ความในใจจากแดนใต้
Group Blog
 
All Blogs
 

ทหารพรานใต้โวยเบี้ยเลี้ยงน้อยวันละ6บ



ทหารพรานแดนใต้สุดช้ำ ทำงานบนความเสี่ยงเป็นเสี่ยงตายได้เบี้ยเลี้ยงวันละ 6 บาท แถมไร้สวัสดิการแทบทุกด้าน วอนรัฐเหลียวแลจริงจัง เผยขอทำประกันสังคมยังทำเมิน จี้ยกระดับทหารพรานให้เป็นลูกจ้างรัฐ ยอมรับรายได้น้อยลูกเมียสุดลำบาก โดยเฉพาะเพื่อนที่ถูกเดฌ็ดหัว 5 ศพ เผยทำงานมากว่า 20ปี เงินเดือนแค่ไม่กี่พัน ซ้ำต้องถูกหักค่าอาการอีกเดือนละ 600บาท ชี้ชีวิตแค่รอความคายกับพิการเท่านั้น

อาสาสมัครทหารพราน พิชัย (ขอสงวนนามสกุล) อาสาสมัครทหารพราน วัย 24 ปี ซึ่งปฏิบัติหน้าที่ใน อ.เจาะไอร้อง กล่าวถึงความเป็นอยู่ของตนเองและเพื่อนทหารพราน โดยยอมรับว่า ทหารพรานอย่างพวกตนถือว่าเป็นหน่วยที่ลำบากที่สุด และมีความเสียอันตรายมากที่สุด เพราะทุกวันนี้กลุ่มคนร้ายก่อเหตุสังหารทหารพรานมาแล้วหลายครั้ง กระทำการอย่างไม่เกรงกลัวเลย แต่เพื่อนๆ ทหารพรานทุกคนก็ยังปฏิบัติหน้าที่โดยไม่เกรงกลัว เพราะทุกคนใจรักและสมัครใจมาเข้ามา

เป็นทหารพรานกันเอง

“ อยากจะให้มาเหลียวแลพวกผมบ้าง ในเรื่องสวัสดิการ ก็รู้กันอยู่ว่าอาสาสมัครทหารพรานไม่ใช่ข้าราชการ เป็นเพียงลูกจ้างชั่วคราวของกองทัพ จึงทำให้ไม่ค่อยจะได้รับสวัสดิการอะไร เมื่อเปรียบเทียบกับอาสาสมัครของสังกัดอื่นๆ อย่าง อาสาสมัครของฝ่ายปกครอง สวัสดิการของทหารพรานอย่างพวกผมน้อยกว่า”

เขา กล่าวอีกว่า ที่สำคัญเงินเดือนที่ได้รับในปัจจุบันก็น้อยมาก แต่เราก็ทำใจ เพราะทุกคนสมัครใจเข้ามากันเอง แต่ที่หนักกว่านั้นคือเรื่องเบี้ยเลี้ยงรายวันที่พวกเราได้รับ ทุกคนได้รับเท่าๆกันเพียงแค่วันละ 6 บาท ขณะที่หน่วยงานอื่นได้มากกว่าพวกเรามาก แค่ทหารเกณฑ์ที่ดูแล้วว่าเงินเดือนและเบี้ยเลี้ยงน้อยแล้ว พวกเขายังได้วันละ 50 บาทเลย ทั้งที่พวกตนทุกคนทำงานเสี่ยงอยู่ในพื้นที่ ด้วยเบี้ยเลี้ยงวันละ 6 บาท

ทหารพรานรายนี้ย้ำว่า ที่ผ่านมาไม่เคยมีใครมาสนใจเลย ทหารพรานที่เสียชีวิตไป 5 คนนั้น ก็ได้เบี้ยเลี้ยงเหมือนพวกผม พวกเขามาทำงานรับ ใช้ชาติด้วยเงินเดือนขั้นสูงสุดคือขั้น 9 เพียง 6,000 - 7,000 กว่าบาท เงินเสี่ยงภัยอีก 2,500 บาท และเบี้ยเลี้ยงอีกวันละ 6 บาท แต่ต้องหักไว้เป็นค่าอาหารกองกลางอีกเดือนละ 600 บาท เมื่อเทียบกับอาสาสมัครในหน่วยงานอื่นถือว่าน้อยมาก

พร้อมให้ข้อมูลว่า หากลาออกแม้จะทำงานมานับสิบๆปีแล้วก็ตาม ก็ไม่ได้อะไรเลย ต้องตายหรือพิการเท่านั้นจึงจะได้เงินชดเชย คิดดูว่าชีวิตทหารพรานลำบากแค่ไหน อาสาสมัครฝ่ายปกครองเขาอยู่กับที่ได้อยู่กับบ้าน รวมทั้งหาอาชีพเสริมได้ แต่พวกตนอยู่ไม่เป็นที่ แม้แต่บ้านยังไม่ได้อยู่เลย จะเอาที่ไหนไปหางานเสริม ทำได้ก็ช่วงเวลาสั้น 7 วันที่ได้ลากลับบ้าน

สภาพชีวิตแทบไม่แตกต่างจาก อาสาสมัครทหารพราน ถาวร(สงวนนามสกุล) เพื่อนทหารพรานอีกรายในสังกัดเดียวกัน วัย 40 ปี ก็กล่าวในเชิงน้อยใจว่า เป็นทหารพรานมา 22 ปีแล้ว เริ่มตั้งแต่เงินเดือน 1,225 บาท ทุกวันนี้เงินเดือนยังอยู่ที่ประมาณ 6,000 - 7,000 บาท ถือว่าขั้น 9 ขั้นสุดของเงินเดือนแล้ว รุ่นน้องที่เข้ามาเป็นทหารพรานเพียง 3 - 4 ปี ก็เงินเดือนเท่าตนแล้ว

“สวัสดิการที่ได้รับก็มีเพียงค่ารักษาพยาบาล แต่ต้องจ่ายเงินไปเองก่อน ไม่มีใบส่งตัว เหมือนหน่วยงานในสังกัดอื่นๆ การเบิกก็ไม่ได้เบิกกับต้นสังกัด ต้องไปเบิกกับทางองค์การทหารผ่านศึกต้องใช้เวลา 2 - 3 เดือนกว่าจะเบิกได้ หากไม่สบายหนักใช้เงินมากๆ ผมจะเอา เงินที่ไหนส่งไปให้ลูกเมีย ทหารพรานทุกคน จึงต้องไปทำบัตร 30 บาท เหมือนชาวบ้านทั่ว

ไป ถึงจะได้ไม่ต้องออกเงินรักษาพยาบาลไปก่อน”

เขาบอกด้วยว่า เคยไปยังสำนักงานประกันสังคม ซึ่งเป็นหน่วยงานของรัฐ เพื่อของทำประกันตนเอง เขาถามเรื่องรายได้ และบอกถึงอัตราการจ่ายจนเข้าใจ และพร้อมที่จะทำ แต่เมื่อเจ้าหน้าที่ถามถึงอาชีพว่าเป็นอาสาสมัครทหารพราน เขาก็เลยไม่รับทำให้

ในส่วนบริษัทประกันชีวิตเอกชน บางแห่งก็รับทำให้ แต่เงินที่ต้องจ่ายสูงมาก ทั้งยังมีเงื่อนไขที่อาชีพอย่างพวกตนทำแล้วต้องเสียประโยชน์ไม่ได้รับเงินชด เชย คือหากเสียชีวิตในการปฏิบัติหน้าที่ถือว่าเป็นสงครามหรือการจราจล ประกันก็ไม่ต้องจ่ายแล้ว พวกตนจะทำประกันแบบนี้ไปทำไม

อาสาสมัครทหารพรานถาวรบอกอีกว่า ทุกวันนี้ความตายเหมือนรอพวกตนอยู่ไม่ช้าก็เร็ว อย่างเพื่อนทหารพรานที่ถูกยิง ผู้รับผลประโยชน์หากตนเสียชีวิตต้องคิดให้นานๆ เพราะมีภรรยา มีลูก 2 คน หากตนเสียชีวิตจะให้เงินทดแทนเป็นรายเดือนกับลูกเพราะลูกถือว่าแข็งแรงกว่า ภรรยา โดยลูกจะเป็นผู้รับผลประโยชน์จนกว่าจะเสียชีวิต

“หากจะออกจากทหารพรานไปทำงานอย่างอื่นคิดว่า มีงานที่ไหนจะรับคนอายุ 40 ปีเข้าทำงานดีๆ ทั้งการศึกษาก็น้อย คงทำได้ก็แค่งาน รปภ. แต่ทุกวันนี้งาน รปภ.เด็กหนุ่มๆก็ มาก ใครจะมาจ้างคนมีอายุอย่างพวกผม”

พร้อมเรียกร้องให้ผู้ใหญ่ของบ้านเมืองรู้ถึงความเดือดร้อนและความเป็นอยู่ ที่ลำบากของพวกตน ทั้งที่ต้องทำงานเสี่ยงเพื่อรับใช้ชาติ เห็นใจอยากช่วยเหลือ อยากให้พิจารณาให้ยกระดับทหารพราน เป็นลูกจ้างประจำที่มีสวัสดิการที่ดีกว่านี้ ทุกคนอยากมีความมั่นคงมากกว่าที่เป็นอยู่ เพราะทุกคนที่มาเป็นทหารพรานมาด้วยใจ รู้ว่าแม้สักวันจะต้องตายก็ยังมาเป็นทหารพราน จึงขอเห็นใจพวกตนด้วย

ที่มา:คม ชัด ลึก
//www.komchadluek.net/news/2005/10-07/p1--62299.html




 

Create Date : 26 สิงหาคม 2551    
Last Update : 17 กันยายน 2551 22:42:12 น.
Counter : 10249 Pageviews.  

ชีวิตในดินแดนอันตรายของทหารต่างถิ่น

ตั้งแต่มีเรื่องราวเหตุการณ์รุนแรงในสามจังหวัดชายแดนใต้ มีการส่งกำลังพลทหารลงมาประจำ และปฏิบัติการในพื้นที่ที่มาจากทุกภูมิภาคของประเทศ เป็นระยะตลอดหลายปีที่ผ่านมา ด้วยกำลังนับหมื่นนายของทหารทุกระดับ ทำให้พื้นที่นี้ได้ต้อนรับผู้คนต่างที่มาอย่างหลากหลาย หน่วยงานทหารทั้งทหารราบ ทหารพลร่ม ทหารพราน กองกำลังเฉพาะกิจต่างๆ ฯลฯ ล้วนถูกส่งมาโดยนัยเพื่อปกป้องรักษาผืนแผ่นดิน และความปลอดภัยของชีวิตและทรัพย์สิน ของพี่น้องชาวไทยทุกคนทุกศาสนาในพื้นที่
เมื่อมาถึงที่นี่กำลังพล ทุกนายต่างรู้ดีว่าสิ่งที่จะต้องเผชิญเป็นสิ่งที่ไม่อาจคาดเดาได้ และนับวันจะมีเหตุการณ์ร้ายหมายชีวิตเพิ่มขึ้น พร้อมเป้าหมายสำคัญคือเจ้าหน้าที่หรือบุคคลของทางการ แล้วชีวิตของคนทำงานเช่นกำลังพลเหล่านี้จะเป็นอย่างไร
ทหารพรานเป็นอีกกำลังพลทหารสำคัญที่ลงมาทำหน้าที่ปกป้องรักษาผืนแผ่นดินและ ชีวิตพี่น้องประชาชน มีทั้งทหารพรานชายและทหารพรานหญิงประจำในพื้นที่ทั้งสามจังหวัดและสี่อำเภอ ของจ.สงขลา
supika.jpg ส.ต.สุวิกา ทรงสวัสดิ์ ทหารพรานหญิงรุ่นแรกของการลงมาทำงานในพื้นที่เปิดเผยว่า
“สมัครสอบเป็นอาสาสมัครทหารพรานหญิงรุ่นแรก ลงมาทำงานพักหนึ่งมีการเปิดสอบบรรจุตำแหน่งนายสิบภายในเฉพาะจังหวัดชายแดน ภาคใต้ สิบกว่าตำแหน่ง มีคนสมัครสอบสองร้อยกว่าคน พอสอบได้ฝึกครึ่งเดือนแล้วฝึกทหารพรานอีกสองเดือน แล้วย้ายมาจากกรงอิตำ อ.เทพา มาอยู่ที่กรมทหารพรานที่ 47 ต.ตาเซะ อ.เมืองยะลาได้ไม่ถึงสองเดือน


การเป็นหัวหน้าหมู่ต้องเพิ่มความรับผิดชอบในการดูแลลูกน้อง สอนลูกน้อง มีผู้หญิงที่นี่ 39 คน แบ่งกัน 3 หมู่ ประมาณปีกว่าๆ ในชีวิตทหารพรานเห็นว่าเริ่มมีความรุนแรงขึ้นกว่าเดิม และทางเราก็ต้องปรับเปลี่ยนยุทธการเพื่อให้ทันกับทางโน้น หน่วยที่นี่รับผิดชอบอ.กรงปินัง อ.กาบัง อ.บันนังสตา และอ.เมืองยะลา”
แม้จะตั้งรับอย่างดีแล้ว แต่ยังมีเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับเพื่อนทหารพรานหญิงรุ่นเดียวกัน ที่สร้างความเสียใจแก่ทุกคนรวมทั้งเธอ
“เสียใจที่เพื่อนรุ่นเดียวกันถูกยิงเสียชีวิต ความจริงทุกคนระวังตัวอยู่แล้วแต่ความผิดพลาดก็เกิดขึ้นได้ มีเพื่อนทหารพรานลาออกหลายคนหลังจากเกิดเหตุด้วยหลายเหตุผล ส่วนใหญ่กลัวว่าจะเกิดเรื่องเหล่านี้กับคนในครอบครัว”
เธอย้ำถึงความคิด ความตั้งใจที่มีต่ออาชีพที่เธอเลือกว่า เป็นสิ่งที่คิดและถูกต้องแล้ว

“ตั้งใจอยู่ในอาชีพนี้ไปจนกว่าจะเกษียณ ทุกวันนี้มีความสุขกับงานที่ทำตรงนี้ ได้อยู่ในพื้นที่มีความสัมพันธ์ที่ดีกับชาวบ้าน แต่ทางบ้านที่นครศรีธรรมราชคัดค้านให้ลาออกตลอดเพราะเป็นลูกสาวคนเดียว บอกเขาไปว่าเป็นการงานที่เรารักและตั้งใจทำ ขอทำหน้าที่นี้ไปจนกว่าจะทำไม่ไหว อาชีพทหารสร้างความมั่นใจ กล้าหาญ ทำให้รู้สึกรักชาติ รักครอบครัว รู้จักปกป้องพี่น้องร่วมสังคมมากขึ้น”

ส่วนถนนสาย 410 เส้นทางหลักสัญจรระหว่างปัตตานี-ยะลาในทุกวันนี้มีเหตุการณ์ต่างๆ เกิดขึ้นแทบทุกวัน ทั้งการลอบวางระเบิด ยิงผู้คนที่ใช้เส้นทาง โปรยตะปูเรือใบ สิ่งที่เกิดขึ้นทำให้เส้นทางสายนี้มีกำลังเจ้าหน้าที่ทหารเพิ่มขึ้น ฐานชั่วคราวและจุดตรวจหลายแห่งมีขึ้นเพื่อรองรับสถานการณ์และช่วยเหลือ ประชาชนในพื้นที่ได้อย่างทันท่วงที
ฐานปฎิบัติการมวลชน ร้อย ร.1613 เป็นอีกฐานที่ชาวบ้านให้ใช้ที่ดินตั้งฐานชั่วคราวริมถนนสาย 410 บ้านบราโอ ฐานทหารแห่งนี้เกิดขึ้นหลังจากเกิดเหตุคนร้ายยิงเจ้าหน้าที่อนามัยประจันสอง คนเสียชีวิต ซึ่งอยู่ห่างกันไม่เท่าไหร่


ร.ท.วุฒิชัย ยศพิทักษ์ ผบ.ร้อย ร.1613 และ ร.ท.กมลศาสตร์ คำตานุวงษ์ ผบ.มว.ปล.ที่ 1 ทหารจากที่ราบสูงสองนายที่ลงมาใช้ชีวิตและสัมผัสชายแดนใต้มาช่วงเวลาหนึ่ง บอกเล่าเรื่องราวให้ฟัง โดยร.ท.วุฒิชัย บอกว่า “ถนนเส้นนี้มีการลอบยิงและเกิดเหตุระเบิดบ่อยครั้ง จึงต้องมีการวางกำลังเพิ่มขึ้นเพื่อยุติความรุนแรงและช่วยระงับเหตุได้ทัน ท่วงที เหตุการณ์ที่เพิ่มความรุนแรงชาวบ้านที่นี่ให้การต้อนรับทหารและสนับสนุนให้ มีการตั้งฐาน ดีใจที่ได้ลงมาทำงานที่นี่ เป็นประสบการณ์ที่ทำให้ได้เรียนรู้เรื่องราวของภาคใต้มากขึ้น” “จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแทบทุกวัน ชาวบ้านคือผู้ที่ได้รับความเดือดร้อนและต้องเจอกับความเครียดทุดวัน เราได้เข้าพบผู้นำศาสนา ผู้นำในหมู่บ้าน ประชุมปรึกษาหารือกัน ต้องปูพื้นฐานทางผู้นำก่อนซึ่งเขาจะไปขยายต่อเอง ให้เขาเป็นตัวกลางในการสื่อกับชาวบ้านถึงสิ่งที่พวกเขาก็ไม่หวั่น ตอนนี้เราเข้าไปร่วมกิจกรรมกับชาวบ้านหลายอย่าง เช่น การกวนอาชูรอเขาก็มาชวน ชาวบ้านที่นี่เขามีอัธยาศัยจิตใจดีมีอะไรที่ช่วยเหลือกันได้ก็ทำทุกอย่าง” ผบ.ร้อย ร.1613 บอกถึงการเป็นทหารอาชีพว่า “คิดว่าตัดสินใจถูกที่เป็นทหาร เป็นความภาคภูมิใจที่เวลามีปัญหาหนักๆ เขาจะนึกถึงทหารก่อน หากในเวลาปกติที่ไม่มีเหตุการณ์เขาก็อาจมองข้ามไป ในฐานะเราเป็นคนเล็กๆคนหนึ่งก็หวังว่าจะสามารถช่วยทำให้ชุมชนหรือหมู่บ้าน ที่มีปัญหาดีขึ้นในสักวันหนึ่ง” kamolsart.jpg สำหรับร.ท.กมลศาสตร์มีมุมมองว่า “เมื่อได้รับภารกิจต้องมุ่งที่เป้าหมายเป็นหลัก การทำงานทุกอาชีพย่อมมีปัญหา เวลาทำงานจะมองฝ่ายตรงข้ามและมวลชนมากกว่าปัญหา เป็นการฝึกขีดความสามารถของเราให้มากขึ้น ได้ขบคิดแก้ปัญหา” “ครั้งแรกที่ลงมาไปอยู่ที่นราธิวาสและมาอยู่ปัตตานี ตอนนี้มาฝึกชุดทหารขนาดเล็ก เมื่อก่อนไม่ค่อยมีระเบิดมากเหมือนตอนนี้ แต่ก็ต้องสูญเสียเพื่อนร่วมร่วมงานร่วมอาชีพไปหลายคน บาดเจ็บสามสิบกว่าคน รถถูกระเบิดไปหลายคัน ทุกวันนี้ตื่นเต้นกว่าเดิมเพราะต้องระวังเรื่องระเบิดที่มีเกือบทุกวันในแต่ ละพื้นที่”

มาถึงความในใจของทหารสองนายจากร้อยเอ็ด จ.ส.อ.สมดี ใสสีดา และ จ.ส.อ.สมศักดิ์ ศรีพลายงาม ทหารจาก ร.16 พัน1 จากร้อยเอ็ด สังกัดฉก. 21 จ.ปัตตานี ทั้งคู่บอกว่าความเป็นอยู่ทั่วไปในพื้นที่ไม่มีปัญหา จะมีบ้างในเรื่องของรสชาติอาหาร “เรื่องปรับตัวจะมีปัญหาบ้างในเรื่องของอาหารการกินมากกว่า อาหารที่นี่จะเผ็ดและเค็มกว่าทางอีสาน และเรื่องเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์นั้นงดไปได้เลย” จากเริ่มแรกที่ลงมาจนถึงทุกวันนี้เขาทั้งสองบอกว่าชาวบ้านมองทหารในแง่มุมที่ดีขึ้น “เมื่อก่อนถ้าเราไม่ถามชาวบ้านก็จะไม่พูดด้วย ต้องพยายามพูดคุยทำความรู้จักและเข้าไปหาเขาก่อนให้รู้ว่าทหารมาทำอะไร เมื่อได้คุยกันทำให้เขามองทหารดีขึ้น ชีวิตประจำวันของทหารกับชาวบ้านก็ไม่เหมือนกัน บางครั้งเขาอยากคุยกับเราแต่เขากังวลถึงความปลอดภัย ในการที่เขาไม่กล้าให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ เราก็รู้เหตุผลซึ่งเป็นเรื่องของความปลอดภัย” สำหรับเขาคนนี้กับอาชีพทหารที่ยึดเหนี่ยวชีวิตมากว่ายี่สิบปี จ.ส.อ.ศุภวิชญ์ อินสว่าง จากหน่วยทหารช่างเฉพาะกิจ กองพลทหารช่าง จ.ราชบุรี ที่ลงมาปฏิบัติหน้าที่รับผิดชอบในการสร้างทางหลวงสาย 418 เริ่มเหนื่อยกับอาชีพนี้เสียแล้ว “ถามว่าเหนื่อยมั้ยก็มีเป็นช่วงๆ ถือว่าเป็นทหารอาชีพมานาน เราต้องรับผิดชอบในอาชีพของเรา ผมเป็นทหารมา 23 ปีก็เบื่อบ้างในบางครั้ง อายุก็มากขึ้น ถ้ามีช่องทางอย่างอื่นก็คงไปทำแล้ว ถ้าอายุราชการครบ 25 ปีก็ได้บำนาญแล้ว จากนั้นคงหยุดอาชีพนี้เพราะยังมีแรงทำอย่างอื่นได้อีก พวกผมมาตั้งฐานที่นี่ตั้งแต่วันที่ 24 พ.ย. 2550 เริ่มทำฐานแล้วเริ่มงานในเดือนธันวาคม ก่อนมาที่นี่พวกผมฝึกมาแปดเดือน ฝึกที่สุราษฎร์ธานีและที่หน่วย ฝึกทั้งยุทธวิธีและการทำงาน มีอาจารย์มุสลิมไปสอนเรื่องการปฏิบัติตัวเมื่อมาอยู่ในพื้นที่ ความจริงผมว่าชาวบ้านที่นี่มีอัธยาศัยจิตใจดี ส่วนที่มีปัญหาน่าจะเป็นคนนอกพื้นที่มากกว่าที่มาก่อเหตุ ผมสงสารพวกเขาที่น่าจะได้ทำมาหากินกันสะดวกกว่านี้ ที่นี่ทรัพยากรอุดมสมบูรณ์ เมื่อเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นทำให้ทุกอย่างของพวกเขาหดหายไปหมด” การเข้ามาอยู่ในพื้นที่เช่นนี้ การสร้างความเข้าใจให้ชาวบ้านในพื้นที่เข้าใจจุดประสงค์เป็นสิ่งสำคัญ “ผมบอกว่าเรามาทำความเจริญ ทำถนนหนทางให้เขาได้รับความสะดวก ไม่ได้มาทำความเดือดร้อน เวลาไปยืนเฝ้ารักษาความปลอดภัย เขาซื้อขนมซื้อผลไม้มาให้ เดินผ่านไปมาก็ยิ้มทักทายกันทั้งพุทธและมุสลิม เมื่อเรามาตั้งฐานเขาออกมากรีดยางกันตอนตีสองตีสาม เขาบอกว่าก่อนหน้านี้ต้องกรีดตอนตีสี่ตีห้าหรือตอนเช้า น้ำยางก็หดแล้วได้ผลไม่เต็มที่ เดี๋ยวนี้เขาเอาลูกหลานมาขี่จักรยานเล่นกันแถวนี้ บางทีเขามองเหมือนไม่อยากพูดกับเรา ต้องพยายามหาความร่วมมือจากหลายฝ่าย งานที่ทำจะเสร็จในแต่ละวัน ไม่มีการทำกลางคืน ส่วนที่ลาดตระเวนก็จะออกไป ไม่มีการออกไปเที่ยวในเมืองหรือที่ไหน มีวันหยุดพักประจำก็จะกลับบ้าน หมุนเวียนหยุดกันเดือนครึ่งได้หยุด 15 วัน ครอบครัวก็ทำใจกับอาชีพอย่างเรา” “เมื่อมองภาพรวมของที่นี่จะมีเหตุเกิดเป็นจุดๆ เรื่อยๆ เหมือนทุกจังหวัดในภาคอื่นก็มีการฆ่ากันแต่ไม่ใช่การก่อการร้าย ที่นี่มีข่าวออกทุกวันจึงทำให้ดูว่ารุนแรง ผมหวังเหมือนกันที่เหตุการณ์ร้ายหยุดเสียที” บางมุมมองบางเสี้ยวส่วนจากอาชีพที่เรียกว่า “ทหาร” หากหน้าที่รับผิดชอบเป็นสิ่งทีพวกเขาเลือกเป็นอาชีพ ทุกคนวาดหวังอยากให้ความสงบและสันติสุขมีในทุกอณูของเมืองไทย แต่อย่าฝากความหวังไว้กับพวกเขาเพียงฝ่ายเดียว เพราะทุกคนเป็นเจ้าของแผ่นดินนี้ ต้องใช้ความรักและความสามัคคีนำพาทุกคนและบ้านเมืองให้รอดพ้นภัยร้ายนานา



ที่มา:โต๊ะข่าวภาคใต้ สถาับันอิศรา




 

Create Date : 26 สิงหาคม 2551    
Last Update : 26 สิงหาคม 2551 0:20:25 น.
Counter : 1074 Pageviews.  

นักรบชุดดำ"วีระบุรุษตัวจริง"

นี่คือชีวิตจริงของทหารพรานทุกทาย มีคนมากมายเข้าสมัครเป้นทหารพราน เพื่อเงินเดือนที่ดูเหมือนจะมาก แต่ก็ต้องลาออกไปบ้าง เพราะความกดดันของงานที่ต้องทำ งานของทหารพรานนั้นเสี่ยงตายทุกอย่าง ต้องทำงานในป่า ซึ่งเสี่ยงต่อการที่คนร้ายจะบุกเข้ามาโจมตีฐาน

และหากเปรียบแล้ว ทหารพรานก็คงจะเหมือนเมียน้อยของกองทัพบก ในขณะทหารที่ถูกส่งมาประจำการใน 3 จังหวัด ทหารพรานจะเรียกว่า”ทหารเขียว”(ทหารพรานใส่ชุดดำ)เป็นเมียหลวง เพราะทหารพรานนั้นเป็นหน่วยเฉพาะกิจ ที่กองทัพบกตั้งขึ้นมาเพื่อปฏิบัติการพิเศษในเชิงรุก ซึ่งต้องอยู่ในป่า และ ทำทุกอย่างเพื่อให้ภาระกิจสำเร็จ

ในการปฏิบัติงานทหารพรานต้องเดินลาดตระเวนวันละประมาณ 20 กม.ในขณะที่”ทหารเขียว”ขับรถจักรยานยนต์เพื่อลาดตระเวน การทำภารกิจพิเศษที่ต้องบุกจับโจรตามป่าเขา ต้องปีนเขา 2-3 ลูก เพื่อเข้าไปยังรังของพวกมัน แต่ในบางครั้งพวกมันก็รู้ทันทำให้ทุกคนต้องเหนื่อยฟรี ต้องปีนเขา 2-3 ลูกเนี่ยโจรมันรู้ทันเลยหนีไปแล้ว พวกเราเลยขึ้นไปเก็บสะตอแทน เหนื่อยก็เหนื่อยแถมสะตอที่ได้ทาก็นิดเดียว ตอนลงยังต้องสไลด์ลงเขาอีก ตามตัวนี้มีแต่แผลเต็มไปหมด

การกินอยู่ของทหารพรานนั้นก็ยากลำบากมาก ข้าวปลาอาหารได้กินไม่เกินวันละ 2 มื้อบางครั้ง 2 วันแล้วก็ยังไม่ได้กิน และที่หลายคนสงสัยว่าทหารพรานนั้น”ซกมก”เห็นจะจริงนะ เพราะชุดที่ใส่ 1-2 อาทิตย์บางทีก็ยังไม่ได้เปลี่ยน อาบน้ำมีบ้างก็ 2 วันครั้งอย่างดีที่สุดก็วันละครั้ง ก็ลองคืดดูละกันว่าเดินลาดตระเวนทั้งคืน กลับมาก็ต้องเข้าเวรอีก เวลาอาบน้ำแทบจะลืมไปได้เลย

อาชีพที่เสี่ยงภัยอย่าง”ทหารพราน”หากใจไม่รักจริงคงอยู่ไม่ได้ ที่เหลืออยู่ก็มีแต่คนที่มีใจรักในทางทหารเท่านั้น บางคนถูกทางบ้านขอให้ลาออก แต่ก็ไม่มีใครออกเพราะเขารักอาชีพนี้จริงๆ “ทหารพราน”หาแฟนยากเพราะคนที่จริงใจต่อทหารพรานนั้นช่างน้อยเสียเหลือเกิน ขนาดคนที่มีลูกมีเมียแล้วยังถูกเมียบอกเลิก และ ขอหย่าอีก

และเรื่องนี้ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่ต้องขอยกย่อง”ทหารพราน”ผู้เก่งกล้า ที่ได้สละชีพเพื่อชาติอย่างสมศักดิ์ศรี
วันหนึ่ง ในขณะที่รถกระบะของทหารพรานได้วิ่งไปตามถนนสายหนึ่ง ในอำเภอบันนังสตาร์ เกิดไปเหยียบกับระเบิดเข้า รถเสียหลักพลิกหงายท้อง ทหารพรานที่โดยสารมาทั้งหมด 8 นาย กระเด็นกระดอนไปคนละทิศละทาง ทหารทุกนายบาดเจ็บตะเกียกตะกายอยู่บนพื้น ควานหาปืนอาวุธสำคัญประจำกาย พวกโจรใจบาปที่วางกับระเบิดไว้ก็ออกมาจากที่ซ่อยตัวเข้ามายิงซ้ำ ทหารพรานนายหนึ่งคว้าโทรศัพท์ขึ้นมากดเบอร์หาแฟน และหยิบปืนขึ้นมายิงต่อสู้กับโจร เสียงตะโกนเสียงปืน เสียงเหตุการณ์ทุกอย่างแว่วเข้าไปในโทรศัพท์ ให้คนปลายสายรับรู้ ว่าในขณะนี้ตัวเขาเองกำลังเจอกับอะไร และ เป็นการบอกลาไปในตัว หากเขาไม่มีโอกาสกลับไปหาคนรัก เมื่อเสียงทุกอย่างเงียบลง ไม่ได้ยินเสียงคนรักที่รออยู่ปลายสาย เพียงเท่านี้เธอก็รู้แล้วว่า คนรักของเธอ ได้สละชีพเพื่อชาติอย่างสมเกียรติ

เรื่องราวที่เล่ามานี้ เพียงแค่อยากให้ทุกคนคำนึงถึงชีวิตคนกลุ่มหนึ่งที่ได้สละชีพเพื่อชาติบ้านเมือง และ อยากให้รู้ว่า”พวกเขาคือวีระบุรุษตัวจริง”




 

Create Date : 25 สิงหาคม 2551    
Last Update : 25 สิงหาคม 2551 9:06:15 น.
Counter : 4755 Pageviews.  

ลองอ่านดู เอามาจากเวป ทร.

*ทหารแท้ นายสั่งให้ไปไหนก็ไป แม้นรู้ว่าอาจต้องตาย ก็ไป ทหารแท้อาจเหมือนควายในท้องนาที่ชาวนาเป็น ผบช.เป็นคนลากจูงไปในทิศทางต่างๆในนา ควายดีใจยิ่งนักเมื่อยามใดที่ผบช.ให้บำเหน็จแก่การทำงานด้วยฟางหญ้าด้วย การพาไปแช่ปลักแช่โคลนเพื่อคลายเหนื่อยคลายร้อน ควายมันคงไม่รู้หรอกว่า งานที่มันทำนั้นคือการรักษานาไว้ให้ชาวนาได้มีกินมีอยู่ ควายมันรู้อย่างเดียวว่า มันมีหน้าที่ หน้าที่ของมันคือไถนา มันเกิดมาเพื่อแบกแอกและไถนาเท่านั้น งานอื่นมันคงทำไม่ได้ดีนัก คนทั่วไปจึงมองว่ามันโง่ แต่โง่ๆอย่างควายนี่แหล่ะ เมื่อยามใดไม่มีควาย ชาวนาต้องร้องไห้ทุกคน เพราะทำนาไม่ได้ และสุดท้ายก็ต้องขายนา รักษานาไว้ไม่ได้*

** ทหารกับควาย ดูแล้วคล้ายๆกัน ทหารต้องอดทนเหมือนควาย บางครั้งก็ต้องจำยอมทำโง่เหมือนควาย ทำยังไงได้ ก็นายสั่งนี่หว่า ควายก็คงเหมือนกัน ทำยังไงได้ ชาวนาเขาสั่งนี่หว่า ทหารมีหน้าที่ปกป้องนา เอ๊ย ปกป้องชาติตามคำสั่งของ ผบช. ควายก็มีหน้าที่ไถนาตามคำสั่งของชาวนา บางครั้งผลของงานโง่ๆที่ปรากฎแก่ตาโลก อาจดูเหมือนว่าทหารโง่ ควายโง่ งานถึงออกมาแบบโง่ๆ แต่ที่จริงแล้วนั้น คนสั่งทหาร คนสั่งควาย ต่างหากที่น่าจะถูกเรียกว่าไอ้โง่ เพราะถ้ามึงไม่สั่งแบบโง่ๆ ทหารก็ไม่ต้องจำยอมทำหน้าที่แบบโง่ๆ ควายก็จะไม่ไถนาแบบโง่ๆ เพราะฉนั้นในอารยะประเทศที่เจริญแล้วนั้น เมื่อเกิดความผิดพลาดหรือล้มเหลวจากความโง่ คนสั่งจึงต้องรับผิดชอบ คนทำตามสั่งด้วยหน้าที่ มิมีผลใดๆ บางทีอาจแอบดีใจอยู่ลึกๆที่ เจ้านายโง่ๆไปผุดไปเกิดเสียที ภาวะจำยอมจะได้หมดไปจากตนเสียที งานในหน้าที่จะได้ลุล่วงถ้าได้เจ้านายที่ดี หลักแหลมและเก่ง ที่สำคัญคือ ต้องไม่ถือตน หยิ่ง และสุดท้ายคือ โง่ รวมๆแล้วคือ หยิ่งโง่โลว์โพร์ไฟล์**

*** ควายเมื่อตายลง เนื้อหนังกระดูก เป็นประโยชน์แก่ชาวนาได้ทั้งสิ้น ยามอยู่ก็มีหน้าที่ ยามตายก็ยังให้ประโยชน์ ทหารก็คงมิต่างไปจากนี้เท่าไรนัก เมื่อตายลงด้วยคมหอกคมดาบคมกระสุน วีรกรรมและการปฎิบัติหน้าที่ ก็เป็นประโยชน์ให้ทหารรุ่นหลังได้ศึกษาและซึมซับในวิถีคนกล้า เมื่อยามอยู่ก็เสียสละเลือดเนื้อชีวิตและความสุขสบายตามอัตตาของชีวิตให้กับ แผ่นดินให้กับหน้าที่ ควายนั้นคนอาจเรียกแบบเหยียดๆว่า ไอ้ทุย ทหารผู้ต่ำต้อยด้วยยศศักดิ์นั้น ทั่วไปก็เรียก ไอ้เณร ทั้งไอ้ทุยและไอ้เณรนั้น หากวันไหนไม่มีมันหรือขาดมันไป วันนั้นคนเหยียดจะรู้สึก หนึ่งชีวิต หนึ่งโพสิชั่น ล้วนมีความหมายและมีความสำคัญอยู่ในตัวของมันเองทั้งนั้น ลองคิดทบทวนกันดูเล่นก็ได้ว่า ไอ้ทุยและไอ้เณร มีส่วนในการสร้างชาติป้องชาติอย่างไร ***

**** ในพยัญชนะไทย มี ค.ควาย มี ท.ทหาร แล้วทำไม ต.เต่า ถึงไม่ได้เป็น ต.ตำรวจ น.หนู ถึงไม่ได้เป็น น.นายก นั่นอาจเป็นเพราะในห้วงคำนึงของคนไทยนั้น ก็รู้ดีและสำนึกอยู่ในใจว่า ควายกับทหารนั้น มีคุณค่าอย่างไรสำหรับความเป็นมาของชาติ การสร้างคุณงามความดีไว้จนเป็นที่จดจำและคำนึงถึงในจิตใจของคนทั่วไปในสังคม ชาตินั้น มิอาจสร้างได้ในช่วงข้ามคืนข้ามปี แต่ต้องสร้างสะสมกันมายาวนานเป็นร้อยเป็นพันปี เมื่อยามกินข้าว เห็นข้าวในจาน เรานึกถึงควาย เมื่อยามชาติมีภัย เห็นอริราชศัตรูบนแผ่นดิน เรานึกถึงทหาร อย่างไรก็ตาม บางคนที่อ่านอาจคิดว่าผู้เขียนบ้าที่จะเขียนประโยคนี้ ตายในสนามรบเป็นเกียรติของทหาร ตายในท้องนาเป็นเกียรติของกระบือ แตาสำหรับประโยคหลังนี่คงยาก เพราะทุกวันนี้เกียรติของควายแทบจะไม่เหลือ เพราะควายในทุกวันนี้ส่วนใหญ่ตายในโรงฆ่าสัตว์ทั้งนั้น

* แต่บางเรื่องน่ะ ผมเองก็เป็นเหมือนอย่างที่เขียนน่ะ คืออยากพูด แต่พูดไม่ได้ อย่างบอกให้คนอื่นฟัง แต่ก็บางเรื่องมันก็ไม่สมควรหรือบอกไม่ได้ ผมถึงเขียนไงว่า ทหารกับควายน่ะมันคล้ายๆกัน คิดเองได้แต่ทำอย่างที่คิดไม่ได้ต้องทำตามที่คนอื่นคิด ทั้งๆที่งานที่เราทำอยู่นั้นมันจำเจและซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนกลายเป็นงานถนัดไป โดยปริยาย แต่เราก็จำต้องทำตามคำสั่งที่คนอื่นคิดให้แล้วมาสั่งให้เราทำ คำสั่งคือพระเจ้า ประมาณนั้น ต้องทำทั้งๆที่รู้ว่ามันมั่ว แต่คนที่จะรับผลแห่งความมั่วนั้น มันไม่ใช่เรา แต่เป็นคนอื่น แต่ก็เป็นคนอื่นที่อาชีพเดียวกับเรานี่แหล่ะ *

** ส่วน ต.เต่า ท.ทหาร น.หนู อะไรเนี่ย แค่เขียนถึงในแง่ที่ว่า คนสร้างเขาคิดอย่างไร ถึงสร้างให้เป็น ท.ทหาร น.หนู เขาจินตนาการหรือมีห้วงความคิดอน่างไรถึงออกมาเป็นแบบนั้น ผมประมาณเอาน่ะ คงมีคนคิดมั่งล่ะน่ะว่า ทำไม ท. ต้องเป็น ท.ทหาร อดทน ต. ทำไมต้องเป็น ต.เต่า ก็แค่จินตนาการที่มีพื้นฐานแบบไทยๆแค่นั้น ไม่ได้คิดไปลึกซึ้งอะไร **

*** ส่วนสุดท้ายนั้นที่อารยาเข้าใจนั้นก็ถูกแล้ว มันกำลังเป็นแบบนั้นจริงๆ ซึ่งผมก็ไม่รู้จะเขียนยังไงให้คนเขารู้กันว่า ในกองทัพบกกำลังเกิดอะไรขึ้น และเขาทำแบบนั้นได้ยังไง กองทัพมีเสธ.เป็นหมื่นๆคน แต่ไม่มีใครมองเห็นเลยหรือไงว่า ใครทำให้ ทภ.๔ติดๆขัดๆ และด้วยเหตุผลใดถึงมีการขัดขวางโดยตลอดในการเสนอให้ใช้กำลังทหารในพื้นที่ สุดท้ายยิ่งชิบหายหนักและชิบหายเร็วขึ้นอีกคือ การเสนอแนวคิดจะรับคนในพื้นที่มาเป็น อส.ทหารพราน มีแต่ขุนทัพนายกองโง่ๆเท่านั้นที่ทำอย่างนี้ หลายท่านที่อ่านอาจจะงง ลองนึกภาพตามนะครับ ในพื้นที่๓จชต. ทุกวันนี้กองทัพยังคงไม่รู้เลยว่าใครเป็นใคร ศัตรูแฝงอยู่ในหมู่พวกเราและหมู่พลเรือน ศัตรูประกอบกำลังจากภายนอกแต่ใช้แนวร่วมภายใน กองทัพส่งกำลังทหารจาก ทภ.๓ซึ่งเป็นกองทัพทหารที่คุมภาคเหนือและตะวันตก ทภ.๒ ซึ่งเป็นกองทัพทหารที่คุมภาคตะวันออกและอีสานตอนล่าง ทภ.๑ ซึ่งเป็นกองทัพทหารที่คุมภาคกลางและเมืองหลวง แต่ทภ.๔นั้น ซึ่งเป็นกองทัพทหารที่คุมภาคใต้นั้น มีบทบาทน้อยมาก ทั้งๆที่ทหารใน ทภ.๔นั้นมีความชำนาญในพื้นที่มากกว่าทหารรบพิเศษซึ่งเปรียบเหมือนทภ.๕เสีย อีก มันเพื่ออะไรกันอย่างนี้ กำลังพลจากกองทัพทั้ง๓ภาคกับอีก๑หน่วยบัญชาการ เกือบ๒หมื่นคน กับพื้นที่๓จว.ที่ถือว่าไม่ได้ใหญ่มากมายอะไรนัก การก่อการร้ายร้อยละ๙๘เกิดในเขตเมืองทั้งสิ้น กำลังทหารที่เสียชีวิตนั้นมาจากพื้นที่อื่นๆร้อยละ๙๐ ร้อยละ๗๕ของสายข่าวในพื้นที่ ตายและสูญหายอย่างรวดเร็วในห้วง๖เดือนที่ผ่านไป ศัตรูฝังตัวอยู่ในหน่วยงานของรัฐใน๓จชต.ทุกวงการ เป็นกันขนาดนี้แล้ว มาผิดสูตรกันขนาดนี้แล้วยังไม่คิดแก้ไขหรือปรับแนวทาง ผมใจหายที่รู้ว่ากำลังผลัดเปลี่ยนชุดล่าสุดจาก ทภ.๒กำลังจะลงไป จะตายกันอีกเท่าไรนี่ มันเหมือนกับการสั่งกำลังลงไปเสี่ยงไปตายแบบผิดหลักทางการทหารแบบชัดๆ ๓จชต.กำลังเปรียบเหมือนโรงฆ่าควาย ควายที่จำต้องปฎิบัติหน้าที่ตามคำสั่งทั้งนั้น ***

**** วันนี้นั้นผมยังยืนยันอีกครั้งว่า หลักนิยมในการจัดกำลังของกองทัพบกไทย กำลังถูกชาวนาแกล้งโง่ทำลาย ผมไม่คิดว่าเขาไม่รู้ แต่ผมคิดว่าเขาใจร้ายมาก ที่ทนดูผู้ใต้บังคับบัญชาล้มหายตายจากไปแบบไม่ควรจะเป็น จิ้งจกทักคนไทยยังเงี่ยหูฟัง นี่คนไม่ใช่น้อยๆนะที่ร้องทักในเรื่องนี้ คนที่ร้องทักกระเด็นกระดอนไปทั่วสารทิศ บ้างก็แหงกอยู่ที่เดิม บ้างก็กระเด็นไปจมกองหนังสือ ต้องฝากฝัง ทส.กันวุ่นวายไปหมด สถานการณ์ของคนระดับปฎิบัตินั้นเลวร้ายกว่าครั้งที่ทักษิณอยู่ซะด้วยซ้ำไป พอทักษิณไป ขาดไปหมดทุกอย่าง ผิดไปหมดทุกแผน รั่วไปหมดทุกข่าว ครั้ง ผบ.ฉก๑ถูกบอมบ์ตาย นั่นสร้างความสงสัยคลางแคลงใจให้กับเพื่อนฝูงและผู้ใต้บังคับบัญชาในหลาย ประเด็น ครั้งนี้ที่รอง ผบก.นราธิวาส โดนมั่ง เหตุมิมีผิดเพี้ยนไปจากครั้งที่แล้วเลยแม้แต่นิดเดียว ผู้อ่านทั้งหลายจะเชื่อผมหรือไม่ก็สุดแล้วแต่ใจท่าน แต่จำไว้เถิดว่า ทุกวันนี้นั้น ท.ทหารนอกจากจะต้องรบกับข้าศึกแล้ว ยังจะต้องรบกับพวกเดียวกันเองอีกด้วย และโดยมากนั้น ข้าศึกไม่มีทางที่จะฆ่าเราได้ แต่เรามักจะโดนพวกกันเองทั้งนั้นที่หลอกไปฆ่า จำไว้เถิด ****

ปล. ไหนๆก็เขียนแล้ว แถมอีกหน่อยละกัน รร.เตรียมทหาร ก่อนรับมอบตัวนักเรียน ควรจะสืบโคตรเหง้าลงไปลึกๆในทุกๆด้านของนักเรียนด้วยก็จะดีมาก คนเรียนเก่งไม่จำเป็นจะต้องเป็นคนดีที่หวังทำหน้าที่เพื่อชาติไทยเสมอไป มันอาจโตไปทำเพื่อชาติอื่นก็ได้ใครจะรู้ อีกเรื่องคือ การพิจารณาโยกย้ายนายทหารมาคุมกำลังหลักๆหรือตำแหน่งในกองทัพหลักๆของชาติ ผู้มีอำนาจพิจารณาควรจะสงวนตำแหน่งเหล่านั้นไว้ให้ไทยแท้ๆเท่านั้น ไม่ได้รังเกียจ ไม่ได้แบ่งแยก แต่วิถีทางในแบบไทยๆ มันควรจะเป็นอย่างนั้น ก็ลองย้อนไปดูที่ ผบช.ในอดีตที่เขายึดถือปฎิบัติกันมาดูก็แล้วกัน ท่านผู้มีอำนาจท่านรู้ไหมว่า สิ่งใดสำคัญที่สุดที่ทหารทุกคนควรจะมีให้กันและกัน *ความไว้เนื้อเชื่อใจกันและกัน* หากทหารขาดสิ่งนี้ นักรบจะตายศึกหน้า กองทัพจะแตกแยก สหายศึกจะไม่บังเกิด และสุดท้ายนั้น เราจะต้องฆ่ากันเอง ก็แบบที่เป็นอยู่เนี่ย

ข่าวล่าสุด ชิ้นส่วนระเบิดที่พบจากที่เกิดเหตุ รอง ผกก.นราฯ โดนกับระเบิด
เป็นดิน TNT ที่ผลิตโดย สพ.ทบ. นี่เอง

เราเล่นอะไรกันอยู่หรือ

?

ทำไมเวลาผมซื้อหวยถึงไม่ถูกแบบนี้บ้าง ผู้อ่านทุกท่านจดจ้องสถานการณ์ใน๓จชต.ให้ดี อย่ากระพริบตา ทหารกำลังเป็นเป้าหลัก พลเรือนที่ร่วมมือกับรัฐเป็นเป้ารอง ชุด ปจว.ไปบ้านไหน ไม่นานบ้านนั้นตายห่าแน่นอน มันจะเริ่มจากเล็กไปใหญ่ มันเป็นไปตามชอทของการจรยุทธ์กับกองกำลังที่เหนือกว่า ช่วงนี้พวกมันจะเริ่มต่อตีกับชุด ลว.และ ชค.ต่างๆ เพื่อสร้างขวัญกำลังใจให้พวกมัน และเพื่อลดขวัญกำลังใจของพวกเรา เรามาดูเป้าหมายในการยุทธของพวกมันต่อไปกันดีกว่า *

** การเข้าตีเป้าหมายทางทหารที่ใหญ่กว่าชุด ลว.และ ชุด ชค. ผมพยาการณ์ตรงนี้ไว้ว่า ฐานลอยของจนท.รัฐที่ตั้งอยู่ตามรอบนอกของอำเภอต่างๆ จะเป็นเป้าให้พวกมันได้ทำการประเมินสรรพกำลัง การเข้าตีจะเป็นไปอย่างฉาบฉวยและกระจัดกระจายไปในหลายๆพื้นที่ เพื่ออะไร? เพื่อให้กำลังพลของเราเกร็ง เครียด และหวั่นไหวในการออกทำหน้าที่ หากเป็นไปตามนี้ การ ลว.และพิสูจน์ทราบของฝ่ายเราในเหตุต่างๆ จะไม่รัดกุม ประมาณว่า ฮัมวี่จะวิ่งเร็วขึ้น มอไซค์จะวิ่งเร็วขึ้น กลับฐานเร็วขึ้น ประมาณนี้แหล่ะ ไม่อยากขยายความมาก เดี๋ยวคนทำงานจะเสียกำลังใจ เหตุลักษณะนี้นั้นเคยเกิดมาแล้วในศึกเวียดนาม ชุด ลว.ถึงกับวิทยุหลอกฐานแม่ว่าตัวเองเข้าพื้นที่แล้ว ทั้งๆที่ไปได้แค่ครึ่งทาง มีแบบนี้บ่อยมาก ซึ่งมันก็ทำให้สถานการร์เลวร้ายลงไปอีก สุดท้ายนั้น เกี่ยงกันออกทำงาน เกิดปัญหาในการปกครองและบังคับบัญชาทหาร ในที่สุด ทหารไทยแก้ปัญหาด้วยการ ออกกฎให้ทหารทุกนายไม่เว้นแม้แต่เสมียนธุรการ ต้องผลัดกันออกทำหน้าที่ทุกคนผลัดเปลี่ยนเวียนกันไป แถมมีรางวัลแจ๊คพอทล่อใจด้วยกฎพิเศษคือ จ่าสิบเอกเต็มขั้น ออกไปทำหน้าที่ผบ.มว.ตามฐานต่างๆครบวาระ กลับเข้ามาติดยศ ร้อยตรีไปเลย แต่หากยังเป็นจ่าสิบเอกที่ยังไม่เต็มขั้น ก็จะต้องมีร่ม มีแรงเยอร์ ถึงจะได้รับสิทธิ์นี้ ผลที่ได้คือ แย่งกันออกล่าหัวเวียดกงกันสะบั้นหั่นแหลก ขวัญกำลังใจพุ่งปรี๊ด อเมริกาเองก็ผสมโรงไปด้วยเพราะเห็นแล้วว่าผลงานของทหารไทยนั้นงดงามขนาดไหน ด้วยการออกหนังสือเวียนไปตามกองร้อยทหารพันธมิตรทุกชาติที่มาร่วมรบว่า ปืนเวียดกง๑กระบอก แลกตังค์ที่เฮดสแควร์เดอร์อเมริกันได้ ๑๐๐ดอลล่าห์ ผู้อ่านทั้งหลายทายซิ ทหารของชาติไหนได้ตังคืมากที่สุด **

*** ผมภาวนาว่า ขอให้กองทัพเร่งแก้ปัญหาการรักษาความปลอดภัยในพื้นที่ได้ถุกทางโดยเร็ว เพราะไม่อย่างนั้น ไม่นานเท่าไรต่อจากย่อหน้าสอง เราอาจได้เห็นการถล่มที่ว่าการอำเภอ สถานีตำรวจ และอาจลามไปศาลากลางจังหวัด ทุกวันนี้นั้นที่ค่ายอิงคยุทธฯ ยังถือว่าเป็นเขตปลอดภัยอยู่ แต่ระวังไว้เถิด หากผมเป็นหัวหน้าพวกโจร ค่ายนี้แหล่ะ ที่ผมหมายตาไว้เพื่อให้โลกได้เห็นผล ระวังกันให้ดีเถิด ผู้อ่านบางท่านอาจสงสัยว่าทำไมต้องเป็นที่นี่ ที่นี่มีอะไร ผมบอกได้ว่าทีนี่ดูคล้ายๆ บก.ทบ.ในกรุงเทพ คนกรุงเทพเขานั่งๆนอนรับทาน พสร.และอื่นๆกันอิ่มหนำกันถ้วนหน้าที่นี่ บางคนอาจสงสัยว่า โจรมันจะกล้าถล่มโรงพัก ที่ว่าการอำเภอ หรือ? ผมก็ไม่รู้จะอธิบายว่ายังไงนะ เอาเป็นว่า ดูลูกชายผู้มีอำนาจบางท่านสิ เผ่นน้ำบานกลับกรุงเทพไปแล้ว ***


****จากระเบิดแสวงเครื่อง เริ่มเลื่อนชั้นมาเป็น กับระเบิดสังหารบุคคล จากประกบยิงพลเรือน เลื่อนชั้นมาเป็นซุ่มตีกำลังทหาร จากลอบยิงสถานที่ของรัฐ เลื่อนชั้นมาเป็นเข้าตีฐานทหาร จากที่เคยดักซุ่มรอทหารมาเข้าเป้า เลื่อนชั้นมาเป็นก่อเหตุล่อให้ทหารมาเข้าเป้า ง่ายๆอย่างนี้ มันสมองของกองทัพคิดไม่ออกหรือวาดภาพการรบชอทต่อไปไม่ออกหรือว่าต่อไป จะเลื่อนชั้นไปเป็นอะไร ****

ปล. ก็ยังคงเหมือนเดิม สั้นๆง่ายๆ "ถ้าผมเป็นหัวหน้าพวกมัน ผมจะทำอย่างที่เขียนนี่" ก็เรียนรู้กันมาจากพื้นฐานตำราคล้ายๆกันทั้งนั้น




 

Create Date : 22 สิงหาคม 2551    
Last Update : 17 กันยายน 2551 22:44:22 น.
Counter : 711 Pageviews.  

1  2  

ThaiOfficer
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Friends' blogs
[Add ThaiOfficer's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.