Group Blog
 
All Blogs
 
ปี 195 AD ต่อ

ปี 195 AD (ต่อ)

เตียวเจี๋ยว(น้องเตียวเมา) อยู่ที่เมืองหยงกิว โจโฉล้อมเมืองเขาไว้ เตียวเจี๋ยวพูดว่า “มีเพียงจงฮ่องเท่านั้นที่จะมาช่วยเราได้”

ลูกน้องของเขาบอกว่า “อ้วนเสี้ยวและโจโฉมีความสัมพันธ์อันดีต่อกัน จงฮ่องเองก็มีตำแหน่งในสังกัดของอ้วนเสี้ยว เขาคงไม่ทำลายความสัมพันธ์ระหว่างอ้วนเสี้ยวกับโจโฉและก่อเหตุสงครามระหว่างทั้งสองคน”

เตียวเจี๋ยวบอกว่า “จงฮ่องเป็นคนหนึ่งในบรรดาคนที่มีคุณธรรมที่สุดของแผ่นดิน เขาไม่เคยละทิ้งข้า สิ่งที่ข้าห่วงคือ อ้วนเสี้ยวจะไม่อนุญาตให้เขามาช่วยข้า”

จงฮ่องในตอนนั้นเป็นเจ้าเมืองตองกุ๋น เขาเดินเท้าเปล่าไปหาอ้วนเสี้ยว ร้องไห้คร่ำครวญวิงวอนขออ้วนเสี้ยวให้ส่งคนไปช่วยเตียวเจี๋ยว แต่อ้วนเสี้ยวปฏิเสธ เขาจึงขออนุญาตจากอ้วนเสี้ยว ขอนำทหารในสังกัดเขาเองไปช่วย อ้วนเสี้ยวก็ไม่อนุญาต เมืองหยงกิวจึงถูกโจโฉยึด เตียวเจี๋ยวฆ่าตัวตาย โจโฉฆ่าทุกคนในตระกูล

การตายของเตียวเจี๋ยวทำให้จงฮ่องเกลียดอ้วนเสี้ยว เขาตัดความสัมพันธ์และไม่เชื่อฟังคำสั่งของอ้วนเสี้ยว อ้วนเสี้ยวจึงนำทัพไปล้อมเมืองเขาไว้ แต่หนึ่งปีผ่านไป เขายังสามารถรักษาเมืองได้อยู่

อ้วนเสี้ยวจึงสั่งให้ ตันหลิมนำจดหมายไปหาเขาบอกให้ยอมแพ้ จงฮ่องพูดว่า “ข้าเองเป็นคนธรรมดา ไร้ความทะเยอะทะยานและความสามารถ ข้าบังเอิญได้เจอท่านอ้วนเสี้ยวนายของเราเมื่อข้าทำหน้าที่เป็นฑูต และตั้งแต่นั้นข้าก็ได้รับความเมตตา ความปรารถนาดีต่าง ๆ จากท่านอ้วนเสี้ยวเรื่อยมา ดังนั้นข้าจึงสามารถมีตำแหน่งสูงในมณฑลที่ยิ่งใหญ่นี้ได้ ท่านคิดว่าข้ายินดีที่จะต่อต้านเขาในตอนนี้หรืออย่างไร”

“เมื่อข้าได้รับการแต่งตั้งครั้งแรก ข้าเชื่อว่าเราสามารถทำสิ่งที่ยิ่งใหญ่ในการกอบกู้แผ่นดินด้วยกัน แต่เมื่อข้ารู้ข่าวว่าบ้านเกิดข้าถูกรุกรากและนายเก่าของข้าตกอยู่ในอันตราย ข้าร้องขอกองทัพช่วยเหลือ แต่ถูกปฏิเสธ ข้าขออนุญาตไปด้วยตัวเอง ก็ถูกระงับไว้ เวลานี้นายเก่าของข้าจึงถึงแก่ความตาย”

“ความจริงใจของข้าถูกปฏิเสธอย่างสิ้นเชิง ข้าจะสามารถกลับไปรับใช้ท่านอ้วนเสี้ยวได้อย่างไร ถ้าข้าทำเช่นนั้น ข้าก็ทำลายชื่อเสียงของตัวเองที่เป็นลูกกตัญญูและขุนนางที่ซื่อสัตย์ นี่คือเหตุผลว่าข้าจำต้องเศร้าโศกเสียใจและหยิบอาวุธต่อสู้ในการจากมา ข้าจำต้องระงับความเสียใจและตัดความสัมพันธ์ของเรา”

“ตันหลิม ท่านจงไปให้พ้นจากเมืองข้า ไปหาประโยชน์ตามที่ท่านต้องการ ข้า จงฮ่อง ได้อุทิศตัวเพื่อความจงรักภักดีส่วนตัว ท่านรับใช้ ผู้นำทัพพันธมิตร (อ้วนเสี้ยว) ข้ารับใช้เตียงอั๋น (ฮ่องเต้)“

“ท่านอาจจะว่าข้าจะตายและชื่อข้าจะไม่มีใครจดจำได้ แต่ข้าจะหัวเราะเยาะท่านที่มีชีวิตอยู่อย่างน่าอับอาย”

เมื่ออ้วนเสี้ยวเห็นจดหมายของจงฮ่อง เขารู้ว่าจงฮ่องไม่คิดยอมแพ้ เขาจึงเพิ่มทหารเข้าโจมตีอย่างหนัก ภายในเมือง ไม่มีเสบียงอาหารเหลือแล้ว และไม่มีความหวังว่าจะมีคนมาช่วยเหลือจากภายนอก เมื่อรู้ว่าเขาไม่มีทางหนีไปได้ จงฮ่องจึงบอกกับทหาร ขุนนางและประชาชนว่า “อ้วนเสี้ยวเป็นคนที่ไร้ศีลธรรม มีความทะเยอทะยานที่ไม่สุจริต ยิ่งไปกว่านั้นเขายังไม่มอบความช่วยเหลือให้กับนายเก่าของข้า เพื่อรักษาเกียรติยศของตัวเอง ข้าจำเป็นต้องสู้ตาย ซึ่งเป็นสิ่งที่ข้ายินดี แต่ว่าพวกท่านไม่เกี่ยวข้องอันใดกับเรื่องของข้าเลย ไม่มีประโยชน์ที่พวกท่านจะมาจบชีวิตลงที่นี้ ก่อนที่เมืองจะถูกยึด พวกท่านต้องพาครอบครัวหนีจากไป”

ทั้งหมดพากันร้องไห้พูดว่า “นายท่านไม่มีเหตุอันใดเลยที่ต้องสู้รบกับอ้วนเสี้ยว และเวลานี้ท่านตกอยู่ในอันตรายเพื่อกอบกู้เกียรติยศของตำแหน่งท่านที่ถูกแต่งตั้งโดยองค์ฮ่องเต้ พวกเราเป็นคนของท่าน เราจะทิ้งท่านไปในเวลาที่ท่านลำบากได้อย่างไร”

ในตอนแรก พวกเขายังพอหาหนู กระดูกและเอ็นเก่า ๆ แต่เมื่อไม่มีสิ่งใดเหลือพอที่จะทำอาหารกินได้แล้ว ขุนนางผู้หนึ่งรายงานว่า ยังมีข้าวสามเช็งอยู่ในครัว จึงบอกให้จงฮ่องนำข้าวจำนวนนั้นไปทำข้าวต้มกิน แต่จงฮ่องถอนใจแล้วพูดว่า “ข้าจะสามารถกินคนเดียวได้อย่างไร” เขาจึงนำข้าวนั้นไปทำข้าวต้มผสมน้ำจำนวนมากแล้วแจกจ่ายให้กินทั้งกองทัพ เขายังฆ่าเมียน้อยคนโปรดนำร่างนางมาทำอาหารให้ลูกน้องเขา ทั้งหมดพากันก้มหน้าลงแล้วร้องไห้

ทหารและชาวบ้านทั้งชายหญิงเจ็ดแปดพันคนนอนตายพาดทับร่างกัน แต่ไม่มีใครหนีออกจากเมืองหรือคิดต่อต้านจงฮ่อง เมื่อเมืองถูกยึดจงฮ่องถูกจับได้ อ้วนเสี้ยวและขุนนางชั้นสูงของเขาจึงไปพบจงฮ่อง และพูดว่า “จงฮ่อง ทำไมท่านถึงเนรคุณต่อข้า ท่านจะยอมแพ้แก่ข้าตอนนี้หรือไม่”

จงฮ่องนอนอยู่กับพื้น แต่เขามองอ้วนเสี้ยวด้วยสายตาดูหมิ่นบอกว่า “บรรพบุรูษตระกูลอ้วนล้วนแต่รับใช้ราชสำนักฮั่น ในสี่ชั่วคน ตระกูลอ้วนได้ครองตำแหน่งขุนนางระดับสูงถึงห้าคน หรือจะกล่าวได้ว่าพวกเขาได้สร้างคุณงามความดีให้กับแผ่นดิน แต่เวลานี้ ราชสำนักอ่อนแอและตกอยู่ในหายนะ แต่ท่านที่เป็นลูกหลานตระกูลอ้วนกลับไม่สนใจที่จะสนับสนุน หรือช่วยเหลือเลย ท่านสนใจเพียงประโยชน์ส่วนตัว มีความทะเยอทะยานเกินตัว ท่านฆ่าคนบริสุทธิ์และผู้จงรักภักดีเพื่อสร้างรากฐานอำนาจของท่านเอง”

“ข้าเคยได้ยินกับหูว่า ท่านเรียกท่านเตียวเมาเป็นพี่ชาย ถ้าอย่างนั้นนายของข้า ท่าน เตียวเจี๋ยวก็ถือเสมือนเป็นน้องชายของท่าน ท่านควรจะเป้นพันธมิตรกัน ช่วยกันขจัดขุนนางชั่วและกอบกู้แผ่นดิน ท่านกลับไม่ส่งทัพช่วยเหลือตอนที่เพื่อนของท่านกำลังจะตาย ท่านทำได้อย่างไรกัน”

“ข้าเสียใจที่ตัวเองอ่อนแอเกินไป ไม่สามารถแก้ไขความชั่วร้ายต่าง ๆ ของราชสำนัก แล้วใยท่านมาพูดถึงเรื่องให้ข้ายอมแพ้ท่านอีกเล่า”

อ้วนเสี้ยวนั้นชอบพอจงฮ่องเป็นอันมาก เขามีความหวังที่จะบังคับให้จงฮ่องมายอมแพ้เขา แล้วเขาจะยกโทษให้ แต่เมื่อได้เห็นว่าจงฮ่องหมายความตามอย่างที่เขาพูดจริง ๆ อ้วนเสี้ยวรู้ว่าจงฮ่องไม่มีวันจะกลับมารับใช้เขา เขาจึงฆ่าจงฮ่อง

ตันหยงคนบ้านเดียวกับจงฮ่อง เขาชื่นชมในตัวจงฮ่องตั้งแต่เขายังเด็ก ตอนนี้เขามีตำแหน่งในสังกัดอ้วนเสี้ยวเช่นเดียวกัน เขาจึงลุกขึ้นแล้วพูดว่า “ท่านเองริเริ่มงานใหญ่ หวังขจัดภัยพิบัติของแผ่นดิน แต่ท่านกลับเริ่มฆ่าขุนนางที่ภักดีผู้ทรงคุณธรรม นี่ถือเป็นลิขิตสวรรค์หรืออย่างไร จงฮ่องรวบรวมกำลังพลไปช่วยเหลือนายของเขา ท่านฆ่าเขาได้อย่างไร”

อ้วนเสี้ยวไม่พอใจ เขาไล่ตันหยงออกไปบอกว่า “เจ้าเองก็ไม่ใช่ลูกน้องของจงฮ่อง ทำสิ่งไร้ประโยชน์ไปเพื่ออะไร”

ตันหยงหันกลับมาพูดว่า “มีกฏที่ไม่ได้ถูกบันทึกไว้เกี่ยวกับมนุษยธรรมและคุณธรรม ถ้าท่านปฏิบัติตาม ท่านก็ถือเป็นสุภาพชน ถ้าท่านไม่สนใจ ท่านก็เป็นเพียงสามัญชน ข้าขอตายในวันเดียวกับท่านจงฮ่องดีกว่าอยู่ร่วมใต้อาทิตย์เดียวกันกับท่าน” ดังนั้นเขาจึงถูกฆ่าตาย


ทุกคนต่างถอนใจกระซิบบอกต่อกันว่า “เขาฆ่าคนดีมีคุณธรรม ถึงสองคนในวันเดียวกันได้อย่างไร”

เมื่อกองซุนจ้านฆ่าเล่าง้อ เขาจึงครองมณฑลอิวจิ๋วแทน เขาจึงมีความทะเยอทะยานมากกว่าเดิม เขาใช้ประโยชน์จากความสามารถในการรบเขา และไม่มีความสงสารต่อผู้ใด เขาจดจำความผิดลูกน้อง และไม่ใส่ใจความชอบของพวกเขา เขาสังหารผู้คนบางคนที่เพียงแต่มองเขาอย่างโกรธเคือง

เขาใช้กฎหมายทำร้ายบัณฑิตและสุภาพชน ที่คนทั่วไปเคารพมากกว่าตัวเขา ในขณะที่คนดีมีความสามารถเขากลับปฏิบัติอย่างหยาบช้าและส่งไปในที่ห่างไกลและยากจน เมื่อมีคนถามเหตุผล กองซุนจ้านตอบว่า “สุภาพชนเหล่านี้คิดว่าพวกเขาเป็นคนดีมีศีลธรรม ดังนั้นเขาควรได้รับความดีความชอบ พวกเขาไม่รู้สึกขอบคุณในสิ่งที่ข้าทำเลย” กองซุนจ้านนิยมชมชอบบรรดาพ่อค้าและคนทั่วไป เขาปฏิบัติเหมือนเป็นพี่น้องและยอมให้ญาติมิตรแต่งงานกับพวกเขา คนเหล่านี้นั้นนิสัยเหมือนอันธพาล คนทั่วไปจึงเกลียดพวกเขา

Xianyu Fu ลูกน้องของเล่าง้อพร้อมด้วยคนอื่น รวบรวมกองทัพของมณฑลเพื่อแก้แค้น Yan Rou ซึ่งเป็นคนใจกว้างและซื่อตรง เป็นนายทหารของเผ่าอูฮวน ได้เกณฑ์ชนเผ่าและชาวฮั่นหลายหมื่นคนต่อสู้ปกป้องตอนเหนือของ Lu ต่อต้าน Zou Dan เจ้าเมืองอิเอี๋ยงที่กองซุนจ้านแต่งตั้ง เขาตัดหัว Zou Dan และสังหารทหารสี่พันนายของ Zou Dan

อ๋อง Qiao แห่งอูหวน นำชนเผ่าของเขาร่วมกับทหารม้าเจ็ดพันจาก Xianbi ของ Yan Rou และพวก เขาติดตาม Xianyu Fu ลงใต้เพื่อร่วมกับเล่าโหลูกของเล่าง้อและจ๊กยี่ลูกน้องอ้วนเสี้ยว

กองทัพผสมมีจำนวนแสนคนเข้าโจมตีกองซุนจ้านพ่ายแพ้ที่ Baoqiu พวกเขาสังหารทหารกองซุนจ้านมากกว่าสองหมื่นคน ผู้คนในเมือง Dai Guangyang Shanggu และ Youbeiping ล้วนแต่ลุกฮือขึ้นฆ่าขุนนางที่แต่งตั้งโดยกองซุนจ้านและส่งกองทัพไปร่วมกับ Xianyu Fu และเล่าโห กองทัพของกองซุนจ้านพ่ายแพ้ครั้งแล้วครั้งเล่า

ก่อนหน้าเหตุการณ์นี้ มีเพลงที่เหล่าเด็ก ๆ ร้องกันเล่นตามถนนว่า
"หยานจิ๋วจะขยายลงทางใต้ เจาจิ๋วจะขยายขึ้นทางเหนือ
ดินแดนระหว่างสองมณฑลจะเหลือขนาดเพียงหินโม่แป้ง
ที่นั้นเท่านั้นที่คุณจะสามารถเอาตัวรอดได้"

กองซุนจ้านเชื่อว่า เพลงนี้มีความหมายถึงมณฑลเอี๊ยะจิ๋ว เขาจึงย้ายที่ทำการเขาไปอยู่ที่นั่น เขาขุดคูน้ำถึงสิบแห่งรอบล้อม ภายในคูน้ำเขาสร้างป้อมปราการสูงห้าสิบ หกสิบฟุต มีหอคอยอยู่ข้างบน ป้อมตรงกลางคูน้ำทั้งหมดสูงถึงร้อยฟุต ซึ่งเป็นที่กองซุนจ้านใช้อาศัย ประตูของป้อมนั้นสร้างด้วยเหล็ก

แล้วเขาไล่ขุนนางทั้งหมดและไม่อนุญาตให้ผู้ชายที่อายุเกินเจ็ดขวบเข้าในป้อม กองซุนจ้านอาศัยอยู่ที่นั้นพร้อมบรรดาเมียน้อย เอกสารและบันทึกต่าง ๆ อยู่กับเขาที่นั่น เขายังฝึกหญิงในป้อมให้ออกเสียงอย่างพร้อมเพรียงกันเพื่อให้ได้ยินไกลหลายร้อยก้าว เขาให้ลูกน้องของเขาอยู่ไกลออกไป ไม่มีใครที่เขาไว้ใจ ที่ปรึกษาและขุนนางที่มีความสามารถของเขาล้วนแต่หลบหนีไป และเขาเองก็นาน ๆ ครั้งถึงจะออกทำศึกด้วยตัวเอง

เมื่อถามเหตุผล กองซุนจ้านบอกว่า "ในตอนแรก ข้าขับไล่พวกคนเถื่อนให้พ้นจากชายแดนและทำลายโจรผ้าเหลืองที่ด่านเบงก๋วน ดูเหมือนว่าแผ่นดินสงบสุขแล้ว แต่เวลานี้ทหารต่อสู้กันทุกหนแห่ง สถานการณ์แบบนี้มากเกินกว่าที่ข้าจะรับมือได้แล้ว"

"แผนการที่ดีที่สุดตอนนี้คือละเรื่องสงครามไว้ก่อน หลายปีผ่านไป เหตุการณ์ที่เลวร้ายก็จะผ่านพ้นไปเอง ในบรรดาแม่ทัพทั้งหลาย ไม่มีใครกล้าโจมตีป้อมที่มีหอคอยร้อยกว่าหอคอย และข้ายังมีค่ายพักหลายสิบค่าย หอสังเกตการณ์ และเครื่องกีดขวางต่าง ๆ ซ้ำยังมีเสบียงอาหารกว่าสามล้านฮู เมื่อเสบียงอาหารหมด เหตุการณ์ร้ายคงจะผ่านพ้นไปหมดแล้ว และข้าจะกลับไปใส่ใจการบริหารบ้านเมืองอีกครั้ง"

Yufuluo แห่ง Shanyu ใต้ เสียชีวิต Huchuquan น้องชายเขาครองตำแหน่งแทนและจัดตั้งที่มั่นของเขาที่ซินเสีย


Create Date : 17 พฤศจิกายน 2548
Last Update : 12 กรกฎาคม 2549 18:19:01 น. 0 comments
Counter : 1126 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

kazama
Location :
สมุทรปราการ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Friends' blogs
[Add kazama's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.