Group Blog
 
All Blogs
 
ปี 214 AD

ปีเจี้ยนอันที่ 19 214 AD
(28 มกราคม 214 - 16 กุมภาพันธ์ 215)

ในฤดูใบไม้ผลิ ม้าเฉียวขอทหารจากเตียวฬ่อเพื่อที่เขาจะได้นำทัพขึ้นเหนือไปยึดมณฑลเลียงจิ๋ว เตียวฬ่อจึงส่งเขาไปล้อมเขากิสาน

เกียงขิมแจ้งข่าวบอกกับแฮหัวเอี๋ยน แต่ลูกน้องของแฮหัวเอี๋ยนบอกว่าเขาควรรอคำสั่งจากโจโฉ ท่านวุยก๋งอยู่ที่เมืองเงียบกุ๋น แฮหัวเอี๋ยนตอบ ซึ่งห่างจากที่นี่เป็นระยะทางไปกลับสี่พันลี้ เกียงขิมและพวกจะถูกโจมตีย่อยยับไปก่อนที่รายงานจะไปถึงท่านโจโฉ การรายงานก่อนเท่ากับว่าไม่สามารถให้ความช่วยเหลือขณะที่พวกเขาต้องการได้

ดังนั้นแฮหัวเอี๋ยนจึงยกทัพไปช่วย ส่งเตียวคับเป็นทัพหน้าพร้อมทหารห้าพันนาย ม้าเฉียวพ่ายแพ้หลบหนีไป

หันซุยอยู่ที่ Xianqin แฮหัวเอี๋ยนวางแผนจู่โจมเขาอย่างฉับพลันเพื่อจับตัวเขา แต่หันซุยหนีไปได้ แฮหัวเอี๋ยนไล่ตามเขาไปถึงเมือง Lueyang เขาอยู่ห่างสามสิบลี้จากตัวหันซุย ขุนนางของเขาต่างต้องการให้เขาไล่จับหันซุย แต่บางส่วนก็แนะนำว่าพวกเขาควรโจมตีชนเผ่า Di แห่ง Xingguo

กองทัพหันซุยนั้นฝึกฝนมาเป็นอย่างดี และ Xingguo ก็มีกำแพงเมืองที่แข็งแกร่ง แฮหัวเอี๋ยนตอบ ถ้าเราโจมตีฝ่ายไหน เราก็อาจจะไม่ได้ชัยชนะก็เป็นได้ ทางที่ดีเราควรโจมตีเผ่าเกี๋ยงที่ Changli คนจำนวนมากของเผ่านี้เข้าร่วมกับกองทัพหันซุย แต่พวกเขาต้องกลับมาช่วยเหลือครอบครัวแน่นอน ถ้าหันซุยปล่อยให้พวกเขากลับมาช่วยครอบครัว หันซุยก็จะเหลือกำลังเพียงน้อยนิด แต่ถ้าหันซุยรวมกำลังกับพวกเขาช่วยเหลือ Changli กองกำลังของเราก็จะสู้กับเขาในสนามรบ เราต้องจัดการเขาได้แน่

แฮหัวเอี๋ยนทิ้งทหารบางส่วนไว้ป้องกันสัมภาระ ส่วนตัวเขานำกำลังเคลื่อนที่เร็วเข้าโจมตี Changli พวกเขาโจมตีค่ายที่ Shaodang เผ่าเกี๋ยงและหันซุยส่งทหารมาช่วยเหลือ

เมื่อเหล่าขุนนางเห็นขนาดของกองทัพหันซุย พวกเขาต้องการสร้างกำแพงไม้และคูเพื่อป้องกัน แต่แฮหัวเอี๋ยนพูดว่า เราเดินทางมาเป็นระยะทางกว่าพันลี้ ถ้าเรายังสร้างกำแพงไม้และขุดคูอีก ทหารของเราต้องเหนื่อยล้าและไม่อาจสู้รบได้ แม้ว่าโจรกบฏจะมีจำนวนมาก แต่พวกเขาจัดการได้ง่ายดายนัก เขาจึงตีกลองศึก แล้วกองทัพหันซุยก็พ่ายแพ้ยับเยิน

แฮหัวเอี๋ยนนำทัพไปล้อม Xingguo อ๋อง Qianwan หนีไปหาม้าเฉียว ทหารที่เหลืออยู่ในเมืองของเขาล้วนยอมจำนน แฮหัวเอี๋ยนจึงนำทัพไปโจมตีเกาผิงและฉูจี (กลุ่มหนึ่งของชนเผ่าซงหนู) เขาโจมตีทั้งสองกลุ่มพ่ายแพ้ไป

ในเดือนที่สาม มีราชโองการแต่งตั้งวุยก๋งโจโฉให้อยู่เหนืออ๋องทั้งปวง ตราตำแหน่งถูกเปลี่ยนเป็นตราที่ทำจากทองคำประดับด้วยริบบิ้นสีแดงและหมวกสำหรับเดินทางไกล (หมวกสำหรับเดินทางไกลเป็นสัญลักษณ์อย่างหนึ่งของท่านอ๋องในราชสำนักฮั่น ตงเทียนก๋วนเป็นหมวกสูงประมาณ 20 เซนติเมตรมีสายรัดใต้คางและด้านหน้าของหมวกยื่นออกไป)

ในฤดูร้อน เดือนที่สี่ เกิดฝนแล้งขึ้น

ในเดือนที่ห้าเกิดฝนตกหนัก

ก่อนหน้านั้น โจโฉได้แต่งตั้งจูกวงให้เป็นเจ้าเมืองโลกั๋ง ตั้งค่ายอยู่ที่ฮวน และเริ่มสำรวจพื้นที่เพาะปลูก ลิบองพูดกับซุนกวนว่า แผ่นดินของฮวน นั้นอุดมสมบูรณ์ ทันทีที่พวกเขาเริ่มการเพาะปลูก ศัตรูของเราจะยิ่งทวีความแข็งแกร่งขึ้น พวกเราต้องโจมตีพวกเขาโดยเร็ว

ซุนกวนนำทัพเข้าโจมตีเมืองฮวน ขุนนางของเขาต้องการสร้างเนินดินให้สูง และเครื่องยิงเพื่อโจมตีเมือง แต่ลิบองพูดว่า ถ้าเราสร้างเครื่องยิงและเนินดิน ต้องใช้เวลาหลายวันกว่าที่จะเสร็จ ตอนนั้นในเมืองก็เตรียมการป้องกันแล้ว กองทัพช่วยเหลือก็จะมาถึง เราก็จะไม่ประสบผลสำเร็จ ยิ่งกว่านั้น ฝนและน้ำหลากนั้นช่วยให้เรานำทัพมาได้ แต่ถ้าเราทำศึกยืดเยื้อเกินไป น้ำก็จะลดลง แล้วการเดินทางกลับก็จะยากลำบากยิ่งนัก ในความเห็นอันต่ำต้อยของผู้น้อยคิดว่าสถานการณ์เราก็จะอันตรายยิ่งนัก

ขอให้นายท่านจงพิจารณาเมืองให้ดี เมืองนี้ไม่มั่นคงแข็งแรงเท่าไหร่นัก ถ้าเราโจมตีอย่างหนักทุกด้าน เราจะยึดเมืองได้โดยง่าย แล้วเราก็สามารถยกทัพกลับในขณะที่น้ำยังท่วมสูงอยู่ได้ นี่คือแผนที่จะได้ชัยชนะ

ซุนกวนอนุญาตตามแผนของเขา ลิบองเสนอกำเหลงให้นำทหารเข้าโจมตี กำเหลงใช้ตะขอเหล็กดึงตัวเองไต่ขึ้นกำแพงเมืองและเป็นคนแรกที่สามารถเข้าเมืองได้สำเร็จ ลิบองตีกลองศึกด้วยตัวเองและตามโจมตีด้วยทหารที่ฝึกมาเป็นอย่างดี ทหารทั้งหมดกระโจนเข้าสู่การสู้รบ พวกเขาเริ่มโจมตีตั้งแต่รุ่งสาง ก่อนจะถึงมื้อเข้าพวกเขาก็ยึดเมืองได้ พวกเขาจับตัวจูกวงและเชลยศึกชายหญิงหลายพันคน เมื่อเตียวเลี้ยวมาถึง Jiashi เขารู้ว่าเมืองถูกยึดไป เขาจึงยกทัพกลับ

ซุนกวนแต่งตั้งลิบองให้เป็นเจ้าเมืองโลกั๋ง แล้วลิบองก็กลับไปตั้งค่ายที่ Xunyang

ขงเบ้งปล่อยให้กวนอูรักษาการณ์มณฑลเกงจิ๋ว ส่วนตัวเขานำเตียวหุยและจูล่งนำทัพเข้ายึดปาต๋ง เมื่อพวกเขามาถึงมณฑลเจียงโจว พวกเขาโจมตีและจับตัวเงียมหงัน เจ้าเมืองปากุ๋น

เตียวหุยตะโกนใส่เงียมหงันว่า เมื่อกองทัพใหญ่มาถึง ทำไมเจ้าถึงไม่ยอมจำนนแต่โดยดี เหตุใดจึงกล้าต่อสู้กับพวกเรา

เจ้าคนชั่ว เงียมหงันตอบ เจ้ามาบุกรุกมณฑลของเรา แต่มณฑลของเรานั้นมีแต่แม่ทัพที่ยอมตาย ไม่มีแม่ทัพคนใดที่ยอมจำนน

เตียวหุยโกรธมากสั่งให้ลูกน้องของเขานำตัวเงียมหงันไปตัดหัว เงียมหงันมีสีหน้าเป็นปกติพูดว่า ตัดหัวก็คือตัดหัว เหตุใดจึงต้องเอะอะโวยวาย เตียวหุยได้เห็นความกล้าหาญของเงียมหงันจึงปล่อยตัวเขาและรับรองเขาเหมือนเป็นแขก

จูล่งถูกส่งไปที่แม่น้ำสายนอกเพื่อยึด Jiangyang และ เจียนเว่ย ในขณะที่ เตียวหุยยึดปาเส และ Deyang

เล่าปี่ล้อมเมืองลกเสีย นานกว่าหนึ่งปี บังทองถูกลูกธนูได้รับบาดเจ็บจนตาย (ตามประวัติส่วนตัว บังทองตายในการนำทหารเข้าโจมตีเมือง)

หวดเจ้งเขียนจดหมายไปหาเล่าเจี้ยง อธิบายสถานการณ์แล้วพูดว่า ตั้งแต่ท่านแม่ทัพซ้าย(เล่าปี่)ได้รวบรวมผู้คนตั้งกองทัพ เขามักจะคิดถึงท่านในด้านดีอยู่เสมอ เขามีความจริงใจหาใช่คนชั่วร้ายไม่ ข้าเชื่อว่าเราสามารถจัดการการโอนอำนาจซึ่งจะยังคงรักษาสถานะของท่านไว้ได้ แต่เล่าเจี้ยงไม่ตอบจดหมายของเขา

เมืองลกเสียถูกยึดได้ในที่สุด เล่าปี่นำทัพไปปิดล้อมเฉิงตู ขงเบ้ง เตียวหุยและจูล่งนำทัพไปร่วมกับเขา

ม้าเฉียวเชื่อว่าเตียวฬ่อไม่สนับสนุนในแผนการยึดมณฑลเลียงจิ๋วของเขา เอียวหง และขุนนางคนอื่นของเตียวฬ่อก็อิจฉาเขา เขาจึงเสียกำลังใจมาก

เล่าปี่ส่ง ลิอิ๋นผู้สอบสวนของ Jianning ไปเจรจากับม้าเฉียว ดังนั้นม้าเฉียวจึงหลบหนีจาก Wudu มายังดินแดนของชนเผ่า Di แล้วเขียนจดหมายหาเล่าปี่ ขอสวามิภักดิ์กับเขา เล่าปี่ส่งคนไปเรียกตัวเขาเข้าพบ และลอบส่งกำลังทหารให้เขา เมื่อม้าเฉียวมาถึง เขาสั่งการกองทัพของเขาให้ตั้งค่ายทางเหนือของเฉิงตู คนในเมืองจึงตกใจและหวาดกลัว

เล่าปี่ล้อมเมืองต่ออีกหลายสัปดาห์ แล้วเขาก็ส่งกันหยงให้ไปเจรจากับเล่าเจี้ยง ในเวลานั้นในเมืองยังมีทหารสามหมื่นคนที่ฝีกมาเป็นอย่างดี เสบียงอาหารและเสื้อผ้าอยู่ได้เป็นปี ขุนนางของเล่าเจี้ยงทุกคนต่างเตรียมตัวต่อสู้จนตาย แต่เล่าเจี้ยงพูดว่า พ่อและลูก ครอบครัวของข้าอยู่ที่มณฑลนี้มากว่ายี่สิบปี แม้ว่าเราจะไม่ได้แสดงความเมตตาและความดีงามให้แก่ชาวบ้านได้รับรู้เท่าไหร่นัก แต่เวลานี้พวกเขาเดือดร้อนจากสงครามเป็นเวลากว่าสามปีแล้ว ชาวบ้านล้มตายในสนามรบจำนวนมาก สิ่งเหล่านี้ล้วนเพราะข้าเป็นต้นเหตุ แล้วข้าจะทำใจให้สงบได้อย่างไร ดังนั้นเล่าเจี้ยงจึงเปิดประตูเมืองและขึ้นรถม้าพร้อมกันหยง เพื่อไปยอมจำนน เหล่าขุนนางของเขาล้วนแต่ร่ำไห้เสียใจ

เล่าปี่ย้ายเล่าเจี้ยงไปที่เมือง กังอั๋น คืนทรัพย์สินทั้งหมดของเขา และอนุญาตให้เขาใช้ตราและพู่ประจำตำแหน่งของแม่ทัพผู้น่าเกรงขาม (ยศก่อนหน้าของเล่าเจี้ยงที่ได้รับจากโจโฉ)

เมื่อเล่าปี่เข้าเมืองเฉิงตู เขาจัดงานเลี้ยงฉลองสำหรัรบกองทัพของเขา เขานำเงินทองของเมืองจ๊กมาแจกจ่ายให้กับลูกน้องของเขาเป็นรางวัล ส่วนเสบียงอาหารและเสื้อผ้าเขาคืนให้กับเจ้าของเดิม

แล้วเล่าปี่ก็ยึดตำแหน่งผู้ปกครองมณฑลเอ๊กจิ๋ว เขาแต่งตั้งขงเบ้งเป็นแม่ทัพใหญ่ควบคุมกองทัพ ตั๋งโหเจ้าเมืองเอ๊กจิ๋วเป็นแม่ทัพสุภาพชนผู้จัดการกองทัพ และเป็นขุนนางในสังกัดของแม่ทัพซ้าย

แม่ทัพรองม้าเฉียวกลายเป็นแม่ทัพผู้ปราบปรามตะวันตก ขุนพลที่ปรึกษากองทัพหวดเจ้งกลายเป็นเจ้าเมืองจ๊กและแม่ทัพผู้แสดงความมั่นคง แม่ทัพรองฮองตงกลายเป็นแม่ทัพผู้ปราบคนชั่ว และขุนนางบริหารกิจทั่วไปบิต๊กกลายเป็นแม่ทัพผู้นำความสงบสู่ราชสำนักฮั่น

กันหยงกลายเป็นแม่ทัพผู้เปล่งประกายความดี ซุนเขียนเป็นแม่ทัพผู้สนับสนุนความซื่อสัตย์ อุยก๋วนนายอำเภอเกงฮัน กลายเป็นแม่ทัพรอง เคาเจ้งเป็นหัวหน้าขุนนางของแม่ทัพซ้าย บังยี่เป็นนายพัน ลิเงียมเป็นเจ้าเมืองเจียนเว่ย อุยหวนเป็นเจ้าเมืองปากุ๋น อีเจี้ยเป็นขุนนางบริหารกิจทั่วไป เล่าป๋าเป็นขุนนางผู้ใหญ่ในสังกัดตะวันตก แพเอี้ยวเป็นขุนนางประจำจวนที่ว่าการมณฑลเอ๊กจิ๋ว

ก่อนหน้านั้นเมื่อ ตั๋งโหรักษาหัวเมืองอยู่ เขาเป็นคนซื่อสัตย์ ผ่อนปรน มีเกียรติและซื่อตรง เขาเป็นที่รักและไว้ใจของชาวจีนและชนเผ่าต่าง ๆ เขาได้รับการเคารพจากคนทั้งดินแดนจ๊กว่าเป็นขุนนางที่ซื่อสัตย์ ดังนั้นเล่าปี่จึงเลื่อนตำแหน่งให้เขา

เมื่อเล่าปี่จากเมืองซินเอี๋ยหนีลงไปทางใต้ของแยงซี ขุนนางส่วนใหญ่จากมณฑลเกงจิ๋วได้ติดตามเขาเหมือนดั่งฝูงเมฆ มีเพียงเล่าป๋าที่ขึ้นเหนือไปหาโจโฉ โจโฉแต่งตั้งเขาเป็นขุนนางผู้ใหญ่ และส่งให้เขาไปยึดเมืองเตียงสา เลงเหลงและฮุยเอี๋ยง ต่อมาเล่าปี่ยึดสามหัวเมืองนั้นได้ ภาระกิจของเล่าป๋าจึงไม่สำเร็จ เขาจึงวางแผนกลับไปเมืองหลวงผ่านทางมณฑลเกียวจิ๋ว ขงเบ้งซึ่งอยู่ที่ Linzheng ในตอนนั้น ได้เขียนจดหมายไปหาเขาให้มารับใช้ แต่เขาปฏิเสธ เล่าปี่จึงไม่พอใจมาก เล่าป๋าเดินทางจากJiaozhi ไปยังจ๊กเพื่อรับใช้เล่าเจี้ยง

เมื่อเล่าเจี้ยงเชิญเล่าปี่มา เล่าป๋า คัดค้านว่า เล่าปี่เป็นคนทะเยอทะยาน ถ้าท่านเชิญเขามา เขาต้องสร้างปัญหาให้ท่านแน่ เมื่อเล่าปี่มาถึง เล่าป๋า ก็คัดค้านอีกว่า ถ้าท่านส่งเล่าปี่ไปโจมตีเตียวฬ่อ ก็เหมือนกับท่านปล่อยเสือให้เข้าป่า เล่าเจี้ยงไม่สนใจคำแนะนำของเขา เล่าป๋า จึงบอกว่าเขาป่วยหนักต้องพักรักษาตัวอยู่แต่ในบ้าน

เมื่อเล่าปี่โจมตีเฉิงตู เขาสั่งการไปทั้งกองทัพว่า ผู้ใดทำอันตราย เล่าป๋า จะถูกลงโทษประหารชีวิตทั้งครอบครัว แล้วเมื่อเขาจับตัว เล่าป๋า ได้ เล่าปี่จึงยินดีมาก

บรรดาหัวเมืองต่าง ๆ ของจ๊กเมื่อเห็นความเปลี่ยนแปลงจึงพากันยอมอ่อนน้อมต่อเล่าปี่ มีเพียง อุยก๋วน ที่รักษาเมืองอย่างแน่นหนา เขาไม่ยอมจำนนจนกระทั่งเล่าเจี้ยงยอมแพ้

ตั๋งโห อุยก๋วน ลิเงียมและคนอื่นนั้นเป็นคนที่ได้รับแต่งตั้งจากเล่าเจี้ยง งออี้ อุยหวน และคนอื่น ๆ ก็เป็นคนที่เกี่ยวพันกับเล่าเจี้ยงจากการแต่งงาน แพเอี้ยวผู้มีหน้าที่ตัดสินคดีความก็ได้รับแต่งตั้งจากเล่าเจี้ยง เล่าป๋าผู้เคยเป็นศัตรูเก่าของเล่าปี่ ทั้งหมดล้วนแต่ได้รับตำแหน่งที่มีเกียรติจากเล่าปี่ต่างก็เต็มใจรับใช้เขา คนที่ทะเยอทะยานต่างก็พากันแข่งขันสมัครเป็นขุนนางของเล่าปี่ ประชาชนของมณฑลเอ๊กจิ๋วก็อยู่อย่างสงบสุข

ก่อนหน้านั้น เล่าเจี้ยงแต่งตั้งเคาเจ้งเป็นเจ้าเมืองจ๊ก ก่อนหน้าที่เมืองเฉิงตูจะยอมแพ้ เคาเจ้งวางแผนที่จะข้ามกำแพงแล้วร่วมกับทัพที่ปิดล้อมของเล่าปี่ ด้วยเหตุผลนี้ เล่าปี่จึงไม่สู้เต็มใจที่มอบตำแหน่งให้แก่เขา

หวดเจ้งพูดว่า คนมากมายต่างมีชื่อเสียงโดยปราศจากความเหมาะสม เคาเจ้งก็เป็นหนึ่งในนั้น แต่เวลานี้นายท่านเพิ่งจะเริ่มการบริหารบ้านเมือง ท่านไม่สามารถไปหาประชาชนทีละบ้านเพื่ออธิบายตัวท่านได้ ท่านต้องแสดงความเคารพแก่คนเหล่านี้ไม่เช่นนั้น ประชาชนก็จะพากันแปลกใจและผิดหวังในตัวท่าน ดังนั้นเล่าปี่จึงปฏิบัติต่อเคาเจ้งอย่างดีและมอบตำแหน่งให้เขา

เมื่อเฉิงตูถูกปิดล้อม เล่าปี่สัญญากับกองทัพของเขาว่า ถ้าเราได้รับชัยชนะ ข้าไม่คิดที่จะยึดทรัพย์สมบัติเป็นของตัวเอง เมื่อพวกเขายึดเมืองได้ ทหารของพวกเขาจึงละทิ้งอาวุธกรูกันเข้าไปในคลังสมบัติเมือง พวกเขาสู้กันเองเพื่อแย่งชิงสมบัติ ทำให้เงินสำหรับใช้จ่ายในกองทัพขาดแคลน เล่าปี่โมโหเรื่องนี้มาก

เล่าป๋าพูดว่าเรื่องนี้ง่ายมาก ทั้งหมดที่ท่านต้องท่านคือการทำเงินเหรียญ ซิโบ รักษาราคาสินค้าให้คงเดิมและสั่งให้ขุนนางของท่านแต่ละคนตั้งราคาสินค้ากลางเอาไว้ เล่าปี่ทำตาม เพียงไม่กี่เดือนคลังสมบัติก็เต็มไปด้วยเงินทอง (คือการทำเงินใหม่ขึ้นมาใช้เองโดยตั้งให้เงินนั้นมีค่าสูงเกินจริง ซิโบเท่ากับร้อยเท่า ทำให้เล่าปี่จ่ายเงินกองทัพด้วยเงินนี้แทน แผนของ เล่าป๋า นั้นยังควบคุมสินค้าหลักต่าง ๆ ไม่ให้เกิดเงินเฟ้ออีกด้วย การผลิตเงินใช้เองนี้ได้ผลดีในระยะสั้น ๆ เหมาะสมกับสถานการณ์นี้ที่เล่าปี่ใจดีกับลูกน้องมากเกินไป)

ในเวลานั้น เหล่าที่ปรึกษาต้องการที่จะแบ่งที่ดินราคาแพงในเฉิงตูให้กับขุนนางของเล่าปี่ แต่จูล่งแย้งว่า เพราะว่าเผ่าซงหนูยังไม่ถูกทำลาย Huo Qubing จึงไม่สนใจต่อที่ดินศักดินา (แม่ทัพของจีนในสมัยฮ่องเต้บู๊เต้ นำทัพชนะเผ่าซงหนู แต่ปฏิเสธการได้ศักดินา โดยบอกว่าเผ่าซงหนูยังไม่ได้ถูกทำลายลง) ศัตรูของแผ่นดินนั้นกล้าแข็งยิ่งกว่าเผ่าซงหนู และยังไม่มีวี่แววของความสงบสุข ในไม่ช้า เมื่อแผ่นดินสงบลง ชาวบ้านทุกคนต่างจะพากันกลับถิ่นฐานและพรวนดินไถนาเพาะปลูกต่าง ๆ นี่คือสิ่งที่ควรจะเป็น

ชาวมณฑลเอ๊กจิ๋วเพิ่งได้รับความเดือดร้อนจากภัยสงคราม ท่านต้องคืนที่ดินบ้านช่องให้แก่พวกเขา และสั่งให้พวกเขาอยู่อย่างสงบและกลับไปประกอบสัมมาอาชีพตามเดิม แล้วต่อมาท่านก็สามารถเก็บภาษีและเรียกใช้แรงงานจากพวกเขาได้ แล้วท่านก็จะได้ความรักใคร่จากพวกเขา แต่ท่านไม่ควรปล้นพวกเขาเพียงเพื่อจะนำมาเป็นรางวัลให้คนที่ท่านพอใจ เล่าปี่เห็นด้วยกับความคิดเขา

ทันทีที่เล่าปี่โจมตีเล่าเจี้ยง เขาปล่อยแม่ทัพงักจุ้นให้รักษาด่านแฮบังก๋วน เตียวฬ่อส่งเอียวหงมาแกล้งทำเป็นเหมือนว่าเขาจะมาช่วยป้องกันเมือง แต่งักจุ้นตอบไปว่า ท่านอาจได้ศรีษะของข้าไป แต่ท่านอย่าหวังได้ครอบครองเมืองนี้ ดังนั้นเอียวหงจึงนำทัพกลับ

ต่อมา ลูกน้องของเล่าเจี้ยง Fu Jin และ Xiang Cun และคนอื่น ๆ ได้นำทหารหมื่นคนจากแม่น้ำหลางมาโจมตีงักจุ้น พวกเขาล้อมเมืองอยู่เกือบปี

งักจุ้นมีกำลังทหารไม่กี่ร้อยคนในเมือง เขาเฝ้ารอโอกาสที่ทัพที่ปิดล้อมคลายความระมัดระวัง คัดเลือกทหารที่ดีที่สุดของเขาเข้าโจมตี พวกเขาปราบศัตรูลงได้และตัดหัว Xiang Cun

เมื่อเล่าปี่ยึดจ๊กได้ เขาแบ่งเกงฮันออกเพื่อตั้งเมือง Zitong และตั้งให้งักจุ้นเป็นเจ้าเมือง

หวดเจ้งมีหน้าที่รับผิดชอบในเมืองหลวงของจ๊ก และยังเป็นที่ปรึกษาศาลอีกด้วย รางวัลที่เขาได้รับนั้นเป็นเหมือนเพียงแค่อาหารมื้อหนึ่งในความรู้สึกของเขา ความอาฆาตของเขาก็เป็นที่น่าสงสัย เขาชำระคดีความโดยฆ่าคนหลายคนโดยไม่ขออนุญาตก่อน บางคนพูดกับขงเบ้งว่า หวดเจ้งทำเกินกว่าเหตุไปแล้ว ท่านควรจะบอกนายท่านให้ยับยั้งเขาไว้บ้าง

ขงเบ้งตอบว่า เมื่อนายท่านยังอยู่ที่กังอั๋น เขาต้องต่อสู้กับโจโฉทางเหนือ และต้องรับมือจากการกดดันของซุนกวนทางตะวันออก ในขณะที่บ้านเขาก็กลัวว่าซุนฮูหยินจะก่อเรื่องในบ้านตัวเอง แต่ด้วยความช่วยเหลือของหวดเจ้ง เขาจึงสามารถทะยานบินขึ้นที่สูง แล้วตัวเขาจะสามารถจำกัดหรือยับยั้งหวดเจ้งและปฏิเสธสิ่งเล็กน้อยที่หวดเจ้งขอได้อย่างไร

ขงเบ้งเป็นผู้ช่วยเล่าปี่บริหารจ๊ก การปกครองของเขาเข้มงวดยิ่งนัก ทำให้ชาวบ้านหลายคนไม่พอใจ หวดเจ้งพูดกับขงเบ้งว่า ในอดีต เมื่อหลิวปังเข้าสู่ดินแดนในด่าน เขาลดกฎหมายลงเหลือเพียงสามหมวดเท่านั้น ชาวเมืองฉินต่างพากันจดจำความดีของเขา เวลานี้ท่านใช้ประโยชน์จากอำนาจของท่าน แล้วท่านได้ครอบครองทั้งมณฑล ท่านเพิ่งจะได้ปกครองดินแดนแห่งนี้ ท่านควรจะแสดงความกรุณาหรือทำสิ่งดี ๆ ให้กับชาวบ้าน

การจัดการที่ดีกับเจ้าบ้านและแขก ยิ่งกว่านั้นต้องการให้ผู้มาเยือนเป็นคนกำหนดธรรมเนียมปฏิบัติ ข้าขอร้องให้ท่านลดการลงโทษและผ่อนปรนกฏที่เข้มงวด วิธีนี้ท่านจะสามารถปลอบใจประชาชนได้ (หวดเจ้งเสนอให้ขงเบ้งและเล่าปี่ ซึ่งเป็นคนดินแดนอื่นเคารพธรรมเนียมปฏิบัติเดิมของจ๊ก อย่าได้นำกฏและธรรมเนียมปฏิบัตินอกดินแดนมาใช้กับคนในจ๊ก)

ขงเบ้งตอบว่า ท่านเข้าใจเหตุการณ์เพียงครึ่งเดียว แต่ไม่ใช่เรื่องราวทั้งหมด

รัฐฉินตั้งธรรมเนียมต่างจากวิธีปฏิบัติที่ดี การปกครองโหดร้ายและชาวบ้านต่างพากันโกรธแค้น ดังนั้นเมื่อมีคนเพียงหนึ่งคนลุกขึ้นร่ำร้อง รัฐฉินก็ถึงกาลล่มสลาย หลิวปังเมื่อมาถึงรัฐฉิน เขาก็สามารถแสดงความเมตตาได้

เล่าเจี้ยงนั้นโง่เง่าและอ่อนแต่ ตั้งแต่สมัยเล่าเอียน ทั้งสองรุ่นได้แสดงความเมตตาต่อประชาชน เพื่อให้คนของเขาประทับใจ พวกเขาจำกัดตัวบทกฎหมาย ผลลัพท์ทำให้ความดีของการปกครองไม่เป็นที่ประจักษ์แก่สายตาผู้คน การลงโทษที่น่าเกรงขามต่าง ๆ ล้วนแต่ถูกจำกัด ชาวดินแดนจ๊กจึงสามารถทำอะไรได้ตามที่ตัวเองต้องการ ธรรมเนียมปฏิบัติที่ดีก็ค่อย ๆ เสื่อมลง

เวลานี้ ถ้าเรามอบตำแหน่งให้กับพวกเขา แม้แต่ตำแหน่งขุนนางสูงสุดก็ยังเสื่อมเสียชื่อเสียง ถ้าเราแสดงความกรุณาต่อพวกเขา ความใจดีที่ยิ่งใหญ่ของเราก็เหมือนเป็นการดูถูก แล้วการปกครองก็ดูเหมือนจะล่มเหลวในที่สุด

สิ่งที่ข้าทำอยู่เวลานี้คือการแสดงอำนาจของเราโดยการใช้กฎหมาย เมื่อผู้คนต่างเห็นกฎหมายที่เข้มงวด พวกเขาจะได้ประทับใจกับความเมตตากรุณาของเรา แล้วเมื่อข้าตั้งให้พวกเขาเป็นผู้มีเกียรติ พวกเขาจะจดจำคุณค่าของเกียรติยศนั้น ๆ เมื่อเกียรติและความเมตตาของเราอยู่ในใจประชาชน ชนทุกระดับก็จะน้อมรับตามคำสั่ง นี่คือแก่นแท้ของการปกครองที่ดี

เล่าปี่แต่งตั้งให้เจียวอ้วนแห่งเลงเหลงเป็นนายอำเภอกองตู้ เมื่อเขาเดินทางไปตรวจสอบ เขาพบว่าการบริหารนั้นวุ่นวายที่สุดและตัวเจียวอ้วนเองนั้นก็เมามายไม่ได้สติ

เล่าปี่โกรธมากต้องการที่จะสังหารเขา แต่ขงเบ้งแก้ตัวให้เขาว่า แม้ว่าเจียวอ้วนจะเป็นผู้ปกครองเมืองเล็กได้แย่ แต่เขาเป็นขุนนางที่ภักดีของรัฐ เขาไม่ใส่ใจในเหตุการณ์ทั่ว ๆ ไป แต่การปกครองของเขาก็ทำให้ชาวบ้านสงบสุข ข้าขอร้องให้นายท่านพิจารณาใหม่อีกครั้ง

เล่าปี่เคารพขงเบ้งเสมอ เขาจึงไม่ลงโทษอันใด แต่เขาก็ปลดเจียวอ้วนออกจากตำแหน่งทันที

ในฤดูใบไม้ร่วง เดือนที่เจ็ด โจโฉโจมตีซุนกวน เขาให้โจสิด พระยาแห่งหลินซี บุตรของเขารักษาเมืองเงียบกุ๋น

โจโฉคัดเลือกคนดีมีฝีมือให้คอยช่วยเหลือลูกเขาทั้งหมด เขาแต่งตั้ง Xing Yong เป็นผู้ช่วยของโจสิด Xing Yong เป็นคนเจ้าระเบียบมีพิธีรีตองในทุกเรื่อง เขาไม่ละเลยแม้ในเรื่องเล็ก ๆ และไม่อนุญาตให้โจสิดทำตามใจนัก ดังนั้นทั้งสองคนจึงไม่ค่อยถูกกัน

เล่าเซินได้เขียนบทกวีที่ไพเราะขึ้น แล้วโจสิดก็ชื่นชมบทกวีเขาอย่างมาก แต่ เล่าเซินกลับเขียนจดหมายไปตักเตือนเขาว่า ในการเลือกขุนนางที่มีความสามารถ ตัวท่านได้ปฏิเสธคนดีมีความสามารถของท่านไปเสีย ข้ากลัวว่างานเขียนที่ต่ำต้อยของข้าจะทำให้ชื่อเสียงของท่านเสื่อมเสียและทำให้ท่านถูกลงโทษอย่างหนัก ข้าเป็นกังวลเรื่องนี้อย่างจริงใจ

ซุนฮิวเจ้ากรมอาลักษณ์ของวุยเสียชีวิตลง ซุนฮิวเป็นคนที่เงียบขรึม แต่เขาฉลาดและรอบคอบ เขามักจะติดตามโจโฉในการศึกต่าง ๆ และวางแผนร่วมกับโจโฉในที่พักของเขา แต่ไม่มีใครแม้แต่ลูกหลานของเขาล่วงรู้ว่า เขาได้เสนอความคิดใดบ้างให้โจโฉ

ครั้งหนึ่งโจโฉพูดว่า เมื่อซุนฮกแนะแผนที่ล้ำค่า เขาก็จะติดตามผลจนแผนนั้นถูกนำไปใช้จนสำเร็จ เมื่อซุนฮิวไม่อนุมัติแผนการที่เลวร้าย เขาก็จะไม่ยอมหยุดจนกว่าแผนนั้นจะถูกเลิกใช้ไป โจโฉยังพูดอีกว่า คนทั้งสองยังเป็นที่เชื่อถือได้อย่างมากในการพิจารณาผู้คน ตราบใดที่ข้ายังมีชีวิตอยู่ ข้าจะไม่มีวันลืมพวกเขา

ก่อนหน้านั้น ซงเจียนได้ฉวยโอกาสที่มณฑลเลียงจิ๋ววุ่นวาย ตั้งตัวเองเป็นอ๋องแห่งต้นน้ำต่าง ๆ ผู้นำความสงบสู่ฮั่น ตั้งรัชกาลขึ้นใหม่และแต่งตั้งขุนนางเป็นร้อยคน การตั้งตัวเป็นกบฏของเขายาวนานกว่าสามสิบปี

ในฤดูหนาวเดือนที่สิบ โจโฉส่งแฮหัวเอี๋ยนจาก Xingguo ไปโจมตีซงเจียน พวกเขาปิดล้อมและยึดเมือง Fuhan และสังหารซงเจียน

แฮหัวเอี๋ยนส่งเตียวคับคุมทหารกองหนึ่งข้ามแม่น้ำเหลืองไปที่ Xiaohuangzhong เผ่าเกี๋ยงทางตะวันตกของแม่น้ำต่างยอมจำนน ดินแดนตะวันตกของภูเขาลองสัน จึงสงบเรียบร้อย

ตั้งแต่วันที่ฮ่องเต้ได้ประกาศย้ายเมืองหลวงมาที่ฮูโต๋ (ในปี 196) เขาก็มีเพียงแต่ตำแหน่งเท่านั้น ขุนนางและคนรอบตัวเขาล้วนแต่เป็นคนของตระกูลโจ ครั้งหนึ่ง เอียวงัน ได้แนะนำแผนการและนโยบายต่าง ๆ แต่โจโฉไม่เห็นด้วยกับเขาและฆ่าเขาในที่สุด

ครั้งหนึ่ง โจโฉได้เชิญฮ่องเต้มาที่วังของเขา ฮ่องเต้ไม่สามารถเก็บความกังวลใจไว้ได้จึงพูดกับเขาว่า ถ้าท่านสามารถช่วยข้าได้ ก็เป็นความกรุณาอย่างยิ่ง แต่ถ้าท่านไม่สามารถ ขอให้ท่านมีเมตตาและอย่าได้กดดันข้า สีหน้าโจโฉซีดลง รู้สึกอึดอัดขึ้นมาทันทีแล้วก็ขออนุญาตลาไปทันที สอดคล้องกับธรรมเนียมในอดีต ถ้าหนึ่งในซานก๋งมีอำนาจบัญชากองทัพ เมื่อพวกเขามาที่ท้องพระโรง ทหารเสือองครักษ์จะถูกสั่งให้ถือดาบอยู่ข้างตัวเขาเพื่อคอยระวังถ้าเพื่อพวกเขาจะคิดกบฏ ทันทีที่โจโฉออกมารวมกับคนของเขาได้ เขาก็คลายความวิตกลง ตั้งแต่ตอนนั้นโจโฉก็ไม่ออกมาที่ท้องพระโรงอีก

ลูกสาวของตังสินเคยได้รับแต่งตั้งเป็นมเหสี เมื่อโจโฉสังหารตังสินในปี 200 เขาได้สังหารนางด้วยเช่นกัน เพราะว่านางกำลังตั้งครรภ์อยู่ ฮ่องเต้จึงพยายามขอร้องต่อโจโฉหลายครั้ง แต่โจโฉก็ยังยืนกรานที่จะสังหารนาง ด้วยเหตุนี้ ฮกฮองเฮาจึงเกิดหวาดกลัวว่าเหตุการณ์จะซ้ำรอยเดิม นางเขียนจดหมายถึงฮกอ้วนบิดาของนาง กล่าวหาว่าโจโฉบีบคั้นและโหดร้าย สั่งให้เขาวางแผนต่อต้านโจโฉ ฮกอ้วนไม่กล้าทำตาม แต่แผนการนี้ล่วงรู้ไปถึงโจโฉจนได้ โจโฉโกรธแค้นพวกเขามาก

ในเดือนที่สิบเอ็ด โจโฉให้อำนาจ Imperial Counsellor คองสีไปยึดตราและพู่ประจำตำแหน่งฮองเฮา เจ้ากรมอาลักษณ์ฮัวหิมก็ไปกับเขาด้วย พวกเขานำทหารเข้าวังหลวงจับตัวนาง ฮองเฮาปิดประตูห้องแล้วซ่อนอยู่ในฉากกั้น แต่ฮัวหิมพังประตูแล้วทำลายฉากกั้นไปนำตัวนางออกมา

ฮ่องเต้อยู่ในวังด้านนอกเพื่อรับฟังคองสี เมื่อฮองเฮาเดินผ่านมา ผมเผ้าของนางยุ่งเหยิง เดินด้วยเท้าเปล่าและร้องไห้คร่ำครวญตลอดเวลา นางกล่าวลากับฮ่องเต้ว่า ท่านจะสามารถช่วยข้าสักครั้งได้หรือไม่

ฮ่องเต้ตอบว่า แม้แต่ตัวข้าเอง ยังไม่รู้เลยว่าเมื่อไหร่จะโดนแบบนี้บ้าง แล้วฮ่องเต้ก็หันไปหาคองสีพูดว่า ภายใต้สวรรค์นี้ ใต้เท้าคอง ทำไมถึงเกิดเหตุการณ์แบบนี้

พวกเขานำตัวฮองเฮาไปไว้ในคุกหลวงและบังคับให้ฆ่าตัวตาย บุตรของนางสองคนถูกวางยาพิษ และญาติพี่น้องของนางร้อยกว่าคนถูกสังหาร

ในเดือนที่สิบสอง โจโฉเดินทางไปที่ Mengjin

โจโฉแต่งตั้งโกหยิวให้เป็นเสมียนผู้ใหญ่ในกระทรวงยุติธรรม สอดคล้องกับกฎในอดีต ถ้ากองทัพกำลังทำศึกอยู่แล้วทหารละทิ้งหน้าที่หลบหนีไป ลูกเมียของทหารคนนั้นจะถูกสอบสวนโดยการทรมาน โจโฉต้องการให้มีการทำโทษหนักขึ้น ซึ่งให้โทษนั้นรวมไปถึงบิดา มารดาและพี่น้องของทหารคนนั้นด้วย

โกหยิวแย้งว่า ผู้ละทิ้งหน้าที่ต้องถูกลงโทษแน่นอน แต่ข้าได้ยินว่าพวกเขานั้นเสียใจต่อการกระทำของเขา ข้าแนะนำว่าให้เราปล่อยลูกเมียของเขาให้เป็นอิสระ เพื่อกระตุ้นให้ทหารที่หลบหนีกลับมาที่หน่วยของเขา

ถ้าเรายังรักษากฎเช่นเดิม มันจะทำลายการคาดหวังที่ว่าพวกเขาจะได้รับการอภัยโทษ แต่ถ้าท่านเพิ่มโทษให้หนักขึ้น ข้ากลัวว่าเมื่อทหารเห็นเพื่อนของเขาละทิ้งหน้าที่ พวกเขาต้องกลัวว่าการประหารจะมาเกี่ยวพันกับพวกเขาด้วย พวกเขาก็ต้องหลบหนีไปด้วย แม้ว่าท่านปรารถนาที่จะฆ่าพวกเขา แต่พวกเขาก็ไม่อยู่ให้ท่านเห็นอีกแล้ว การลงโทษที่รุนแรงจะไม่ช่วยให้การหนีทหารน้อยลง มันกลับทำให้ปัญหาแย่ขึ้น

โจโฉเห็นด้วย เขาจึงเลิกการใช้กฎหมายนี้


Create Date : 13 มีนาคม 2549
Last Update : 2 กรกฎาคม 2549 20:56:27 น. 0 comments
Counter : 430 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

kazama
Location :
สมุทรปราการ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Friends' blogs
[Add kazama's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.