได้ที่เขาเจาสัน และสังหารพวกเขา ดังนั้นซุนกวนจึงยึดมณฑลเกงจิ๋วได้

ซุนกวนแต่งตั้งลิบองเป็นเจ้าเมืองลำกุ๋น แต่งตั้งให้เขาเป็นพระยาแห่งฉานหลิงและตบรางวัลเขาด้วยเงินล้านแท่งและทองคำห้าร้อยชั่ง แต่ลิบองยืนกรานปฏิเสธรางวัล แต่ซุนกวนต้องการมอบรางวัลให้แก่เขา

อย่างไรก็ดี ก่อนหน้าที่ลิบองจะได้รับแต่งตั้งเป็นพระยา อาการเจ็บป่วยของเขาได้รุนแรงขึ้น ซุนกวนซึ่งอยู่ที่กองอั๋นในเวลานั้น ได้นำตัวเขามาพักอยู่วังภายใน ใกล้กับที่พักของซุนกวนเองและพยายามหาทางรักษาตัวเขาทุกวิธี มีบันทึกว่าซุนกวนตั้งรางวัลให้คนที่สามารถรักษาอาการเจ็บป่วยของลิบองเป็นทองพันแท่ง เมื่อใดที่หมอได้ทำการรักษาลิบองโดยการฝังเข็ม ซุนกวนก็พลอยรู้สึกเจ็บปวดและเศร้าเสียใจไปกับเขาด้วย

ซุนกวนต้องการไปเยี่ยมลิบองบ่อย ๆ แต่เขากลัวว่าจะเป็นการรบกวนการรักษา ดังนั้นซุนกวนจึงแอบมองลิบองผ่านรูในกำแพง ถ้าเขาเห็นลิบองสามารถกินอะไรได้ เขาก็จะยิ้มให้กับคนรอบตัว หัวเราะและชวนคนอื่นคุยด้วย เมื่อลิบองไม่ยอมกินอาหาร ซุนกวนก็จะถอนใจกังวลจนไม่สามารถนอนได้ในตอนกลางคืน

แล้วลิบองก็อาการดีขึ้น จึงมีการนิรโทษกรรมให้กับนักโทษเพื่อฉลองอาการดีขึ้นของลิบอง เสนาบดีทั้งหมดของซุนกวนต่างร่วมแสดงความยินดีกับลิบอง อย่างไรก็ตาม โรคร้ายที่คุกคามลิบองได้รุนแรงขึ้น ซุนกวนไปเยี่ยมเขาด้วยตัวเอง และสั่งให้นักพรตลัทธิเต๋าภาวนาต่อดวงดาวต่อชะตาชีวิตให้ลิบอง แต่ในที่สุดลิบองก็ตายภายในวังด้วยวัยสี่สิบสองปี ซุนกวนเศร้าโศกเสียใจและเจ็บปวดมาก ก่อนหน้าที่ลิบองจะเสียชีวิต เขาได้เก็บรักษาทรัพย์สมบัติเงินทองที่เขาเคยได้รับ และสั่งไว้ว่า วันไหนที่เขาเสียชีวิต ให้นำทรัพย์สมบัติเหล่านั้นคืนให้กับคลังหลวงของง่อก๊ก และปรารถนาให้จัดงานศพเขาอย่างเรียบง่ายใช้เงินให้น้อยที่สุด เมื่อซุนกวนได้ยินเรื่องนี้ เขาก็เศร้าเสียใจมากกว่าเดิม

ลิปาบุตรของลิบองได้รับสืบทอดตำแหน่งของเขา ซุนกวนมอบคนสามร้อยครัวเรือนเพื่อให้คอยรักษาหลุมศพของลิบอง

ในปีถัดมา ซุนกวนพูดกับลกซุนถึงจิวยี่ โลซกและลิบองว่า

กงจิ้น (จิวยี่) นั้นกล้าหาญและแข็งแกร่ง กำลังใจและความสามารถของเขานั้นเหนือกว่าคนทั้งหมด ดังนั้นเขาจึงสามารถจัดการโจโฉและขยายดินแดนมายังมณฑลเกงจิ๋วได้ เขานั้นเหนือกว่าทุกคน

ซือจิ้ง (โลซก) นั้นจิวยี่เป็นคนแนะนำให้กับข้าเอง ข้าสนทนากับเขาในงานเลี้ยง เขาพูดถึงแผนการยิ่งใหญ่สำหรับการปกครองราชอาณาจักร นี่เป็นสิ่งที่ทำให้ข้าพอใจ

ต่อมา โจโฉได้ยึดอำนาจของเล่าจ๋องและคุยโวว่าเขาได้นำทหารหลายแสนคนล่องเรือและเดินทัพมาตามแม่น้ำ เมื่อข้าถามเหล่าแม่ทัพของข้า ไม่มีใครที่ให้คำแนะนำได้เลย ในขณะที่เตียวเจียวและ Qin Song ต่างแนะนำให้ข้ายอมส่งบรรณาการยอมรับโจโฉเป็นนาย

โลซกนั้นแย้งคำแนะนำของพวกเขา บอกว่าเราไม่ควรทำเช่นนั้น และแนะนำให้ข้าเรียกตัวจิวยี่มาควบคุมกองทัพเพื่อเผชิญหน้าและต่อสู้กับผู้รุกราน นี่คือหนที่สองที่เขาทำให้ข้าพอใจ

ต่อมาเขาได้แนะนำให้เขายกดินแดนให้กับเล่าปี่ แต่นี่เป็นเพียงจุดอ่อนเดียวของเขา ไม่เพียงพอที่จะหักล้างความดีสองข้อของเขา

โจวกงไม่พิจารณาคนให้รอบคอบ ดังนั้นข้าจึงไม่สนใจข้อบกพร่องของเขาและจดจำเพียงจุดดีของเขา ข้ามักจะเปรียบเทียบเขาเป็น เตงยู้(เพื่อนสนิทและที่ปรึกษาของหลิวซิ่วหรือฮ่องเต้กวงอู่ตี้ตั้งแต่เด็ก ต่อมาเป็นอัครเสนาบดีของเขา มีความสามารถในการบริหารบ้านเมือง วางแผนการรบ แต่ด้อยความสามารถในเรื่องการนำทัพ เขานำทัพพ่ายแพ้ต่อกองกำลังคิ้วแดงหลายครั้ง)

เมื่อ ซื่อหมิง(ลิบอง) ยังหนุ่มอยู่ ข้าเคยพูดว่าเขาไม่ใช่คนที่จะลังเลอะไร ไม่ว่างานนั้นจะยากหรือง่าย เขานั้นกล้าหาญและสง่างาม และเมื่อเขามีอายุมากขึ้น เขากลายเป็นบัณฑิตที่เก่งกาจ เขามีความรู้เชี่ยวชาญในกลยุทธและแผนการ ด้วยเหตุนี้ ข้าจึงยกให้เขาเทียบเท่ากับจิวยี่ มีเพียงการโต้เถียง สนทนาเท่านั้นที่เขาด้อยกว่า และเป็นลิบองนี่เองที่วางแผนทำลายกวนอู ด้วยเหตุนี้เขาจึงเหนือกว่าโลซก

เมื่อข้าเขียนไปหาโลซก เขามักจะตอบว่า เมื่อฮ่องเต้ได้รับอำนาจ บางคนต้องเป็นผู้ปูทางให้กับเขา กวนอูนั้นไม่มีความหมายอันใด นี่เพราะว่าโลซกรู้ตัวดีว่า เขาไม่สามารถจัดการกับกวนอูได้ เขาจึงพูดจาโอ้อวดทำท่าวางโต แต่ข้าก็ยกโทษให้เขาและไม่โทษเขาในเรื่องนี้

ยิ่งกว่านั้น ในการจัดการกองทัพในค่าย โลซกไม่เคยพลาดที่จะทำให้คนของเขาเชื่อฟัง และอะไรที่เขาสั่งห้ามก็จะไม่มีคนฝ่าฝืน ในดินแดนที่เขาปกครองไม่เคยมีใครละทิ้งหน้าที่ และสิ่งของที่ตกหล่นตามท้องถนนก็ไม่มีใครกล้าหยิบฉวย เขาจัดเป็นผู้นำที่ดีอย่างแท้จริง

ความเห็นของเฉินโซ่ว เมื่อโจโฉเป็นไจเสี่ยงของฮั่น ได้นำตัวฮ่องเต้มาสู่อำนาจของเขา กำจัดศัตรูคนแล้วคนเล่า เมื่อเขายึดดินแดนเกงจิ๋วได้ ไม่มีใครสงสัยว่าเขานั้นเก่งกาจเพียงใด และไม่ว่าใครก็คิดว่าไม่อาจสู้กับเขาได้ แต่จิวยี่และโลซกได้มองเห็นว่า ง่อนั้นสามารถต่อกรกับโจโฉได้ นี่เป็นสิ่งที่ตัดสินได้ว่าเขาสองคนนั้นมีความสามารถเหนือกว่าคนธรรมดาทั่วไป พวกเขาเป็นอัจฉริยะที่มีน้อยยิ่งนัก ลิบองนั้นไม่เพียงแต่กล้าหาญ แต่เต็มไปด้วยกลยุทธ์ และสามารถที่จะใช้แผนการต่าง ๆ การใช้อุบายกับโฮเภาและการจับตัวกวนอู ล้วนเป็นอุบายที่แยบยลทั้งสิ้น แม้ว่าเริ่มแรกเขาจะเป็นเพียงแม่ทัพที่ไม่รู้จักการคิดและไตร่ตรอง แต่ท้ายที่สุดเขาได้แสดงวินัยในตัวเองและแสดงความสามารถที่จะเป็นขุนนางใหญ่ของง่อก๊ก ความเห็นของซุนกวนได้แสดงจุดแข็งและจุดอ่อนของพวกเขาอย่างเหมาะสม ตัวข้าจึงนำความเห็นของซุนกวนมาไว้ในบันทึกนี้ด้วย




 

Create Date : 09 เมษายน 2549    
Last Update : 10 กรกฎาคม 2549 17:28:44 น.
Counter : 4661 Pageviews.  

ประวัติลกซุน


Lu Xun (Boyan) 陸遜 (伯言) (AD 183-245)
ลกซุน ชื่อรองป้อเอี๋ยน เดิมชื่อลกอี้ (陸議/陆議) เป็นชาวเมืองง่อ ลกซุนเกิดในตระกูลที่ร่ำรวยและมีชื่อเสียงที่สุดตระกูลหนี่งในแถบแม่น้ำแยงซีตะวันออก ลกซุนกำพร้าพ่อแม่ตั้งแต่ยังเด็ก จึงอาศัยอยู่กับลกคังลุงของเขาซึ่งเป็นเจ้าเมืองโลกั๋ง เมื่อลกคังได้ข่าวว่าอ้วนสุดซึ่งไม่พอใจเขาจะโจมตีเมืองโลกั๋ง เขาจึงส่งลกซุนและครอบครัวของเขากลับไปที่ง่อเพื่อความปลอดภัย เพราะว่าลกซุนแก่กว่าลูกชายของเขาลกจี๋อยู่หลายปี ลกคังจึงฝากฝังให้ลกซุนมีหน้าที่ดูแลครอบครัวของเขา

เมื่อซุนกวนได้รับตำแหน่งแม่ทัพ ลกซุนซึ่งอายุ 21 ปีในตอนนั้นได้เริ่มรับราชการอยู่ในสังกัดของซุนกวน โดยมีหน้าที่เป็นเจ้าหน้าที่ให้คำปรึกษาผู้น้อยในศาลทหารของซุนกวน หลังจากนั้น เขาได้ถูกแต่งตั้งให้เป็นผู้รักษาการณ์ที่ป้อม Haichang และดูแลราชการอำเภอนั้นด้วย อำเภอ Haichang เดือดร้อนจากฤดูแล้งมาเป็นเวลาหลายปีแล้ว ลกซุนจึงเปิดคลังเสบียงเพื่อช่วยเหลือชาวบ้านที่อดหยาก ออกมาให้กำลังใจชาวบ้านและควบคุมการเพาะปลูก ชาวบ้านได้รับประโยชน์จากการปกครองของเขาอย่างมาก ในเวลานั้นมีโจรผู้ร้ายมากมายที่อพยพมาตั้งค่ายปล้นสดมภ์ที่เมืองง่อ เมืองห้อยแข และเมืองตันเอี๋ยง ลกซุนร้องขอซุนกวนให้ปราบปรามเหล่าโจรเหล่านั้น โดยแจกแจงผลดีของการปราบปรามโจร ซุนกวนจึงมอบหมายให้ลกซุนคุมทหารไปปราบโจร ลกซุนนำกำลังทหารเข้าตีค่ายโจรของ Pan Lin ในเมืองห้อยแข Pan Lin เป็นวายร้ายตัวฉกาจที่สร้างความเดือดร้อนให้ห้อยแขอย่างมาก เขาหลบหนีการจับกุมมาได้หลายปี เมื่อลกซุนสามารถปราบ Pan Lin ได้ เขาจึงได้ความดีความชอบและมีอำนาจควบคุมทหารสองพันคน หลังจากนั้น You Tu หัวหน้าโจรที่กวนหยงก่อกบฏขึ้น ลกซุนก็ยกทัพไปปราบ ทำให้เขาได้รับการแต่งตั้งเป็นขุนพลรักษาการณ์เมือง Lipu

ซุนกวนจัดพิธีแต่งงานให้กับลกซุน โดยจัดให้ลกซุนได้แต่งงานกับลูกสาวของซุนเซ็ก พี่ชายของเขา และมักจะรับฟังคำแนะนำของลกซุนในภารกิจหลายอย่างของง่อ ครั้งหนึ่งลกซุนเคยให้คำแนะนำว่า ตอนนี้เหล่าผู้ครองเมืองต่างตั้งตนเป็นใหญ่ พวกเขาต่างพากันดูท่าทีว่าใครจะเพลี่ยงพล้ำเพื่อที่จะยึดดินแดน ดังนั้นในการที่จะปราบศัตรู เราควรที่จะหาคนดีมีฝีมือมาช่วยเรา อย่างไรก็ดี เผ่าชานเย่ว์ เป็นชนเผ่าที่แข็งแกร่งและรู้จักภูมิประเทศเป็นอย่างดี ถ้าเราไม่สามารถปราบปรามเผ่านี้ลงได้ เราก็ไม่สามารถคิดการใหญ่ต่อไปได้ เราควรที่จะยกทัพไปปราบชนเผ่าและชักจูงคนดีมีฝีมือในพวกเขาให้มารับใช้ฝ่ายเรา ซุนกวนเห็นด้วยกับแผนนี้ตั้งให้เขาเป็นแม่ทัพขวา ในเวลานั้น Fei Zhan หัวหน้าโจรในเมืองตันเอี๋ยงได้รับตราตั้งให้เป็นเจ้าเมืองจากโจโฉ Fei Zhan จึงปลุกระดมเผ่าชานเย่ว์ ให้เข้าร่วมกับเขาก่อการยึดเมือง ซุนกวนจึงสั่งให้ลกซุนเข้าโจมตี Fei Zhan เนื่องจาก Fei Zhan มีกำลังทหารมากกว่าลกซุน ลกซุนจึงสั่งให้ทัพของเขาทำธงศึกมากมายและส่งพลตีกลองและเป่าแตรศึกกระจายไปในหลายพื้นที่ ความมืดช่วยทำให้พวกเขาสามารถแฝงกายกระจายไปทั่วหุบเขา ลกซุนสั่งให้เป่าแตรศึกเหมือนสั่งการให้ยกทัพเข้าตี ทัพข้าศึกเกิดความหวาดระแวงจึงถอยทัพไปในทันที ลกซุนจึงตั้งทัพของเขาในตำบลแถบนั้น ทำการเกณฑ์ทหารจากท้องถิ่น ทหารที่อ่อนแอก็ส่งไปทำการเพราะปลูก การเกณฑ์ทหารนี้ทำให้ลกซุนได้ทหารชั้นดีหลายหมื่นคนและโจมตีโจรกบฏพ่ายแพ้ไปในที่สุด ที่ใดที่ลกซุนยกทัพไป โจรกบฏจะถูกจัดการราบคาบ เมื่อปราบโจรแล้ว ลกซุนจึงกลับไปที่ป้อมในทะเลสาบง่อ

Chunyu Shi เจ้าเมืองห้อยแข ได้รายงานต่อซุนกวนว่าลกซุนทำการเกณฑ์ชาวบ้านไปเป็นทหารโดยไม่จำเป็น ทำให้เมืองไม่มีความสงบสุข หลังจากนั้นลกซุนจึงกลับไปรายงานที่เมืองหลวง เมื่อได้พูดคุยกับซุนกวน ลกซุนทำการชมเชย Chunyu Shi อย่างมาก ซุนกวนจึงถามว่า Chunyu Shi กล่าวหาเจ้าทำตัวไม่เหมาะสมแต่เจ้ากลับชมเชยเขาเพื่ออะไร ลกซุนตอบว่า Chunyu Shi มีจิตใจห่วงใยราษฎร ดังนั้นเขาจึงกล่าวหาข้า มันเป็นการไม่สมควรที่ข้าจะให้ท่านตำหนิเขา ซุนกวนจึงว่า ท่านช่างเป็นคนดีอะไรเช่นนี้ คนทั่วไปไม่มีทางทำได้อย่างท่านแน่ ๆ

เมื่อลิบองเกิดเจ็บป่วยต้องการไปพบซุนกวนที่เมืองเกี๋ยนเงียบเพื่อขอลาไปรักษาตัว ลกซุนจึงไปหาเขาพูดว่า กวนอูคอยสอดแนมเรื่องราวของฝั่งเราอย่างใกล้ชิด คอยหาโอกาสที่จะโจมตี ทำไมเราถึงไม่คิดแผนระยะยาวที่จะโจมตีเขากลับ ลิบองจึงว่าท่านพูดเช่นนี้ถูกต้องแล้ว แต่ข้ายังเจ็บป่วยอยู่ ลกซุนจึงว่า กวนอูภูมิใจในชื่อเสียงเกียรติยศของเขา มักจะดูถูกผู้อื่นเสมอ ทั้งที่เขาทำวีรกรรมไม่กี่ครั้ง เวลานี้กวนอูยโสโอหังยิ่งนัก คิดที่จะตีขึ้นเหนือ(วุย)เพียงอย่างเดียว ดังนั้นเขาจึงไม่ระแวงการเคลื่อนไหวฝ่ายเรา เมื่อเขาได้รู้ถึงโรคของท่าน เขาจะต้องลดการป้องกันชายแดนติดเมืองเราแน่ ถ้าเราใช้โอกาสนี้โจมตีโดยกวนอูไม่ทันระวัง จะต้องจับตัวเขาได้อย่างง่ายดาย ควรที่ท่านจะปรึกษาซุนกวนและวางแผนจัดการกวนอู

กวนอูนั้นมีชื่อเสียงในความกล้าหาญ เป็นศัตรูที่ยากแก่การจัดการ ตั้งแต่เขาได้รับการแต่งตั้งเป็นเจ้าเมืองเกงจิ๋ว ก็ปฏิบัติต่อชาวบ้านอย่างดี ชาวบ้านมีน้ำใจรักกวนอูยิ่งนัก ยิ่งกว่านั้นทหารกวนอูยังมีขวัญกำลังใจดีจากการเอาชนะทัพของอิกิ๋มและบังเต็ก มันไม่ง่ายเลยที่จะจัดการเขาในเวลานี้

ลิบองเดินทางเข้าเมืองหลวงของง่อ เมื่อพบซุนกวน ซุนกวนถามถึงแผนการเขาว่า ท่านคิดว่าใครเหมาะสมที่จะรักษาการณ์เมืองเกี๋ยนเงียบแทนท่าน ลิบองตอบว่า ลกซุนเป็นคนที่มีแผนการลึกล้ำยิ่งนัก และมีความสามารถที่จะรับผิดชอบหน้าที่ที่สำคัญ เมื่อดูสติปัญญาของเขาแล้ว เขาคิดว่าเขาเป็นคนเดียวที่สามารถรับผิดชอบหน้าที่นี้ได้ และชื่อเสียงของเขาก็ไม่เป็นที่รู้จักมากนัก กวนอูย่อมไม่ระแวงในตัวเขา สถานการณ์ไม่อาจดีไปกว่านี้อีกแล้ว ถ้าเขารับหน้าที่นี้ กวนอูย่อมไม่สงสัยแผนการของเรา ส่วนฝั่งเราก็รอโอกาสอันดีที่จะโจมตีกวนอู ซุนกวนจึงแต่งตั้งให้ลกซุนทำหน้าที่แทนลิบอง

ทันทีที่ลกซุนมาถึงเมืองลกเค้า เขาเขียนจดหมายถึงกวนอูว่า ก่อนหน้านี้ไม่นาน ข้ามีโอกาสดีที่ได้ประจักษ์กับตาตัวเองถึงชัยชนะของท่าน ท่านนำทัพด้วยความเข้มแข็งมีระเบียบวินัย ได้ชัยชนะใหญ่หลวงด้วยความพยายามเพียงน้อยนิด ช่างเป็นชัยชนะที่หมดจรดงดงามมาก

เวลานี้ศัตรูของเราพ่ายแพ้ไปแล้ว เป็นการดีที่เราจะพบกันเพื่อเป็นพันธมิตรกัน หลังจากได้รับข่าวชัยชนะของท่าน ข้าก็เปลี่ยนใจในหน้าที่ที่ตัวเองได้รับมอบหมาย คิดถึงแต่การนำทัพเหมือนอย่างท่านไปพิชิตศัตรู ทำให้ความปรารถนาของนายเราสองฝ่ายเป็นความจริง ไม่นานมานี้ ข้าได้รับมอบหมายให้มาดูแลเมืองลกเค้า ข้ารู้สึกว่าข้าไม่มีความสามารถพอที่จะรับตำแหน่งนี้ เนื่องจากข้าได้รู้ถึงเกียรติยศของท่าน กองทัพที่เก่งกล้าไร้จุดอ่อนของท่าน และคำแนะนำของท่านก็เป็นสิ่งที่ข้าจดจำขึ้นใจ

เมื่ออิกิ๋มถูกท่านจับตัวได้ ทุกผู้คนในดินแดนแถบนี้ต่างพากันสรรเสริญชัยชนะของท่าน ชัยชนะใด ๆ ในอดีตไม่อาจเทียบความสำเร็จของท่านได้เลย ไม่ว่าจะเป็นชัยชนะของจิ้นเหวินกงที่ชนะรัฐฉู่ หรือชัยชนะของหันซิ่นที่มีต่อรัฐจ้าว

ข้าได้รับข่าวว่า ซิหลงและทัพของเขาตั้งค่ายใกล้ ๆ นี้เตรียมพร้อมที่จะโจมตี แม้ว่าจะมีกำลังไม่มาก แต่โจโฉเป็นวายร้ายตัวฉกาจ ไม่มีผู้ใดล่วงรู้ว่าเขาคิดการใดในใจ ยิ่งเขาเจ็บแค้นที่อิกิ๋มพ่ายแพ้ต่อท่าน ข้ากลัวว่าโจโฉจะเพิ่มกำลังกองทัพของซิหลงเพื่อที่จะมุ่งร้ายต่อท่าน แม้ว่ากองทัพของเขาจะเหนื่อยล้า แต่พวกเขาก็เป็นกองทหารที่แข็งแกร่ง ในการศึกที่ได้ชัยชนะ สิ่งหนึ่งที่อันตรายคือการประเมินข้าศึกที่พ่ายแพ้ต่ำไป ในประวัติศาสตร์ผู้ได้ชัยชนะที่มีความรู้ในพิชัยยุทธดีมักจะระมัดระวังในการป้องกันเสมอแม้ว่าจะได้ชัยชนะแล้ว ข้าขอร้องต่อท่าน ได้โปรดดำเนินการเพื่อมั่นใจว่าท่านได้ชัยชนะเด็ดขาด

ข้าเองเป็นเพียงขุนนางฝ่ายการเมืองศึกษาตำรา ไม่มีความรู้เรื่องกองทัพ ไม่เฉลียวฉลาดพอและไม่เหมาะสมกับตำแหน่งในตอนนี้ แต่ข้ารู้สึกปลี้มปิติที่ได้อยู่เคียงข้างบุคคลที่สง่าผ่าเผยและมีศีลธรรมอันดีเช่นท่าน ข้ารู้สึกยินดียิ่งนัก แม้ว่าเราจะยังไม่มีโอกาสได้ร่วมมือกัน แต่ข้าจะคิดถึงท่านเสมอ ข้าเขียนจดหมายฉบันนี้มาถึงท่านเพื่อแสดงความรู้สึกในใจที่ข้ามีต่อท่าน ขอท่านได้โปรดเข้าใจด้วย

เมื่อกวนอูได้อ่านจดหมายลกซุน เขารู้สึกว่าลกซุนถ่อมตัวและให้ความเคารพเขาอย่างมากมาย และปรารถนาที่จะทำการคล้อยตามความคิดของเขา กวนอูจึงรู้สึกสบายใจและไม่คิดว่าลกซุนจะคุมคามอะไรเขา เมื่อทราบข่าวลกซุนรายงานต่อถึงซุนกวน รายแผนการที่จะจับตัวกวนอู ซุนกวนลอบส่งกองทัพล่องตามแม่น้ำและตั้งให้ลกซุนและลิบองเป็นแม่ทัพหน้า หลังจากฝ่ายง่อยกทัพมาไม่นานนัก พวกเขาก็สามารถยึดเมืองกังอั๋นและลำกุ๋นได้ ลกซุนได้รับแต่งตั้งเป็นเจ้าเมือง Yidu และตำแหน่งแม่ทัพและพระยาแห่ง Huating ในเวลานั้น Fan You เจ้าเมือง Yidu ของเล่าปี่และเหล่าผู้นำอำเภอส่วนใหญ่รวมทั้งชนเผ่าต่าง ๆ ใน Yidu ได้แปรพักตร์มาอยู่กับฝ่ายง่อ ลกซุนจึงร้องขอให้ทำตราตั้งทอง เงินและทองแดงมอบแก่ผู้มาสวามิภักดิ์ในครั้งนี้

แล้วลกซุนจึงส่งแม่ทัพลิอี้กับแม่ทัพXie Sheng นำทหารสามพันเข้าตี Zhan Yan และ Chen Feng ของฝ่ายจ๊ก ลิอี้นำทัพเรือส่วน Xie Sheng นำทัพบก พวกเขาตั้งค่ายขวางการเดินทัพและยกทัพเข้าตีเมือง Zhan Yan และ Chen Feng พ่ายแพ้ Chen Feng ถูกจับและยอมแพ้ในที่สุด หลังจากนั้นทัพง่อก็ยกทัพเข้าตี Deng Fu เจ้าเมือง Fangling และ Guo Mu เจ้าเมือง Nanxiang ซึ่งได้ชัยชนะอย่างง่ายดาย ใน จีกุ๋ย บุนบูและเตงไก่ผู้นำชุมชนนั้นรวบรวมชาวบ้านหลายพันขึ้นต่อสู้ ลกซุนจัดกองทัพและสั่งให้ Xie Sheng เข้าโจมตบุนบูและเตงไก่ จนทั้งสองต้องหลบหนีไปและกลายเป็นขุนนางของฝ่ายจ๊ก ลกซุนส่งคนไปเกลี้ยกล่อมให้ทั้งสองกลับสู่บ้านเกิดตัวเอง บุนบูยอมนำทหารกลับมาสวามิภักดิ์ต่อฝ่ายง่อ สงครามนี้ฝ่ายง่อได้เชลยศึกหลายหมื่น ซึ่งรับบางส่วนเข้าเป็นทหารและคนที่ไม่ยอมจำนนก็ถูกประหารชีวิต ซุนกวนแต่งตั้งให้ลกซุนเป็นแม่ทัพขวาและพระยาแห่งลั่ว

ในช่วงนั้น มีบัณฑิตผู้มีความสามารถหลายคนเพิ่งเข้ากับฝ่ายง่อ บางคนได้รับตำแหน่งขุนนางแล้ว แต่ยังมีอีกหลายคนที่ยังไม่มีตำแหน่งขุนนาง ลกซุนจึงแนะนำว่า ในอดีต หลิวปังได้จ้างคนดีมีความสามารถมากมาย และฮ่องเต้ฮั่นกองบู๊ได้กอบกู้ราชวงศ์ ชักจูงผู้มีความสามารถร่วมก่อการ เมื่อเหล่าคนดีมีความสามารถเหล่านี้เดินทางระยะทางไกลมาเข้าร่วมกับเรา เวลานี้เราก็ยึดครองเกงจิ๋วได้แล้ว มีคนดีมีความสามารถมากมายที่ผู้คนประจักษ์ในความสามารถของเขา แม้ว่าตัวข้าจะโง่เขลา ข้าวิงวองต่อนายท่านให้แต่งตั้งคนเหล่านี้เป็นขุนนางของเรา แล้วคนดีมีฝีมือทั่วทั้งแผ่นดินเมื่อได้รู้ข่าว ย่อมอยากที่จะเข้าร่วมกับเรา ซุนกวนเชื่อคำแนะนำของลกซุนสั่งมอบหมายตำแหน่งแก่คนเหล่านั้น

ในปีแรกของ Huangwu (AD 222) เล่าปี่ยกทัพใหญ่เข้าโจมตีชายแดนตะวันตกของง่อ ซุนกวนแต่งตั้งลกซุนเป็นแม่ทัพใหญ่และมอบอำนาจสิทธิ์ขาดในกองทัพ พร้อมแม่ทัพ จูเหียน พัวเจี้ยง ซงเขียม ชีเซ่ง Xianyu Dan ซุนหวน นำทัพห้าหมื่นคนเข้าต่อสู้กับทัพเล่าปี่ เล่าปี่ตั้งค่ายของเขาเรียงรายตั้งแต่ชายแดนเมืองง่อ Jianping จนถึงชายแดนอิเหลง เล่าปี่ตั้งกองทัพย่อย ๆ หลายสิบทัพ และชักชวนชนเผ่าต่าง ๆ ให้เข้าร่วมทัพโดยเสนอเงินทองและลาภยศให้ เล่าปี่แต่งตั้งให้ปองสิบเป็นแม่ทัพใหญ่ เตียวหลำเป็นแม่ทัพหน้า Fu Kuang เตียวหยง เลียวซุน Fu Rong เป็นปลัดทัพ เล่าปี่สั่งให้ งอปั้นนำทัพหลายพันคนนำหน้าไปตั้งค่ายในที่สูงและยั่วยุฝ่ายง่อให้ทำศึก เหล่าแม่ทัพนายกองของง่อต่างต้องการนำทัพของตัวเองเข้าตีงอปั้น ลกซุนบอกว่า นี่ต้องเป็นอุบาย ขอให้ท่านจงสังเกตดูต่อไป หลังจากรู้ว่าเล่าปี่ส่งทัพแปดพันคนซุ่มรอโจมตีในหุบเขา ลกซุนจึงบอกว่านี่คือเหตุผลที่ข้าไม่เชื่อคำแนะนำพวกท่านเพราะข้าคาดไว้แล้วว่าต้องมีทัพซุ่มอยู่ (เมื่อบรรดาเหล่าแม่ทัพต้องการโจมตีลกซุน แต่ลกซุนไม่ต้องการทำเช่นนั้น เขากล่าวว่า เล่าปี่นำทัพจากตะวันตกมาด้วยตัวเอง ขวัญกำลังใจทหารก็ยังดีอยู่ แถมยังตั้งทัพในที่สูงและสร้างสิ่งกีดขวางมากมาย การเข้าโจมตีย่อมไม่ใช่เรื่องง่าย และแม้ว่าเราสามารถเอาชนะทัพงอปั้น ทัพงอปั้นก็เป็นเพียงทัพเล็ก ๆ ส่วนหนึ่ง ไม่ส่งผลกระทบอะไรต่อทัพใหญ่ของเล่าปี่ ถ้าเราโจมตีไม่สำเร็จ ฝ่ายง่อเราต้องตกอยู่ในอันตราย เวลานี้เราควรให้รางวัลและปลุกระดมขวัญกำลังใจทหาร วางแผนคิดกลยุทธ และสอดแนมการเคลื่อนไหวศัตรู ถ้าการรบครั้งนี้ทำในที่ราบ เราควรต้องระวังในการสูญเสียไพร่พลในการสู้รบ แต่ทัพเล่าปี่ยกทัพผ่านเทือกเขา ทำให้การเคลื่อนทัพเป็นไปอย่างลำบาก ศัตรูไม่สามารถขนอาวุธยุทโธปกรณ์ผ่านป่าและหุบเขาได้อย่างสะดวก เราควรใช้จุดอ่อนนี้ค่อย ๆ เอาชนะฝ่ายศัตรู เหล่าบรรดาแม่ทัพต่างไม่เข้าใจ คิดว่าลกซุนกลัวเล่าปี่ ต่างพากันผิดหวังและโกรธ)

ลกซุนบอกกับซุนกวนว่า อิเหลงเป็นจุดยุทธศาสตร์ที่สำคัญเพราะเมื่อผ่านจุดนี้ ทัพเล่าปี่จะสามารถยกทัพเข้าโจมตีดินแดนง่อของเราโดยสะดวก แม้ว่าเราสามารถยึดครองได้ง่ายดาย แต่การรักษาไว้เป็นเรื่องยาก การเสียอิเหลงเหมือนสูญเสียดินแดนง่อทั้งหมด จะทำให้เกงจิ๋วต้องอยู่ในอันตราย ถ้าเราต้องสู้เราต้องได้รับชัยชนะเด็ดขาด เล่าปี่ฝืนลิขิตสวรรค์ละทิ้งการป้องกันจ๊ก ยกทัพมาบุกโจมตีเรา ตัวข้าแม้ไร้ความสามารถ แต่อาศัยบุญบารมีและอำนาจของซุนกวน จะยกทัพเข้าสู้กับทัพเล่าปี่ ทัพเล่าปี่จะถูกทำลายย่อยยับในไม่ช้า

หลังจากสอดแนมการนำทัพของเล่าปี่หลายครั้ง ข้าเห็นจุดอ่อนมากมายในกองทัพเล่าปี่ดังนั้น ทัพเล่าปี่แม้จะมีจำนวนมากก็ไม่น่ากลัว ข้าเองกังวลว่าเล่าปี่จะยกทัพบุกมาทั้งทางบกทางน้ำ แต่เล่าปี่กลับไม่ใช้ทัพเรือใช้เพียงทัพบก และตั้งค่ายเรียงรายไปทั่ว การนำทัพของเล่าปี่มักจะเป็นดังนี้และคิดว่าไม่เปลี่ยนแปลงแน่นอน ขอนายท่านได้โปรดสบายใจ อย่าได้โปรดกังวลอีกต่อไป

เหล่าแม่ทัพง่อต่างพากันพูดว่า เราควรที่จะโจมตีเล่าปี่ก่อนหน้านี้ เวลานี้ของเล่าปี่นั้นอยู่ห่างจากชายแดนเราเพียงห้าหกร้อยลี้ ทัพทั้งสองก็ประจันหน้ากันมาเจ็ดแปดเดือนแล้ว ในเวลานี้เล่าปี่ต้องมีการป้องกันอย่างหนาแน่นในจุดยุทธศาสตร์ต่าง ๆ การโจมตีตอนนี้จะไม่ประสบความสำเร็จ ลกซุนตอบว่า เล่าปี่เป็นคนเจ้าเล่ห์ยิ่งนัก มีประสบการณ์ในสงครามหลายต่อหลายครั้ง เมื่อเขายกทัพมาใหม่ ๆ ต้องมีความต้องการแน่วแน่ที่จะต่อสู้กับเรา มันเป็นไปไม่ได้ที่จะเอาชนะทัพเล่าปี่ แต่เวลานี้ ทัพศัตรูตั้งค่ายประจันหน้ากับเราเป็นเวลานานแล้ว แต่ไม่อาจรุกคืบหน้าเข้ามาในดินแดนเราได้ พวกเขาย่อมอ่อนล้าและสูญเสียกำลังใจ กองทัพของเราได้รายล้อมข้าศึกไว้แล้ว ตอนนี้เป็นเวลาที่เหมาะสมแก่การจับตัวเล่าปี่ ลกซุนพยายามโจมตีค่ายหนึ่งของเล่าปี่ แต่พ่ายแพ้ เหล่าแม่ทัพง่อต่างพูดว่า เป็นการส่งทหารไปตายแท้ ๆ ลกซุนก็เอ่ยว่า ข้ามีแผนที่จะเอาชนะเล่าปี่แล้ว แล้วลกซุนก็สั่งการให้แม่ทัพทุกคนใช้คบไฟเข้าโจมตีค่ายของเล่าปี่ ทันทีที่การโจมตีด้วยไฟได้ผล ลกซุนนำทัพทั้งหมดเข้าโจมตี สังหาร เตียวหลำ ปองสิบ สะโมโข และแม่ทัพฝ่ายจ๊กมากมาย ทำลายค่ายสี่สิบกว่าค่ายของเล่าปี่ ตู้ลู่และหลิวหนิง และแม่ทัพหลายคนของจ๊กถูกบังคับให้ยอมแพ้ เล่าปี่ถอยทัพขึ้นภูเขา Ma’an และตั้งทหารป้องกันไว้หลายจุด ลกซุนสั่งให้ทหารเข้าโจมตีจากทุกทาง เนื่องจากทหารเล่าปี่พ่ายแพ้มาและบาดเจ็บจากเพลิง ทำให้ทัพเล่าปี่พ่ายแพ้อีกครั้ง สูญเสียทหารหลายหมื่นคน เล่าปี่ลอบหนีไปในเวลากลางคืน โดยอาศัยเส้นทางนำสารของตัวเองที่สร้างค่ายเล็ก ๆ ไว้ อาศัยม้าในค่ายนำสารหลบหนี พร้อมกับเผาค่ายทิ้งเพื่อป้องกันฝ่ายง่อตามโจมตี เล่าปี่หนีรอดอย่างหวุดหวิดไปเมืองเป๊กเต้ ฝ่ายง่อยึดเรือรบ อาวุธและได้เชลยศึกจำนวนมาก ศพทหารจ๊กลอยเกลื่อนในแม่น้ำแยงซี เล่าปี่โกรธแค้นและอับอายมาก เขาตะโกนว่า ลกซุนลบหลู่เกียรติยศของข้า นี่เป็นลิขิตสวรรค์หรือไร

ก่อนหน้านั้น ซุนหวนได้รับคำสั่งให้นำกำลังส่วนหนึ่งเข้าโจมตีทัพหน้าของเล่าปี่ที่ Yidao เขาถูกล้อมโดยทัพของเล่าปี่ และส่งสารถึงลกซุนขอความช่วยเหลือ ลกซุนบอกว่ายังไม่ถึงเวลา เหล่าแม่ทัพง่อต่างพูดว่า ซุนหวน แม่ทัพรักษาความสงบตะวันออก เป็นหลานของซุนกวน เมื่อรู้ว่าเขาถูกล้อมอยู่ ทำไมถึงไม่ส่งคนไปช่วยเหลือ ลกซุนตอบว่า แม่ทัพซุนหวนนั้นเป็นคนดี ลูกน้องต่างพากันรักใคร่ อีกทั้งกำแพงเมืองก็ยังแข็งแกร่ง เสบียงอาหารอุดมสมบูรณ์ ดังนั้นจึงไม่น่าวิตก ถ้าแผนของข้าสำเร็จ ถึงเราไม่ส่งทัพสนับสนุนไป ซุนหวนย่อมทำลายวงล้อมศัตรูได้เอง เมื่อแผนลกซุนสำเร็จ ทัพเล่าปี่พ่ายแพ้ย่อยยับต้องหนีไป หลังจากนั้นซุนหวนได้พบกับลกซุนพูดว่า ตอนแรกข้ามีอคติกับท่านเมื่อท่านไม่ส่งทัพหนุนมาช่วยข้า แต่เวลานี้เมื่อข้าได้เห็นชัยชนะของเรา ข้าเข้าใจแล้วว่าท่านได้วางแผนเป็นอย่างดี

ในช่วงที่ฝ่ายง่อป้องกันการโจมตีทัพเล่าปี่ แม่ทัพหลายคนที่เคยรับใช้ตั้งแต่สมัยซุนเซ็ก หรือแม่ทัพที่เป็นคนในตระกูลซุน ล้วนแต่หยิ่งยโส พวกเขาปฏิเสธไม่ให้ความร่วมมือแก่คำสั่งลกซุน ลกซุนจึงยกดาบขึ้นบนโต๊ะพูดว่า เล่าปี่นั้นมีชื่อเสียงมาก แม้แต่โจโฉเองก็ยังกลัวเขา เวลานี้เล่าปี่บุกมารุกรานเราถือเป็นศัตรูตัวฉกาจของก๊กเรา พวกเราทุกคนที่ได้รับเบี้ยหวัดจากซุนกวน ควรที่จะสามัคคีต่อสู้ร่วมกันเพื่อตอบแทนซุนกวน แม้ว่าตัวข้าจะเป็นเพียงบัณฑิต แต่ข้าได้รับคำสั่งจากซุนกวน พวกท่านอาจไม่สบายใจที่ต้องรับคำสั่งจากข้า แต่ข้าเองมีถ้อยคำที่อยากให้ท่านได้รับรู้และเปลี่ยนใจ ข้าเองพยายามที่จะรับผิดชอบในภาระหน้าที่ที่สำคัญนี้ เราทุกคนต่างก็มีหน้าที่ของตัวเอง พวกเราไม่อาจละทิ้งหน้าที่ของเราได้ กฎอัยการศึกเป็นสิ่งที่สำคัญและไม่อาจผ่อนปรนได้ ขออย่าได้พยายามฝืนกฏกองทัพ อย่างไรก็ตามเมื่อแม่ทัพทั้งหมดได้เห็นการพ่ายแพ้ของทัพเล่าปี่จากการวางแผนอันชาญฉลาดของลกซุน ต่างก็พากันเคารพลกซูน

เมื่อซุนกวนได้ทราบข่าว จึงพูดกับลกซุนว่า ทำไมเจ้าไม่รายงานข้าทันทีว่า เหล่าแม่ทัพไม่เชื่อสั่งคำสั่งเจ้า ลกซุนตอบว่า ตัวข้าได้รับความกรุณาของท่านอย่างหาที่สุดมิได้รวมทั้งการแต่งตั้งตำแหน่งที่เกินความสามารถของข้า ยิ่งกว่านั้นแม่ทัพที่ไม่พอใจหลายคนอยู่กับง่อมานาน เป็นเหมือนขวัญและกำลังใจของก๊กเรา หลายคนต่อสู้ข้าศึกเพื่อก๊กเราหลายต่อหลายครั้ง ที่เหลือก็ล้วนแต่มีผลงานกับง่อมาไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง พวกเขาล้วนเป็นบุคคลที่สำคัญยิ่งที่เราจะขาดไม่ได้ แม้ว่าข้าไม่มีความสามารถมากนัก แต่ก็พยายามเลียนแบบ Lin Xiangru และ Kou Xun พยายมที่จะทำงานร่วมกับพวกเขาเพื่อผลประโยชน์ของก๊ก ซุนกวนหัวเราะและชมเชยเขาอย่างมาก ตั้งให้เขาเป็นแม่ทัพและเจ้าเมืองเกงจิ๋ว และตั้งให้เขาเป็นพระยาแห่งกังเหลง

หลังจากเล่าปี่หนีไปอยู่ที่เมืองเป๊กเต้ ชีเซ่ง พัวเจี้ยง ซงเหียนและแม่ทัพคนอื่นแนะนำซุนกวนว่าสามารถจับตัวเล่าปี่ได้ ให้ตามโจมตีต่อไป ซุนกวนถามคำแนะนำของลกซุนซึ่งเห็นด้วยกับจูเหียนและล่อถง ว่าโจผีกำลังระดมทัพใหญ่อ้างว่ามาช่วยง่อโจมตีเล่าปี่ แต่ที่จริงน่าจะมีแผนการเบื้องหลัง ด้วยเหตุนี้ลกซุนจึงตัดสินใจถอยทัพอย่างรวดเร็ว ไม่นานนัก กองทัพวุยก็ยกทัพมาตีทัพง่อถึงสามทาง (เมื่อเล่าปี่ได้ข่าวทัพวุยยกทัพตีง่อถึงสามทาง เขาเขียนจดหมายหาลกซุนว่า วุยยกทัพมาถึงจุดเชื่อมระหว่างแม่น้ำแยงซีและแม่น้ำฮั่น ถ้าข้ายกอีกทัพจากตะวันออก ท่านคิดว่าข้าจะได้ชัยหรือไม่ ลกซุนตอบว่า ข้ากลัวว่าท่านคงต้องพยายามฟื้นฟูกองทัพจากการพ่ายแพ้ครั้งก่อน นี่ควรเป็นเวลาที่เราจะสานสัมพันธ์เป็นพันธมิตรกันอีกครั้ง เพื่อความสงบสุขและฟื้นฟูกองทัพ นี่ไม่ใช่เวลาที่ท่านจะยกทัพมาโจมตี ถ้าท่านไม่พิจารณาให้รอบคอบ และพยายามโจมตีอีกครั้งด้วยทัพของท่านทั้งหมด ทหารของท่านย่อมไม่เต็มใจที่จะสู้เพื่อท่านและจะพยายามหนีเอาตัวรอดรักษาชีวิต

ไม่นานหลังจากนั้น เล่าปี่เสียชีวิตจากโรคภัย เล่าเสี้ยนได้ขึ้นครองราชย์แทน ขงเบ้งถูกแต่งตั้งให้ดูแลกิจการบ้านเมือง ขงเบ้งพยายามเป็นพันธมิตรกับซุนกวนอีกครั้ง ซุนกวนส่งจดหมายของขงเบ้งให้ลกซุนตอบกลับ ซุนกวนสั่งให้ทำตราหยกเหมือนอย่างตราหยกประจำตำแหน่งของเขาแล้วให้ตราหยกนั้นแก่ลกซุน ทุกครั้งที่ซุนกวนจะส่งจดหมายถึงเล่าเสี้ยนหรือขงเบ้ง เขาจะให้ลกซุนอ่านจดหมายและช่วยเปลี่ยนคำพูดที่จำเป็นให้ดูเหมาะสม จึงค่อยปิดผนึกจดหมายและส่งจดหมาย

ในปี Huangwu ที่ 7 (AD 228) ซุนกวนสั่งให้จิวหองเจ้าเมือง Poyang ใช้อุบายหลอกโจฮิว แม่ทัพใหญ่ของวุย โจฮิวหลงกลนำทัพสู่อ้วนเซีย ซุนกวนจึงตั้งลกซุนเป็นแม่ทัพใหญ่และพระราชทานขวานทองคำ สั้งให้เขานำทัพต่อสู้โจฮิว เมื่อโจฮิวรู้ว่าเขาโดนหลอก เขาก็ละอายเกินกว่าจะยกทัพกลับ คิดว่ากองทัพเขามีไพร่พลเยอะกว่าและเสบียงอาหารก็พร้อมพรัก เขาจึงเลือกที่จะนำทัดโจมตีทัพลกซุน ลกซุนนำทัพใหญ่ด้วยตัวเอง สั่งให้จูหวนและจวนจ๋องนำทัพซ้ายขวา เข้าตีพร้อม ๆ กัน ทัพโจฮิวเสียทีจากการซุ่มโจมตีจึงถอยทัพโดยมีทัพง่อตามไล่ตีจนถึง Jiashi ที่ซึ่งทหารวุยถูกฆ่าตายหลายพันคนและยังทิ้งขบวนขนส่งเสบียงและอาวุธมากมาย ข้าวของเครื่องใช้ของทัพวุยโดนฝ่ายง่อยึดได้หมดสิ้น ระหว่างที่โจฮิวยกทัพกลับ เขาตายเนื่องจากแผลอักเสบที่หลัง ลกซุนจัดกำลังทัพใหม่ และเมื่อเขาเดินทางผ่านไปที่บู๊เฉียง ซุนกวนสั่งการให้คนกางเศวตฉัตรของเขาให้แก่ลกซุนตลอดเวลาที่เขาอยู่ในวังหลวง และยังมอบเครื่องหลวงและวัตถุล้ำค่าหายากหลายอย่าง เกียรติยศที่ลกซุนได้รับไม่เคยมีใครได้รับเลยในช่วงเวลานั้น หลังจากนั้นลกซุนก็ย้ายกลับไป Xiling (หรือเมืองอิเหลงเดิม)

ในปี Huang Long ที่หนึ่ง (AD229) ลกซุนถูกแต่งตั้งเป็นแม่ทัพใหญ่และแม่ทัพขวา ในปีนั้น ซุนกวนเดินทางไปเกี๋ยนเงียบ เพื่อควบคุมการทำรังวัดเพื่อสร้างพระราชวังใหม่ ทิ้งรัชทายาทและลูกคนอื่นและขุนนางต่าง ๆ ไว้ที่ง่อ ซุนกวนเรียกตัวลกซุนกลับมาช่วยรัชทายาท ในขณะที่ลกซุนรักษาการที่เกงจิ๋วและหัวเมืองทั้งสามของอิเจี๋ยง และดูแลกิจธุระภายในภายนอก ในตอนนั้น Sun Lu พระยาแห่ง Jiangchang ลูกคนที่สองของซุนกวน ได้สร้างโรงเลี้ยงสำหรับการต่อสู้เป็ด (?????)อย่างหรูหราขึ้นในจวนของเขา ลกซุนพูดตำหนิเขาว่า นายท่าน ท่านควรจะศึกษาตำราเพิ่มพูนความรู้ของท่าน ทำไมถึงได้ทำตัวเสเพลอย่างนี้ Sun Lu จึงสั่งให้ทำลายโรงแข่งขันนั้นทันที Sun Song (ลูกของซุนเซียง ลูกคนที่สามซุนเกี๋ยน) ขุนพลควบคุมพลธนู หนึ่งในลูกหลานคนโปรดของซุนกวน เขาปล่อยให้ลูกน้องของเขากินเหล้าเมามาย วินัยทหารหย่อนยาน ลกซุนจึงทำโทษโกนหัวลูกน้องของเขาต่อหน้าเขา และเมื่อ Xie Jing แห่งลำหยงผู้ที่เลื่อมใสคำสอนของเล่าหงี เกี่ยวกับการลงโทษมาก่อนการใช้ความกรุณา (การใช้พระเดชสำคัญกว่าพระคุณ) ลกซุนดูถูก Xie Jing ว่า การให้ความหวังกำลังใจควรพิจารณาก่อนการลงโทษเป็นสิ่งที่ปฏิบัติมาเป็นเวลานาน เล่าหงีทำผิดที่บิดเบือนคำสอนนักปราชญ์ยุคก่อนโดยการทำตรงข้าม ท่านเองรับราชการในสังกัดรัชทายาท ท่านควรจะปฏิบัติตัวตามคำสอนที่เน้นความเมตตาและศีลธรรมและพยายามสอนคนอื่นเรื่องความกรุณาด้วย ส่วนคำสอนเหล่านั้นของเล่าหงีไม่ควรเอ่ยถึงอีก (ลกซุนนั้นศึกษาวิธีทางของขงจื้อ ที่กล่าวว่า ถ้าปกครองผู้คนโดยกฎหมาย และบังคับใช้ด้วยการลงโทษ ผู้คนก็จะหลีกเลี่ยงการทำผิด เพราะพวกเขาไม่อยากถูกลงโทษ ไม่ใช่เพราะความละอายใจในการทำผิด ถ้าชาวบ้านถูกกระตุ้นโดยการปกครองด้วยศีลธรรมและความประพฤติชอบ มีขนบธรรมเนียมประเพณีอันดีสำหรับสิ่งที่ควรพึงปฏิบัติ ชาวบ้านก็จะอยากเป็นคนดี เพราะเขามีความรู้สึกผิดชอบชั่วดี รู้จักละอายใจเมื่อทำผิด)

แม้ว่าลกซุนจะรักษาการไกลจากเมืองหลวง แต่เขาก็ยังเฝ้าระวังกิจต่าง ๆ ของก๊กง่อ เขาแสดงความเห็นของเขาต่อการบริหารบ้านเมืองในเวลานั้นว่า ข้าลกซุน ข้ารับใช้ของท่านรู้สึกว่า กฎหมายของง่อนั้นเข้มงวดและไม่ยืดหยุ่น ทำให้คนจำนวนมากถูกกล่าวหาจากความผิดเล็ก ๆ น้อย ๆ หลายปีมานี้ แม่ทัพและขุนนางต่างเกี่ยวข้องกับการละเมิดกฎหมาย แม้ว่าพวกเขาควรที่จะถูกลงโทษจากการไม่ใส่ใจในหน้าที่ แต่แผ่นดินยังไม่สงบเรียบร้อย เราควรจะมองข้ามความผิดเล็ก ๆ น้อย ๆ ไปสนใจสร้างขวัญกำลังใจในหมู่ขุนนางเพื่อการใหญ่ดีกว่า ยิ่งกว่านั้นการมีคนดีมีฝีมือนั้นถือเป็นเรื่องสำคัญ และความผิดที่เขาทำเกิดจากความไม่ตั้งใจและไม่ใช่คนเลวโดยสันดานและเป็นความผิดเล็กน้อยสามารถอภัยให้ได้ ข้าเสนอให้ท่านคืนตำแหน่งให้กับแม่ทัพขุนนางที่ทำผิด ให้เขาได้ใช้ความสามารถของเขาเพื่อรับใช้พระมหากรุณาธิคุณของท่าน

นี่คือเหตุผลว่าทำไมเหล่านักปราชญ์และฮ่องเต้สามารถสร้างอาณาจักรขึ้นมาได้ เพราะว่าเขาอภัยความผิดของผู้อื่นและจดจำสิ่งที่ลูกน้องเขาเสียสละอุทิศตัวเพื่อเขา ในอดีต พระเจ้าฮั่นโกโจ (หลิวปัง) ไม่พิจารณาข้อกล่าวหาของ Chen Ping (Chen Ping เป็นลูกน้องคนสำคัญของเซี่ยงหวี่) แต่ใช้ความสามารถของเขามาสร้างราชวงศ์ฮั่นและรวบรวมประเทศจีน

ซุนกวนต้องการที่จะส่งกองทัพไปยึด Yizhou (ใต้หวัน)และ Zhuya เขาขอคำแนะนำจากลกซุน ลกซุนเขียนจดหมายถึงซุนกวนว่า

ข้าน้อยซุนกวน ข้ารับใช้ของนายท่าน ข้าคิดว่าดินแดนในการปกครองของเรานั้นยังไม่สงบเรียบร้อยดี เราควรที่จะสร้างความมั่นคงให้ดินแดนภายในเราก่อน กองทัพเราเสียหายทำสงครามรบพุ่งเป็นเวลาหลายปีติดต่อกัน นายท่านเองวิตกกังวลเฝ้าวางแผนที่จะโจมตี Yizhou จนแทบไม่กินไม่นอน เมื่อข้าพิจารณาเรื่องนี้หลายครั้งแล้ว แทบไม่เห็นประโยชน์จากการโจมตีนี้เลย การส่งกองทัพเราไปดินแดนที่ห่างไกล เราไม่สามารถคาดการณ์ฟ้าฝนได้ การที่ทหารอยู่ในที่ผิดถิ่น ทหารของเราอาจล้มป่วยได้ ถ้าเราส่งทหารเราไปแดนเถื่อนอย่างนั้น เราจะสูญเสียมากกว่าจะได้ ยิ่งกว่านั้น Zhuya เป็นดินแดนอันตราย ชนพื้นเมืองไม่ต่างอะไรกับสัตว์ป่า การยึดครองดินแดนนั้น ไม่มีประโยชน์อะไรกับเราเลย และถ้าเราไม่ทิ้งทหารรักษาการไว้ที่นั่น เราก็ไม่สามารถควบคุมพวกเขาได้

ก๊กง่อเรามีกำลังทหารและทรัพยากรมากพอที่จะครอบครองแผ่นดินจีนได้ สิ่งที่เราควรทำคือรักษาความแข็งแกร่งของกองทัพและนำมาใช้ในการรบที่เหมาะสม เมื่ออ๋องฮวน(ซุนเซ็ก) สร้างรากฐานตระกูลซุน เขาไม่ได้สร้างแต่กองทัพ แต่เขาสร้างการปฏิบัติเพื่อความสำเร็จด้วย นายท่านได้รับมอบอำนาจจากท่านซุนเซ็กและสร้างอาณาจักรโดยอาศัยแม่น้ำแยงซีช่วย ข้าได้ยินว่าความน่าเกรงขามของกองทัพอยู่ที่การปราบปรามกบฏผู้ร้าย การอุตสาหกรรมเบื้องต้นคือการทำการเพาะปลูกเพื่ออาหารและการผลิตผ้าไหมเพื่อเครื่องนุ่งห่ม ในเวลานี้ บ้านเมืองยังไม่สงบเรียบร้อย ชาวบ้านยังหิวโหยและหนาวเหน็บ ความเห็นอันต่ำต้อยของข้าเห็นว่า เราควรจะให้ประชาชนได้อยู่อย่างสงบสุข การลดค่าเช่าและภาษี เราจะได้ความจงรักภักดีจากประชาชนและความปรองดองในก๊กเรา ด้วยวิธีนี้ดินแดนลุ่มแม่น้ำแยงซีและแม่น้ำวุย จะกลายเป็นของเราและสวรรค์จะลิขิตให้เราได้ครองเมืองจีน อย่างไรก็ตาม ซุนกวนยังทำตามแผนเข้าโจมตี Yizhou และผลตอบแทนจากสงครามนั้นไม่สามารถทดแทนสิ่งที่ทัพง่อเสียไปในสงครามได้

เมื่อกองซุนเอี๋ยนได้หักหลังการเป็นพันธมิตรกับง่อ ซุนกวนต้องการจะเร่งระดมทัพเข้าต่อสู้กับเขา แต่ลกซุนให้คำแนะนำว่า กองซุนเอี๋ยนอาศัยความได้เปรียบทางภูมิประเทศและการป้องกันที่แข็งแกร่ง จึงกล้าที่จะกักตัวฑูตของเราไว้ และยังไม่ส่งม้าชั้นดีมาเป็นบรรณาการให้แก่พวกเรา การกระทำนี้รับไม่ได้และน่ารังเกียจ พวกคนเถื่อนก็เป็นเช่นนี้ พวกเขาจะก่อกวนความสงบในภาคกลางเสมอ โง่เง่าและไม่ใส่ใจขนบธรรมเนียมประเพณีของเรา เหมือนดังสัตว์ป่าที่ซ่อนตัวในป่า ปฏิเสธที่จะเข้าร่วมกับเรา การกระทำของพวกมันจะทำให้นายท่านโกรธเกรี้ยว ปรารถนาที่จะเสี่ยงบุคลากรที่มีค่าของนายท่านและล่องเรือข้ามทะเลอันกว้างใหญ่ ไม่สนใจอันตรายและผลลัพท์ที่ตามมา

ในยุคนี้ประเทศเราเต็มไปด้วยความสับสนวุ่นวาย เจ้าเมืองต่าง ๆ พากันสู้รบกันเหมือนดั่งเสือร้าย ความกล้าหาญและโหดเหี้ยมของมนุษย์ทวีขึ้น เมื่อคนเราเห็นผู้อื่นเป็นศัตรูไปหมด นายท่านนั้นมีบุญญาธิการและความสามารถอันเยี่ยมยอด ท่านได้รับลิขิตสววรค์ให้เอาชนะโจโฉที่เซ็กเพ็ก ปราบเล่าปี่ที่อิเหลง จับตัวกวนอูที่เกงจิ๋ว พวกเขาเหล่านี้เป็นวีรบุรุษและอัจฉริยะในยุคของเรา ท่านสามารถมีชัยเอาชนะพวกเขาได้ ประชาชนในรัศมีหมื่นลี้ล้วนแต่อ่อนน้อมต่อกฎระเบียบของเรา เหมือนต้นอ้อที่ลู่ลม เวลานี้เป็นเวลาที่เราจะสนใจดินแดนภาคกลาง นำสันติสุขและรวบรวมแผ่นดินให้เป็นหนึ่ง ไม่ควรเสี่ยงกับการคุมคามเล็กน้อยเช่นนี้ นายท่านแสดงความโกรธเหมือนสายฟ้าฟาด ไม่ใส่ใจคำเตือนของผู้ใหญ่ นายท่านกำลังเอาเกียรติยศที่สั่งสมมาไปเสี่ยง

นายท่านเคยได้ยินสุภาษิตหรือไม่ ว่าชายที่ตัดสินใจจะเดินหมื่นลี้ย่อมไม่หยุดกลางทาง คนที่ตั้งใจเป็นใหญ่ในแผ่นดิน ย่อมไม่ยอมให้เรื่องเล็กมาขวางแผนการใหญ่ ข้าศึกที่แข็งแกร่งนอกชายแดนเรา โจรกบฏต่าง ๆ ในดินแดนของเรา สมควรแล้วหรือที่นายท่านจะยกทัพเรือไปโจมตีที่ ๆ ห่างไกล ซึ่งจะล่อให้ศัตรูของเราให้เข้าโจมตี เมื่อนายท่านมาคิดถึงอันตรายที่มาถึง เมื่อนั้นก็สายเกินกว่าจะเสียใจ

ถ้าเราสามารถรวมแผ่นดินให้เป็นหนึ่งได้ กองซุนเอี๋ยนก็จะมาสิโรราบต่อหน้าท่านเอง นายท่านปรารถนาอาณาประชาราษฎร์และม้าชั้นดีจากเลียวตั๋ง แต่เพื่อสิ่งเหล่านั้นท่านจะยอมเสียความมั่นคงในดินแดนตอนใต้ไปหรือ ข้าน้อยขอวิงวอนให้ท่านยุติการเตรียมท่านโดยเร็วที่สุด มุ่งเป้าไปที่ศัตรูสำคัญของเราเท่านั้น เราจะสามารถรวบรวมแผ่นดินทางกลางได้โดยเร็วและนำความสันติมาสู่ดินแดนนี้นับชั่วพันปี ซุนกวนเห็นด้วยกับข้อเสนอของลกซุนและเลิกล้มความคิดไปตีกองซุนเอี๋ยน

ในปี Jiahe ที่ 5 ซุนกวนนำทัพบุกขึ้นเหนือ และส่งลกซุนกับจูกัดกิ๋นเข้าโจมตีซงหยง ลกซุนส่ง Han Bian ลูกน้องที่ตัวเองไว้ใจนำสารไปให้ซุนกวน แต่ระหว่างทางกลับ Han Bian โดนศัตรูพบเห็นและถูกจับได้ที่ Mianzhong เมื่อจูกัดกิ๋นรู้ข่าว ตกใจมากและเขียนจดหมายถึงลกซุนบอกว่า ซุนกวนได้ถอยทัพกลับไปแล้ว ข้าศึกก็จับตัว Han Bian ไว้ ศัตรูต้องได้ข้อมูลทางทหารที่สำคัญจาก Han Bian ยิ่งกว่านั้นแม่น้ำก็เริ่มจะลดระดับ แห้งลงเรื่อย ๆ นี่ควรเป็นเวลาที่เราจะเร่งรีบถอยทัพ ลกซุนไม่ตอบจดหมายจูกัดกิ๋นแต่กลับควบคุมให้ทหารปลูกถั่วปลูกผักและเล่าหมากรุกและเกมอื่น ๆ กับลูกน้องเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น จูกัดกิ๋นรู้เข้าจึงบอกว่า ท่านลกซุนเป็นอ้จฉริยะบุรุษ การทำเช่นนี้ต้องมีแผนแอบแฝงอยู่เป็นแน่แท้ เขาจึงเดินทางไปหาลกซุน ลกซุนจึงบอกจูกัดกิ๋นว่า ข้าศึกรู้ว่าซุนกวนยกทัพกลับไปแล้ว พวกเขาจึงไม่กังวลกับทัพซุนกวนอีกต่อไปและจะหันมารวมกำลังทหารเพื่อรับมือเรา และได้วางกำลังป้องกันจุดยุทธศาสตร์ต่าง ๆ ไว้แล้ว ขวัญกำลังใจของทัพเรากำลังสั่นคลอน เราควรที่จะตั้งทัพต่อไปเพื่อลดความกลัวของทหารฝั่งเรา หลังจากนั้นค่อยวางแผนหาวิธีถอยทัพ ถ้าเราแสดงท่าทีอะไรว่าจะถอยทัพในตอนนี้ ศัตรูจะคิดว่าเรากลัวและจะไล่โจมตีทหารเรา ซึ่งจะทำให้ทัพเราพ่ายแพ้แน่

ดังนั้น ลกซุนและจูกัดกิ๋นจึงวางแผนการถอยทัพอย่างลับ ๆ จูกัดกิ๋นรับหน้าที่คุมทัพเรือ ส่วนลกซุนคุมทัพบก ทั้งสองแกล้งทำเป็นจะยกทัพเข้าตีเมืองซงหยง ทหารฝั่งง่อซึ่งกลัวในกิตติศัพท์ของลกซุนเมื่อรู้ข่าว ก็ถอยทัพกลับเข้าไปป้องกันในเมือง จูกัดกิ๋นจึงนำทัพเรือเข้าเทียบฝั่ง ลกซุนทำการจัดกองทัพอย่างช้า ๆ แสดงความสามารถของทัพเขา แล้วก็เดินทัพขึ้นทัพเรือของจูกัดกิ๋น ข้าศึกไม่กล้าที่จะไล่โจมตี เมื่อกองทัพมาถึง Baiwei ลกซุนบอกว่าจะหยุดพักที่นี่เพื่อล่าสัตว์หาเสบียงเพิ่มเติมแล้วส่งแม่ทัพ Zhou Jun Zhang Liang และแม่ทัพคนอื่นเข้าบุก Xinshi Anlu และ Shiyang และบางตำบลของกังแฮ ในตอนนั้นเมือง Shiyang ต่างวุ่นวายจากการมาถึงอย่างไม่คาดหมายของทัพ Zhou Jun ชาวบ้านต่างพากันทิ้งบ้านช่องทรัพย์สินพากันหลบเข้ากำแพงเมือง เนื่องจากชาวบ้านต่างพากันแย่งกันเข้าเมือง เหตุการณ์ชุลมุนนั้นกีดขวางทำให้ไม่สามารถปิดประตูเมืองได้ ทหารฝ่ายวุยจำเป็นต้องฆ่าประชาชนของตัวเมืองเพื่อต้องการจะปิดประตูเมือง ทหารฝ่ายง่อเองก็ฆ่าชาวบ้านและจับกุมได้นับพันคน ชาวบ้านที่ถูกจับเป็นได้รับการคุ้มครอง ไม่อนุญาตให้ทหารทำร้ายพวกเขา ชาวบ้านที่อพยพครอบครัวมาขอความช่วยเหลือก็ได้รับการดูแล คนที่สูญเสียภรรยาและบุตรก็จะมอบเสื้อผ้าและอาหารก่อนจะปล่อยตัว มีชาวบ้านบางคนที่ประทับใจการกระทำนี้ พวกเขาจึงนำครอบครัวอพยพมาอยู่ก๊กง่อ ในตำบลข้างเคียงหลายที่ชาวบ้านบางคนก็ย้ายมาอยู่ฝั่งง่อ
(เรื่องนี้ Pei Songzhi ผู้เรียบเรียงจดหมายเหตุของเฉินโซ่ว กล่าวตำหนิลกซุนอย่างรุนแรง แม้ว่าลกซุนจะกังวลใจที่ทัพซุนกวนยกทัพกลับไปแล้ว ข้าศึกจึงรวมกำลังมารับมือเขา แต่เขาก็ได้ใช้แผนการจนถอยทัพได้อ่างปลอดภัยแล้ว ทำไมถึงยังส่งคนไปบุกตำบลเล็ก ทำให้ชาวบ้านต้องเดือดร้อนและถูกฆ่าตาย การจับชาวบ้านพันคนก็แทบไม่มีผลใดเลยกับวุยก๊ก มันเป็นการกระทำอันโหดร้ายที่เข่นฆ่าผู้บริสุทธิ์ เมื่อเปรียบเทียบกับขเล้งที่บุกวุย ขงเบ้งยึดหลักสงครามโดยไม่ละเลย ไม่ทำลายผู้บริสุทธิ์ การช่วยเหลือชาวบ้านหลังจากการบุกโจมตี ก็ไม่ต่างอะไรกับการช่วยลูกนกหลังจากทำลายรังทิ้ง สิ่งที่มอบให้ไม่สามารถเทียบได้กับการสูญเสียของชาวบ้านเหล่านั้น) Zhao Zhuo ขุนนางของกังแฮ Pei Sheng แม่ทัพรักษาการณ์ Geyang รวมทั้ง Mei Yi ผู้นำชนเผ่าในแถบนั้นก็เป็นพวกหนึ่งที่พาคนของตัวเองย้ายมาฝั่งง่อด้วย ลกซุนก็มอบทรัพย์ให้แก่พวกเขา

Lu Shi เจ้าเมืองกังแฮของวุย ได้รับคำสั่งให้ก่อกวนความสงบแถบชายแดนง่อ จนวันหนึ่งเขาได้เกิดมีปากเสียงกับบุนฮิวลูกของแม่ทัพบุนเพ่ง เมื่อลกซุนรู้เรื่องนี้ เขาแกล้งปลอมจดหมายตอบกลับ Lu Shi ว่า หลังจากข้าได้รับจดหมายของท่าน ข้ารู้ดีว่าท่านนั้นจริงใจ ข้ายังรู้อีกว่าท่านและบุนฮิวนั้นผิดใจกันและคงไม่สามารถอยู่ร่วมกันได้ เมื่อท่านพิจารณาจะแปรพักตร์มาอยู่ฝ่ายง่อ ข้าได้ส่งจดหมายท่านอย่างลับ ๆ เข้าไปที่เมืองหลวงง่อแล้ว และยังได้เตรียมคนของข้ารอคอยการมาของท่าน ขอท่านได้โปรดเตรียมการโดยเร็วและแจ้งให้ข้าทราบด้วยว่าท่านจะสวามิภักดิ์มาเมื่อใด ลกซุนส่งคนนำจดหมายไปทิ้งไว้แถวชายแดน เมื่อทหาร Lu Shi นำจดหมายนั้นมาให้ Lu Shi อ่าน เขาก็หวาดกลัวอย่างมาก จึงส่งลูกเมียของเขากลับไปเมืองลกเอี๋ยงพยายามพิสูจน์ว่าเขาไม่รู้เห็นด้วย แต่หลังจากนั้นเพื่อนฝูงและลูกน้องเขาก็ตีตัวออกห่าง และ Lu Shi ก็ถูกปลดออกจากตำแหน่งเจ้าเมืองกังแฮ

ในปี Jiahe ที่หก Zhou Di แม่ทัพป้องกันราชวังได้ขอคำสั่งเพื่อเกณฑ์ทหารที่เมืองกวนหยง ซุนกวนถามความเห็นลกซุน ลกซุนรู้สึกว่าเมืองกวนหยงมีแนวว่าจะเกิดจลาจลและชาวเมืองก็ไม่เคารพกฎหมายบ้านเมือง การเกณฑ์ทหารจึงไม่ควรทำ อย่างไรก็ตาม Zhou Di ได้ทำการเกณฑ์ทหาร เป็นผลให้ Wu Ju นำชาวเมืองกวนหยงก่อกบฏและฆ่า Zhou Di ยึดหัวเมืองหลายเมือง ที่อิเจี๋ยงและ Luling ชาวเมืองก่อความวุ่นวายหลังจากได้ข่าวการก่อกบฏของ Wu Ju เมื่อลกซุนได้ข่าว เขาก็นำทัพปราบกฎและได้ชัยในที่สุด Wu Ju และผู้นำคนอื่นยอมแพ้ ลกซุนจึงนำพวกเขาเข้าร่วมในกองทัพ ทำให้มีทหารเพิ่มขึ้นกว่าแปดพันคนและทำให้หัวเมืองทั้งสามสงบสุขอีกครั้ง

ในเวลานั้น Lu Yi หัวหน้าบรรณาธิการหลวง ผู้มีหน้าที่รวบรวมบันทึกเอกสารต่าง ๆ ได้ใช้อำนาจของเขาในทางที่ผิด ลกซูน และ พัวโยยก็ถูกกล่าวหาจาก Lu Yi ว่าประพฤติมิชอบ ทั้งสองได้ขอร้องให้ซุนกวนพิจารณาคดีอีกครั้ง ในที่สุด ซุนกวนก็ตัดสินประหารชีวิต Lu Yi จากการใส่ร้ายของเขา ซุนกวนตำหนิตัวเองอย่างมากที่ปล่อยให้ Lu Yi ใส่ร้ายขุนนางผู้บริสุทธิ์

เวลาเดียวกันนั้น Xie Yuan และ Xie Gong และขุนนางคนอื่นได้เสนอการเพิ่มภาษีเพื่อเพิ่มรายได้เข้าคลังหลวง ซุนกวนถามความเห็นลกซุน ลกซุนจึงวิเคราะห์ให้ซุนกวนฟังว่า บ้านเมืองนั้นมีรากฐานมาจากประชาชน ความมั่นคงของบ้านเมืองเกิดจากแรงงานของประชาชน ความมั่งคั่งของบ้านเมืองก็มาจากภาษีของประชาชน ไม่เคยมีปรากฏในยุคใดว่าชาวบ้านร่ำรวยในขณะที่ราชสำนักยากจน และไม่เคยปรากฏว่าชาวบ้านยากจนในขณะที่ราชสำนักร่ำรวย ดังนั้นในการสร้างความสงบสันติของบ้านเมืองนั้นอยู่ที่การชนะใจชาวเมือง การจลาจลและกบฏนั้นเกิดจากการสูญเสียแรงสนับสนุนจากประชาชน ยิ่งกว่านั้น มันเป็นการยากที่จะให้ประชาชนเสียสละเพื่อบ้านเมืองในสิ่งที่เขาไม่เห็นผลของมัน ในบันทึกซือจิง Shih Ching (The book of Odes รวมบทกวีจีนช่วง 1000 -500 ปีก่อนคริสตศักราช) มีกล่าวไว้ว่า ผู้ใดทำคุณประโยชน์แก่ชาวเมือง ผู้นั้นจะได้รางวัลใหญ่ยิ่งในสวรรค์ ข้าขอวิงวอนนายท่านได้โปรดแสดงพระมหากรุณาธิคุณต่อพสกนิกรของพระองค์ ได้โปรดละเว้นการเพิ่มภาษีเพราะทรัพย์สมบัติในคลังหลวงก็ยังมีมากมายในช่วงสองสามปีมานี้

ในปี Chiwu ที่ 7 ลกซุนขึ้นครองตำแหน่งไจเสี่ยงแทนโกะหยงที่เสียชีวิต ประกาศราชโองการมีว่า

แม้ว่าตัวข้าจะด้อยวาสนาและไร้ความสามารถ แต่ด้วยลิขิตสวรรค์ให้ข้าได้ครอบครองราชบัลลังค์ บ้านเมืองเรานั้นยังไม่อาจรวมเป็นหนึ่ง อาชญากรรมและโจรผู้ร้ายยังมีมากมาย ตัวข้าวิตกทั้งวันและคืนไม่สามารถหาเวลามาพักผ่อน

แต่ท่านนั้นมีความสามารถและชาญฉลาดอย่างใหญ่หลวง ความชอบธรรมของท่านเป็นที่ปรากฏแก่สายตาคนทั่วไป แม้ว่าท่านจะถูกแต่งตั้งเป็นแม่ทัพ ท่านก็ได้ช่วยส่งเสริมคุณความดีของแผ่นดิน และขับไล่ศัตรูของแผ่นดินนี้ เป็นความจริงที่ว่า บุคคลผู้มีความสามารถพิเศษจะมีชื่อเสียงเกียรติยศไม่รู้จักจบสิ้น บุคคลผู้เชี่ยวชาญการสงครามและบริหารบ้านเมืองจะได้รับหน้าที่ดูแลแผ่นดิน เช่นในอดีต Yi Yin ได้เพิ่มอำนาจให้แก่ราชวงศ์ Shang (Yi Yinแม้ว่าจะเป็นเพียงทาสที่เผ่า Youxin ส่งมาเป็นของขวัญให้ Tang หัวหน้าก๊ก Shang เนื่องในโอกาสที่เขาแต่งงาน แต่ Tang ได้ประจักษ์ความสามารถของ Yi Yin และใช้สอยเขาในกิจการบ้านเมือง ด้วยความสามารถของเขาสามารถทำให้ราชวงศ์เซี่ย ล่มสลายและก่อตั้งราชวงศ์ Shang ได้) และ Lu Shang ได้ช่วยเสริมอำนาจราชวงศ์ Zhou (Lu Shang หรือ Jiang Shang เป็นเพียงสามัญชนผู้สูงอายุคนหนึ่ง ก่อนที่ อ๋อง Wen แห่ง Zhou จะค้นพบเขาและตั้งให้เขาเป็นหัวหน้าที่ปรึกษา Jiang Shang ช่วยอ๋อง Wu ลูกชายอ๋อง Wen ล้มราชวงศ์ Shang และตั้งราชวงศ์ Zhou) เช่นเดียวกับตัวท่าน สมควรได้รับมอบหมายหน้าที่ให้ดูแลกิจการภายนอกและภายในบ้านเมือง และในวันนี้ข้าซุนกวนขอแต่งตั้งท่านลกซุนให้เป็นไจเสี่ยง และอำนาจควบคุม Fu Chang และตำแหน่งเจ้ากรมพิธีการ ข้าได้ส่งตราตั้งตำแหน่งให้แก่ท่าน ข้าไว้ใจในตัวท่านว่าจะช่วยดำรงความชอบธรรมของเราและช่วยให้เราบรรลุในสิ่งที่เราต้องการในการรวบรวมแผ่นดิน ขอให้ท่านรับตำแหน่งเหนือขุนนางใหญ่ทั้งสามนี้ และเป็นคนผู้ที่จะตักเตือนเหล่าขุนนางทั้งหลาย ท่านจะได้รับการชื่นชมในตำแหน่งหน้าที่ของท่าน และให้คงตำแหน่งเจ้าเมืองบู๊เฉียงไว้ดังเดิม

ช่วงเวลาก่อนหน้านั้น มีตำแหน่งขุนนางว่างในสังกัดขององค์ชายสองคน ซุนโหลูกคนที่สองของซุนกวน และ Sun Ba ลูกคนที่สาม บรรดาขุนนางต่าง ๆ พากันเสนอลูกหลานของตัวเองเข้าอยู่ในสังกัดขององค์ชายทั้งสองคน จวนจ๋องเองก็แจ้งให้ลกซุนได้รู้ ลกซุนจึงว่าบรรดาลูกหลานขุนนางเหล่านั้น ถ้าผู้ใดมีความสามารถก้ไม่ต้องห่วงว่าตัวเองจะไม่ได้ถูกแต่งตั้ง ดังนั้นไม่ควรที่จะใช้เส้นสายในการนี้ เพื่อไม่ให้เกิดผลเสียในภายหลังเมื่อองค์ชายพบว่าคนที่ใช้เส้นสายนั้นไม่มีความสามารถ ยิ่งกว่านั้น ระหว่างองค์ชายสองคนที่มีอำนาจพอ ๆ กันนั้น ขุนนางที่ฉลาดพอย่อมไม่นำตัวเองไปเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ที่ทำให้ทั้งสองฝ่ายทะเลาะกัน

อย่างไรก็ดี จวนกี๋ลูกของจวนจ๋องได้เข้าร่วมเป็นขุนนางในสังกัดของ Sun Ba อ๋องแห่ง Lu และช่วยองค์ชายวางแผนจะช่วงชิงความเป็นรัชทายาทจากซุนโห (ซุนโหได้รับการแต่งตั้งจากซุนกวนให้เป็นรัชทายาท แต่ซุนกวนได้แสดงออกมาหลายครั้งว่าเขาเองชื่นชอบ Sun Ba ทำให้ Sun Ba คิดแย่งตำแหน่งรัชทายาท เมื่อทั้งสองมีเรื่องขัดแย้งกัน ผลสุดท้าย Sun Ba ถูกราชโองการบังคับให้ฆ่าตัวตาย ส่วนซุนโหเองถูกปลดจากตำแหน่งรัชทายาท) ลกซุนจึงเขียนจดหมายไปเตือนจวนจ๋องว่า ขอให้ดูตัวอย่าง Mi Di (ขุนนางผู้ใหญ่ในสมัยฮ่องเต้ฮั่นบู๊เต้ ราชวงศ์ฮั่น ลูกของเขาได้รับมอบหมายให้ดูแลองค์ชาย แต่กลับเสพสุราละเลยหน้าที่ จน Mi Di ต้องสั่งให้ประหารลูกชายตัวเอง) ขอให้ท่านช่วยตักเตือนจวนกี๋ด้วย สหายข้า ท่านกำลังชักนำภัยพิบัติสู่ครอบครัวของท่าน จวนจ๋องไม่รับฟังคำแนะนำของลกซุน และเขาทั้งสองก็หมางเมินต่อกัน ดังนั้นในเวลาต่อมาจากการวางแผนของ Sun Ba ฐานะรัชทายาทของซุนโหจึงสั่นคลอน ลกซุนจึงเขียนจดหมายถึงซุนกวนว่า รัชทายาทนั้นเป็นทายาทที่ชอบธรรม และควรจะมีฐานอำนาจที่มั่นคง ในขณะที่ Sun Ba ในฐานะองค์ชายองค์รอง ควรที่จะทำให้รู้ว่าฐานะของเขานั้นต่ำต้อยก่วาโดยให้อำนาจเขาน้อยกว่าองค์รัชทายาท ถ้าขุนนางทั้งหมดได้รับทราบลำดับฐานะของทั้งสอง ขุนนางต่าง ๆ ก็จะสงบและยอมรับโดยดี ข้าเองยอมโขกศีรษะจนเลือดไหลเพื่อวิงวอนต่อนายท่านได้โปรดพิจารณาด้วย ลกซุนส่งจดหมายเตือนครั้งแล้วครั้งเล่าถึงซุนกวน ขออนุญาตเพื่อประกาศให้ผู้คนในเมืองหลวงเพื่อพูดถึงสิทธิ์อันชอบ
ธรรมของลูกคนโต เพื่อแก้ไขในสิ่งที่ผิด ลกซุนไม่เคยได้รับอนุญาตจากซุนกวน ยิ่งกว่านั้น หลานของลกซุน Gu Tan Gu Cheng และ Yao Xin ได้ถูกเนรเทศจากสัมพันธ์ของพวกเขากับรัชทายาท งอซัน ราชครูของรัชทายาทถึงส่งเข้าคุมและสังหารหลังจากถูกจับได้ว่ามีความติดต่อกับลกซุน ซุนกวนปลดลกซุนจากตำแหน่งและส่งขุนนางไปตำหนิลกซุนครั้งแล้วครั้งเล่า ด้วยความโศกเศร้าเสียใจ ลกซุนก็ถึงแก่ความตายในวัย 63 ปี หลังจากเขาตาย เขามีทรัพย์สมบัติไม่มากนักเหลือให้แก่ลูกหลาน

ก่อนหน้านั้น เมื่อ Ji Yan ได้เสนอให้มีการสร้างพระราชวังใหม่ ลกซุนไม่เห็นด้วยและทำนายว่าจะเกิดปัญหาตามมาในภายหลัง และเขายังเคยกล่าวแก่จูกัดเก็กว่า ตัวข้านั้นจะเคารพและปฏิบัติต่อขุนนางยศสูงกว่าด้วยความเคารพ และให้ความช่วยเหลือพวกเขา กับขุนนางที่ต่ำต้อยกว่า ข้าจะสนับสนุนและเลื่อนตำแหน่งพวกเขา แต่ตัวเจ้ากลับคุกคามขุนนางที่ยศสูงกว่าเจ้าและดูถูกขุนนางที่ต่ำต้อยกว่า นี่ไม่เป็นสิ่งดีสำหรับการสร้างความมั่นคงในหน้าที่การงานของเจ้า ลกซุนยังได้ทำนายว่า Yang Zhu แห่งกองเหลงซึ่งมีชื่อเสียงตั้งแต่เด็ก ว่าจะมีหายนะในที่สุด และแนะนำ Yang Mu พี่ชายของเขาให้ตัดขาดเขาจากตระกูล การคาดการณ์เหล่านี้แสดงให้เห็นวิสัยทัศน์ของลกซุนที่มองการณ์ไกล ลกซุนมีบุตรชายสองคน ลกเอี๋ยนบุตรคนโตตายตั้งแต่แบเบาะ ส่วนลูกคนที่สอง ลกข้องกลายเป็นทายาทสืบทอดของเขา ในสมัยของซุนฮิว ลกซุนได้รับการแต่งตั้งเป็นพระยาแห่งความฉลาดหลักแหลม




 

Create Date : 12 ตุลาคม 2548    
Last Update : 2 มิถุนายน 2549 17:37:27 น.
Counter : 3645 Pageviews.  

แผนผังตระกูลซุน



Sun Zhong
ไม่มีใครรู้ถึงชื่อที่แน่นอนของพ่อของซุนเกี๋ยนเพราะว่าประวัติศาสตร์ไม่ได้บันทึกไว้
แต่มีบางตำราอ้างอิงว่าพ่อของซุนเกี๋ยนชื่อ Sun Zhong มีเรื่องราวของ Sun
Zhong ปรากฏในนิทานพื้นบ้านว่า เขาได้เจอกับเซียน
และเซียนได้ให้พรโดยให้เขาเลือกว่าจะให้ลูกหลานของเขาเป็นฮ่องเต้สองสามรุ่นหรือเป็นแม่ทัพขุนนางใหญ่หลายชั่วคน
เขาได้เลือกให้ลูกหลานเป็นฮ่องเต้


  • Sun Qiang
    พี่ชายฝาแฝดของซุนเกี๋ยน รับราชการทหารและทำงานใกล้ชิดกัน
    แต่เสียชีวิตเมื่ออายุไม่มากนัก โดยที่ทิ้งบุตรชายยังเล็กไว้สองคน


    • Sun Ben
      ลูกคนโตของ Sun Qiang
      แก่กว่าซุนเซ็กสามปีร่วมทัพกับซุนเกี๋ยนครั้งแรกในศึกพันธมิตรต่อต้านตั๋งโต๊ะ
      หลังจากซุนเกี๋ยนตาย ขึ้นเป็นผู้นำตระกูลซุน
      ต่อจากซุนเกี๋ยนและเป็นขุนนางของอ้วนสุด
      แต่ไม่นานก็เข้าร่วมกับกองทัพซุนเซ็ก Sun Ben
      ตายด้วยโรคร้ายหลังจากศึกเซ็กเพ็ก มีข่าวลือว่าเขาตัดสินใจแปรพักตร์
      ร่วมกับ Sun Fu น้องเขา เตรียมตัวสวามิภักดิ์โจโฉ
      เนื่องจากรับการเป็นผู้นำของซุนกวนที่อายุอ่อนกว่าเยอะไม่ได้
      แต่กลับใจร่วมต่อต้านโจโฉในที่สุด หลังศึกเซ็กเพ็ก
      มีข่าวลือว่าเขาได้รับจดหมายตอบรับการแปรพักตร์จากเมืองหลวงแต่งตั้งเป็นขุนนางตำแหน่งสูงมากขึ้นกับโจโฉ
      ทำให้เขาตรอมใจตาย ขณะถือจดหมายนั้นในมือ


      • Sun Lin


        • Sun Miao

        • Sun Lü

        • Sun Shu

        • Sun Zhen – ร่วมทัพกับ Zhang Ti ต่อต้านกองทัพจิ้น
          พ่ายแพ้และถูกประหาร

        • Sun Xie

        • Sun Xin – พ่ายแพ้กองทัพจิ้นถูกประหารโดย Zhou Zhi.


      • Sun An

      • Sun Xi

      • Sun Ji – ร่วมกับลิบองในการบุกเกงจิ๋ว

      • Sun En

      • ลูกสาว แต่งงานกับโจเจียงลูกโจโฉ
        ตอนโจโฉต้องการผูกมิตรกับซุนเซ็กตอนที่โจโฉเปิดศึกกับอ้วนเสี้ยว


    • Sun Fu
      ลูกคนรองของ Sun Qiang ร่วมกับซุนเซ็กในการโจมตีLiu Xun
      หลังจากนั้นครองเมืองชายแดนของง่อติดกับเขตแดนโจโฉ เขาพยายามจะยอมแพ้โจโฉ
      ในศึกเซ็กเพ็ก แต่ถูกจับได้และจองจำในที่สุด
      ลูกหลานของเขาได้รับการอภัยโทษรับตำแหน่งและฐานันดรศักดิ์ตามเดิม


      • Sun Xing

      • Sun Zhao

      • Sun Wei

      • Sun Xin





  • ซุนเกี๋ยน Sun Jian
    แม่ทัพใหญ่ของฮั่น มีชื่อเสียงจากการปราบปรามโจรสลัดในเมืองเตียงสา
    ในช่วงกบฏผ้าเหลืองและทัพพันธมิตรต่อต้านตั๋งโต๊ะเขาได้รับความสำเร็จอย่าง
    มาก เป็นกองทัพเดียวที่ต่อสู้ทำให้ตั๋งโต๊ะล่าถอยจากเมืองลกเอี๋ยง
    ต่อมารับคำสั่งจากอ้วนสุดโจมตีเล่าเปียว ตายในการรบกับเล่าเปียว
    แต่งงานกับงอฮูหยินและมีภรรยาน้อยอย่าง น้อยหนึ่งคน


    • Sun He (Yu He)
      บุตรบุญธรรมของซุนเกี๋ยนเดิมแซ่ Yu อายุน่าจะมากกว่าซุนเซ็ก
      มีหน้าที่เหมือนเป็นองครักษ์ซุนเกี๋ยน รับใช้ซุนเซ็กในเวลาต่อมา ถูกฆ่าตาย
      โดยมือสังหารของ Sun Yi


      • Sun Zhu – เจ้าเมือง Qu’a.

      • Sun Yi – เจ้าเมือง Hai Yang. ตายเมื่ออายุไม่มากนัก

      • ซุนหวน Sun Huan – เจ้าเมืองอิเหลง ถูกกองทัพของเล่าปี่ล้อมไว้
        แต่สามารถรักษาเมืองได้ เมื่อกองทัพจ๊กพ่ายแพ้
        เขาตามไล่ตีสังหารทหารกองทัพจ๊ก มากมาย
        (ลกซุนปฏิเสธคำขอของแม่ทัพคนอื่นให้ไปช่วยเขา โดยบอกว่า
        ซุนหวนเป็นคนดีมีความสามารถ รักษาเมืองไว้ได้แน่)

      • Sun Jun – แม่ทัพประจำราชสำนัก.


        • Sun Jian – แม่ทัพปราบกบฏ.

        • Sun Shen – แม่ทัพปกป้องภาคใต้


          • Sun Cheng






    • ซุนเซ็ก Sun Ce
      ลูกชายคนโตของซุนเกี๋ยน หลังซุนเกี๋ยนตาย รับใช้อ้วนสุด ชนะ Lu Kang
      เล่าอิ้ว เค้าก๋อง อองลอง Zu Langและเงียมแปะฮอแยกตัวจากอ้วนสุด
      หลังอ้วนสุดประกาศตัวเป็นฮ่องเต้ ได้รับสมญานาม “Little Conqueror”
      อ๋องน้อยผู้ยิ่งใหญ่
      ผู้คนเปรียบเทียบความสำเร็จของเขากับฌ้อปาอ๋องอยู่เสมอ ถูกลอบสังหาร
      ที่เมือง Xuzhou. แต่งงานกับไท้เกี้ยวลูกสาวเกียวก๊กโล่
      มีภรรยาน้อยมากกว่าหนึ่งคน


      • ซุนเสียว Sun Shao (Yu Shao) – บุตรบุญธรรมของซุนเซ็ก
        พ่อของเขาเป็นพี่ชายของ Sun He
        ซุนเซ็กรักเขามากและรับอุปการะเขาเป็นบุตรบุญธรรม ซุนเสียวรับ
        ช่วงอำนาจต่อจาก Sun He หลังจาก Sun He โดนลอบสังหาร
        ซุนกวนประทับใจในความสามารถของเขามาก ในศึกที่โจผีบุกมาตีง่อ
        ซุนเสียวซุ่มโจมตีทัพของ โจผี
        ทำให้ทัพโจผีแตกพ่ายและสูญเสียทหารมากมายรวมทั้งแม่ทัพชั้นยอดอย่างเตียวเลี้ยว


        • ซุนเข Sun Kai – แม่ทัพป้องกันกองทัพ Marquis of Linchen,
          เจ้าเมืองกังแฮ ต่อมาแปรพักตร์ไปอยู่กับราชวงศ์จิ้น. โดยมีตำแหน่งเป็น
          Marquis of Danyang.

        • Sun Yue – แม่ทัพแห่งสิทธิอำนาจ

        • Sun Yi – เจ้าเมืองบุเหลง
          เมื่อเกียงอุยพบศึกหนักในการโจมตีวุย
          เขาและเตงฮองยกทัพเตรียมไปสนับสนุนเกียงอุยแต่โดยทหารของจ๊กสงสัยว่าเขาจะมาโจมตีจ๊กมากกว่ามาช่วย


      • ซุนเสียว Sun Shao – ลูกชายคนโตของซุนเซ็ก เกินในปี 200
        หลังจากซุนเซ็กตาย ได้รับตำแหน่ง Marquis ตายด้วยโรคภัยขณะอายุยังน้อย


        • Sun Feng – ถูกเสนอชื่อโดยขุนนางบางคน
          ว่าหลานของซุนเซ็กคนนี้สมควรได้รับราชบัลลังค์ง่อจากความสามารถของเขา
          แต่ถูกซุนโฮใส่ร้าย ทำให้ต้อรับโทษประหาร


      • ลูกสาว – แต่งงานกับ Zhu Ji ลูกของจูตี

      • ลูกสาว – แต่งงานกับ ซุนฮิว ฮ่องเต้ของง่อ.

      • ลูกสาว – แต่งงานกับ Gu Shao ลูกของโกะหยง


        • Gu Tan – รัฐมนตรีของง่อรับใช้ซุนเต๋ง. เมื่อซุนโหและ Sun Ba
          สู้กัน เขาถูกจับตัวในการรบ เนื่องจากลกซุนเป็นลุงของเขา
          ทำให้เขาไม่ได้รับโทษหนัก ถูกเนรเทศพร้อมกับพี่น้อง

        • Gu Cheng – ถูกเนรเทศไปแคว้นเกียวจิ๋วพร้อมGu Tan


      • ลูกสาว – แต่งงานกับลกซุน


        • Lu Yan – ตายเมื่อยังแบเบาะ.

        • ลกข้อง Lu Kang – แม่ทัพของง่อที่มีความสามารถ
          ผู้ซึ่งปกป้องชายแดนง่อจากจิ้น แต่เมื่อเสนอให้โจมตีจิ้น
          ซุนโฮปลดเขาจากตำแหน่งและตั้งซุนอี้แทน แต่งงานกับเตียวฮูหยิน ลูกสาว
          Zhang Cheng. (ภรรยา Zhang Cheng คือลูกสาวของจูกัดกิ๋น)


          • Lu Yan – ตายในสงครามกับจิ้น.

          • Lu Jing – ต่อสู้เพื่อเกียรติยศของง่อถึงวาระสุดท้าย
            แต่งงานกับเจ้าหญิง Sun ลูกสาวของ Sun He

          • Lu Ji – กวีชื่อดัง ถูกใส่ความว่าเป็นกบฏจนถูกสังหาร.

          • Lu Mao – กวีชื่อดัง

          • Lu Xuan

          • Lu Dan






    • ซุนกวน Sun Quan
      น้องชายซุนเซ็ก รับช่วงอำนาจต่อจากพี่ชาย ครอบครองพื้นที่เกงจิ๋วส่วนใหญ่
      ต่อสู้กับวุยและจ๊ก กับวุยมีผลแพ้ชนะ กับจ๊กได้ชัยชนะเด็ดขาด
      ยศในสมัยโจผีคืออ๋องแห่งง่อ หลังจากฟื้นความสัมพันธ์กับจ๊ก
      ตั้งตัวเองเป็นฮ่องเต้แห่งง่อ มีมเหสีทั้งหมดเจ็ดคน Lady Xie ลูกสาวXie
      Ju, Lady Xu ลูกสาว Xu Kun, Lady Bu, Lady Wang ลูกสาวWang Lujiu, Lady
      Wang, อ้วนฮูหยิน ลูกสาวอ้วนสุด), พัวฮูหยิน, และ Lady Zhong.


      • ซุนเต๋ง Sun Deng – ลูกคนโตของซุนกวน กับนางชีฮูหยิน
        ข้างกายเขาเต็มไปด้วย เหล่าขุนนางรุ่นใหม่ของง่อที่มีความสามารถเช่น Gu Tan
        (หลานโกะหยง) จูกัดเก็ก ได้รับแต่งตั้งเป็นรัชทายาท ครองเมืองอู่ชาง(บู๊เฉียง)จิตใจดีต่อลูกน้องและประชาชน แต่ตายตั้งแต่ยังหนุ่ม แต่งงานกับ Zhou Ying ลูกสาวจิวยี่


        • Sun Fan

        • Sun Ying

        • Sun Xi


      • Sun Lü – ลูกคนที่สอง ได้รับตำแน่งเป็น Marquis of
        Jiancheng, ตายตั้งแต่ยังหนุ่ม ภรรยาคือพัวฮูหยิน หลานสาวพัวโยย

      • ซุนโห Sun He – ลูกคนที่สามของซุนกวน ชื่อรองจื่อเสี้ยว ได้รับตำแหน่งรัชทายาทภายหลัง ซุนเต๋งตาย ต่อสู้กับ Sun Ba
        แย่งชิงตำแหน่งรัชทายาท แต่ไม่มีใครได้ทั้งคู่ ที่สุดถูกปลดจากตำแหน่งรัชทายาท เป็นลำหยงอ๋อง ครองเมืองเสียงสา เมื่อซุนจุ๋นมีอำนาจ ถูกส่งไปครองเมืองซินตู มณฑลเหตหนาน
        แต่งงานกับเตงฮูหยินจากตระกูลของเตงอิ๋น Lady Zhang และ Lady Wang.


        • ซุนโฮ Sun Hao – ฮ่องเต้คนสุดท้ายของง่อ ชื่อรองเหวียนจง หลังจากซุนฮิวตาย ขุนนางยกให้เขาเป็นฮ่องเต้
          ปกครองง่ออย่างเหี้ยมโหดและปฏิบัติต่อขุนนางและประชาชนอย่างโหดเหี้ยม
          ยอมแพ้ต่อจิ้น ทำให้สิ้นสุดยุคสามก๊ก สุมาเอี๋ยนลดตำแหน่งเป็น มิ้งโหว (อุ้ยเบ้งเฮา) เสียชีวิตที่ลกเอี้ยงในฐานะเชลย


          • Sun Jin

          • Sun De

          • Sun Qian

          • Sun Jun

          • ลูกสาว – แต่งงานกับ Lu Jing.



      • Sun Ba – ลูกคนที่สี่ของซุนกวน
        ต่อสู้กับซุนโหแย่งตำแหน่งฮ่องเต้ ท้ายสุดโดนบังคับให้ฆ่าตัวตาย แต่งงานกับเล่าฮูหยิน ลูก Liu Ji
        หลานเล่าอิ้ว


        • Sun Ji

        • Sun Yi


      • Sun Fen – ลูกคนที่ห้าของซุนกวน แต่งงานกับอ้วนฮูหยิน
        ลูกอ้วนอิ๋น


        • ลูกชาย แต่ไม่ปรากฏชื่อและตำแหน่ง


      • ซุนฮิว Sun Xiu – ลูกคนที่หกของซุนกวน ฮ่องเต้คนที่สามของง่อ
        เป็นคนจิตใจดีงาม แต่แทบไม่มีผลงานในการบริหารบ้านเมือง มเหสีคือ Lady Shu
        ลูก Zhu Ji.


        • Sun Wan – ซุนฮิวเลือกเขาเป็นรัชทายาท แต่ผู่หยังซิ่งไม่ทำตาม
          เลือกซุนโฮเป็นฮ่องเต้แทน

        • ลูกชาย แต่ไม่ปรากฏชื่อและตำแหน่ง


      • ซุนเหลียง Sun Liang – ลูกคนสุดท้องซุนกวน
        ได้รับเลือกเป็นฮ่องเต้คนที่สอง แต่ถูก Sun Lin ปลดจากตำแหน่ง มเหสีคือ
        Lady Quan ลูกQuan Shang.

      • Sun Luban – ลูกสาวซุนกวน แต่งงานกับZhou Xun ลูกชายจิวยี่ แต่
        Zhou Xun ตายตั้งแต่หนุ่ม ต่อมาแต่งงานใหม่กับ Quan Cong.


        • Quan Yi – ยอมแพ้ต่อวุยพร้อมลูกชายเมื่อจูกัดเอี๋ยนพ่ายแพ้.


          • Quan Yi

          • Quan Yi

          • Quan Jing

          • Sun Luyu – ลูกสาวซุนกวน แต่งงานกับ Zhu Ju, และแต่งกับ Liu
            Zuan ในเวลาต่อมา






    • ซุนเซียง Sun Yi
      ลูกคนที่สามของซุนเกี๋ยน ซุนเซ็กแต่งตั้งตำแหน่งที่สูงมากให้แก่เขา
      เป็นคู่แข่งของซุนกวนในการรับช่วงอำนาจต่อจากซุนเซ็ก ได้รับตำแหน่ง
      Marquis of Danyang หลังจากงอเก๋งตาย ก่อนที่จะโดนฆ่าตายโดยลูกน้องตัวเอง.
      Lady Xu ภรรยาเขาเป็นผู้ล้างแค้นให้กับเขา


      • Sun Song – ตำแหน่งขุนพลกองทัพแม่นธนู ลกซุนเคยลงโทษลูกน้องเขาโดยการโกนหัวเพราะ เขาไม่รักษาระเบียบวินัย




    • ซุนของ Sun Kuang
      – ลูกคนที่สี่ของซุนเกี๋ยน แต่งงานกับโจฮูหยิน ลูกโจหยิน


      • Sun Tai – มีตำแหน่งขุนพล


        • Sun Xiu – ตำแหน่งแม่ทัพหน้า ซุนโฮส่งเขาไปต้านทัพจิ้น
          เขายอมแพ้แก่กองทัพจิ้นและได้รับยศเป้นแม่ทัพทหารม้า





    • ซุนลอง Sun Lang
      ลูกซุนเกี๋ยนที่เกิดจากภรรยาน้อย บางตำราว่าเป็นน้องสาวงอฮูหยิน
      มีตำแหน่งเป็นรัฐมนตรีของง่อ

    • ลูกสาว
      แต่งงานกับ Hong Zi.

    • ลูกสาว
      แต่งงานกับ Pan Mi.

    • ซุนฮูหยิน Lady Sun
      – แต่งงานกับเล่าปี่ มีเรื่องเล่ามากมายเกี่ยวกับซุนฮุหยินกับเล่าปี่
      ไม่ว่าเรื่องจริงเป็นอย่างไร มีบันทึกว่าเธอเป็นผู้เลี้ยงดูเล่าเสี้ยน
      ซึ่งทำให้เรื่องเธอฆ่าตัวตายหลังจากการตายของเล่าปี่อาจไม่เป็นความจริง


  • ซุนแจ้ง Sun Jing
    น้องของซุนเกี๋ยน
    ติดตามซุนเซ็กในศึกที่ซุนเซ็กบุกยึดดินแดนตอนใต้แม่น้ำแยงซี
    เป็นเหมือนที่ปรึกษาของซุนเซ็ก ช่วยออกอุบายในการรบกับอองลอง
    หลังจากซุนเซ็กได้รับชัยชนะ ซุนแจ้งปฏิเสธตำแหน่งที่ซุนเซ็กจะมอบให้
    ขอซุนเซ็กประจำการอยู่ที่บ้านเกิดเฝ้าสุสานของตระกูล


    • Sun Gao
      ลูกคนโตซุนแจ้ง มีแผนจะยึดอำนาจซุนกวน แต่โดนเกลี้ยกล่อมโดยจูตี
      ภายหลังช่วยเหลือในการล้างแค้นให้ซุนเซียง


      • Sun Chou


        • ซุนหลิม Sun Lin – ขึ้นเป็นมหาอุปราชของง่อต่อจากซุนจุ๋น
          กุมอำนาจทหารทั้งหมด ปลดซุนเหลียงและตั้งซุนฮิวเป็นฮ่องเต้แทน
          ต่อมาถูกประหารโดยเตียวเป๋าตามแผนของซุนฮิว

        • Sun Ju – ถูกประหารโดยซุนฮิว

        • Sun En – ถูกประหารโดยซุนฮิว

        • Sun Gan – ถูกประหารโดยซุนฮิว

        • Sun Kai – ถูกประหารโดยซุนฮิว


      • Sun Chao

      • ซุนหยง Sun Gong – (ซุนเกียว?) ลูกคนที่สามของซุนเจ้ง ชื่อรองซู่หล่าง เป็นแม่ทัพรักษาการที่เมืองลกเค้า เมื่อซุนกวนตั้งใจจะยกทัพไปตีกวนอูที่เกงจิ๋ว เดิมทีจะให้เขากับลิบองยกทัพไปด้วยกัน แต่ในที่สุดก็ให้ลิบองเป็นแม่ทัพใหญ่คนเดียว ให้ซุนเกียวเป็นฝ่ายพลาธิการ


        • ซุนจุ๋น Sun Jun – เจ้ากรมมหาดเล็ก ภายหลังสังหารจูกัดเก๊ก
          ขึ้นเป็นมหาอุปราชของง่อ ฆ่าขุนนางของง่อที่ขัดขวางเขาหลายคน


          • Sun Lin


        • ลูกสาว – แต่งงานกับ Quan Shang.


          • ลูกสาว – แต่งงานกับ Sun Liang.




    • Sun Yu
      แม่ทัพที่ซื่อสัตย์ ร่วมศึกสงครามกับจิวยี่


      • Sun Mi

      • Sun Xi

      • Sun Yao

      • Sun Man

      • Sun Hong


    • Sun Jiao
      ติดตามลิบองในสงครามกับกวนอู


      • Sun Yin

      • Sun Xi

      • Sun Zi

      • Sun Yi

      • Sun Mi


    • Sun Huan


      • Sun Cheng

      • Sun Yi

      • Sun Feng

      • ลูกสาว – แต่งงานกับ Lü Ju, ลูกยีหวน

      • ลูกสาว – แต่งงานกับ to Teng Yin.


    • Sun Qian




  • Lady Sun
    น้องสาวซุนเกี๋ยน แต่งงานกับ Xu Zhen.
    ในช่วงที่ซุนเซ็กทำสงครามกับเล่าอิ้ว เธอบอกให้ลูกของเธอ Xu Kun
    ให้แนะนำซุนเซ็กบางอย่างเกี่ยวกับการทำสงคราม ทางเรือ
    ทำให้ซุนเซ็กชนะอย่างง่ายดาย


    • Xu Kun
      ที่ปรึกษาของซุนเซ็ก เคยรับใช้ซุนเกี๋ยนมาก่อน ได้รับความสำเร็จมากมาย
      แต่ตายในสงครามกับหองจอ


      • Xu Jiao – แม่ทัพใหญ่ในการต่อต้านเผ่า Shanyue.

      • Lady Xu – มเหสีของซุนกวน แต่งงานกับซุนกวนหลังถอนหมั้น Lu
        Shang.

      • Xu Zhai – ตำแหน่งแม่ทัพผู้โจมตีวุย






ญาติคนอื่น ๆ ของตระกูลซุน


  • Sun Xiang
    ลูกพี่ลูกน้องขั้นที่สองของซุนเกี๋ยน
    (ลูกของลูกพี่ลูกน้องของพ่อซุนเกี๋ยน) เป็นเจ้าเมืองฉิวฉุนภายใต้อ้วนสุด
    หลังอ้วนสุดประกาสตัวเป็นฮ่องเต้ พยายามที่จะมาร่วมทัพกับซุนเซ็ก
    แต่ว่าอยู่ห่างไกลเกินไป ถูกอ้วนสุดจับได้และฆ่าตายในที่สุด

  • งอเก๋ง Wu Jing
    น้องชายงอฮูหยินภรรยาของซุนเกี๋ยน มีศักดิ์เป็นน้าของซุนเซ็กและซุนกวน
    เป็นขุนนางของอ้วนสุด ช่วยอ้วนสุดต่อสู้กับโตเกี๋ยมและเล่าอิ้ว
    ภายหลังเข้าร่วมกับซุนเซ็กได้ตำแหน่ง Marquis of Danyang
    ต่อมาตำแหน่งของเขาเป็นของซุนเซียง


    • Wu Fen


      • Wu An – เป็นเพื่อนของ Gu Tan.


    • Wu Qi


      • Wu Xuan – แต่งงานกับพัวฮูหยิน ลูกสาวพัวโยย






 

Create Date : 30 กันยายน 2548    
Last Update : 13 ตุลาคม 2548 0:21:20 น.
Counter : 11232 Pageviews.  

ประวัติกำเหลง




กำเหลง ชื่อรองซิงป้า เป็นชาวเมืองปาจวิ้นมณฑลเจียงสี กำเหลงเป็นเหมือนขุนพลหนุ่มที่แกร่งกล้าในอุดมคติของหลาย ๆ คน เขารวบรวมเด็กหนุ่มวัยเดียวกันและตั้งตัวเป็นหัวหน้า กลุ่มของกำเหลงจะแขวนกระดิ่งติดตัว เมื่อชาวบ้านได้ยินเสียงกระดิ่ง พวกเขาก็รู้ว่ากำเหลงกำลังจะมา อีกทั้งกำเหลงยังให้ลูกน้องของเขาใส่เสื้อผ้าที่ทำจากผ้าไหม ทำให้เมื่อพวกเขาผ่านไปที่ใด ท้องถนนก็สว่างไสวขึ้นเพราะเสื้อผ้าของพวกเขา ถ้ากำเหลงเดินทางไปที่แห่งไหน เขาจะประดับที่พักของเขาด้วยผ้าไหม และเมื่อจะจากไปเขาจะตัดทำลายผ้าไหมและทิ้งอย่างไม่ใยดี เพื่อเป็นการแสดงถึงความสุรุ่ยสุร่ายของเขา ถ้าชาวบ้านหรือขุนนางคนไหนต้อนรับกำเหลง กำเหลงก็จะตอบกลับคนผู้นั้นด้วยดี แต่ถ้าผู้ใดไม่อยากต้อนรับกำเหลง กำเหลงก็จะใช้ลูกน้องเข้าปล้นผู้นั้น กำเหลงพาลูกน้องปล้นคนในเมือง และเรือสินค้าต่าง ๆ ในแม่น้ำ

กำเหลงประพฤติตัวเป็นโจรปล้นฆ่าผู้คนเช่นนี้จนอายุประมาณ 20 ปี เขาก็เลิกประพฤติตัวเป็นโจร เริ่มศึกษาตำรา กำเหลงนำลูกน้องกว่าแปดร้อยคน เขาสวามิภักดิ์กับเล่าเปียว แต่เขากลับไม่ได้รับการแนะนำให้รู้จักกับเล่าเปียวและทั้งการจ้างเป็นขุนนางในสังกัด เวลานั้นเหล่าผู้ครองเมืองทั้งหลายต่างพากันแย่งชิงดินแดนเพื่อความเป็นใหญ่ กำเหลงดูสถานการณ์แล้ว เขาคิดว่าเล่าเปียวไม่อาจพึ่งพาได้ คนอย่างเล่าเปียวไม่สามารถชิงความเป็นใหญ่ได้ เขาจึงตัดสินใจที่จะย้ายไปง่อ แต่ไม่อาจผ่านเมืองของหองจอไปได้ ทำให้กำเหลงต้องเข้าด้วยกับหองจอ กำเหลงรับใช้หองจอ อยู่สามปี แต่หองจอก็ไม่ได้ปฏิบัติกับเขาดีนัก

เมื่อซุนกวนยกทัพโจมตีหองจอจนทัพหองจอแตกพ่ายต้องหนีไป กำเหลงอยู่ในแนวหลังการถอยทัพของหองจอ ด้วยฝีมือการยิงธนูอันเก่งกาจของเขา กำเหลงฆ่าเล่งโฉ แม่ทัพของซุนกวนได้ แต่เมื่อหองจอนำทัพกลับถึงค่าย เขาก็ไม่ได้ให้รางวัลกำเหลงแต่อย่างใด โชหุยที่ปรึกษาของหองจอ เคยแนะนำหองจอให้ แต่งตั้งกำเหลงเป็นขุนพลของเขา แต่หองจอไม่สนใจ แถมยังใช้อุบายทำให้ลูกน้องเดิมของกำเหลงไม่สนใจเขา และจากไป

กำเหลงจึงอยากที่จะไปจากหองจอ แต่ก็กลัวว่าจะไม่ได้ใบผ่านเมือง ทำให้เขาต้องทนอยู่กับหองจอไปวัน ๆ และไม่รู้ว่าจะทำอย่างไร โชหุยก็เดาจิตใจกำเหลงออก วันหนึ่งเขาเชิญกำเหลงไปกินเลี้ยง เขาได้พูดคุยกับกำเหลงว่า ตัวข้าได้แนะนำท่านหลายครั้งหลายครา แต่นายท่านไม่สามารถใช้ท่านได้อย่างเหมาะสม เวลาผ่านไปรวดเร็วนัก ชีวิตคนเราสั้นนัก ท่านควรจะเสาะแสวงหาโชคของท่านและเจ้านายที่เข้าใจในความสามารถของท่าน กำเหลงฟังคำโชหุยก็นิ่งไปพักใหญ่ แล้วตอบว่า แม้ว่าข้าจะมีความคิดเช่นนั้น แต่ข้าไม่รู้ว่าตัวข้าจะไปได้อย่างไร โชหุยจึงว่า ข้าจะแนะนำให้แต่งตั้งท่านไปเป็นนายอำเภอเอียนก๋วน (อู่ชาง) จากที่นั่น ท่านสามารถข้ามเขตแดนเมืองเราและจากไปได้ กำเหลงได้แต่ขอบคุณโชหุย หลังจากที่หองจอทำตามคำแนะนำโชหุยแต่งตั้งกำเหลงเป็นนายอำเภอ กำเหลงได้รวบรวมผู้คนหลายร้อยคนที่สมัครใจไปกับเขา และจากหองจอไป

กำเหลงเดินทางไปง่อขอเข้าสวามิภักดิ์กับซุนกวน จิวยี่และลิบองให้การแนะนำตัวเขา ซุนกวนปฏิบัติต่อกำเหลงอย่างดี กำเหลงได้ให้คำแนะนำแก่ซุนกวนว่า ในช่วงเวลาวิกฤตเช่นนี้ ราชสำนักฮั่นอ่อนแอไร้อำนาจ แต่โจโฉกลับมีอำนาจขึ้นทุกวัน โจโฉเต็มไปด้วยความมักใหญ่ใฝ่สูง ไม่ช้าโจโฉจะต้องชิงราชบัลลังค์ พื้นที่เกงจิ๋วตอนใต้นั้นมีเทือกเขาและแม่น้ำเชื่อมถึงกัน ดินแดนแถบนี้เหมาะสมกับการเป็นพรมแดนตะวันตกของก๊กเรา ตัวข้านั้นได้สังเกตว่า เล่าเปียวไม่ได้มีแผนการใหญ่อะไร อีกทั้งลูกของเล่าเปียวก็ไร้ความสามารถ คงไม่สามารถสืบทอดอำนาจต่อได้ นายท่านควรต้องรีบครอบครองดินแดนแถบนี้โดยเร็ว ก่อนที่มันจะตกเป็นของโจโฉ เราควรดำเนินการขั้นแรกโดยการกำจัดหองจอ หองจอนั้นอายุมากและเริ่มเข้าวัยชราแล้ว อีกทั้งทรัพย์สินและเสบียงอาหารสำหรับกองทัพก็ร่อยหรอ หองจอยังเป็นคนที่เอารัดเอาเปรียบผู้อื่น แม้กระทั่งลูกน้องของตัวเองก็ไม่เว้น เรือศึกและอาวุธยุทโธปกรณ์ล้วนแต่ชำรุดทรุดโทรมไร้การซ่อมแซม แถมหองจอนั่นไม่สนใจการเพาะปลูกเสบียงอาหาร กองทัพก็ล้วนแต่หย่อนยานไร้ระเบียงวินัย ถ้านายท่านโจมตีตอนนี้ หองจอต้องพ่ายแพ้อย่างแน่นอน เมื่อท่านชนะทัพหองจอแล้ว ก็สามารถนำทัพสู่ตะวันตก ยึดด่าน Chu เป็นหน้าด่านสู่ตะวันตก เมื่อรวมทัพได้แล้วก็บุกยึดตะวันตกในที่สุด ซุนกวนเห็นด้วยกับคำแนะนำของเขา ในเวลานั้นเตียวเจียวซึ่งอยู่ในที่นั้นด้วย คัดค้านความเห็นของกำเหลง โดยถามว่า ดินแดนง่อของเรานั้นยังไม่สงบเรียบร้อย ถ้ากองทัพใหญ่ไม่อยู่ ข้ากลัวว่าหายนะจะมาสู่เรา กำเหลงตอบเตียวเจียวว่า กิจการต่าง ๆ ของก๊กเรานั้นเป็นหน้าที่ความรับผิดชอบของท่าน ถ้าท่านผู้ซึ่งอยู่ในตำแหน่งสูงเช่นนี้ยังกลัวว่าจะเกิดหายนะขึ้นตลอดเวลา ท่านจะปกครองบ้านเมืองโดยดีได้อย่างไร ซุนกวนจึงยกจอกเหล้าขึ้นพูดว่า กำเหลง หน้าที่การนำทัพทำศึกในปีนี้ก็เหมือนดังเช่นจอกเหล้านี้ ข้ายกจอกเหล้านี้ให้ท่าน ขอให้ท่านจงพยายามคิดแผนการบุกตีหองจอ ท่านจะได้ลาภยศมากมาย ขอจงอย่างเอาคำพูดของเตียวเจียวมาใส่ใจ และซุนกวนก็ยกทัพสู่ตะวันตก จับตัวหองจอและได้เชลยศึกมากมาย

ซุนกวนเตรียมกล่องไว้สองใบ เพื่อที่จะบรรจุหัวของหองจอและโชหุย โชหุยส่งคนไปหากำเหลงเพื่อขอความช่วยเหลือ กำเหลงพูดว่า ถึงโชหุยจะไม่ร้องขอ ข้าจะลืมโชหุยได้อย่างไร เมื่อซุนกวนจัดงานเลี้ยงฉลองชัยชนะให้แก่บรรดาแม่ทัพต่าง ๆ กำเหลงลุกขึ้นไปคุกเข่าต่อหน้าซุนกวน แล้ววิงวอนว่า โชหุยเคยมีบุญคุณต่อข้าในอดีตยิ่งนัก ถ้าไม่เป็นเพราะโชหุย ข้าคงตายไปแล้ว ศพของข้าคงถูกทิ้งอยู่ข้างถนน และไม่ได้มารับใช้ท่านในวันนี้ ถ้าคิดถึงความผิดของโชหุย เขาสมควรจะโดนประหารชีวิต อย่างไรก็ตาม ข้าขอร้องต่อท่าน ได้โปรดไว้ชีวิตเขาด้วย ซุนกวนพูดขึ้นว่า ถ้าข้าปล่อยโชหุยไปวันนี้แล้วเขาหลบหนีไปล่ะ กำเหลงบอกว่า ถ้าท่านไว้ชีวิตโชหุย เขาก็เป็นหนี้ชีวิตท่าน ถึงท่านจะขับไล่ เขาก็ไม่อาจไปไหนได้ เขาคงไม่รนหาที่ตาย แต่ถ้าเขาหลบหนีไปจริง ๆ ข้าเต็มใจสละศรีษะตัวเองแทนที่หัวของเขา ซุนกวนจึงอภัยโทษให้โชหุย หลังจากศึกหองจอ ซุนกวนแต่งตั้งให้กำเหลงเข้ารักษาการณ์ที่เมือง Dangkou

หลังจากนั้นกำเหลงเข้าร่วมกับจิวยี่ในการต่อสู้ป้องกันโจโฉในศึกเซ็กเพ็ก และชนะโจหยินที่ลำกุ๋น ก่อนที่เมืองจะถูกยึดไป กำเหลงคิดแผนนำทัพผ่านทางลัดเข้าสู่อิเหลง เขายึดอิเหลงอย่างง่ายดาย ในตอนนั้นกำเหลงมีทหารเพียงไม่กี่ร้อยนาย แม้ว่าจะทำการเกณฑ์ทหารเพิ่ม ก็มีจำนวนไม่ถึงพันคน ซึ่งในตอนนั้นโจหยินนำทัพกว่าห้าหกพันคนเข้าปิดล้อมเมือง กำเหลงต่อสู้ต้านทานอยู่หลายวัน จนทัพโจหยินสร้างหอคอยเพื่อที่จะยิงลูกธนูเข้ามาในเมือง ลูกธนูเหมือนห่าฝนจำนวนมากถูกยิงจนทหารกำเหลงตื่นตระหนก แต่กำเหลงก็พูดและหัวเราะเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น เขาส่งพลนำสารรายงานสถานการณ์ต่อจิวยี่ ด้วยแผนของลิบอง จิวยี่นำทัพเข้าโจมตีทัพโจหยินที่ปิดล้อมอยู่จนโจหยินต้องล่าถอยไป

ต่อมา กำเหลงร่วมทัพโลซกในการป้องกัน Yiyang จากการโจมตีของกวนอู กวนอูนำทัพสามหมื่นคนเข้าโจมตี กวนอูคัดเลือกทหารเจนศึก ห้าพันนาย นำทัพเดินย้อนไปทางต้นน้ำสิบลี้ ที่ซึ่งน้ำตื้นพอสำหรับเดินเท้า เตรียมตัวข้ามแม่น้ำเข้าโจมตีเวลากลางคืน ในเวลานั้น กำเหลงมีทหารเพียงสามร้อยนาย เขาพูดกับโลซกว่า ขอทหารให้ข้าอีกห้าร้อยคน ข้าจะยกทหารไปเผชิญหน้ากับกวนอู ข้ามั่นใจว่า เมื่อกวนอูรู้ว่าข้ายกทัพมา เขาต้องไม่กล้าข้ามแม่น้ำมาแน่ เขารู้ดีว่าจะข้ามมาได้นั้น ข้าต้องโดนจับตัวได้เสียก่อน โลซกมอบทหารให้กำเหลงเพิ่มอีกพันคน กำเหลงยกทัพไปในคืนนั้น เมื่อกวนอูได้ข่าว ก็หยุดเดินทัพ และตั้งค่ายอยู่ที่นั้น (ที่แห่งนั้นถูกเรียกว่าหนองน้ำกวนอูในปัจจุบัน) ซุนกวนชมเชยกำเหลงอย่างมาก ตั้งให้เขาเป็นเจ้าเมือง xiliang ปกครองอำเภอ yangxin และ xiazhi

หลังจากนั้น กำเหลงตามซุนกวนในการโจมตีเมืองอ้วนเซีย กำเหลงถูกมอบหมายให้ยึดกำแพงเมือง กำเหลงจึงปีนกำแพงเมืองด้วยตัวเอง มือจับโซ่ ไต่กำแพงนำหน้าทหาร เมืองถูกยึดในที่สุด จูกวงเจ้าเมืองถูกจับ และเมื่อซุนกวนจะมอบรางวัล ลิบองได้ความดีความชอบมากที่สุดในศึกครั้งนี้ โดยมีกำเหลงได้ความดีความชอบรองลงมา และได้รับแต่งตั้งยศแม่ทัพ

หลังจากนั้น โจโฉยกทัพโจมตีจาก ณ ปากแม่น้ำญี่สู ทหารของโจโฉมีจำนวนกว่า สี่แสนคน ซุนกวนนำทัพเจ็ดหมื่นคนมาตั้งค่ายรอการโจมตี และแต่งตั้งให้กำเหลงเป็นแม่ทัพหน้าคุมทหารสามพันคน ซุนกวนสั่งกำเหลงอย่างลับ ๆ ให้โจมตีค่ายของข้าศึกในเวลากลางคืน ซุนกวนส่งอาหารและสุราชั้นดีให้กับกำเหลง กำเหลงมอบอาหารเหล่านั้นให้แก่ทหารร้อยนายของเขาได้ดื่มกินกัน หลังจากกินอาหารเสร็จ กำเหลงใส่เหล้าลงในชามเงินของเขา หลังจากดื่มเหล้าไปสองชาม เขาก็รินเหล้าลงในชามส่งต่อให้นายทหารของเขา นายทหารคนนั้นคุกเข่าด้วยความกลัว ไม่กล้าเอื้อมมือไปหยิบชามจากกำเหลง กำเหลงจึงชักดาบมาวางบนตักแล้วด่าว่า ตัวแกรับใช้นายท่าน ไม่ใช่ข้า แม้แต่ตัวข้าเอง ยังไม่พยายามหลีกเลี่ยงความตาย ทำไมแกจึงกลัวความตายเล่า นายทหารคนนั้นเห็นกำเหลงโกรธมาก จึงลุกขึ้นดื่มเหล้าและส่งให้ทหารแต่ละคนได้ดื่มเหล้าจากชามเงินนั้น หลังจากนั้นพวกเขาก็แอบลอบออกจากค่ายไปยังค่ายศัตรูแล้วบุกเข้าโจมตีค่ายข้าศึก ทำลายเครื่องกีดขวางต่าง ๆ บุกเข้าค่าย สังหารข้าศึกมากมาย ข้าศึกตกใจกับการโจมตีของกำเหลงและล่าถอยไป เมื่อกลับค่าย กำเหลงรายงานเรื่องนี้ต่อซุนกวน ซุนกวนจึงว่า นี่ก็เพียงพอที่จะสร้างความตกใจให้แก่ไอ้แก่คนนั้นแล้ว(โจโฉ) ศึกครั้งนี้ถือเป็นโอกาศ ที่ข้าได้เห็นความกล้าหาญของท่าน ซุนกวนมอบผ้าไหมและดาบชั้นดีให้แก่กำเหลง แล้วก็พูดว่า โจโฉมีเตียวเลี้ยว ข้ามีกำเหลง เราสองคนไม่มีใครได้เปรียบเสียเปรียบ หลังจากตั้งค่ายอยู่เดือนกว่า ทัพโจโฉก็ล่าถอยไป กำเหลงก็ได้เลื่อนตำแหน่ง มีทหารในควบคุมเป็นสองพันคน

แม้ว่ากำเหลงจะเป็นคนที่หยาบคายและแม่ทัพที่กระหายเลือด เขาก็เป็นคนที่เปิดเผยตรงไปตรงมาและมีความคิดดี ๆ เสมอ กำเหลงให้ความสำคัญเพียงน้อยนิดแก่ทรัพย์สมบัติแต่เคารพคนมีความสามารถยิ่งนัก และพยายามปกป้องลูกน้องอย่างดี ทำให้ลูกน้องของเขาพร้อมที่จะสละชีวิตเพื่อเขา ในปีเจี้ยนอันที่ 20 กำเหลงร่วมทัพในศึกหับป๋า ในศึกครั้งนั้นเกิดโรคระบาด ทำให้ทัพฝ่ายง่อต้องถอยทัพทั้งหมด เหลือเพียงทหารใจกล้าพันกว่านายคอยป้องกันรถม้าของซุนกวน พร้อมทั้งนายทหารอีกสี่คน ลิบอง เจียวขิม เล่งทอง และกำเหลง พวกเขามุ่งหน้าขึ้นเหนือต้นน้ำพร้อมซุนกวน เตียวเลี้ยวนั้นซุ่มทัพอยู่ เมื่อเขาเห็นทัพของซุนกวนก็นำทหารบุกเข้าโจมตี กำเหลงใช้ธนูของเขายิงศัตรู ต่อสู้เคียงข้างเล่งทอง จนซุนกวนสามารถหนีฝ่าออกมาได้ ซุนกวนชมเชยเขาอย่างมากมายในการต้านทัพเตียวเลี้ยวนี้

ครั้งหนึ่งเมื่อเด็กรับใช้ของกำเหลงทำผิดต่อกำเหลง เด็กคนนั้นหนีไปหาลิบองขอความช่วยเหลือ ลิบองกลัวว่ากำเหลงจะฆ่าเด็กคนนั้นจึงไม่ส่งตัวเด็กคนนั้นคืนให้กำเหลง หลังจากนั้น กำเหลงจึงนำของขวัญไปให้มารดาของลิบอง เมื่อกำเหลงและลิบองมาพบกันที่ห้องโถงในบ้านลิบอง ลิบองจึงได้ มอบตัวเด้กคนนั้นส่งให้กำเหลง กำเหลงสัญญาว่าเขาจะไม่ฆ่าเด็กคนนั้น แต่เมื่อกำเหลงนั่งเรือกลับไป เขากลับมัดเด็กคนนั้นกับต้นหม่อน แล้วก็ใช้ธนูยิงเด็กคนนั้นจนตาย แล้วกำเหลงก็ให้นายท้ายเรือปล่อยสมอลง แล้วเขาก็ถอดเสื้อนอนพักผ่อนข้างใน เมื่อลิบองรู้เรื่องก็โกรธมาก สั่งตีกองเรียกทหารของเขาเตรียมที่จะโจมตีเรือกำเหลง เมื่อกำเหลงรู้เรื่อง เขาก็ยังนอนต่อไป มารดาของลิบองรีบวิ่งมาห้ามลิบอง บอกว่า ซุนกวนเลี้ยงดูเจ้าเหมือนหนึ่งเป็นคนในครอบครัว มอบหมายหน้าที่สำคัญให้แก่เจ้า เจ้าจะใช้ความไม่พอใจส่วนตัวไปฆ่ากำเหลงได้อย่างไร ถ้าเจ้าฆ่ากำเหลงตายไป แม้ซุนกวนจะไม่เอาเรื่อง แต่เจ้าก็ได้ทำผิดกฎหมายบ้านเมือง ลิบองนั้นเป็นคนที่เชื่อฟังคำสั่งบิดามารดาอยู่แล้ว จึงระงับอารมณ์โกรธของตัวเอง เข้าไปหาเรือของกำเหลง หัวเราะเรียกกำเหลงออกมา กำเหลง มารดาข้าจะเลี้ยงอาหารท่านซักมื้อ ออกมาไว ๆ เถอะ กำเหลงร้องไห้บอกว่า ข้าทำให้ท่านผิดหวังแล้วจริง ๆ และเขาและลิบองก็กลับไปยังบ้านมารดาของลิบองและกินเลี้ยงกันทั้งวัน

เมื่อกำเหลงตาย ซุนกวนเศร้าโศกเสียใจมาก บุตรของเขา Gan Huai ได้สืบทอดอำนาจแต่ต่อมาถูกเนรเทศไป ห้อยแข เนืองจากทำความผิดและตายในเวลาต่อมาไม่นาน




 

Create Date : 29 กันยายน 2548    
Last Update : 26 มิถุนายน 2549 8:44:16 น.
Counter : 6266 Pageviews.  

ประวัติไทสูจู้


ไทสูจู้ Taishi Ci (Ziyi) AD 166-206

ไทสูจู้ชาวอำเภอหวง เมืองตงไหล (อุยก๋วน) สมัยยังเด็กไทสูจู้เป็นคนที่ชอบการศึกษาอย่างมาก เมื่อต่อขึ้นก็ได้รับราชการในตำแหน่งขุนนางเล็ก ๆ ในบ้านเกิด ครั้งหนึ่งเมื่อเจ้านายของไทสูจู้ เกิดทะเลาะวิวาทกับเจ้าเมืองซึ่งเป็นขุนนางตำแหน่งใหญ่กว่า ทั้งสองก็เลยส่งฎีกาเพื่อร้องทุกข์ สมัยนั้น ใครส่งฎีกาได้ก่อน จะถือว่าได้เปรียบ เพราะส่วนใหญ่จะพิจารณาจากฎีกาที่คนส่งมาก่อน ขุนนางฝั่งตรงข้ามได้ส่งคนนำสารไปแล้ว เจ้านายของไทสูจู้นั้นช้ากว่า และกังวลว่าการส่งสารช้าไปจะไม่เป็นผลดีกับตัวเขา หลังจากพิจารณาอย่างดีแล้ว เขาจึงได้เลือกไทสูจู้ขุนนางชั้นต่ำอายุเพียง 21 ปีเป็นผู้ส่งสารให้เขา

ไทสูจู้เร่งเดินทางทั้งกลางวันและกลางคืน ไม่ช้าเขาก็มาถึงเมืองหลวง ในระหว่างที่เขาเดินบนถนนสายหลักที่มุ่งตรงไปที่ทำการขุนนางราชสำนักก็เจอผู้ส่งสารของอีกฝ่ายกำลังเตรียมที่ส่งฎีกาเช่นกัน ไทสูจู้จึงถามว่า นายท่าน ท่านต้องการที่ส่งยื่นฎีกาใช่หรือไม่ อีกฝ่ายตอบว่าใช่ ไทสูจู้ถามต่อว่า ท่านเก็บไว้ที่ใด คนสั่งสารอีกฝ่ายตอบว่ามันถูกเก็บรักษาไว้ในกระบอกอย่างดี ไทสูจู้จึงถามต่อว่า ท่านมั่นใจแล้วหรือว่า ฎีกานั้นไม่ชำรุดเสียหาย ช่วยนำออกมาให้ข้าตรวจสอบดู

อีกฝ่ายไม่รู้ว่าไทสูจู้เป็นคนของฝ่ายตรงข้าม จึงส่งฎีกานั้นให้กับไทสูจู้ ไทสูจู้นำมีดออกมาตัดฎีกาเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย คนส่งสารอีกฝ่ายตกใจร้องตะโกนว่า มีคนทำลายฎีกาของข้า ไทสูจู้จึงดึงตัวเขาออกจากถนน ไม่ให้เป็นที่สังเกต เมื่ออยู่ในที่ลับตาคน ไทสูจู้พูดกับเขาว่า ถ้าท่านไม่ส่งฎีกาให้ข้า ไฉนเลยข้าจะทำลายมันได้ นี่ถือว่าฟ้าลิขิตแล้ว ข้าไม่ใช่คนผิดเพียงคนเดียว แต่เราสองคนมีส่วนร่วมในความผิดนี้ ถ้าเราหลบหนีไป เราก็สามารถเอาชีวิตรอดได้ ไม่อย่างนั้น เราสองคนคงถูกลงโทษอย่างหนักจากการทำลายฎีกา

คนส่งสารอีกฝั่งบอกว่า ท่านได้ทำลาย ฎีกาของข้าแล้ว ในเมื่อท่านได้สิ่งที่ต้องการ ทำไมท่านต้องหลบหนีด้วย
ไทสูจู้ตอบว่า เมื่อข้ารับคำสั่งจากเจ้านายของข้าให้เพียงดูว่า ท่านได้ส่งฎีกาแล้วหรือยัง แต่ข้าได้ทำลายฎีกาของท่านได้ ถ้าข้าย้อนกลับไป ข้ากลัวว่าเจ้านายข้าจะกล่าวหาว่า ข้าทำเกินกว่าเหตุและจะลงโทษ ดังนั้นข้าควรจะหลบหนีไปเสียดีกว่า

คนส่งสารอีกฝั่งเห็นด้วยกับไทสูจู้ ทั้งสองออกจากเมืองในวันนั้น ทันทีที่ไทสูจู้ออกจากเมืองกับคนส่งสาร เขาได้แอบย้อนกลับไปเพื่อส่งฎีกาของเขา เมื่อเจ้าเมืองได้รู้เรื่องก็พยายามส่งฎีกาอีกครั้ง แต่เพราะว่าไทสูจู้ได้ส่งฎีกาไปแล้ว ทำให้ฎีกาที่ส่งทีหลังนั้นไม่มีความหมาย และผลการตัดสินก็ทำให้เจ้าเมืองไม่พอใจนัก ทำให้ชื่อของไทสูจู้เป็นที่รู้จัก ขุนนางฝ่ายเจ้าเมืองก็ไม่พอใจ ไทสูจู้กลัวว่าฝั่งตรงข้ามจะลอบทำร้ายเขา จึงหนีไปซ่อนตัวที่ เลียวตั๋ง

ขงหยงเจ้าเมืองปักไฮ เมื่อได้ฟังเรื่องราวของไทสูจู้ก็ประทับใจ และอยากผูกมิตรกับไทสูจู้ โดยการอุปการะมารดาของไทสูจู้ ต่อมาเกิดกบฏโจรผ้าเหลืองขึ้น ขงหยงถูกแต่งตั้งให้มาสู้กับโจรผ้าเหลืองที่ Duchang แต่ทัพของเขาเองกลับถูกโจรผ้าเหลืองล้อม ในเวลานั้นไทสูจู้เดินทางกลับบ้าน มารดาของไทสูจู้เลยให้ ไทสูจู้มาช่วยขงหยง พูดว่า แม้ว่าเจ้าจะไม่เคยพบกับขงหยงเจ้าเมืองปักไฮ แต่เขาก็ดูแลข้าเป็นอย่างดีเวลาที่เจ้าไม่อยู่ เหมือนกับว่าเขาเป็นเพื่อนเก่าแก่ของครอบครัวเรา เวลานี้เขาถูกโจรผ้าเหลืองล้อมไว้ เจ้าควรที่จะไปช่วยเหลือเขา หลังจากพักที่บ้านสามวัน ไทสูจู้เดินทางไป Duchang อาศัยที่ว่าโจรผ้าเหลืองยังตีวงล้อมเมืองขงหยงไม่ทั่วถึง แอบเข้าเมืองที่โดนล้อมในยามค่ำคืน ไทสูจู้ได้คุยกับขงหยง ขอให้ขงหยงมอบทหารส่วนหนึ่งให้แก่เขา เขาจะนำทัพไปสู้กับโจรผ้าเหลืองเอง แต่ขงหยงไม่เชื่อคำแนะนำของไทสูจู้ ขงหยงตัดสินใจรอการช่วยเหลือจากภายนอก แต่วันแล้ววันเล่า ก็ไร้วี่แววกำลังเสริมแต่ฝ่ายโจรผ้าเหลืองดูจะเข้มแข็งขึ้นเรื่อย ๆ ขงหยงคิดว่าการส่งสารไปหาเล่าปี่ เจ้าเมืองเพงง้วนก้วน แต่ไม่มีใครที่มีความสามารถพอที่จะฝ่าวงล้อมกองทัพโจรผ้าเหลืองไปได้ ไทสูจู้จึงอาสาเป็นคนส่งข่าว ขงหยงจึงห้ามไว้ พูดว่า โจรผ้าเหลืองล้อมเราไว้แน่นหนานัก ทุกคนต่างพากันพูดว่ามันเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ แม้ว่าท่านจะมีขวัญกำลังใจดีเพียงใด งานนี้ก็ยากเกินไปสำหรับท่าน
ไทสูจู้จึงบอกว่า ในอดีตท่านให้ความเมตตาแก่มารดาข้ายิ่งนัก นอกจากคำขอบคุณที่นางมีให้ นางได้ส่งข้ามาช่วยท่านในเวลาที่ท่านต้องการ เพราะรู้ดีในความสามารถของตัวข้า การมาของข้าต้องเป็นประโยชน์แก่ท่าน นางจึงได้ส่งข้ามา ถ้าข้าเชื่อตามคนอื่นว่าสิ่งนี้ไม่ใช่สิ่งที่คนทั่วสามารถทำได้ ตัวข้าก็ไร้ประโยชน์ต่อความกรุณาของท่าน และทำความผิดหวังให้แก่มารดาของข้า เวลาเหลือไม่มากแล้ว ขอท่านอย่าได้โปรดลังเลใจอีก ขงหยงเห็นความตั้งใจของไทสูจู้จึงยอมให้เขาไป

รุ่งเช้าไทสูจู้กับคนติดตามสองคน ก็ควบม้าออกทางประตูเมืองใหญ่ ตัวไทสูจู้ถือธนูโดยให้คนติดตามของเขาแบกเป้าธนูตามหลัง โจรผ้าเหลืองที่ตั้งค่ายอยู่ก็แปลกใจเป็นอันมาก ต่างพากันมาดูว่าเกิดอะไรขึ้น ไทสูจู้ข้ามคูเมือง วางเป้าธนูลงและข้ามกลับมา แล้วก็เริ่มยิงธนูใส่เป้าพวกนั้น หลังจากยิงอยู่พักใหญ่ เขาก็กลับเข้าเมือง รุ่งเช้าวันต่อมาเขาก็ทำเช่นเดิมกับเมื่อวาน โจรผ้าเหลืองบางคนก็ลุกมาดู แต่ส่วนใหญ่ต่างพากันหลับต่อไม่สนใจ เมื่อไทสูจู้ยิงธนูซักพักก็กลับเข้าเมือง รุ่งเช้าวันต่อมา ไทสูจู้ก็ทำเช่นเดิม แต่ไม่มีโจรผ้าเหลืองคนไหนลุกมาดู ต่างพากันนอนต่อด้วยความเกียจคร้าน ไทสูจู้จึงลงแส้ควบม้าวิ่งฝ่าวงล้อมศัตรู กว่าที่ศัตรูจะรู้ตัว ไทสูจู้ก็ควบม้าผ่านวงล้อมมาได้แล้ว และใช้ธนูสังหารโจรผ้าเหลืองหลายคน เหล่าโจรผ้าเหลืองเมื่อเห็นดังนั้นก็ไม่มีใครกล้าติดตามไทสูจู้

เมื่อเขามาถึงเมืองเพงง้วนก้วน เขาชักชวนเล่าปี่โดยบอกว่า ข้าไทสูจู้ ชาวเมืองตงไหล มาขอร้องท่านให้ไปช่วยเหลือท่านขงหยง ข้าเองไม่ได้เป็นญาติหรือเพื่อนของท่านขงหยง แต่ข้ามีความหวังและแรงบันดาลใจเช่นเดียวกับท่านขงหยง เมื่อท่านขงหยงเสียใจหรือเดือดร้อน ข้าก็พลอยเจ็บแค้นไปด้วย เวลานี้ กวนไฮ หัวหน้าโจรผ้าเหลืองก่อกบฏขึ้น ท่านขงหยงถูกล้อมอยู่ ถ้าไม่มีกำลังสนับสนุนจากภายนอก ท่านขงหยงต้องตกอยู่ในอันตรายแน่ ท่านเล่าปี่ ท่านเองนั้นเป็นที่เลื่องลือว่าเปี่ยมไปด้วยคุณธรรมและเมตตาธรรม ท่านมักจะให้ความช่วยเหลือแก่ผู้อื่นในยามที่เขาเดือดร้อนเสมอ ท่านขงหยงนั้นกล้าหาญนักที่ยืนหยัดต่อสู้ในวงล้อมของโจรผ้าเหลือง ท่านส่งข้าฝ่าคมหอกคมดาบของศัตรูมาหาท่าน ตัวข้าต้องเสี่ยงชีวิตเพื่อมาวิงวอนขอความช่วยเหลือจากท่าน ท่านเล่าปี่ ท่านคือความหวังเดียวของเรา เล่าปี่ทำหน้าขึงขังแล้วพูดตอบว่า ที่จริง ท่านขงหยงก็รู้เหมือนกันว่ามีเล่าปี่ที่เต็มใจช่วยเขา แล้วเล่าปี่ก็ระดมทหารสามพันนายตามไทสูจู้ไปช่วยขงหยง

เมื่อโจรผ้าเหลืองได้ยินว่ามีทัพสนับสนุนมาช่วย ก็ล่าถอยไป ขงหยงประทับใจในตัวไทสูจู้มากกว่าเดิม พูดกับเขาว่า ท่านเป็นเพื่อนแท้ของข้าจริง ๆ สหายน้อย เมื่อไทสูจู้ช่วยเหลือขงหยงแล้วจึงกลับไปหามารดา มารดาของไทสูจู้พูดกับเขาว่า ข้าดีใจจริง ๆ ที่เจ้าสามารถช่วยท่านขงหยงได้

ผู้ตรวจการแคว้นยังจิ๋วในตอนนั้นคือเล่าอิ้ว ซึ่งเป็นคนพื้นเพเดียวกันกับไทสูจู้ เมื่อไทสูจู้มาจากเลียวตั๋ง เขาไม่มีโอกาสได้เข้าพบเล่าอิ้วเพื่อขอรับใช้ ดังนั้นเขาจึงข้ามแม่น้ำแยงซีไปเพื่อพบกับเล่าอิ้ว ในตอนนั้นทัพของซุนเซ็กได้มาถึงพอดี ขุนนางของเล่าอิ้วบางคนได้แนะนำให้เล่าอิ้วแต่งตั้งให้ไทสูจู้เป็นแม่ทัพ แต่เล่าอิ้วไม่เห็นด้วย เขาบอกว่า ถ้าข้าตั้งให้ไทสูจู้เป็นแม่ทัพ เขาเฉียวคงจะหัวเราะเยาะข้าเป็นแน่ ดังนั้นเล่าอิ้วจึงตั้งให้ไทสูจู้เป็นนายทหารตรวจตรากองทัพ วันหนึ่งขณะไทสูจู้ออกลาดตระเวณ เขาไปพบกับซุนเซ็กเข้า ซุนเซ็กมีทหารติดตามมาสิบสามนาย ซึ่งในนี้มี อุยกาย ฮันต๋งและซงเขียมด้วย ไทสูจู้ควบม้าเข้าใส่พวกเขา และเริ่มต่อสู้กับซุนเซ็ก ซุกเซ็กแทงถูกม้าของไทสูจู้และคว้าเอาหอกสั้นที่ไทสูจู้พกอยู่ด้านหลังไป ไทสูจู้ก็สามารถคว้าเอาหมวกซุนเซ็กได้ ก่อนที่ทั้งสองจะทำอะไรไปมากกว่านี้ กองทัพทั้งสองฝ่ายก็มาถึง ทั้งสองจึงยุติแล้วกลับค่ายไป

ไทสูจู้และเล่าอิ้วในที่สุดก็พ่ายแพ้แก่ซุนเซ็กต้องหนีไปอยู่ที่ อิเจี๋ยง และหลบซ่อนที่งิวจู๋ ที่นั่นเล่าอิ้วประกาศตัวเองเป็นเจ้าเมืองตันเอี๋ยง ในเวลาเดียวกัน ซุนเซ็กได้ยึดครองดินแดนตะวันออกของ Xuancheng ขาดแต่เพียงหกหัวเมืองตะวันตกของเกงจิ๋ว เมื่อไทสูจู้ยกทัพมาที่เกงจิ๋ว ชนเผ่าชาวเขามากมายได้สนับสนุนทัพของไทสูจู้ ซุนเซ็กยกทัพมาต่อสู้กับไทสูจู้ด้วยตนเอง ไทสูจู้แพ้และถูกจับได้ในที่สุด เมื่อถูกนำตัวมาอยู่ต่อหน้าซุนเซ็ก ซุนเซ็กตัดเชือกที่พันธนาการไทสูจู้ออก กุมมือเขาพลางกล่าวว่า จำเหตุการณ์ที่ท่านกับข้าเคยสู้กันได้หรือไม่ ถ้าครั้งนั้นท่านจับข้าได้ ท่านจะจัดการกับข้าอย่างไร ไทสูจู้ตอบว่า ข้าไม่อาจพูดได้ ซุนเซ็กหัวเราะพลางพูดว่า ต่อไปนี้ ข้าได้สิ่งใด ข้าจะแบ่งสิ่งนั้นแก่ท่านด้วย แล้วซุนเซ็กก็แต่งตั้งให้เขาเป็นแม่ทัพมีหน้าที่ตรวจตรากองทัพ

หลังจากนั้น เล่าอิ้วที่อยู่ที่อิเจี๋ยง ได้เสียชีวิต ลูกน้องของเล่าอิ้วจำนวนหลายหมื่นต่างไร้ผู้นำ ไม่มีลูกน้องคนไหนของเล่าอิ้วที่มีอำนาจพอจะควบคุมทหารทั้งหมดได้ ซุนเซ็กได้ขอร้องให้ไทสูจู้ไปชักจูงทหารที่ไม่มีที่ไปให้มารับใช้เขา แต่ขุนนางของซุนเซ็กต่างพูดว่า ไทสูจู้จะไปแล้วไม่กลับมาหาท่าน ซุนเซ็กพูดว่า ถ้าไทสูจู้จากข้าไปจริง ๆ เขาจะไปหานายคนไหนเช่นข้าได้ ซุนเซ็กจัดงานเลี้ยงส่งไทสูจู้แล้วถามว่า ท่านไปครั้งนี้ กี่วันถึงจะกลับ ไทสูจู้ตอบว่า ข้าจะกลับมาหานายท่านภายในหกสิบวัน ไทสูจู้กลับมาภายในเวลาที่กำหนดและรายงานสถานการณ์ในเมืองต่าง ๆ แม้จะมีฮัวหิมที่เป็นเหมือนผู้นำต่อจากเล่าอิ้ว แต่เมืองต่าง ๆ กลับไม่เชื่อฟังฮัวหิม ซุนเซ็กได้ฟังก็ดีใจและเริ่มแผนการที่จะยึด อิเจี๋ยง

เล่าผวน หลานคนหนึ่งของเล่าเปียว เป็นแม่ทัพที่กล้าหาญและมีความสามารถคนหนึ่งของเล่าเปียว ได้พยายามก่อความวุ่นวายขึ้นในง่อ แต่ถูกไทสูจู้ซึ่งควบคุมดูแลพื้นที่แถบนั้นต่อสู้กลับ ทัพของเล่าผวนพ่านแพ้และไม่กล้ายกทัพมารุกรานง่ออีกเลย

ไทสูจู้ สูงประมาณ 180 ซม. มีเคราที่สวยงามมาก มีพลังแขนที่แข็งแรงสามารถยิงธนูได้อย่างรุนแรงและไม่เคยพลาดเป้า หลังจากติดตามซุนเซ็ก ครั้งหนึ่งไทสูจู้ติดตามซุนเซ็กไปปราบโจรป่า ที่ Mabao หนึ่งในพวกโจรได้ตะโกนด่าซุนเซ็กจากบนกำแพงเมือง ไทสูจู้หยิบคันธนูขึ้นเล็งและยิงธนูปักมือโจรคนนั้นติดกับกำแพงเมือง ทหารหลายหมื่นคนต่างพากันโห่ร้องชมเชยฝีมือของไทสูจู้ เรื่องนั้นทำให้ชื่อเสียงของไทสูจู้เป็นที่รู้จักมากขึ้น เมื่อโจโฉได้ยินเรื่องราวไทสูจู้ ก็ส่งกล่องจดหมายปิดผนึกมาให้ แต่ในกล่องนั้นไม่มีจดหมาย มีเพียงตังกุยอย่างเดียว (ตังกุยนั้นออกเสียงพ้องกับคำที่มีความหมายว่า น่าจะหวนกลับ) เพราะว่าไทสูจู้นั้นมีบ้านเกิดอยู่ในภาคกลาง การส่งตังกุยให้นั้นเป็นการแนะนำให้ผู้ที่รับหวนกลับสู่บ้านเกิด โจโฉทำเช่นนี้เพื่อเชื้อเชิญไทสูจู้ให้มาสวามิภักดิ์เขา ไทสูจู้ตายเมื่ออายุได้ 41 ปีในปีเจี้ยนอันที่ 11




 

Create Date : 27 กันยายน 2548    
Last Update : 22 มิถุนายน 2549 21:09:25 น.
Counter : 4359 Pageviews.  

1  2  

kazama
Location :
สมุทรปราการ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Friends' blogs
[Add kazama's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.