Group Blog
 
All Blogs
 
ปี 205 AD

ปี Jian’an ที่ 10 205 AD
(7 กุมภาพันธ์ 205 – 26 กุมภาพันธ์ 206)

ในฤดูใบไม้ผลิเดือนแรก โจโฉโจมตีเมืองลำพี อ้วนถำนำทัพมาสู้ มีคนบาดเจ็บล้มตายจำนวนมาก โจโฉต้องการที่จะพักรบ แต่ โจซุนพูดว่า กองทัพของเราอยู่ห่างไกลจากที่มั่นของเรา เราล่วงล้ำเข้ามาในดินแดนศัตรูไกลมาก มันเป็นการยากที่จะตั้งค่ายอยู่ที่นี่เป็นเวลานาน เวลานี้เราต้องเดินหน้าต่อไป ถ้าเรายกทัพกลับโดยปราศจากชัยชนะ เราต้องอับอายขายหน้า เขาจึงตีกลองศึกนำทหารเข้าต่อสู้ แล้วทัพโจโฉก็ชนะศึก

อ้วนถำหนีเอาตัวรอดแต่เขาก็ถูกฆ่าตายในการไล่ตามโจมตี

ลีหูประกาศแต่งตั้งตัวเองเป็นขุนนางอาลักษณ์แห่งมณฑลกิจิ๋ว(ซึ่งเป็นตำแหน่งเก่าของเขาภายใต้อ้วนซง) ขอเข้าพบโจโฉแล้วพูดว่า ในเมืองนี้ ผู้แข็งแกร่งข่มเหงคนที่อ่อนแอกว่า ผู้คนจึงตกอยู่ในความหวาดกลัวและหวาดระแวง ข้าแนะนำให้ท่านออกคำสั่งสำหรับคนเพิ่งยอมอ่อนน้อมต่อท่านและคนที่เป็นที่รู้จักและเคารพของชาวเมืองให้ไปประกาศคำสั่งของท่าน

ดังนั้นโจโฉจึงส่งเขาไปที่เมืองเพื่อประกาศให้ชาวเมืองดำเนินชีวิตตามปกติเหมือนเดิมจะไม่มีการทำร้ายจากทัพโจโฉ ทั้งเมืองจึงอยู่ในความสงบ

โจโฉสังหารกัวเต๋าและผู้ติดตามรวมทั้งครอบครัวของพวกเขา

อ้วนถำเคยส่ง อองสิ้วไป Le’an เพื่อควบคุมกองเสบียง เมื่อ อองสิ้วรู้ข่าวว่าอ้วนถำกำลังมีภัย เขาจึงนำทัพของเขามาช่วยเหลือ แต่ทันทีที่พวกเขามาถึง Gaomi พวกเขาก็ได้รู้ข่าวการตายของอ้วนถำ

อองสิ้วลงจากหลังม้าร่ำไห้พูดว่า ขาดนายท่านไปแล้วข้าจะไปหาใคร เขาไปหาโจโฉและขอศพอ้วนถำไปทำพิธีฝัง โจโฉอนุญาตแล้วสั่งให้ อองสิ้วกลับไปที่ Le’an ตามเดิมเพื่อดูแลเสบียงอาหารให้กองทัพ

หัวเมืองทั้งหมดของอ้วนถำยอมจำนนต่อโจโฉยกเว้น Guan Tong เจ้าเมือง Le’an ที่ยังไม่ยอมแพ้ โจโฉสั่งให้ อองสิ้วสังหารเขาเสีย แต่ อองสิ้วเชื่อว่า Guan Tong เป็นขุนนางที่ซื่อสัตย์ของราชสำนัก เขาจึงแก้มัด Guan Tong และส่งเขาไปหาโจโฉ โจโฉยินดีและให้อภัยเขา เขาแต่งตั้ง อองสิ้วเป็นขุนนางในสังกัดของเขา (โจโฉมีตำแหน่งซือคง)

กุยแกสนับสนุนให้โจโฉแต่งตั้งบัณฑิตมีชื่อเสียงจำนวนมากของทั้งสี่มณฑล เฉงจิ๋ว กิจิ๋ว อิวจิ๋ว เป๊งจิ๋ว เป็นขุนนางเพื่อเพิ่มการสนับสนุนการปกครองของเขาจากประชาชน โจโฉทำตามที่เขาแนะนำ

ในเวลาที่เกิดศึกกัวต๋อ อ้วนเสี้ยวสั่งให้ ตันหลิมเขียนร่างประกาศของเขา ตันหลิมใส่ร้ายโจโฉว่าทำความผิดร้ายแรงมากมาย รวมทั้งกล่าวหาครอบครัวและบรรพบุรุษของโจโฉ รวมทั้งการใช้อำนาจในทางที่ผิดและใส่ร้ายต่าง ๆ นานา เมื่อตระกูลอ้วนพ่ายแพ้ ตันหลิมมาหาโจโฉ โจโฉพูดว่า เมื่อเจ้าเขียนร่างประกาศเหล่านั้นให้อ้วนเสี้ยว เจ้าควรที่จะใส่ร้ายป้ายสีข้าเพียงคนเดียว ทำไมถึงต้องด่าลามปามไปถึงบิดาและปู่ของข้า ตันหลิมขอร้องให้เขายกโทษให้ แล้วโจโฉก็ยกโทษให้เขาและตั้งให้เขาเป็นหัวหน้าเลขาของเขาร่วมกับ Ruan Yu

ก่อนหน้านั้น Wang Song ได้ยึด เมือง Zhuo เล่าฮองซึ่งอาศัยในเมืองนั้นได้แนะนำให้เขานำดินแดนตัวเองไปให้แก่โจโฉ โจโฉจึงแต่งตั้งให้ เล่าฮองเป็นที่ปรึกษาในกองทัพของซือคง

อ้วนฮีถูกลูกน้องของเขา เจียวเหียและ เตียวหลำโจมตี เขาหนีพร้อมอ้วนซงไปหาเผ่า Wuhuan ใน Liaoxi

เจียวเหียประกาศตั้งตัวเองเป็นผู้ตรวจการมณฑล อิวจิ๋ว และชักนำให้ขุนนางทั้งหมดละทิ้งตระกูลอ้วนและมอบความภักดีให้แก่โจโฉ เขานำทัพหลายหมื่นเข้าร่วมพิธีสาบาน และสังเวยม้าสีขาวเพื่อบูชาเป็นหลักประกันคำมั่นสัญญา แล้วสั่งว่า ถ้าใครหน้าไหนทรยศจะต้องถูกฆ่า ไม่มีใครกล้าขัดขืน ทุกคนต่างนำเลือดม้ามาทาที่ปากพวกเขาเพื่อยืนยันคำสาบาน

ฮันฮองนายทหารคนสนิทของเมืองเลียวไส พูดว่า ข้าได้รับความกรุณาจากตระกูลอ้วนสองชั่วรุ่น แม้ว่าพวกเขาจะพ่ายแพ้หนีไป ข้าคงจะเป็นคนต่ำช้าขาดคุณธรรม ที่ไม่ฉลาดเพียงพอที่จะช่วยเหลือพวกเขาหรือเข้มแข็งพอที่จะยอมมอบชีวิตให้พวกเขา แต่ให้หันหน้าไปหาโจโฉ ยอมรับโจโฉเป็นผู้นำ ข้าทำเช่นนั้นไม่ได้

ทุกคนในที่นั้นสีหน้าซีดเผือดด้วยความกลัวแทน ฮันฮองแต่ เจียวเหียกล่าวว่า ภารกิจสำคัญต้องทำด้วยความถูกต้อง และคนเพียงคนเดียวนั้นย่อมไม่ส่งผลกระทบต่อความสำเร็จหรือล้มเหลวของเรา ปล่อยให้เขายึดหลักการของเขา เพื่อที่เขาจะได้เป็นตัวอย่างขุนนางที่ภักดีต่อพวกเราทุกคน พวกเขาจึงไม่ทำอะไรกับฮันฮอง

เจียวเหียและพวกไปหาโจโฉ พวกเขาได้รับแต่งตั้งเป็น Marquise

ในฤดูร้อน เดือนที่สี่ เตียวเอี๋ยนหัวหน้าโจรภูเขาดำ ได้นำทัพมายอมจำนน มีจำนวนคนเกินแสนคน เขาได้รับตำแหน่ง Marquis แห่งหมู่บ้าน Anguo

Zhao Du Huo Nu และคนอื่น ๆ ได้ฆ่าผู้ตรวจการมณฑลอิวจิ๋ว และเจ้าเมือง Zhuo ในขณะที่เผ่า Wuhuan ทั้งสามได้โจมตี Xianyu Fu ที่ Gongping

ในฤดูหนาว เดือนที่แปด โจโฉโจมตี Zhao Du และพวก สังหารพวกเขาได้ โจโฉข้ามแม่น้ำ Lu ไปช่วยเหลือ Gongping พวก Wuhuan หนีกลับไปยังดินแดนของตน

ในฤดูหนาว เดือนที่สิบ โกกันได้ข่าวว่าโจโฉโจมตีเผ่า Wuhuan เขาจึงก่อกบฏในมณฑล เป๊งจิ๋ว จับเจ้าเมือง Shangdang และนำทัพไปรักษาด่าน Hu โจโฉส่ง งักจิ้นและลิเตียนมาโจมตีเขา

Zhang Cheng แห่งโห้ลายรวบรวมคนหมื่นคนออกปล้นชาวบ้านระหว่าง Xiao และ Mian เตียวเอี๋ยนก็รวบรวมผู้คนไปร่วมกับเขา

ฮองอิบเจ้าเมือง โฮต๋อง ถูกเรียกตัวกลับ แต่ Wei Gu Fan Xian และลูกน้องคนอื่น ๆ ของเขาไปหาจงฮิวขุนพลประจำเมืองหลวง (Sili Xiaowei) เพื่อขอให้เขาประจำการอยู่ที่นั่นต่อ แต่จงฮิวไม่อนุญาต Wei Gu และผู้ติดตามแกล้งทำเป็นว่า ฮองอิบมีชื่อเสียงเป็นที่น่าเคารพ แต่ความจริงแล้วพวกเขาลอบติดต่อกับโกกัน

โจโฉพูดกับซุนฮกว่า โดยทางการแล้ว เหล่าผู้นำทางด่านตะวันตกนั้นยอมอ่อนน้อมแก่เรา แต่พวกเขากลับวางแผนคิดที่จะทรยศเลา Zhang Cheng ปล้นสะดมสร้างปัญหาในดินแดน Xiao และ Mian และเขาก็ยังมีสัมพันธ์กับเล่าเปียว ถ้า Wei Gu และคนอื่น ๆ ทำตามอย่างเขา พวกเขาต้องเป็นปัญหาใหญ่ของเรา ในเวลานี้ โฮต๋อง เป็นจุดยุทธศาสตร์สำคัญของแผ่นดิน ท่านสามารถแนะนำคนที่เชื่อใจได้ให้ไปปกครองที่นั่นให้อยู่ได้ความสงบได้หรือไม่

ซุนฮกตอบว่า Du Ji เจ้าเมือง Xiping มีความกล้าหาญที่จะต่อสู้กับอันตรายต่าง ๆ และฉลาดเพียงพอที่จะรับมือกับสถานการณ์ต่าง ๆ

ดังนั้นโจโฉจึงแต่งตั้ง Du Jiเป็นเจ้าเมือง โฮต๋อง จงฮิวเร่งให้ ฮองอิบมอบตราตำแหน่งเจ้าเมือง แต่ ฮองอิบนำตราและพู่ตำแหน่งไปกับเขาแล้วมุ่งหน้าจาก Hebeiไปรายงานตัวที่เมืองฮูโต๋

Wei Gu และพวกส่งทหารหลายพันนายไปขวางทางที่ทางแยก Shan เมื่อ Du Jiมาถึงเขาถูกรั้งตัวอยู่ที่นั่นหลายเดือน

โจโฉสั่งให้แฮหัวตุ้นโจมตี Wei Gu และคนอื่น ๆ แต่ก่อนหน้าที่พวกเขาจะมาถึง Du Jiพูดว่า โฮต๋อง มีประชากรสามหมื่นครัวเรือน และพวกเขาย่อมไม่คิดก่อการกบฏทั้งหมด แต่เพราะทหารควบคุมพวกเขาไว้ ทำให้คนที่อยากภักดีก็ไร้ผู้นำที่จะต้าน พวกเขาจึงหวาดวิตกและเชื่อฟัง Wei Gu Wei Gu และพวกได้ยึดอำนาจทั้งหมด พวกเขาจะยอมสู้ตาย ถ้าเราโจมตีพวกเขาแล้วไม่ประสบความสำเร็จจะเกิดปัญหาตามไม่สิ้นสุด ถ้าเราโจมตีพวกเขาแล้วได้ชัยชนะ เราก็จะทำลายชาวเมืองทั้งหมดไปด้วย

มองอีกทางหนึ่ง Wei Gu และพวกยังไม่ได้ฝ่าฝืนคำสั่งทางการ พวกเขาเรียกร้องว่า พวกเขาขอ ฮองอิบกลับมาเป็นเจ้าเมืองเหมือนเดิม ข้าเชื่อว่าพวกเขาต้องไม่ทำร้ายข้า ถ้าข้ามาในฐานะนายคนใหม่ของพวกเขา ข้าจะไปหาพวกเขาโดยไม่มีคนติดตาม เพื่อให้พวกเขาประหลาดใจ Wei Gu มีความคิดมากมายแต่ไม่เคยติดสินใจอะไรได้ เขาจะต้องแกล้งเป็นยอมรับข้าเป็นนายคนใหม่ และถ้าข้าสามารถอยู่ในเมืองเกินกว่าหนึ่งเดือนจะทำให้ข้ามีโอกาสวางแผนที่จะทำให้พวกเขาสงบลง แล้ว Du Jiก็เดินตามถนนเล็กไปทางทางแยก Dou

Fan Xian ต้องการฆ่า Du Jiเพื่อขู่ให้ชาวบ้านหวาดกลัว แต่เวลานั้นเขาอยากรู้ว่า Du Jiจะมาทำอะไร เขาจึงสังหารขุนนางอาลักษณ์และขุนนางคนอื่นอีกสามสิบคนของเมืองนั้นแล้ววางศรีษะพวกเขาไว้นอกเมือง แต่ Du Jiกลับไม่แสดงความกังวลใด ๆ

แล้ว Wei Gu ก็พูดว่า ถ้าเราฆ่าเขา โจโฉก็ไม่สูญเสียอะไร แต่พวกเราจะได้ชื่อว่าชั่วช้า อย่างไรก็ดี ข้าเชื่อว่าสามารถรับมือเขาได้ ดังนั้นพวกเขาจึงรับ Du Jiเป็นเจ้าเมือง โฮต๋อง คนใหม่

Du Jiพูดกับ Wei Gu และ Fan Xian ว่า พวกท่านตระกูล Wei และ Fan เป็นตระกูลผู้นำแห่ง Hegong ข้าต้องพึ่งพาพวกท่านทั้งหมดในการบริหารบ้านเมือง มีธรรมเนียมปฏิบัติว่าคนที่เป็นเจ้าเมืองและขุนนางนั้น ต้องร่วมกันในความสำเร็จและความพ่ายแพ้ ดังนั้นกิจการทุกอย่างที่สำคัญเราควรจะปรึกษาร่วมกัน เขาแต่งตั้ง Wei Gu เป็น Chief Controller มีหน้าที่เป็นผู้ช่วยเขามีอำนาจควบคุมศาล แล้วก็มอบกองทัพมากกว่าสามพันนายให้ Fan Xian Wei Gu และคนอื่น ๆ ต่างยินดี แม้ว่าพวกเขาจะแกล้งรับใช้ Du Jiแต่พวกเขาก็ไม่ได้ระแวงตัว Du Jiเลย

ต่อมา Wei Gu ต้องการจะเกณฑ์ทหารจำนวนมาก Du Jiซึ่งเกี่ยวกับการนี้ได้พูดกับเขาว่า การเกณฑ์ทหารจำนวนมากต้องสร้างความไม่พอใจให้ประชาชน ทางที่ดีควรค่อย ๆ เพิ่มจำนวนทหารแล้วก็ให้เบี้ยหวัดแก่พวกเขา Wei Gu เห็นด้วย แต่โดยวิธีนี้เขาเกณฑ์ทหารได้จำนวนน้อยนิด

Du Jiยังพูดกับ Wei Gu และพวกว่า เป็นธรรมดาของมนุษย์ที่จะห่วงใยครอบครัวของเขา ปล่อยทหารของท่านให้กลับไปบ้านบ้าง คงไม่เป็นเรื่องยากที่จะเรียกตัวพวกเขากลับเมื่อท่านต้องการ Wei Gu และพวกต้องการความเคารพจากชาวเมือง จึงทำตามคำแนะนำของเขา จากผลของคำแนะนำ Du Jiกลุ่มผู้ภักดีภายนอกวางแผนลับ ๆ สนับสนุนเขา พวกกบฏถูกแบ่งแยกกระจัดกระจายและถูกส่งกลับไปบ้านของพวกเขา

ในเวลานั้น Zhang Cheng ได้โจมตีเมือง Yuan และโกกันได้มาถึง Huoze Du Jiรู้ว่าหัวเมืองยังคงภักดีต่อเขา เขาจึงไปที่เมืองพร้อมทหารม้าไม่กี่สิบคน สร้างป้อมที่แข็งแกร่งและวางกำลังป้องกัน ขุนนางและชาวบ้านจำนวนมากต่างช่วยป้องกันเมืองพวกเขาแทน Du Jiไม่กี่สัปดาห์ Du Jiก็รวบรวมคนได้มากกว่าสี่พันคน

Wei Gu และพวกไปอยู่กับ โกกันและ Zhang Cheng พวกเขาโจมตี Du Jiพร้อมกัน แต่ไม่สามารถเอาชนะได้ พวกเขาจึงพยายามไปยึดเมืองอื่น แต่ก็ไม่สามารถยึดเมืองไหนได้

โจโฉส่ง เตียวเจ ไปตะวันตกและสั่งผู้นำต่าง ๆ ภายในด่านอย่างม้าเท้งและพวกให้ยกทัพไปช่วย พวกเขานำทัพไปด้วยกันโจมตีทำลาย Zhang Chengและพวก พวกเขาตัดหัว Wei Gu เตียวเอี๋ยนและคนอื่น ๆ แต่คนที่เหลือทั้งหมดได้รับอภัยโทษ

ต่อมาเมื่อ Du Jiปกครองเมือง โฮต๋อง เขาบริหารเมืองอย่างระแวดระวังและประพฤติตัวใจกว้างและมีเมตตา เมื่อชาวบ้านทะเลาะกันและนำคดีความมาฟ้องร้อง เขาจะบอกพวกเขาว่าสิ่งใดถูกสิ่งใดผิด แล้วจะส่งพวกเขากลับไปคิดทบทวนอีกครั้ง แล้วผู้เฒ่าของพวกเขาก็จะด่าพวกเขาที่หาเรื่องทะเลาะกัน แล้วพวกเขาก็จะไม่รู้สึกยินดีที่จะฟ้องร้องกันต่อไป

Du Jiสนับสนุนให้มีการปลูกต้นหม่อนและให้คำแนะนำในการเลี้ยงสัตว์ แล้วทุกครอบครัวก็ใช้ชีวิตอย่างอุดมสมบูรณ์ หลังจากนั้นเขาได้ตั้งโรงเรียน และคัดเลือกขุนนางจากคนที่เป็นบุตรกตัญญูและรักพี่น้องเท่านั้น เขาซ่อมแซมอาวุธและเตรียมพร้อมรับมือสงคราม แล้วโฮต๋อง ก็อยู่อย่างสงบสุข

Du Jiอยู่ที่หัวเมืองนี้เป็นเวลาสิบหกปี เขามักจะถูกยกให้เป็นเจ้าเมืองที่ดีที่สุดในแผ่นดินอยู่เสมอ

Xun Yue ผู้ตรวจการหอสมุดและขุนนางท้องพระโรงได้เขียนบันทึก Shenjian แบ่งออกเป็นห้าส่วนและนำเสนอต่อฮ่องเต้ Xun Yue นั้นเป็นลูกของบุตรคนโตของ ซุนซอง (บัณฑิตที่มีชื่อเสียงในอดีต ซึ่งซุนฮิวและซุนฮกก็เป็นหลานของเขา เท่ากับว่า Xun Yue เป็นลูกพี่ลูกน้องกับซุนฮิวและซุนฮก)

ในเวลานั้นโจโฉควบคุมการบริหารบ้านเมือง ฮ่องเต้เองก็ไม่ต่างจากหุ่นเชิดของโจโฉ Xun Yue พยายามแนะนำฮ่องเต้ แต่ไม่เคยมีแผนใดขอเขาที่ถูกนำไปใช้งาน ดังนั้นเขาจึงเขียนหนังสือ โครงเรื่องของหนังสือว่า

ศิลปการบริหารบ้านเมือง ขึ้นอยู่กับการหลีกห่างความเลวทั้งสี่ และสนับสนุนความดีทั้งห้า

การโกหกมดเท็จทำลายธรรมเนียมปฏิบัติ ความเห็นแก่ตัวทำลายกฎหมาย ความไม่เชื่อฟังทำลายการควบคุม ความฟุ่มเฟือย สุรุ่ยสุร่ายทำลายการจัดการที่ดี จนกว่าความเลวทั้งสี่ถูกทำลาย ไม่เช่นนั้นการใด ๆ ก็บ้านเมืองก็ไม่อาจสำเร็จลงได้ นี่คือสิ่งอันตรายทั้งสี่

สนับสนุนการทำไร่นาและปลูกต้นหม่อนจะช่วยหล่อเลี้ยงความเป็นอยู่ของประชาชน การตัดสินสิ่งใดถูกผิดโดยยึดความยุติธรรมเป็นการรักษาขนบธรรมเนียมประเพณี ส่งเสริมการศึกษาให้เผยแพร่ไปเพื่อแสดงถึงการปฏิรูป จัดเตรียมกองทัพให้พร้อมเพื่อรักษาอำนาจ ให้รางวัลและการลงโทษต้องกระทำอย่างเปิดเผย แล้วกฎหมายก็จะมั่นคง นี่คือข้อดีห้าข้อของการปกครอง

ถ้าคนใดไม่กลัวความตาย ท่านไม่สามารถใช้การลงโทษขู่บังคับเขาได้ ถ้าคนใดไม่รักชีวิต ท่านไม่สามารถชักจูงเขาด้วยความเป็นอยู่ที่ดีได้ ด้วยเหตุผลนี้ คนใดที่มีตำแหน่งสูงต้องให้คนของเขามีความเป็นอยู่ที่ดีเพื่อไม่ให้ลูกน้องของเขาทะเยอทะยานเกินไป นี่เรียกว่า การเลี้ยงดูผู้คน

ความดีและความชั่วทั้งหลายขึ้นอยู่กับเจตนาของผู้ทำ การดูถูกหรือยกย่องอาจล่วงรู้ได้จากการไต่ถามอย่างรอบคอบ (คนที่มีหน้าที่แต่งตั้งขุนนางควรจะ)ฟังรายงานและตรวจความจริงที่เกิดขึ้น เพื่อให้แน่ใจว่าชื่อเสียงไม่ใช่สิ่งจอมปลอมแต่เป็นของจริง แล้วก็จะไม่มีขุนนางที่ครองอำนาจโดยหลอกลวงและข่มเหงประชาชน ในกรณีนี้ ขนบธรรมเนียมจะถูกต้องและไม่เบี่ยงเบนไปจากที่เคย แล้วผู้คนก็จะไม่ใฝ่ในความชั่วร้าย นี่คือสิ่งที่หมายถึง การรักษาขนบธรรมเนียมอย่างดี

เกียรติยศและความละอายเป็นปัจจัยสำคัญของการให้รางวัลและการลงโทษ ถ้าสุภาพชนใดเคยผ่านการฝึกสอนสิ่งที่ควรปฏิบัติและคำสอนแบ่งแยกเกียรติหรือความละอาย จิตใจของเขาจะเปลี่ยนไป ในขณะคนชั่วนั้นโซ่ตรวนหรือแส้ ควรนำมาใช้เพื่อเปลี่ยนนิสัยภายนอกของเขา

เมื่อการสอนและการปฏิรูปถูกละเลย ผู้คนที่มีสำนึกดีอยู่บ้างจะด้อยลงไป กลายเป็นคนชั่ว ถ้าการสอนและการปฏิรูปถูกรักษาไว้ คนทั่วไปเหล่านั้นจะกลายเป็นสุภาพชน ที่คือความหมายของ การแสดงการปฏิรูป

คนใดที่มีตำแหน่งใหญ่โต ควรจะเตรียมตัวให้พร้อมต่อสงคราม เพื่อที่พวกเขาจะได้พร้อมอยู่เสมอสำหรับการรับมือสิ่งที่ไม่คาดคิด ในเวลาที่สงบสุข พวกเขาควรมอบหน้าที่ฝึกเตรียมกองทัพให้กับขุนนางการเมือง ดังนั้นเมื่อไหร่ที่มีเหตุฉุกเฉินเกิดขึ้น กองทัพก็จะพร้อมอยู่เสมอ นี่คือความหมายของ การรักษาอำนาจ

รางวัลและการลงโทษเป็นเครื่องมือของการบริหารบ้านเมืองที่ดี ถ้าผู้ปกครองคนใดมอบรางวัลน้อยไป มันไม่ใช่เพราะว่าพวกเขาไม่ใช่คนใจกว้าง แต่เพราะการให้รางวัลโดยปราศจากเหตุผล ไม่ช่วยส่งเสริมการทำดี ถ้าผู้นำคนใดลงโทษผู้คนน้อยไป ไม่ใช่เพราะว่าพวกเขาสงสารคนของพวกเขา แต่เพราะว่าการลงโทษโดยไร้สาเหตุไม่ช่วยกำจัดการทำความชั่ว เมื่อใดรางวัลไม่มีแรงจูงใจต่อผู้คนแล้ว เรียกได้ว่า ยับยั้งความดี และถ้าการลงโทษไม่มีผลให้เกรงกลัว ก็เรียกว่า การปลดปล่อยความชั่ว

เมื่อขุนนางใหญ่ทั้งหลายสามารถหลีกเลี่ยงการยับยั้งลูกน้องจากความดี และไม่ผลักดันพวกเขาให้ทำชั่ว แล้วกฎหมายบ้านเมืองก็จะมั่นคง นี่คือความหมายของ กฎหมายจะมั่นคง

เมื่อใดที่ความชั่วทั้งสี่ถูกกำจัดและความดีทั้งห้าถูกนำมาใช้ และถ้าพวกเขาปฏิบัติอย่างซื่อสัตย์และกระทำอย่างแข็งขัน ทำตัวเรียบง่ายโดยไม่แสร้งทำ ทำตัวใจกว้างออกมาจากใจ เมื่อนั้นฮ่องเต้ก็จะคลายพระทัยและทรงเบาแรงลง การปฏิบัติตามสมบัติผู้ดี และความเหมาะสม แล้วแผ่นดินก็จะสงบสุข


Create Date : 01 กุมภาพันธ์ 2549
Last Update : 2 มีนาคม 2549 17:17:17 น. 0 comments
Counter : 714 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

kazama
Location :
สมุทรปราการ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Friends' blogs
[Add kazama's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.