Group Blog
 
All Blogs
 
ปี 199 AD

ปี Jian’an ที่ 4 199 AD
(14 กุมภาพันธ์ 199 – 2 กุมภาพันธ์ 200)

ในฤดูใบไม้ผลิ เดือนที่สาม เตียวเอี๋ยน หัวหน้าโจรภูเขา เข้าร่วมกับ Gongsun Xu เขานำทหารแสนคน ยกทัพเป็นสามทางมาช่วยกองซุนจ้าน

ก่อนหน้าที่เขาจะมาถึง กองซุนจ้านส่งสารลับไปหา Gongsun Xu บอกเขาให้นำทหารม้าหุ้มเกราะห้าพันนายไปซุ่มที่หนองน้ำทางเหนือแล้วจุดไฟเป็นสัญญาณ แล้วกองซุนจ้านจะนำทัพฝ่าออกไปจากภายในเมือง

ทหารลาดตระเวนคนหนึ่งของอ้วนเสี้ยวยึดสารลับนั้นได้ เมื่อถึงเวลานัดหมาย กองทัพอ้วนเสี้ยวได้แกล้งจุดไฟขึ้น กองซุนจ้านเชื่อว่ากองทัพหนุนมาถึงแล้ว จึงนำทัพออกมาต่อสู้ แต่โดนทัพอ้วนเสี้ยวที่ซุ่มอยู่โจมตี กองทัพกองซุนจ้านเสียหายอย่างมาก ต้องหนีร่นเข้าไปในเมือง

อ้วนเสี้ยวสั่งให้ขุดอุโมงค์ โดยใช้ไม้ช่วยพยุงอุโมงค์ ขุดไปใต้หอคอยหนึ่งของกองซุนจ้าน พอทหารอ้วนเสี้ยวคิดว่าขุดมาถึงใจกลางป้อม พวกเขาก็ก่อกองไฟเผาจนหอคอยพังทลาย บางป้อมล้มลงโดนป้อมใจกลาง กองซุนจ้านรู้ว่าวาระสุดท้ายของเขามาถึง จึงรัดคอน้องสาว ภรรยาและบุตรของเขา และเตรียมฟืนสำหรับเผาศพตัวเอง อ้วนเสี้ยวสั่งทหารปีนเข้าไปในป้อม พวกเขาตัดศีรษะกองซุนจ้าน เต็งไก๋ก็ตายในศึกนี้ด้วย

Guan Jing ร่ำไห้พูดว่า ถ้าข้าไม่แนะนำให้นายท่านอยู่ที่ป้อมนี่ ท่านก็อาจจะยังไม่ถึงที่ตาย ข้าเคยได้ยินว่า สุภาพชนที่นำความหายนะมาสู่ผู้อื่น เขาควรที่จะร่วมในความยากลำบากนั้นด้วย แล้วข้าจะเป็นคนที่รอดตายเพียงคนเดียวได้อย่างไร เขาจึงควบม้าเข้าสู่ทัพอ้วนเสี้ยวและถูกฆ่าตาย

Gongsun Xu ถูกฆ่าตายโดย Chuge (ชนเผ่า ซงหนู)

Tian Yu พูดกับ Xianyu Fu เจ้าเมืองของเขา โจโฉสนับสนุนฮ่องเต้และออกคำสั่งแก่เหล่าเจ้าเมือง ในที่สุดเขาจะรวบรวมแผ่นดินได้ ท่านควรเป็นขุนนางพวกแรกที่ไปรับใช้เขา ดังนั้น Xianyu Fu และขุนนางของเขาจึงเขียนจดหมายแสดงความภักดีกับโจโฉ หลังจากนั้นจึงมีราชโองการแต่งตั้งให้เขาเป็นแม่ทัพผู้สร้างความจงรักภักดี และผู้ปกครองหกหัวเมืองในมณฑลอิวจิ๋ว

ก่อนหน้านั้น อ๋อง Qiuliju แห่งวูฮวน ได้เสียชีวิต ลูกชายของเขา Louban ยังเยาว์วัย ดังนั้นหลานของเขา ต้าตุนชายหนุ่มที่ชอบสงครามจึงได้สืบทอดอำนาจควบคุม Nanlou จาก Shanggu Supuyan จากเลียวตั๋ง และ Wuyan จาก Youbeiping เมื่ออ้วนเสี้ยวโจมตีกองซุนจ้าน ต้าตุนนำทัพวูฮวน ไปช่วยเขา และเมื่อกองซุนจ้านตายไป อ้วนเสี้ยวจึงใช้โอกาสนี้ทำตราตั้งตำแหน่ง Shanyu มอบให้ต้าตุน Nanlou Supuyan และ Wuyan

อ้วนเสี้ยวรู้ว่า Yan Rou นั้นได้การเคารพจาก Wuhuan เขาจึงมอบรางวัลและปฏิบัติต่อเขาอย่างดี เพื่อที่เขาจะได้รักษาสันติสุขทางตอนเหนือ ต่อมา Nanlou และ Supuyan ได้แต่งตั้งให้ Louban เป็น Shanyu และต้าตุนเป็นอ๋อง แต่ต้าตุนก็ยังครองอำนาจการปกครอง

ซุยโก๋นำทัพไปตั้งค่ายที่ Shequan ในฤดูร้อน เดือนที่สี่ โจโฉนำทัพของเขามุ่งหน้าไปแม่น้ำเหลือ และส่งแม่ทัพ สูหวนและโจหยิน ลูกพี่ลูกน้องเขาข้ามแม่น้ำไปโจมตีซุยโก๋

ซุยโก๋นำทหารบางส่วนขึ้นเหนือไปหาอ้วนเสี้ยวขอความช่วยเหลือ แต่ สูหวน และโจหยินมาพบกับเขาที่ Quancheng ทั้งสองโจมตีกองทัพเขาและตัดหัวเขาเสีย โจโฉจึงข้ามแม่น้ำเหลืองไปปิดล้อม Shequan Shequan ยอมแพ้ โจโฉนำทัพเขากลับไป Ao Granary

ก่อนหน้านั้น เมื่อโจโฉยังอยู่ที่กุนจิ๋ว เขาได้แนะนำให้แต่งตั้ง Wei Chong เป็นบุตรกตัญญู เมื่อมณฑลกุนจิ๋ว ก่อกบฏต่อโจโฉ โจโฉพูดว่า Wei Chong เป็นหนึ่งในคนที่จะไม่ทอดทิ้งข้าแน่นอน เมื่อเขารู้ว่า Wei Chong หลบหนีไป โจโฉโกรธมากพูดว่า Wei Chong ถ้าเจ้าไม่หนีไปไกลถึงเผ่า Yue ทางตอนใต้ หรือชนเผ่า Hu ทางตอนเหนือ ข้าจะตามล่าเจ้าให้จงได้

เมื่อโจโฉยึดเมือง Shequan Wei Chong ถูกจับได้ โจโฉพูดว่า เขามีค่าเกินกว่าที่ข้าจะฆ่าทิ้ง เขาจึงแก้มัดและแต่งตั้ง Wei Chong เป็นเจ้าเมืองโห้ลาย พร้อมอำนาจปกครองแม่น้ำเหลืองตอนเหนือ

แม่ทัพตังสินถูกแต่งตั้งเป็นแม่ทัพราชรถและทหารม้า

หลังจากที่อ้วนสุดตั้งตัวเองเป็นฮ่องเต้ เขาก็ใช้จ่ายอย่างสุรุ่ยสุร่ายมาก เขามีมเหสีและนางสนมหลายร้อยคน พวกเขาแต่งกายด้วยผ้าไหมและกินอยู่อย่างดี ประชาชนต่างทุกข์ร้อนและหิวโหย แต่อ้วนสุดก็ไม่ใยดีพวกเขา ไม่นานทรัพย์สมบัติของอ้วนสุดก็หมดลง เขาจึงไม่สามารถรักษาตำแหน่งเขาได้ เขาจึงเผาวังหลวงและหนีไปหา Chen Jian และ ลุยป๊ก ลูกน้องเขาที่ภูเขา Qian แต่พวกเขาก็ทอดทิ้งอ้วนสุด

เมื่อทรัพย์สมบัติเขาหมดสิ้น กองทัพก็แตกแยกกระจัดกระจาย อ้วนสุดเสียใจและหดหู่มาก เขาไม่รู้ว่าจะทำสิ่งใด อ้วนสุดส่งฑูตไปเสนอมอบตราหยกฮ่องเต้ให้กับอ้วนเสี้ยว บอกว่า สวรรค์ได้ละทิ้งราชวงศ์ฮั่นแล้ว ตระกูลอ้วนได้ถูกมอบหมายให้ปกครองแทน บัดนี้ถึงเวลา ฤกษ์งามยามดีนั้นแล้ว ตัวท่านปกครองถึงสี่มณฑล มีประชาชนกว่าล้านครัวเรือน ข้าขอมอบตราหยกฮ่องเต้ให้แก่ท่าน ขอให้ท่านจงใช้มันเพื่อทำตามลิขิตสวรรค์

อ้วนถำเดินทางจากมณฑลเฉงจิ๋วมารับตัวอ้วนสุด วางแผนที่จะนำตัวเขาขึ้นเหนือไปทางเมืองแห้ฝือ โจโฉ ส่งเล่าปี่และจูเหลงเข้าขัดขวาง อ้วนสุดไม่สามารถเดินทางไปต่อได้ เขาหนีเดินทางกลับไปยังฉิวฉุน

ในเดือนที่หก อ้วนสุดมาถึงตำบลกังเต๋ง เขานั่งแคร่หามและร้องไห้พูดว่า แล้วข้าอ้วนสุดก็มีวันนี้ เขาแค้นเคือง เศร้าโศกจนล้มป่วย กระอักเลือดและเสียชีวิตในที่สุด

ด้วยความกลัวโจโฉ อ้วนอิ๋นลูกพี่ลูกน้องอ้วนสุดไม่กล้าอยู่ที่ฉิวฉุน เขากับลูกน้องนำศพอ้วนสุดและครอบครัวหนีไปหา เล่าต๋งเจ้าเมืองโลกั๋งในเมืองฮวน

Xu Qiu เจ้าเมืองกองเหลงคนเก่า ค้นพบตราหยกฮ่องเต้ จึงนำขึ้นทูลเกล้ามอบให้แก่ฮ่องเต้

เมื่ออ้วนเสี้ยวปราบกองซุนจ้านได้ เขาจึงยิ่งทวีความหยิ่งยโส เขาส่งบรรณาการให้ทางการไม่สม่ำเสมอและจำนวนน้อยลง Geng Bao ลูกน้องเขาลอบแนะนำให้เขาอาศัยโองการสวรรค์และความต้องการประชาชนสถาปนาตัวเองเป็นฮ่องเต้ อ้วนเสี้ยวนำความคิดของเขามาพูดหารือกับลูกน้องเขา แต่ทุกคนพากันบอกว่า Geng Bao เสียสติไปแล้ว และควรจะถูกลงโทษ อ้วนเสี้ยวจึงถูกบังคับให้ฆ่า Geng Bao เพื่อลบข้อครหาว่าเขาไม่ได้คิดเช่นนั้น

อ้วนเสี้ยวเลือกทหารอย่างดีแสนคน และทหารม้าหมื่นนายเข้าโจมตีเมืองฮูโต๋ แต่ชีสิวค้านว่า นายท่านเพิ่งจะเสร็จการศึกกับกองซุนจ้าน กองทัพไม่กลับบ้านเมืองเป็นเวลาหลายปี ผู้คนต่างอ่อนล้าและเป็นโศกเศร้า ยุ้งฉางเสบียงก็ว่างเปล่า ท่านไม่ควรคิดการใดในตอนนี้ ควรจะสนใจการเพาะปลูกสร้างเสบียงอาหารและให้ประชาชนได้พักบ้าง

ตอนนี้ควรจะส่งฑูตไปยังราชสำนัก ถ้าเขาไม่สามารถเข้าเฝ้าได้ ก็ให้รายงานว่าโจโฉขัดขวางการติดต่อของเรากับองค์ฮ่องเต้ แล้วจึงยกทัพไปตั้งค่ายที่ ลิหยง พัฒนาป้อมปราการทางตอนใต้ของแม่น้ำเหลืองให้แข็งแกร่ง สร้างเรือศึกเพิ่ม ซ่อมแซมอาวุธและเครื่องมือต่าง ๆ ส่งทัพทหารม้าชั้นดีขนาดเล็กเข้าโจมตีเร็วทางชายแดนอยู่เสมอ เท่านี้ดินแดนของศัตรูก็จะไม่สงบสุขในขณะที่คนของเราได้พักผ่อน วิธีนี้เราจะสามารถเอาชนะศึกได้อย่างง่ายดาย

กัวเต๋าและสิมโพยคัดค้านพูดว่า ด้วยความสามารถทางการรบของนายท่าน ถ้าท่านนำกองทัพภาคเหนือที่เกรียงไกรของเราข้ามแม่น้ำเหลืองไปโจมตีโจโฉ การเอาชนะก็หมายเหมือนพลิกฝ่ามือ เหตุใดนายท่านต้องทำตามคำแนะนำชีสิว

ชีสิวจึงพูดต่อว่า กองทัพที่ปราบปรามกบฏและลงโทษเจ้าเมืองที่ชั่วร้าย ก็คือกองทัพธรรม กองทัพที่อาศัยเพียงจำนวนและความแข็งแกร่ง ก็คือคนที่หยิ่งยโส กองทัพธรรมนั้นไร้คู่ต่อสู้ แต่กองทัพที่หยิ่งยโสนั้นไม่ช้าก็จะพ่ายแพ้ เวลานี้โจโฉอาศัยฮ่องเต้ออกคำสั่งแก่ทั่วแผ่นดิน ถ้าท่านยกทัพบุกโจมตี ก็เท่ากับท่านเป็นศัตรูกับทางการ

การวางแผนเพื่อนั้น ต้องการมากกว่าการใช้จำนวนทหารที่เหนือกว่าเอาชัยชนะ โจโฉนั้นควบคุมกองทัพอย่างเคร่งครัด ทหารก็กล้าแกร่งและถูกฝึกมาอย่างดี ไม่ใช่คู่ต่อสู้อย่างกองซุนจ้านที่เอาแต่นั่งรอการโจมตีของเรา ถ้านายท่านเพิกเฉยการวางแผนอย่างรอบคอบและปลอดภัย และนำทัพโจมตีโดยไม่มีเหตุผล ข้าก็เป็นห่วงว่านายท่านจะไม่ได้ชัยชนะ

กัวเต๋าและสิมโพยพูดว่า เมื่อโจวอู่อ๋อง โจมตีซางโจวอ๋อง นั่นก็ไม่ถือว่าเป็นการไม่ภักดีแต่อย่างไร (ซางโจวอ๋องเป็นผู้ปกครองที่ชั่วร้าย ถูกโจวอู่อ๋องฆ่าตายและยึดอำนาจ แต่ในประวัติศาสตร์ของราชวงศ์โจว ก็บันทึกไว้ว่า โจวอู่อ๋องฆ่าสามัญชนคนหนึ่ง ไม่ได้ระบุว่าฆ่าท่านอ๋องแต่อย่างไรในที่สุด ประมาณว่าผู้ชนะเป็นเจ้า) การสู้กับโจโฉก็ถือว่าเป็นเยี่ยงนั้น ใยท่านจึงอ้างว่าไม่มีเหตุผลอันดี

อีกอย่าง นายท่านของเรามีความสามารถในการรบ ทหารเราก็มีขวัญกำลังใจดี ถ้าเราไม่ฉวยโอกาสในตอนนี้ ก็ถือว่าสวรรค์ได้ประทานโอกาสมาให้เรา แต่เราไม่คว้าโอกาสนั้นไว้ นั่นล่ะความหายนะจะมาสู่เรา นี่คือเวลาที่ Yue ขึ้นเป็น Hegemon และ Wu ถูกทำลาย ท่านชีสิวนั้นคิดการไม่รอบคอบ เลยมองไม่เห็นโอกาสอันดี เขาไม่สามารถที่จะตัดสินใจได้ว่าควรจะทำอะไร

อ้วนเสี้ยวยอมรับในคำแนะนำของกัวเต๋า

เพราะว่าเรื่องนี้ ทำให้กัวเต๋าและพวกพูดต่อต้านชีสิว บอกว่า ชีสิวนั้นควบคุมทุกอย่าง มีทั้งอำนาจภายในและภายนอก รวมทั้งอำนาจเหนือกองทัพ ถ้าชีสิวมีอำนาจมากเกินไป นายท่านจะควบคุมเขาได้อย่างไร เมื่อขุนนางมีอำนาจเท่าฮ่องเต้ ความหายนะย่อมบังเกิด นี่คือสิ่งที่หนังสือหินสีเหลือง ได้เตือนไว้ ยิ่งกว่านั้นคนที่ควบคุมกองทัพภายนอกไม่ควรเกี่ยวข้องกับการบริหารบ้านเมืองภายใน

ดังนั้นอ้วนเสี้ยวจึงลดอำนาจของชีสิวลง โดยแต่งตั้งผู้ควบคุมกองทัพสามคน ได้แก่ ชีสิว กัวเต๋าและอิเขง ต่างคนต่างมีอำนาจควบคุมทัพของตัวเอง

ซุนต่ำ ขุนพลทหารม้า ได้คัดค้านว่า โอรสสวรรค์อยู่ที่เมืองฮูโต๋ และประชาชนต่างก็จงรักภักดี ท่านไม่ควรโจมตีเมืองฮูโต๋ แต่อ้วนเสี้ยวไม่เห็นด้วย

เมื่อเหล่าขุนนางในเมืองฮูโต๋รู้ว่าอ้วนเสี้ยวกำลังยกทัพมาโจมตี พวกเขาต่างหวาดกลัว แต่โจโฉกลับพูดว่า ข้ารู้ถึงสันดานคนอย่างอ้วนเสี้ยวดี แม้ว่าอ้วนเสี้ยวจะคิดการใหญ่โต แต่เขากลับมีความฉลาดน้อยนิด แม้ว่าภายนอกอ้วนเสี้ยวจะดูเคร่งครัด แต่กลับมีความกล้าหาญเพียงน้อยนิด อ้วนเสี้ยวนั้นขี้อิจฉาและปองร้ายผู้อื่นและมีอำนาจเพียงน้อยนิด แม้ว่าจะมีทหารมากมาย แต่แผนการรบกลับสับสน เหล่าขุนนางเขาต่างถือดีในความสามารถของตัวเอง แต่การปกครองกลับไม่สมัครสามัคคีกัน แม้ว่าอ้วนเสี้ยวจะครองพื้นที่กว้างใหญ่และมีเสบียงอาหารสมบูรณ์ แต่นั่นทำให้การปราบอ้วนเสี้ยวมีผลตอบที่คุ้มค่า

ขงหยงพูดกับซุนฮกว่า อ้วนเสี้ยวนั้นมีดินแดนกว้างใหญ่และกองทัพก็แข็งแกร่ง เตียนห้องและเขาฮิว ก็เป็นคนฉลาดที่คิดหาแผนการดีเยี่ยมให้เขาได้ สิมโพยและฮองกี๋เป็นขุนนางที่ภักดีและมีความสามารถในหน้าที่ของตัวเอง งันเหลียงและบุนทิวเป็นแม่ทัพที่กล้าหาญในการบัญชากองทัพ นี่ถือเป็นปัญหาใหญ่ของเรา

ซุนฮกตอบว่า อ้วนเสี้ยวมีทหารมากมาย แต่การปกครองกลับหย่อนหยาน เตียนห้องนั้นหัวดื้อและไม่ฟังความเห็นคนอื่น เขาฮิวก็เป็นคนละโมภและชอบละเมิดกฏ สิมโพยยึดความเห็นตัวเองเป็นใหญ่และไม่เคยคิดอะไรได้เอง ฮองกี๋นั้นชอบเสี่ยงและไม่สนใจใคร คนเหล่านี้นั้นยากที่จะร่วมมือกันได้ ความไม่ลงรอยของพวกเขาจะต้องทำลายอ้วนเสี้ยวอย่างแน่นอน งันเหลียงและบุนทิวนั้นแข็งแกร่งไม่มากไปกว่าแม่ทัพธรรมดา การรบเพียงครั้งเดียวก็สามารถจัดการพวกเขาได้

ในฤดูหนาวเดือนที่แปด โจโฉนำกองทัพไปลิหยงส่งจงป้าและคนอื่น นำทหารที่คัดแล้วไปยังมณฑลเฉงจิ๋วเพื่อป้องกันตะวันออก เขาสั้งให้อิกิ๋มตั้งค่ายที่แม่น้ำเหลือง ในเดือนที่เก้า โจโฉทิ้งทหารกองหนึ่งไว้รักษาการณ์ที่กัวต๋อแล้วเขาก็ยกทัพกลับฮูโต๋

อ้วนเสี้ยวส่งฑูตไปหาเตียวสิ้ว และกาเซี่ยงเพื่อเสนอการเป็นพันธมิตร เตียวสิ้วเตรียมที่จะตกลง แต่กาเซี่ยงขวางเตียวสิ้วไว้และพูดกับฑูตของอ้วนเสี้ยวว่า ท่านจงกลับไปเถิดและได้โปรดนำคำขอโทษของพวกเราให้ท่านอ้วนเสี้ยวรับรู้ด้วย ถ้าเขาไม่สามารถญาติดีกับลูกพี่ลูกน้องของตัวเองได้ แล้วเขาจะสู้กับเจ้าเมืองต่าง ๆ ได้อย่างไร

เตียวสิ้วตกใจและหวาดกลัวพูดว่า ท่านไม่ควรพูดรุนแรงขนาดนั้นเลย เขากระซิบกับกาเซี่ยงว่า แล้วเราควรทำอย่างไรในตอนนี้

กาเซี่ยงบอกว่าวิธีดีที่สุดคือการไปรับใช้โจโฉ

เตียวสิ้วพูดว่า อ้วนเสี้ยวนั้นแข็งแกร่ง โจโฉนั้นอ่อนแอและข้าเองก็มีเรื่องบาดหมางกับเขา แล้วเราจะไปรับใช้เขาได้อย่างไร

กาเซี่ยงจึงอธิบายว่า มีเหตุผลที่ท่านควรรับใช้เขา ท่านโจโฉนั้นอารักขาฮ่องเต้และควบคุมทั้งแผ่นดิน นี่คือข้อหนึ่ง อ้วนเสี้ยวนั้นแข็งแกร่ง ถ้าเราเสนอการสนับสนุนจากกองทัพเล็ก ๆ ของเรา เขาย่อมไม่ปฏิบัติต่อเราดีนัก โจโฉนั้นอ่อนแอ ถ้าเขาได้กองทัพของเรา เขาย่อมต้องดีใจ นี่เป็นเหตุผลที่สอง คนที่ทะเยอทะยานอยากเป็นใหญ่ย่อมไม่นำเอาอคติส่วนตัวมาใส่ใจเพื่อแสดงความใจกว้างต่อคนทั้งแผ่นดิน นี่เป็นเหตุผลข้อที่สามสำหรับเราที่จะไปรับใช้เขา ท่านไม่ต้องเป็นห่วง

ในฤดูหนาวเดือนที่สิบเอ็ด เตียวสิ้วนำกองทัพเข้าอ่อนน้อมต่อโจโฉ โจโฉจับมือเตียวสิ้ว จัดงานเลี้ยงต้อนรับ และจัดงานแต่งระหว่าง Cao Jun ลูกชายเขากับบุตรสาวเตียวสิ้ว และตั้งให้เตียวสิ้วเป็นแม่ทัพ โจโฉยังแนะนำให้แต่งตั้งกาเซี่ยงเป็นผู้ถือคฑาทองและมอบตำแหน่ง Marquis แห่งหมู่บ้านให้แก่เขา

เหล่าเจ้าเมืองคนอื่น ๆ ต่างทำตัวเป็นกลางเมื่อโจโฉกับอ้วนเสี้ยวต่อสู้กัน เฝ้าดูว่าอะไรจะเกิดขึ้น Wei Duan ผู้ครองมณฑลเลียงจิ๋วส่งเอียวฮูลูกน้องเขาไปยังเมืองฮูโต๋ เมื่อเขากลับมา เหล่าเจ้าเมืองตะวันตกล้วนถามว่า ระหว่างอ้วนเสี้ยวกลับโจโฉ ใครจะเป็นผู้มีชัย ใครจะพ่ายแพ้

เอียวฮูตอบว่าท่านอ้วนเสี้ยวนั้นโอบอ้อมอารี แต่ไม่มีความสามารถในการตัดสินใจ เขาชมชอบการวางแผนแต่ไม่เคยตัดสินใจ เมื่อไม่มีการตัดสินใจเขาก็ไม่มีอำนาจอันใด และถ้าเขายังชักช้าในการตัดสินใจ เขาก็ไม่สามารถรับมือกับเหตุการณ์ต่าง ๆ ได้ ท่านอ้วนเสี้ยวนั้นแข็งแกร่งในตอนนี้ แต่เขาไม่มีทางได้ครอบครองแผ่นดิน

ท่านโจโฉนั้นกล้าหาญและคิดการกว้างไกล เขาหยิบฉวยโอกาสโดยไม่มีการลังเล การปกครองก็เข้มแข็ง ทหารล้วนฝึกมาเป็นอย่างดี เหล่าคนดีมีฝีมือก็ไปรับใช้เขาอย่างเต็มกำลัง ท่านโจโฉคือคนที่จะทำการใหญ่ได้สำเร็จ

โจโฉส่ง Wei Ji ไปเป็นฑูตไปทำให้เมืองต่าง ๆ สงบ (โจโฉส่ง Wei Ji ไปหาเล่าเจี้ยง ชักจูงให้เขาโจมตีคุกคามต่อเล่าเปียว เพื่อให้เล่าเปียวไม่มายุ่งตอนที่เขาทำศึกกับอ้วนเสี้ยว) ในเวลานั้นชาวบ้านที่อพยพจากที่อยู่ต้องการกลับภูมิลำเนาเดิม แต่เหล่าเจ้าเมืองต่าง ๆ บังคับให้ชาวบ้านที่ร่อนเร่นั้นอยู่ในสังกัดของตัวเอง

Wei Ji เขียนจดหมายไปหาซุนฮกว่า พื้นที่อันอุดมสมบูรณ์ภายในด่านนั้นเปลี่ยนแปลงเป็นที่รกร้างอย่างรวดเร็ว และชาวบ้านหลายแสนครอบครัวพากันร่อนเร่ไปในมณฑลเกงจิ๋ว เมื่อผู้คนต่างรู้ว่าภูมิลำเนาเดิมของตนนั้นสงบไร้ศึกสงครามแล้วต่างก็อยากที่จะกลับคืนบ้านเกิดเมืองนอน แต่คนที่ต้องการจะกลับไปนั้นก็ถูกห้ามไว้ไม่ให้กลับไป และถูกผู้นำต่าง ๆ บังคับให้พวกเขาเข้าร่วมในสังกัดของตัวเอง อำเภอและตำบลต่าง ๆ ก็อ่อนแอเกินกว่าที่จะอยู่รอดในสถานการณ์เช่นนี้ได้ แต่กลุ่มคนเหล่านี้กลับเข้มแข็งขึ้นเรื่อย ๆ ถ้าพวกเขาเป็นศัตรูกับเรา พวกเขาต้องสร้างความยุ่งยากให้แก่เราแน่

เวลานี้เกลือนับเป็นสิ่งมีค่าของแผ่นดิน แต่ตั้งแต่มีการกบฏ การควบคุมเกลือก็ถูกละเลย ท่านควรจะแต่งตั้งคนไปควบคุมดูแลการซื้อขายเกลือเหมือนดั่งอดีต และใช้กำไรจากการนี้ซื้อเครื่องมือทำไร่นาและสัตว์เลี้ยง เพื่อที่เราจะได้เลี้ยงดูผู้คนเหล่านี้ได้ในเวลาที่พวกเขากลับมา ถ้าเราสนับสนุนการเพาะปลูก เมื่อไร่นาออกพืชผลงอกงามดี เมื่อผู้คนได้ยินเรื่องนี้ พวกเขาก็จะเดินทางทั้งวันทั้งคืนเพื่อกลับบ้านเกิดอย่างเร็วที่สุดที่พวกเขาจะทำได้

แล้วจึงส่งขุนพลออกไปจัดตั้งกองทหารเพื่อเกณฑ์ผู้คนเหล่านั้น เพราะเหล่าทหารอ่อนแอลงทุกวัน ในขณะที่ชาวบ้านต่างเข้มแข็งขึ้น นี่เป็นวิธีที่เราจะเสริมความแข็งแกร่งของเราโดยให้ศัตรูเป็นฝ่ายสูญเสีย

ซุนฮกบอกโจโฉเรื่องแผนการนี้ โจโฉทำตามแผนการนี้ โจโฉส่งคนไปควบคุมดูแลการซื้อขายเกลือและส่งขุนพลไปจัดตั้งกองทหารที่ ฮองหลง ทำให้พื้นที่ภายในด่านนั้นยอมสยบและรับใช้โจโฉ

อ้วนเสี้ยวส่งคนไปขอความช่วยเหลือจากเล่าเปียว เล่าเปียวสัญญาแต่ก็ไม่ได้ส่งทหารไป แล้วก็ไม่ได้ช่วยโจโฉ ฮันสงแม่ทัพและเล่าเซียนองครักษ์ของเล่าเปียวพูดกับเขาว่า เวลานี้ผู้นำสองคนต่างต่อสู้กัน จุดเปลี่ยนของแผ่นดินขึ้นอยู่กับเรา ถ้าท่านต้องการสิ่งใดเพื่อตัวท่านเอง ท่านสามารถยกทัพไปแสวงหาประโยชน์ในขณะที่ทั้งสองสู้รบกันอยู่ ถ้าท่านไม่มีความทะเยอทะยานส่วนตัว ท่านควรเลือกที่จะรับใช้พวกเขาคนใดคนหนึ่ง

ท่านจะสามารถบัญชาการกองทัพนับแสนและนั่งดูผลการรบระหว่างทั้งสองได้อย่างไร พวกเขาขอความช่วยเหลือจากท่าน แต่ท่านปฏิเสธที่จะช่วยพวกเขา ท่านรู้ว่าฝ่ายใดถูกแต่ท่านไม่ต้องการรับใช้เขา ผลที่สุด ทั้งสองฝ่ายจะต้องโกรธท่าน และพวกเราเป็นห่วงว่าท่านจะดำรงความเป็นกลางต่อไปไม่ได้

โจโฉมีความสามารถในการใช้ทหารและคนดีมีความสามารถและผู้ห้าวหาญมากมายต่างรับใช้เขา เขาจะต้องปราบอ้วนเสี้ยวได้อย่างแน่นอน หลังจากนั้นถ้าเขานำทหารมาต่อสู้ในแถบแยงซีและ Han พวกเรากลัวว่าท่านจะไม่สามารถสู้กับเขาได้

วิธีดีที่สุดคือนำมณฑลเกงจิ๋วเข้ารับใช้โจโฉ เขาจะต้องปฏิบัติต่อท่านด้วยความเคารพอย่างดี ท่านจะมีความสุขกับลาภยศสรรเสริญไปตลอด และสามารถให้ลูกหลานของท่านสืบทอดต่อไป นี่ถือเป็นแผนการชั้นยอด เกงอวดก็สนับสนุนแผนการนี้

เล่าเปียวนั้นยังลังเลและตัดสินใจไม่ได้ เขาส่ง ฮันสง ไปยังเมืองฮูโต๋บอกว่า เราไม่สามารถคาดการได้ว่าแผ่นดินจะสงบ แต่โจโฉกักตัวฮ่องเต้ไว้ที่เมืองฮูโต๋ เมืองหลวงของเขา ไปสังเกตการณ์จุดอ่อนของเขา แล้วรายงานข้า

ฮันสง ตอบว่า คนฉลาดนั้นสามารถรับมือกับปัญหาได้ทุกสถานการณ์ แต่น้อยคนที่สามารถรักษาภาระหน้าที่ของตนได้ ข้าก็จะรักษาภาระหน้าที่ของข้า เมื่อเป็นเจ้านายลูกน้องกันแล้ว ก็ควรที่จะเป็นลูกน้องจนกว่าชีวิตจะหาไม่ ตัวข้าเป็นลูกน้องของท่าน ข้าได้สาบานไว้ว่าจะรับใช้ท่าน ท่านเป็นเพียงนายผู้เดียวของข้า ท่านอาจจะส่งข้าไปบุกน้ำลุยไฟ ข้าก็จะยอมเสี่ยงชีวิตไปโดยไม่ปริปากบ่น

ในความเห็นของข้า ท่านโจโฉต้องเป็นผู้รวบรวมแผ่นดิน ถ้าท่านต้องการสนับสนุนฮ่องเต้และโจโฉ ก็ส่งข้าไป แต่ท่านก็ยังไม่ได้ตัดสินใจ ถ้าข้าไปถึงเมืองหลวงแล้วฮ่องเต้ทรงมอบตำแหน่งขุนนางให้แก่ข้า ถ้าข้าถูกบังคับให้รับตำแหน่ง ข้าก็จะกลายเป็นข้ารับใช้ฮ่องเต้ และความสัมพันธ์ของข้ากับท่านก็จะสิ้นสุดลง

เมื่อข้ารับใช้ผู้ใด ข้าก็จะทำงานให้ผู้นั้นอย่างเต็มที่ ดังนั้นถ้าข้าได้รับการแต่งตั้งจากฮ่องเต้ ข้าก็ไม่สามารถเป็นข้ารับใช้ท่านได้อีก ได้โปรดจำไว้ด้วย อย่าได้โกรธเคืองข้า
เล่าเปียวคิดว่าฮันสงไม่เต็มใจไปเท่านั้น เขาจึงยืนยันที่จะส่งฮันสงไป

เมื่อฮันสงมาถึงฮูโต๋ ฮ่องเต้แต่งตั้งเขาเป็นขุนนางและเจ้าเมืองเลงเหลง เมื่อเขากลับ เขาสรรเสริญฮ่องเต้และคุณงามความดีของโจโฉ เขายังหว่านล้อมให้เล่าเปียวส่งบุตรชายเข้าเมืองหลวง (เป็นตัวประกันว่าเล่าเปียวจะไม่ทรยศ) เล่าเปียวโกรธมากเรียกฮันสงเป็นคนทรยศ เขาเรียกประชุมขุนนางให้ทหารตั้งแถว ถือไม้เท้าแทนพระองค์ตั้งใจที่จะสังหารเขา เล่าเปียวกล่าวหาว่า ฮันสงเจ้ากล้าดีอย่างไรถึงทรยศข้า ทุกคนในที่นั้นต่างหวาดกลัวและเร่งฮันสงให้ขออภัย

ฮันสงไม่สะทกสะท้านกล่าวกับเล่าเปียวช้า ๆ และหนักแน่นว่า ข้าไม่เคยทรยศท่าน แต่ท่านต่างหากที่ทรยศข้า แล้วเขาก็ได้อธิบายสิ่งที่เขาเคยพูดไว้

ชัวฮูหยิน ภรรยาเล่าเปียวท้วงว่าฮันสงเป็นความหวังของรัฐ Chu สิ่งที่เขาพูดไว้ถูกต้องแล้ว ท่านไม่มีสิทธิ์ที่จะสังหารเขา

ยังไรก็ดีเล่าเปียวยังโกรธอยู่ เขานำคนในคณะติดตามของฮันสงไปสอบถามด้วยวิธีทรมานจนตาย เขาถึงได้เชื่อว่าฮันสงไม่ได้ความตั้งใจจะทรยศเขา เขาจึงไม่ประหารฮันสงแต่นำเขาไปขังคุกไว้

เตงโป้หัวหน้าโจรในมณฑลยังจิ๋ว วางแผนที่จะบังคับผู้คนที่นั่นให้เดินทางไปยังตอนใต้ของแยงซี เพราะว่าเล่าหัวเป็นคนที่มีชื่อเสียงและยังเป็นคนในตระกูลผู้นำชาวบ้านในแถบนั้น เขาจึงต้องการบังคับเล่าหัวให้ย้ายก่อนเพื่อเป็นตัวอย่างให้คนอื่น เล่าหัวจึงวิตกมาก

ในตอนนั้นโจโฉส่งฑูตมายังมณฑลนี้เพื่อรับฟังข้อคดีความในศาล เล่าหัวไปเชิญฑูตไปยังบ้านของตน เตงโป้ ก็ได้มาแสดงความเคารพฑูตด้วย เล่าหัวจึงจัดงานเลี้ยงสำหรับพวกเขา แล้วเขาก็คว้าเอาดาบมาฆ่า เตงโป้ ตัดหัวเขาและสั่งการไปยังกองทัพว่า ท่านโจโฉมีคำสั่งมาว่า ผู้ใดที่กล้าสร้างปัญหาอีก ผู้นั้นจะได้รับโทษเหมือนดั่ง เตงโป้ ทหารทั้งกองทัพหลายพันคนต่างตกใจกลัวและยอมสยบและยกให้เล่าหัวเป็นหัวหน้าพวกเขา

เล่าหัวนำกองทัพนั้นมอบให้แก่เล่าต๋งเจ้าเมืองโลกั๋ง เล่าต๋งถามเหตุผลเขา เล่าหัวอธิบายว่าเตงโป้ ปกครองกองทัพอย่างไร้กฏระเบียบ กองทัพของเขาจึงปล้นชิงหาประโยชน์จากชาวบ้าน ข้าเองไม่มีอำนาจปกครองกองทัพแต่กลับถือวิสาสะสั่งการพวกเขา พวกเขาย่อมเกลียดข้าและข้าคงไม่สามารถควบคุมพวกเขาให้ทำตามคำสั่งได้ตลอดไป ข้าจึงมอบพวกเขาให้แก่ท่าน

เล่าต๋ง มีผู้ติดตามและทหารจำนวนมากซึ่งเป็นลูกน้องเก่าของอ้วนสุด แต่เขาไม่สามารถเลี้ยงดูคนเหล่านี้ได้ เขาจึงส่ง Liu Xie ลูกพี่ลูกน้องของเขาให้ไปขอเสบียงอาหารจากกลุ่มผู้นำของ Shangliao แต่พวกเขามอบเสบียงอาหารให้ไม่เพียงพอ Liu Xie จึงชักจูงให้เล่าต๋งโจมตีพวกเขา

ซุนเซ็กซึ่งมีอคติกับ เล่าต๋ง ที่เขาได้รับกองทัพที่กล้าแข็งนี้ (เล่าต๋ง เป็นเจ้าเมือง โลกั๋ง ซึ่งเป็นตำแหน่งที่อ้วนสุดสัญญาจะมอบให้แก่ซุนเซ็ก แต่กลับมอบให้ เล่าต๋ง) เขาจึงแกล้งนอบน้อมและเขียนไปหา เล่าต๋ง ว่า กลุ่มผู้นำแห่งฉางเหลียว นั้นมักจะรุกรานดินแดนของข้าอยู่บ่อย ๆ ข้าต้องการที่จะโจมตีพวกเขา แต่การยกทัพไปนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายเลย ฉางเหลียวนั้นอุดมสมบูรณ์ยิ่งนัก ข้าขอร้องให้ท่านโจมตีพวกเขา ข้าจะนำกองทัพยกไปสนับสนุนท่าน ซุนเซ็กยังได้มอบไข่มุก อัญมณีและเสื้อผ้าล้ำค่าให้แก่เขา

เล่าต๋งดีใจมากลูกน้องของเขาก็แสดงความยินดีต่อเขายกเว้นเล่าหัว เล่าต๋งถามว่าทำไม เล่าหัวตอบว่า ฉางเหลียวอาจจะเล็กก็จริง แต่กำแพงเมืองนั้นแข็งแกร่ง คูเมืองก็ลึกนัก มันเป็นการยากที่จะโจมตี แต่ง่ายในการป้องกัน คงต้องใช้เวลาอย่างน้อยสิบวันเพื่อยึดเมือง ถ้าท่านนำทหารออกไปโจมตี ออกห่างจากเขตแดนของตัวเอง ทั้งเมืองก็จะปราศจากกองทัพคอยป้องกัน และซุนเซ็กย่อมฉวยโอกาสนี้โจมตีเรา เราก็จะไม่สามารถต่อสู้กับเขาได้ ท่านจะยกทัพไปโจมตีโดยไม่ได้ผลตอบแทน และท่านจะหาทางถอยทัพกลับเมือง แต่ก็ไม่มีเมืองให้ท่านกลับ ถ้าท่านยกทัพออกไป หายนะจะมาเยือนพวกเรา

เล่าต๋งไม่เชื่อเขา เขานำทัพไปฉางเหลียว แต่กลุ่มผู้นำที่นั่นรับรู้ก่อนที่เขาจะนำทัพไป Haihun พวกเขาละทิ้งเมืองหนีไป เล่าต๋งจึงไม่ได้สิ่งใดเลย

ซุนเซ็กในตอนนั้นกำลังนำทหารไปทางตะวันตกโจมตีหองจอ เมื่อเขามาถึง Shicheng เขาได้ยินว่า เล่าต๋ง อยู่ที่ Haihun เขาจึงส่งลูกพี่ลูกน้องของเขา ซุนเบนและซุนฟุ นำทหารแปดพันคนไปตั้งค่ายที่ Pengze เพื่อขวางทางเดินทัพกลับของเล่าต๋ง ในขณะที่เขาและจิวยี่ซึ่งเป็นเจ้าเมืองกังแฮ นำทัพสองหมื่นคนเข้าโจมตีเมืองฮวน เมืองหลวงของโลกั๋งพวกเขายึดเมืองได้ ซุนเซ็กจับครอบครัวของเล่าต๋ง และทหารลูกน้องเก่าของอ้วนสุดเป็นเชลย ซุนเซ็กแต่งตั้ง Li Shu เป็นเจ้าเมืองโลกั๋ง มอบทหารให้เขาสามพันคนเพื่อรักษาเมืองฮวน และนำคนที่เขาจับได้เดินทางไปตะวันออกสู่เมืองง่อ

เมื่อเล่าต๋งยกทัพกลับมาถึงPengze ซุนเบนและซุนฟุยกทัพเข้าโจมตีเขาพ่ายแพ้ไป เล่าต๋งหนีไป Liuyi และขอความช่วยเหลือจากหองจอ หองจอส่งบุตรชายเขา Huang She นำทหารห้าพันคนมาช่วยเล่าต๋ง แต่ซุนเซ็กยกทัพโจมตีอีกครั้งและได้ชัยชนะเด็ดขาด เล่าต๋ง หนีขึ้นเหนือไปหาโจโฉ ส่วน Huang She หลบหนีไป

ซุนเซ็กได้ทหารของ เล่าต๋ง เป็นเชลยกว่าสองพันคนและเรือรบหนึ่งพันลำ แล้วเขาจึงยกทัพอีกครั้งไปโจมตีหองจอ

ในเดือนที่สิบสองวันที่ 11 มกราคม ปี 200 เขานำทัพมาถึง Shaxian เล่าเปียวส่ง เล่าเก๋ง หลานของเขาและ Han Xi นำพลหอกห้าพันนายมาช่วยหองจอ

ในวันที่ 14 มกราคม ซุนเซ็กโจมตีและได้ชัยชนะต่อพวกเขา เขาตัดหัว Han Xi ได้ หองจอหลบหนีไปได้ แต่ครอบครัวของเขาถูกจับ รวมถึงเรือรบกว่าหกพันลำ ทหารของหองจอหลายหมื่นคนถูกฆ่าไม่ก็จมน้ำตาย

ซุนเซ็กนำกำลังเสริมจำนวนมากเข้าโจมตี อิเจี๋ยง โดยตั้งค่ายที่ Jiaoqiu เขาพูดกับ ยีหวน ลูกน้องเขาว่า ฮัวหิมนั้นมีชื่อเสียงมาก แต่เขาไม่ใช่คู่ต่อสู้ของข้า เว้นแต่เขายอมเปิดประตูเมืองและยอมแพ้ ไม่งั้นผู้คนต้องล้มตายและบาดเจ็บจำนวนมาก ท่านจงไปบอกเขาถึงความรู้สึกของข้าด้วย

ยีหวนไปพบฮัวหิมแล้วพูดว่า ข้ารู้ว่าท่านและอองลองนั้นเป็นคนที่มีชื่อเสียงมากในดินแดนภาคกลาง ผู้คนทั่วแผ่นดินล้วนเคยได้ยินชื่อเสียงของท่าน แม้ว่าท่านยอมสยบให้แก่เรา ผู้คนก็จะปฏิบัติต่อท่านด้วยความเคารพดังเดิม

ฮัวหิมจึงว่า ข้าเองไม่มีความสามารถเทียบเท่าอองลอง

ยีหวนจึงพูดต่อว่า ท่านได้ตรวจสอบเสบียงอาหารและอาวุธยุทโธปกรณ์ของ อิเจี๋ยง หรือไม่ แล้วความกล้าหาญของผู้คนของท่านเมื่อเทียบกับกองทัพของเรา

ฮัวหิมตอบว่า เปรียบเทียบกับกองทัพของท่าน สถานการณ์ของข้าเลวร้ายยิ่งนัก

ยีหวนพูดต่อว่า ท่านบอกว่าท่านมีความสามารถไม่เท่าท่านอองลองแห่งห้อยแข นั่นเป็นการถ่อมตัวมากเกินไป แต่ท่านพูดถูกอยู่เรื่องหนึ่ง กองทัพที่ดีที่สุดของท่านยังไม่อาจเทียบได้กับกองทัพเมืองห้อยแข

แม่ทัพผู้กำจัดกบฏท่านซุนเซ็ก เป็นนักวางแผนที่เก่งกาจที่สุด และเป็นอัจฉริยะทางการทหาร เขาทำให้ท่านเล่าอิ้วแห่งมณฑลยังจิ๋วต้องหลบหนีไป เรื่องนี้ท่านคงเห็นมาด้วยตาของท่าน ในตอนใต้ท่านซุนเซ็กได้ตั้งกองทัพส่วนตัวของข้า เรื่องนี้ท่านคงเคยได้ยินมาแล้ว เวลานี้ท่านหวังที่จะใช้เมืองเมืองเดียวต่อสู้กับเขา โดยที่รู้ดีว่าทหารและเสบียงอาหารของท่านมีจำกัด ถ้าท่านไม่ตัดสินใจโดยเร็ว อาจสายเกินไปที่จะมาเสียใจ

กองทัพของข้าตั้งค่ายอยู่ที่ Jiaoqiu ข้าจะกลับไป ถ้าเราไม่ได้รับคำตอบจากท่านในตอนเที่ยงของวันรุ่งขึ้น นี่คือถือเป็นการลาจากระหว่างท่านกับข้า

ฮัวหิมตอบว่า ข้าอยู่ดินแดนตอนใต้ของแยงซีมานานมากแล้ว ข้าเองก็ปรารถนาที่จะกลับขึ้นเหนือสู่ภาคกลางเสมอ ถ้าท่านซุนเซ็กมาถึง ข้าก็จะจากไป ในคืนนั้นฮัวหิมได้เขียนหนังสือป่าวประกาศ และในตอนเช้าเขาได้ส่งลูกน้องของเขานำมันไปและต้อนรับซุนเซ็ก

ซุนเซ็กนำทัพของเขามาถึง ฮัวหิมต้อนรับเขาด้วยชุดธรรมดาที่หรูหราไม่ใช่ชุดขุนนาง เพื่อแสดงว่าเขามาต้อนรับซุนเซ็กในฐานะคนธรรมดาไม่ใช่ขุนนาง เหมือนจะบอกว่าเขาได้เกษียณตัวเองแล้วจากชีวิตราชการ ซุนเซ็กพูดกับเขาว่า ชื่อเสียงเรื่องความดีของท่านเป็นที่เคารพมาช้านานและผู้คนทุกแห่งก็ชื่มชมตัวท่าน ข้านั้นยังเยาว์วัยนัก ข้าควรที่จะปฏิบัติตัวเหมือนดั่งบุตรหรือน้องชายของท่าน ซุนเซ็กโค้งคำนับฮัวหิมและปฏิบัติต่อเขาด้วยความเคารพอย่างยิ่ง

ซุนเซ็กแบ่งเมืองอิเจี๋ยง เพื่อสร้างเมือง Luling เขาแต่งตั้งซุนเบนเป็นเจ้าเมืองอิเจี๋ยงและซุนฟุเป็นเจ้าเมือง Luling Tong Shi ป่วยอยู่ในขณะนั้น ซุนฟุ จึงยกทัพไปยึด Luling และทิ้งจิวยี่ให้รักษาการณ์ Baqiu

เมื่อซุนเซ็กยึดเมืองฮวนได้ เขาได้ดูและครอบครัวอ้วนสุดอย่างดี และเมื่อเขายึดอิเจี๋ยงได้ เขาจัดงานศพให้แก่เล่าอิ้วและเลี้ยงดูครอบครัวเขาอย่างดี บรรดาสุภาพชนและบัณฑิตต่างยกย่องเขาในเรื่องนี้

Wei Teng ขุนนางเมืองห้อยแข ได้สบประมาทซุนเซ็ก ซุนเซ็กจึงต้องการที่จะฆ่าเขา ผู้คนต่างกังวลและไม่รู้ว่าจะทำอย่างไร มารดาของซุนเซ็กจึงขึ้นไปยืนบนบ่อน้ำใหญ่พูดกับเขาว่า เจ้ากำลังจะสร้างรากฐานในตอนใต้ของแยงซี งานก็ยังไม่สำเร็จ นี่ควรเป็นเวลาที่เจ้าจะปฏิบัติกับคนมีความสามารถอย่างดี และสุภาพต่อขุนนางของเจ้า ลืมความผิดพวกเขาและจดจำแต่ความดีความชอบของพวกเขา Wei Teng เพียงทำตามหน้าที่ของเขา ถ้าเจ้าฆ่าเขาในวันนี้ ผู้คนก็จะตีจากเจ้าในรุ่งขึ้น ก่อนที่ข้าจะเห็นหายนะเช่นนั้นข้าจะกระโดดน้ำตายในบ่อนี้ ซุนเซ็กตกใจมาก สั่งให้ปล่อยตัว Wei Teng ในทันที

ก่อนหน้านั้น Sheng Xian เจ้าเมืองง่อ ได้เสนอให้ Gao Dai เป็นบุตรกตัญญู เมื่อเค้าก๋องมาครอบครองดินแดนนี้ Gao Dai ได้นำ Sheng Xian อพยพไปอยู่กับ Xu Zhao ผู้นำกองทัพเล็ก ๆ

Zou Tuo และ Qian Tong แห่ง Wucheng Wang Sheng แห่ง Jiaxing และผู้นำคนอื่นรวบรวมคนจำนวนหลายพันคน บางคนมีจำนวนเป็นหมื่น พวกเขาปฏิเสธการยอมแพ้ต่อซุนเซ็ก ซุนเซ็กจึงนำทหารเข้าโจมตีพวกเขาทั้งหมดพ่ายแพ้ไป

ซุนเซ็กนำกองทัพไปโจมตีเงียมแปะฮอ เงียมแปะฮอพ่ายแพ้ เขานำทหารหนีไป Yuhang ไปหา Xu Zhao เทียเภาขออนุญาตไปโจมตี Xu Zhao แต่ซุนเซ็กพูดว่า Xu Zhao ปฏิบัติอย่างซื่อตรงต่อนายเก่าของเขาและรักษาสัญญาต่อเพื่อนเก่าเขา นี่ถือว่าเป็นน้ำใจลูกผู้ชาย ซุนเซ็กจึงไม่โจมตี Xu Zhao

โจโฉกลับมาค่ายที่กัวต๋อ Xu Tuo และคนอื่น ๆ วางแผนลอบฆ่าเขา ทันทีที่พวกเขาเข้าไปในที่พักของโจโฉ พวกเขาพบกับขุนพลเคาทู สีหน้าพวกเขาเปลี่ยนไปทันที เคาทูจึงรู้ความประสงค์พวกเขา จึงฆ่าพวกเขาทั้งหมด

ก่อนหน้านั้นตังสิน แม่ทัพราชรถและทหารม้าได้รับสารลับจากฮ่องเต้ซ่อนในเสื้อผ้าของเขา เขาจึงวางแผนกับเล่าปี่ที่จะฆ่าโจโฉ โจโฉได้พูดกับเล่าปี่ว่า มีเพียงท่านกับข้าเท่านั้นที่เป็นผู้กล้าของแผ่นดิน คนอย่างอ้วนเสี้ยวนั้นไม่อาจเปรียบเทียบกับเราได้ เล่าปี่กำลังกินเลี้ยงกับโจโฉอยู่ในตอนนั้น เขาทิ้งช้อนและตะเกียบลงด้วยความตื่นตระหนก ในตอนนั้นมีฟ้าร้อง เล่าปี่จึงพูดว่า นักปราชญ์กล่าวไว้ว่า เมื่อฟ้าร้อง หรือลมพายุรุนแรง เขาก็ไม่สามารถรักษาอาการสงบไว้ได้ ช่างคล้ายกับตัวข้าเช่นนัก (เล่าปี่ตกใจกลัวที่โจโฉยกตัวเขาเป็นศัตรูสำคัญ และเขายังกลัวความผิดที่ตัวเขาได้วางแผนกับตังสิน จึงเอาเรื่องฟ้าร้องมากลบเกลื่อนอาการที่เขาทิ้งช้อนและตะเกียบ)

เล่าปี่วางแผนร่วมกับตังสินและขุนพลตันอิบ แม่ทัพจูลันและอองฮู

ภายหลังเมื่อโจโฉส่งเล่าปี่กับจูเหลงยกทัพไปขัดขวางอ้วนสุด เทียเภา กุยแกและตังเจี๋ยวได้คัดค้านว่า ท่านไม่ควรส่งเล่าปี่ไป โจโฉจึงเปลี่ยนใจและส่งคนไปเรียกตัวเล่าปี่กลับ แต่คนนำสารไม่สามารถตามเล่าปี่ได้ทัน

เมื่ออ้วนสุดนำทัพกลับทางใต้ จูเหลงได้กลับมาเมืองหลวง เล่าปี่ฆ่ากีเหมาผู้ตรวจการมณฑลชีจิ๋ว เขาให้กวนอูดูแลแห้ฝือ และทำตัวเป็นเหมือนเจ้าเมือง ในขณะที่เขากลับไปเสียวพ่าย

เซียงหูหัวหน้าโจรจาก Donghai รวบรวมผู้คนจากหลายหัวเมืองก่อกบฏต่อโจโฉและไปเข้าร่วมกับเล่าปี่ กองทัพเล่าปี่เพิ่มขึ้นเป็นหลายพันคน เขาส่งฑูตไปหาอ้วนเสี้ยวเพื่อกระทำการร่วมกัน โจโฉส่ง เล่าต้าย และ อ๋องต๋ง ไปโจมตีเขา แต่พวกเขาไม่อาจเอาชนะเล่าปี่ได้ เล่าปี่พูดต่อ เล่าต้าย และพวกของเขาว่า ข้าสามารถรับมือพวกท่านและคนนับร้อยอย่างพวกท่านได้ แต่ถ้าท่านโจโฉมาด้วยตัวเอง ข้าก็ไม่สามารถรับมือได้


Create Date : 08 ธันวาคม 2548
Last Update : 2 มิถุนายน 2549 18:09:24 น. 0 comments
Counter : 559 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

kazama
Location :
สมุทรปราการ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Friends' blogs
[Add kazama's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.